กรี๊ดดดดดด
"นังชั่วหลินเฟย ใคร ใครบังอาจมาช่วยมันออกไป"
จิวฮุ่ยที่กลับมาถึงแทบจะเป็นลม จวนที่นางกำลังเจรจาขายถูกไฟไหม้ไปกว่าครึ่ง เงินที่นางจะได้อย่างงามหายวับ ต้องมีใครมาช่วยนังตัวดีนั่นแน่เพราะนางมั่นใจว่าอุดทุกรูทุกช่องอย่างแน่นหนาหนูสักตัวก็ยากจะผ่าน นังตัวแสบยังเผาจวนนางอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ หลี่หลินเฟย
"ท่านแม่เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ นังหลินเฟยมันหนีไปแล้ว ท่านท้าวซูก็กำลังมาที่นี่ ท่านแม่"
จิวซินเอ่ยอย่างร้อนใจ นางกับมารดาเมื่อสักครู่ยังหัวเราะกับความสุขที่ได้เลือกซื้อผ้างามๆ และเครื่องประดับ จากการไปรับเงินสินสอดอีกครึ่งที่เหลือจากจวนเจ้าเมืองอยู่เลย หากนังหลินเฟยหนีไปแล้ว แล้วใครจะไปเป็นอนุเจ้าเมืองแก่นั่นถ้าไม่ใช่นาง ไม่ ข้าไม่ยอมเด็ดขาด
" ท่านแม่ เราหนีกันเถอะท่านแม่ข้าไม่ยอมไปเป็นอนุท่านท้าวซูแน่ ท่านแม่ อือ อือ"
จิวซินร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัวนัก ใครๆ ก็รู้กันทั่วทั้งเมือง ว่าท่านท้าวซู ผู้เป็นเจ้าเมืองหนานหยาง มากราคะเพียงไร ในจวนล้วนเต็มไปด้วยหญิงงามมากมาย และจิตวิปริตยิ่งนักชมชอบความรุนแรงจนหญิงเหล่านั้นต้องนอนติดเตียงไปหลายวันเลยทีเดียว บ่าวไพร่ในเรือนนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหล่าหญิงงามที่ต้องปรนนิบัติท่านท้าวซูร้องไห้เจ็บปวดทรมานอย่างน่าเวทนานัก บางคนถึงกับทนไม่ไหวตายไปเลยก็มี
"ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ท่านแม่"
จิวฮุ่ยที่เห็นบุตรสาวร้องไห้คร่ำครวญก็เจ็บปวดใจนัก พลันโกรธแค้นหลินเฟยจนแทบกระอักเลือด เพราะนังตัวดีนั่นบุตรนางถึงได้ประสบคราวเคราะห์
"เจ้าอย่าพึ่งร้องไห้ซินเอ๋อ ไป รีบไปเก็บของมีค่าแล้วเรารีบหนีกัน"
สองแม่ลูกรีบร้อนเก็บข้าวของทุกอย่างด้วยความโลภจึงมีข้าวของเต็มไปหมดเพราะไม่อาจตัดใจทิ้งไว้ได้ เสื้อผ้าแพรพรรณล้วนเป็นของดีมีราคาทั้งสิ้น จึงช่วยกันขนอย่างทุลักทุเลออกมา ยังไม่ทันได้พ้นประตูจวนก็ถูกชายฉกรรจ์หลายคนจับตัวไว้
" เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือหวงจิวฮุ่ย"
เสียงกัมปนาทของท่านเจ้าเมือง ซูอี้จง ถึงกับทำให้สองแม่ลูกตัวสั่นงันงก คุกเข่ากอดคอกันร้องไห้
หน้าตาถมึงทึงจ้องมาที่สองแม่ลูกอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เขาหรืออุตส่าห์ทุ่มเทเงินทองมากมายเพื่อจะได้ครอบครองเฟยเอ๋อ โฉมสะคราญที่งดงามเป็นหนึ่งในหนานหยางแต่ถูกสองแม่ลูกกีดกันให้อยู่แต่ในจวน จนไม่มีใครเคยพบเห็น ตนนั้นหมายปองมาเนิ่นนานนัก จนวันนี้โอกาสก็มาถึง แต่สองคนนี้กลับปล่อยให้เฟยเอ๋อของเขาหนีไป
"เจ้ารับเงินทองข้ามามากมายแล้วปล่อยให้เจ้าสาวข้าหนีไป เจ้ายังคิดจะหอบสินสอดข้าหนีอีก เจ้าช่างหาญกล้านัก เด็กๆ จับมันไปโยนในเหวลึกอย่าให้รอดมาได้"
"ขอรับ"
" ท่านท้าว ท่านท้าวเจ้าคะเมตตาจิวฮุ่ยด้วยเจ้าค่ะ"
"ท่านท้าวปล่อยข้ากับท่านแม่ไปเถอะนะเจ้าคะ"
อือ อือ
เสียงร้องไห้ของดรุณีน้อยตรงหน้าที่ตอนแรกเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียกความสนใจจากเจ้าเมืองเฒ่าทันที หน้าตาเจ้าเล่ห์จึงกล่าวว่า
" ในเมื่อเจ้ารับสินสอดข้าไปแล้ว ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็ส่งบุตรสาวเจ้ามาแทนก็แล้วกัน เด็กๆ พาอนุข้ากับท่านแม่ยายกลับจวน ส่วนพวกเจ้าพาคนไปค้นหาเฟยเอ๋อของข้าให้พบ"
