บทที่ 8 เฟยเฟยพาสำรวจมิติ
ติ๊ง! เมื่อลิฟต์ถึงชั้นสามแล้ว หลี่เฟยหย่าจึงก้าวเดินออกไปสำรวจสิ่งดีๆ ที่รอเธออยู่ทันที ตามที่เจ้าเฟยเฟยบอกอย่างมุ่งมั่น โดยมีเจ้านกน้อยบินนำทางเธอไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ตรงหน้าเธอตอนนี้คือประตูไม้บานใหญ่ มีลูกบิดประตูอยู่ในระดับที่เด็กวัยสองขวบเปิดไม่ได้แน่นอน เด็กหญิงตัวน้อยจึงทำหน้ามุ่ยมองประตูตรงหน้าอย่างขัดใจ “เจ้านายเอามือแตะบานประตูได้เลย มันจะเปิดให้เองครับ” เฟยเฟยรีบบอกเจ้านายตัวน้อยของมัน เมื่อเห็นหน้ายุ่งๆ ของเธอ เจ้าตัวน้อยก็ทำตามที่เฟยเฟยบอกอย่างไม่รอช้าทันที ประตูตรงหน้าค่อยๆ เปิดออก เธอจึงมองสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันห้างสรรพสินค้ากิจการของครอบครัวเธอ ที่เธอรู้ว่านี่คือห้างสรรพสินค้าของครอบครัว เพราะว่าประตูที่เปิดออกมันไม่ได้พาเข้าไปในห้างทันที มันอยู่ที่หน้าทางเข้าที่มีป้ายชื่อตัวอักษรใหญ่ๆ ติดอยู่ตรงตัวตึกตรงหน้าเธอ “ว้าว!! นี่มันสุดยอดมากเฟยเฟย ท่านเทพดีที่สุด! เรารีบเข้าไปดูข้างในกันเถอะ ฉันอยากรู้เร็วๆ แล้วว่าห้องต่อไปมันคืออะไร ” คราวนี้เด็กน้อยรีบเดินเข้าประตู ตรงดิ่งไปที่ตัวห้างสรรพสินค้าทันที โดยไม่รอให้เฟยเฟยนำหน้าอีกแล้วเมื่อเดินผ่านเข้าไปในประตูเลื่อนอัตโนมัติแล้ว เธอก็เห็นแสงไฟที่เปิดสว่างจ้า ทางเดินที่ปกติจะมีผู้คนเดินกันมากมาย สมกับเป็นแหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมือง ตอนนี้กลับดูโล่งไร้สิ่งมีชีวิตอื่นอย่างที่ไม่เคยเห็น ซึ่งเธอชอบที่มันเป็นแบบนี้มาก เด็กน้อยขึ้นลงลิฟต์สำรวจร้านต่างๆ ที่มีสินค้าวางขายอยู่เต็มไปหมด เมื่อเธอลงไปชั้นล่างสุดที่เป็นช็อปขายอาหารสด อาหารแห้ง ผักผลไม้ต่างๆ ก่อนจะลองหยิบแอปเปิลเขียวออกมาหนึ่งแพ็ค ก็มีแอปเปิ้ลเขียวแพ็คใหม่เติมเข้ามาแทนของเดิมทันที ตามที่เจ้าเฟยเฟยอวดจริงๆ เมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว จึงพากันออกมาจากห้องเพื่อไปดูห้องถัดไป ห้องที่สองนี้เป็นโชว์รูมรถหรูหลายยี่ห้อ ทุกรุ่นที่จอดโชว์อยู่นี่มีอย่างละคัน แต่ถ้าเธอเอาออกไปใช้ข้างนอกแบบถาวรแล้ว มันจะมีคันใหม่มาแทนที่ ห้องที่สามเป็นโรงงานผลิตและเย็บผ้า แต่แน่นอนว่ากิจการบ้านเธอมันจะเล็กๆ ได้ยังไง โรงงานนี้ใหญ่มากกินพื้นที่ไปหลายไร่เลย มีเครื่องจักรสำหรับการผลิต แบบอุตสาหกรรมอยู่หลายเครื่อง ห้องที่สี่ห้องสุดท้ายเป็นห้องที่เธอชอบมากที่สุด เพราะเปิดประตูเข้าไปก็จะเห็นเป็นชายหาด และน้ำทะเล