ซิ่วอิงพาข้ามาที่โรงเตี๊ยมขนาดกลางแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางตลาดในเมืองหนานหยาง ซิ่วอิงเล่าว่า เถ้าแก่เนี่ย ของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ นามว่า ซือจี๋ ได้ซื้อซิ่วอิงมาจากโรงค้าทาส แต่ซิ่วอิงอ้อนวอนว่าต้องการกลับไปช่วยคุณหนูที่จวนตระกูลหลี่ แล้วจะรีบกลับมาทำตามความต้องการของเถ้าแก่เนี่ย แต่เถ้าแก่เนี่ยบอกว่า ที่ตัดสินใจซื้อตัวซิ่วอิงมาเพราะจำได้ว่าซิ่วอิงเป็นคนของอดีตฮูหยินหลี่ผู้มีพระคุณของนาง ที่ได้ช่วยเหลือนางไว้จากโจรที่มาดักปล้นตอนนางพึ่งมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ เลยถามไถ่ซิ่วอิงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ซิ่วอิงจึงได้เล่าทุกอย่างให้เถ้าแก่เนี่ยฟัง จึงได้รับการช่วยเหลือสืบข่าวคราวของข้า จนรู้ว่าข้าถูกบังคับให้แต่งเป็นอนุของท่านท้าวซู จึงได้ส่งคนมาลอบดูสถานการณ์ภายในจวน และตามมาช่วยข้าออกมา
ซิ่วอิงพาข้าเดินมาถึงชั้นสามของโรงเตี๊ยมภายในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งมีสตรีวัยประมาณสามสิบห้าปีรออยู่ก่อนแล้ว
"เถ้าแก่เนี่ย ข้าพาคุณหนูหลี่หลินเฟยมาแล้ว เจ้าค่ะ"
"คำนับคุณหนูหลี่เจ้าค่ะ"
"เถ้าแก่เนี่ย อย่าได้คำนับข้าเลย ข้าต่างหากเล่าที่ต้องคำนับท่านที่อุตส่าห์ช่วยเหลือข้า"
"ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ท่านคือบุตรีของผู้มีพระคุณ ก็เท่ากับว่าท่านคือผู้มีพระคุณของข้าด้วย"
" เถ้าแก่เนี่ยคิดมากไปแล้ว ข้าต่างหากที่ทำให้ท่านต้องลำบาก"
" คุณหนูอย่าได้คิดมากเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจอย่างยิ่ง"
" เรียกข้าว่าหลินเฟยเถอะเจ้าค่ะ เรียกคุณหนูฟังดูไม่เข้ากับคนไร้บ้านอย่างเสียเลย"
" งั้นท่านก็เรียกข้าว่าป้าซือจี๋ก็ได้นะเจ้าคะ"
ซือจี๋มองหลี่หลินเฟยอย่างต้องชะตานัก นางมีใบหน้างดงามเหมือนมารดาไม่มีผิด อาจจะงามกว่าอยู่หลายส่วนเชียว ผิวขาวดุจน้ำนม ปากกระจับแดงฉ่ำน้ำ จมูกโด่งได้รูปแต่ดูจะดื้อรั้นไม่น้อย ดวงตาหงส์หวานซึ้งนัก คงต้องหาทางปกปิดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้มีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน คนของท่านเจ้าเมืองคงต้องออกตามหาเป็นแน่
" เจ้าค่ะ ท่านป้า ซือจี๋"
ซือจี๋จึงส่งยิ้มเต็มหน้ามาให้หลินเฟย
"แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไปเจ้าคะ ท่านท้าวซูต้องส่งคนค้นหาคุณหนูแน่"
ซิ่วอิงกล่าวขึ้นอย่างกังวล
ซือจี๋ก็มองมาที่หลินเฟย เผื่อนางจะคิดเอาไว้บ้างว่าจะทำอย่างไรต่อไป
"ข้าคิดไว้ว่าจะเดินทางไปหาท่านลุงที่เมืองหลวง"
"ป้าว่าท่านท้าวซูก็คงจะคิดไว้ว่าเจ้าจะต้องเดินทางออกจากหนานหยางเป็นแน่ คงสั่งให้มีการตรวจการผ่านด่านอย่างเข้มงวด"
ทุกคนหารือกันอย่างเคร่งเครียดนักแค่ลำพังต้องหลบอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี่ก็เสี่ยงต่อการค้นพบมากแล้ว
" เอาอย่างนี้ดีหรือไม่"
หลินเฟยหันมามองท่านป้าซือจี๋อย่างมีความหวัง
" อีกสิบวันจะมีขบวนของท่านแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าของสามีป้าที่เสียไปเดินทางกลับจากแคว้นจ้าว ป้าจะฝากฝังเจ้าร่วมขบวนด้วย"
ท่านป้าซือจี๋เล่าว่าเดิมทีตนเป็นคนแคว้นจ้าวแต่มีสามีเป็นทหารแคว้นอู๋ เป็นนายทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพจึงทำให้นางมีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดบ้าง เมื่อสามีนางเสียจากการปราบปรามโจรภูเขาเมื่อหลายปีก่อนจึงได้มาตั้งรกรากที่เมืองหนานหยางโดยการเปิดโรงเตี๊ยมแห่งนี้ และทุกครั้งที่แม่ทัพเดินทางผ่านเมืองหนานหยางก็จะแวะพักที่นี่ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนก็เดินทางไปแคว้นจ้าวและมีกำหนดกลับอีกสิบวันข้างหน้า คงจะขอให้นางร่วมเดินทางด้วยได้