ฮ่าาาฮ่าา
หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่จิวซินฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนนัก
"ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย ท่านแม่อือ อือ"
"ซินเอ๋อ ลูกแม่ แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ แม่ผิดต่อเจ้านัก"
นังสารเลวหลินเฟยเป็นเพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าคนเดียว ชีวิตข้าถึงได้พบกับความอัปยศนี่ ข้าเกลียดเจ้า เกลียดเจ้ายิ่งนัก จิวซินที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด คิดอย่างแค้นเคืองนัก หากข้ารอดไปได้เจ้าไม่ตายดีแน่
จิวซินคิดอย่างอาฆาตแค้น
ฮัดชิ้ว!!! ๆๆ
เสียงจามติดๆกันดังขึ้นจากร่างบางที่นอนเอกเขนกบนตั่งไม้อย่างสบายอารมณ์ ในมือถือหนังสือบันทึกการเดินทางที่นางชื่นชอบ ปลายเท้ากระดิกไปมาไม่สมเป็นคุณหนูในห้องหอนัก จนซิ่วอิงส่ายหน้าอย่างระอาใจคร้านจะห้ามปราม
"คุณชายจวนใดคิดถึงข้ากันนะ ข้าเคยได้ยินบ่าวในจวนกล่าวว่าหากจามติดๆ กัน ย่อมมีผู้คิดถึง"
อิอิ
"คุณหนูท่านน่ะ ร้ายกาจขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือไม่เจ้าคะ"
ร่างบอบบางบนชุดมงคลสีแดงของเจ้าสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นนัก วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยมาอย่างใจจดใจจ่อตลอดการเดินทางในระยะเวลาสองเดือนท่านพี่ฉีฟงดูแลนางเป็นอย่างดีและให้เกียรตินางมาตลอดไม่เคยล่วงเกินนางอีกเลยจะมีก็แต่กอดหอมแก้มและจูบนิดหน่อยเท่านั้น ในวันมงคลของนางนางอยากให้สามีของนางมีความสุขที่สุดและคืนเข้าหอของนางจะต้องเร่าร้อนที่สุดสามีนางจะต้องอยู่ในกำมือนาง จนลืมการร่วมหอครั้งแรกไปเลยถึงเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยาปลุกกำหนัดและเล่ห์กลของสตรีเท่านั้นแต่นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสี่ยวหลานที่นั่งคิดอย่างหมายมั่นนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนางได้ช่วยเหลือนางคณิกานางหนึ่งไว้ด้วยความบังเอิญจากการโดนฉุด นางจึงให้ตำราไว้เล่มหนึ่งบอกว่าเป็นตำราหายากมากเป็นสินน้ำใจ นางจึงรับไว้แต่พอเปิดดูนางเกือบจะหยุดหายใจเพราะเป็นตำราวสันต์จึงได้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย จนเมื่อไม่นานมานี้นางได้นำออกมาศึกษาจนแตกฉานเพื่อใช้ในคืนเข้าหอของนางโดยเฉพาะและที่สำคัญนางยังได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้พี่สะใภ้คนงามของนางอีกด้วย เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างล
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งข้อเท้าและเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังใกล้เข้าทำให้ปาอ๋องและพระชายาซือเซียน บุตรชาย บุตรเขย ที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่นั้นหันไปมองสาวน้อยวัยสี่หนาวและสามหนาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนัก ร่างกลมป้อมสองร่างที่จูงมือกันวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อเพราะพากันวิ่งเล่นจนเหนื่อย"ท่านย่าหลานอยากกินขนมจังเจ้าค่ะ"อู๋ไป๋หลินที่มาถึงก็ป่ายปีนขึ้นมานั่งข้างพระชายาซือเซียนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูนัก"หลานก็อยากกินนักเจ้าค่ะท่านยาย"หานหลันซี บุตรีวัยสามหนาวของกุนซือฉีฟงและเสี่ยวหลานที่ปีนมานั่งอีกด้านก็ไม่น้อยหน้าช่างออดอ้อนเหมือนญาติผู้พี่มิมีผิดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนกับความน่ารักน่าชังของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี"ช่างน่าน้อยใจนักไม่มีใครสนใจคนแก่ผู้นี้เลยหรือ หลินเอ๋อก็ไม่สนใจปู่ ซีเอ๋อก็ไม่สนใจตา มันน่าน้อยใจจริงๆ ไม่มีใครรักข้าเลยหรือนี่" เสียงตัดพ้อไม่ค่อยจริงจังที่เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางของคนแก่ที่น่าโหดแต่พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกร้องความสนใจจากหลานๆ ที่พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้คนแก่ชื่นใจนัก "หลินเอ๋อรักท่
หลินเฟยที่คล่อมอยู่เหนือร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งสะบัดผมยาวสลวยไว้ด้านหลังมองคนใต้ร่างด้วยสายตายั่วยวนนัก ใช้นิ้วเรียวเล็กไล้ตั้งแต่จมูกโด่งได้รูปมายังริมฝีปากหนาที่นางรู้ว่าร้ายกาจเพียงใดบดคลึงแผ่วเบาจนคนใต้ร่างครางอือแม่ทัพหยางหรงหรี่ตามองภรรยารักด้วยสายตาเร่าร้อนนักทั้งตื่นเต้นว่านางจะทำอะไรและแปลกใจหนักหนาว่าเฟยเอ๋อของเขาไปได้ท่าทางแสนยั่วยวนนี้มาจากที่ใดกันแม้จะดูขัดเขินแต่เขากลับพอใจนัก มองดูนิ้วเล็กขาวผ่องลากไล้สันกรามแกร่งมาตามลำคอล่ำสันใช้สองมือบอบบางแหวกชุดคลุมตัวในออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำหนั่นแน่นแต่งแต้มด้วยรอยแผลประปรายดูน่าหลงใหลนัก มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มลูบไล้แผ่นอกกว้างกำยำจนร่างหนากล้ามเนื้อหดเกร็งกัดกรามแกร่งแน่นด้วยความซ่านเสียว เห็นมือบางยกขึ้นปลดชุดนอนบางเบาออกจากร่างงามเย้ายวนเหลือแค่เอี๊ยมบังทรงสีแดงตัวน้อยที่แทบไม่ช่วยอะไรเลยตัดกับผิวขาวผ่องนวลเนียนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จึงรีบเอื้อมไปเพื่อดึงเอี๊ยมตัวน้อยที่ช่างเกะกะนักแต่ถูกมือเล็กตะครุบไว้"ไม่เอาจะถอดเอง"เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวจนเขารู้สึกได้หึหึ เสียงหัวเราะของคนใต้ร่างจึงดัง
อู๋ไป๋หลินอายุเข้าสองเดือนพอดิบพอดีกับที่จวนอ๋องจะมีงานมงคลของท่านอาหญิงของเจ้าตัวเล็ก จึงทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายกันยกใหญ่ พระชายาซือเซียนแม่สามีดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพราะบุตรสาวจะได้ออกเรือนเสียทีหลังจากรอคอยอย่างหวาดผวาว่าบุตรสาวจะมิได้ออกเรือนเพราะนางนั้นทโมนนักไม่เหมือนบุตรีจวนอื่นที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เย็บปักถักร้อยล้วนเป็นเลิศแต่บุตรของนางเอาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว ผิดกับปาอ๋องพ่อสามีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด หนวดกระตุกเพราะความไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้เพราะภรรยาได้ใส่พานถวายเสียอย่างนั้น หึ เจ้าฉีฟงไม่นึกว่าเจ้านั่นจะมาเป็นบุตรเขยพระองค์ ช่างแสบนัก แล้ววันมงคลก็มาถึงแม่ทัพหยางหรงที่มองภรรยาที่แต่งตัวงดงามนักตาปรอย ร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้นอยู่ในชุดสีส้มอมแดงที่พออยู่บนร่างสมส่วนนั้นช่างขับผิวให้ดูขาวผ่องนวลเนียนนัก"เฟยเอ๋อ คืนนี้เราเข้าหอกันนะ"หลินเฟยหันมองร่างสูงตาโต พลันใบหน้าร้อนผ่าว"ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ""ก็ท่านหมอบอกว่าสามารถทำได้แล้ว แต่พี่เห็นเจ้ายุ่งๆ อยู่กับงานมงคลของหลานเอ๋อ เลยไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยนัก วันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่าง เข้าหอพร้อมกันดีงามนัก"พูดขึ้นตาหวานฉ่
หลินเฟยที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือเล็กของนางอยู่ หันไปมองก็เห็นเป็นร่างคุ้นตาที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ นางโชคดีที่สุดที่มีบุรุษที่แสนดีผู้นี้อยู่เคียงข้าง"ท่านพี่" แม่ทัพหยางหรงที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกอย่างดีใจนักหลังจากคลอดบุตรคนแรกของทั้งสองนางก็สลบไปท่านหมอแจ้งว่านางเสียเลือดมากแต่ไม่เป็นอันตรายแค่หมดแรงเท่านั้น พักสักครู่ก็รู้สึกตัวแต่นางกลับหลับไปถึงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงร้อนใจนัก มานั่งเฝ้านางไม่ยอมห่างเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่"เฟยเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดอีกหรือไม่ ซิ่วอิง ซิ่วอิงตามท่านหมอเร็วเฟยเอ๋อฟื้นแล้ว" คนตัวโตที่ดูร้อนรนนัก ส่งเสียงเรียกบ่าวคนสนิทของชายารักจนคนตัวเล็กต้องรีบจับมือใหญ่ไว้"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ แค่รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น" สิ้นเสียงอ่อนแรงท่านหมอก็เข้ามาตรวจชีพจรร่างบาง" ไม่มีอะไรน่าห่วงพ่ะย่ะค่ะดื่มยาบำรุงสักสามเทียบอาการอ่อนแรงก็จะหายหลังจากนั้นก็ดื่มยาสำหรับสตรีหลังคลอดร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ" ท่านหมอจึงขอตัวกลับไปจัดยาสำหรับพระชายา" ลูกของเราเล่าเ
แม่ทัพหยางหรงที่ได้รับสาส์นด่วนจากกุนซือฉีฟงทั้งที่เขาพึ่งกลับมาถึงและต้องกุมขมับเพราะอู๋เสี่ยวหลานน้องสาวหายตัวไป และต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อเปิดอ่านสาส์นฉบับนั้นของสหายดี ดียิ่งเจ้าสหายน่าตายแล้วเขาจะแจ้งบิดามารดาว่าอย่างไร หลินเฟยที่เห็นสามีอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง"มีอะไรร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" หยางหรงจึงหันมาส่งยิ้มให้ร่างอวบอิ่มที่มองมายังเขาอย่างห่วงใย จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลินเฟยถึงกับหัวเราะออกมา ท่านกุนซือฉีฟงช่างร้ายกาจจริงๆ นับถือ นับถือ"ถึงว่าท่านพี่กับท่านกุนซือถึงคบหาเป็นสหายกันได้"แม่ทัพหยางหรงได้ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหรี่ตามองภรรยารัก"ร้ายกาจเหมือนกันมิมีผิด" พร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสามี "โอ้ะ!!!!"เสียงหัวเราะที่หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากมายทำให้หลินเฟยตกใจนัก"ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ"หยางหรงที่ตกใจนักเมื่อเห็นภรรยาเจ็บปวด บั่นคอศัตรูมาเป็นร้อยเป็นพันเห็นความเจ็บปวดทรมานจนชาชิน แต่พอเห็นภรรยาเจ็บปวดหัวใจรู้สึกบีบรัดนัก รีบร้อนเรียกบ่าวไพร่ตามหมอกันจ้าละหวั่น ช้อนร่างอุ้ยอ้ายขึ้นอุ้มตรงไ