"แต่ขบวนทหารก็ต้องมีแต่บุรุษนะเจ้าคะ"
ซิ่วอิงกล่าวอย่างกังวล คงไม่ดีนักหากมีสตรีร่วมทาง
"ที่เจ้ากล่าวก็ถูกต้อง ข้าลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป"
"งั้นเราก็แต่งเป็นบุรุษเสียสิแค่นี้ก็ร่วมขบวนได้"
หลินเฟยกล่าวพร้อมดวงตาเป็นประกาย
"เอาอย่างนั้นหรือเจ้าคะคุณหนู มันเสี่ยงเกินไปหรือไม่"
" ไว้ป้าจะขอร้องให้ท่านแม่ทัพดูแลให้อีกที"
"ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ ซิ่วอิงเจ้าก็อย่าได้คิดมาก ไปกับพวกทหารดีกว่าเราเดินทางกันเองเพราะหนทางจากหนานหยางถึงเมืองหลวงนั้นห่างไกลนัก ไม่รู้จะพบเจออะไรบ้างอยู่ใกล้ทหารย่อมดีกว่านัก อีกอย่างเจ้าเมืองเฒ่านั่นคงไม่คิดหาญกล้าค้นขบวนทัพกระมัง"
" ถ้าตกลงว่าเป็นไปตามนี้ ซิ่วอิงเจ้าก็พาคุณหนูของเจ้าไปพักเถอะ ป้าเตรียมห้องไว้ให้แล้ว เฟยเอ๋อคงเหนื่อยมากแล้วกระมัง เดี๋ยวป้าให้เด็กยกสำรับไปให้"
ท่านป้าซือจี๋กล่าวขึ้นอย่างอาทร หลินเฟยรู้สึกซาบซึ้งนัก
" ข้าขอบคุณท่านป้ายิ่งนัก ถ้าไม่ได้ท่านกับซิ่วอิงข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นเช่นไร"
" เฟยเอ๋ออย่าได้คิดมาก ป้ายินดีที่มีโอกาสแทนคุณมารดาเจ้า และป้าก็นึกเอ็นดูเจ้านัก"
" ขอบคุณอีกครั้งเจ้าค่ะท่านป้า"
"ขอบใจเจ้าด้วยนะซิ่วอิง ที่ไม่ทอดทิ้งข้า"
หันมาจับมือกับซิ่วอิงที่ตาแดงก่ำ สงสารคุณหนูของนางนักที่พบเจอแต่เรื่องมาตลอดตั้งแต่ไร้ฮูหยิน ตัวนางเติบโตมาพร้อมกับคุณหนูจึงผูกพันรักใคร่เพราะชีวิตนางก็มีแค่คุณหนูเท่านั้น
ร่างบอบบางบนชุดมงคลสีแดงของเจ้าสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นนัก วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยมาอย่างใจจดใจจ่อตลอดการเดินทางในระยะเวลาสองเดือนท่านพี่ฉีฟงดูแลนางเป็นอย่างดีและให้เกียรตินางมาตลอดไม่เคยล่วงเกินนางอีกเลยจะมีก็แต่กอดหอมแก้มและจูบนิดหน่อยเท่านั้น ในวันมงคลของนางนางอยากให้สามีของนางมีความสุขที่สุดและคืนเข้าหอของนางจะต้องเร่าร้อนที่สุดสามีนางจะต้องอยู่ในกำมือนาง จนลืมการร่วมหอครั้งแรกไปเลยถึงเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยาปลุกกำหนัดและเล่ห์กลของสตรีเท่านั้นแต่นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสี่ยวหลานที่นั่งคิดอย่างหมายมั่นนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนางได้ช่วยเหลือนางคณิกานางหนึ่งไว้ด้วยความบังเอิญจากการโดนฉุด นางจึงให้ตำราไว้เล่มหนึ่งบอกว่าเป็นตำราหายากมากเป็นสินน้ำใจ นางจึงรับไว้แต่พอเปิดดูนางเกือบจะหยุดหายใจเพราะเป็นตำราวสันต์จึงได้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย จนเมื่อไม่นานมานี้นางได้นำออกมาศึกษาจนแตกฉานเพื่อใช้ในคืนเข้าหอของนางโดยเฉพาะและที่สำคัญนางยังได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้พี่สะใภ้คนงามของนางอีกด้วย เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างล
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งข้อเท้าและเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังใกล้เข้าทำให้ปาอ๋องและพระชายาซือเซียน บุตรชาย บุตรเขย ที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่นั้นหันไปมองสาวน้อยวัยสี่หนาวและสามหนาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนัก ร่างกลมป้อมสองร่างที่จูงมือกันวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อเพราะพากันวิ่งเล่นจนเหนื่อย"ท่านย่าหลานอยากกินขนมจังเจ้าค่ะ"อู๋ไป๋หลินที่มาถึงก็ป่ายปีนขึ้นมานั่งข้างพระชายาซือเซียนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูนัก"หลานก็อยากกินนักเจ้าค่ะท่านยาย"หานหลันซี บุตรีวัยสามหนาวของกุนซือฉีฟงและเสี่ยวหลานที่ปีนมานั่งอีกด้านก็ไม่น้อยหน้าช่างออดอ้อนเหมือนญาติผู้พี่มิมีผิดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนกับความน่ารักน่าชังของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี"ช่างน่าน้อยใจนักไม่มีใครสนใจคนแก่ผู้นี้เลยหรือ หลินเอ๋อก็ไม่สนใจปู่ ซีเอ๋อก็ไม่สนใจตา มันน่าน้อยใจจริงๆ ไม่มีใครรักข้าเลยหรือนี่" เสียงตัดพ้อไม่ค่อยจริงจังที่เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางของคนแก่ที่น่าโหดแต่พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกร้องความสนใจจากหลานๆ ที่พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้คนแก่ชื่นใจนัก "หลินเอ๋อรักท่
หลินเฟยที่คล่อมอยู่เหนือร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งสะบัดผมยาวสลวยไว้ด้านหลังมองคนใต้ร่างด้วยสายตายั่วยวนนัก ใช้นิ้วเรียวเล็กไล้ตั้งแต่จมูกโด่งได้รูปมายังริมฝีปากหนาที่นางรู้ว่าร้ายกาจเพียงใดบดคลึงแผ่วเบาจนคนใต้ร่างครางอือแม่ทัพหยางหรงหรี่ตามองภรรยารักด้วยสายตาเร่าร้อนนักทั้งตื่นเต้นว่านางจะทำอะไรและแปลกใจหนักหนาว่าเฟยเอ๋อของเขาไปได้ท่าทางแสนยั่วยวนนี้มาจากที่ใดกันแม้จะดูขัดเขินแต่เขากลับพอใจนัก มองดูนิ้วเล็กขาวผ่องลากไล้สันกรามแกร่งมาตามลำคอล่ำสันใช้สองมือบอบบางแหวกชุดคลุมตัวในออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำหนั่นแน่นแต่งแต้มด้วยรอยแผลประปรายดูน่าหลงใหลนัก มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มลูบไล้แผ่นอกกว้างกำยำจนร่างหนากล้ามเนื้อหดเกร็งกัดกรามแกร่งแน่นด้วยความซ่านเสียว เห็นมือบางยกขึ้นปลดชุดนอนบางเบาออกจากร่างงามเย้ายวนเหลือแค่เอี๊ยมบังทรงสีแดงตัวน้อยที่แทบไม่ช่วยอะไรเลยตัดกับผิวขาวผ่องนวลเนียนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จึงรีบเอื้อมไปเพื่อดึงเอี๊ยมตัวน้อยที่ช่างเกะกะนักแต่ถูกมือเล็กตะครุบไว้"ไม่เอาจะถอดเอง"เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวจนเขารู้สึกได้หึหึ เสียงหัวเราะของคนใต้ร่างจึงดัง
อู๋ไป๋หลินอายุเข้าสองเดือนพอดิบพอดีกับที่จวนอ๋องจะมีงานมงคลของท่านอาหญิงของเจ้าตัวเล็ก จึงทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายกันยกใหญ่ พระชายาซือเซียนแม่สามีดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพราะบุตรสาวจะได้ออกเรือนเสียทีหลังจากรอคอยอย่างหวาดผวาว่าบุตรสาวจะมิได้ออกเรือนเพราะนางนั้นทโมนนักไม่เหมือนบุตรีจวนอื่นที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เย็บปักถักร้อยล้วนเป็นเลิศแต่บุตรของนางเอาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว ผิดกับปาอ๋องพ่อสามีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด หนวดกระตุกเพราะความไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้เพราะภรรยาได้ใส่พานถวายเสียอย่างนั้น หึ เจ้าฉีฟงไม่นึกว่าเจ้านั่นจะมาเป็นบุตรเขยพระองค์ ช่างแสบนัก แล้ววันมงคลก็มาถึงแม่ทัพหยางหรงที่มองภรรยาที่แต่งตัวงดงามนักตาปรอย ร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้นอยู่ในชุดสีส้มอมแดงที่พออยู่บนร่างสมส่วนนั้นช่างขับผิวให้ดูขาวผ่องนวลเนียนนัก"เฟยเอ๋อ คืนนี้เราเข้าหอกันนะ"หลินเฟยหันมองร่างสูงตาโต พลันใบหน้าร้อนผ่าว"ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ""ก็ท่านหมอบอกว่าสามารถทำได้แล้ว แต่พี่เห็นเจ้ายุ่งๆ อยู่กับงานมงคลของหลานเอ๋อ เลยไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยนัก วันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่าง เข้าหอพร้อมกันดีงามนัก"พูดขึ้นตาหวานฉ่
หลินเฟยที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือเล็กของนางอยู่ หันไปมองก็เห็นเป็นร่างคุ้นตาที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ นางโชคดีที่สุดที่มีบุรุษที่แสนดีผู้นี้อยู่เคียงข้าง"ท่านพี่" แม่ทัพหยางหรงที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกอย่างดีใจนักหลังจากคลอดบุตรคนแรกของทั้งสองนางก็สลบไปท่านหมอแจ้งว่านางเสียเลือดมากแต่ไม่เป็นอันตรายแค่หมดแรงเท่านั้น พักสักครู่ก็รู้สึกตัวแต่นางกลับหลับไปถึงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงร้อนใจนัก มานั่งเฝ้านางไม่ยอมห่างเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่"เฟยเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดอีกหรือไม่ ซิ่วอิง ซิ่วอิงตามท่านหมอเร็วเฟยเอ๋อฟื้นแล้ว" คนตัวโตที่ดูร้อนรนนัก ส่งเสียงเรียกบ่าวคนสนิทของชายารักจนคนตัวเล็กต้องรีบจับมือใหญ่ไว้"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ แค่รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น" สิ้นเสียงอ่อนแรงท่านหมอก็เข้ามาตรวจชีพจรร่างบาง" ไม่มีอะไรน่าห่วงพ่ะย่ะค่ะดื่มยาบำรุงสักสามเทียบอาการอ่อนแรงก็จะหายหลังจากนั้นก็ดื่มยาสำหรับสตรีหลังคลอดร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ" ท่านหมอจึงขอตัวกลับไปจัดยาสำหรับพระชายา" ลูกของเราเล่าเ
แม่ทัพหยางหรงที่ได้รับสาส์นด่วนจากกุนซือฉีฟงทั้งที่เขาพึ่งกลับมาถึงและต้องกุมขมับเพราะอู๋เสี่ยวหลานน้องสาวหายตัวไป และต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อเปิดอ่านสาส์นฉบับนั้นของสหายดี ดียิ่งเจ้าสหายน่าตายแล้วเขาจะแจ้งบิดามารดาว่าอย่างไร หลินเฟยที่เห็นสามีอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง"มีอะไรร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" หยางหรงจึงหันมาส่งยิ้มให้ร่างอวบอิ่มที่มองมายังเขาอย่างห่วงใย จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลินเฟยถึงกับหัวเราะออกมา ท่านกุนซือฉีฟงช่างร้ายกาจจริงๆ นับถือ นับถือ"ถึงว่าท่านพี่กับท่านกุนซือถึงคบหาเป็นสหายกันได้"แม่ทัพหยางหรงได้ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหรี่ตามองภรรยารัก"ร้ายกาจเหมือนกันมิมีผิด" พร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสามี "โอ้ะ!!!!"เสียงหัวเราะที่หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากมายทำให้หลินเฟยตกใจนัก"ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ"หยางหรงที่ตกใจนักเมื่อเห็นภรรยาเจ็บปวด บั่นคอศัตรูมาเป็นร้อยเป็นพันเห็นความเจ็บปวดทรมานจนชาชิน แต่พอเห็นภรรยาเจ็บปวดหัวใจรู้สึกบีบรัดนัก รีบร้อนเรียกบ่าวไพร่ตามหมอกันจ้าละหวั่น ช้อนร่างอุ้ยอ้ายขึ้นอุ้มตรงไ