ท่าเรือที่นี่เป็นท่าเรือที่กว่างโจว มีเรือสปีดโบ๊ท และเรือเฟอร์รี่หลายลำจอดอยู่ ห้องนี้ไม่ได้มีแค่ท่าเรือ หาดทรายและริมน้ำทะเลเพื่อเอาไว้เป็นท่าเรือเท่านั้น แต่มันเป็นทะเลกว้างมีภูเขาสลับซับซ้อน ผืนน้ำกว้างไกลสุดสายตาจะมองเห็น นับว่าเธอได้มิติซ้อนมิติเลยทีเดียว จะมีใครโชคดีเหมือนเป็นที่รักของสวรรค์แบบเธอบ้างไหมนะ ช่างน่ายินดีจนแทบบ้าเลยจริงๆ หลี่เฟยหย่าคิดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง จนดวงตากลมโตหยีลงแทบปิดเลยทีเดียว พอสำรวจครบทุกห้องแล้วเด็กน้อยจึงลงไปชั้นสอง เธอจำได้ว่าในห้องทำงานของพ่อ มีห้องลับอยู่แต่เธอยังไม่เคยเข้าไปดูเลย เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว หลี่เฟยหย่าก็มองทุกอย่างในห้องอย่างคิดถึง ที่นี่ยังมีกลิ่นอายของครอบครัวเธออยู่ เด็กหญิงตัวน้อยเดินไปตรงหน้าโต๊ะทำงานของพ่อ เปิดพรมผืนใหญ่ออกจากพื้น และเดินอ้อมไปหลังโต๊ะทำงาน ก่อนเด็กหญิงจะใช้ลำตัวน้อยๆ มุดเข้าใต้โต๊ะไปกดสลักตรงพื้นห้องมุมซอกโต๊ะ พื้นห้องที่เธอเอาพรมออกมีเสียงคลิ๊ก จากการปลดล็อกของกลไกห้องลับ ประตูเลื่อนออกเผยให้เห็นบันไดลงด้านล่างสู่ห้องใต้ดิน เจ้าเฟยเฟยบินตามเจ้านายของมันลงบันไดไปโดยไม่ถามอะไร มันรู้อยู่แล้วว่ามีอะไรอยู่ในห้อง อย่างที่มันเคยบอกไว้ มันรู้ทุกซอกทุกมุมของมิตินี้ ไม่เว้นคฤหาสน์ของเจ้านายมันด้วยเช่นกัน เมื่อลงมาถึงพื้นห้องใต้ดินแล้ว หลี่เฟยหย่าก็เห็นคลังแสงอาวุธทุกชนิด วางอยู่ในตู้กระจกนิรภัยอย่างดี มันเยอะมากตู้กระจกที่ใช้เก็บอาวุธถูกจัดเรียงเป็นล็อกๆ อย่างเป็นระเบียบ แยกประเภทอาวุธ พวกนี้ไว้อย่างดี เพื่อง่ายต่อการนำมาใช้งาน เมื่อหยิบออกมาใช้งานแล้วก็จะมีของใหม่ขึ้นมาแทนที่ เด็กหญิงตัวน้อยเดินดูอาวุธต่างๆ อย่างสนใจ เธอก็รู้แหละว่าที่บ้านไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดา แต่เธอไม่คิดว่าพ่อและพี่ชายทั้งสามของเธอจะมีอาวุธเยอะมากขนาดนี้ จนเรียกว่าคลังแสงได้เลยก็ว่าได้ มันมีทุกประเภทจริงๆ ระเบิดบางอย่างที่วางโชว์อยู่นี่เธอยังไม่รู้จักเลย หรืออีกธุรกิจที่เธอไม่รู้จะเป็นการค้าอาวุธกันนะ หลี่เฟยหย่าได้แต่คิดในใจ แต่หาคำตอบอะไรไม่ได้ ก็เลิกคิดไม่สนใจจะสงสัยอะไรอีก ก่อนจะหยิบปืนสั้นกระบอกเล็กสีเงินเงาวับ เหมาะสำหรับผู้หญิงถือออกมาลูบๆ คลำๆ อย่างชอบใจ เธออยากจะลองปืนกระบอกนี้จริงๆ มันสวยมาก แต่เธอตัวเล็กเกินไปกระดูกยังอ่อนอยู่ มือน้อยอ้วนๆ นี่ทำอะไรมากไม่ได้เลยจริงๆ แน่นอนว่าเธอยิงปืนเป็นแน่นอน ในชีวิตเก่าครอบครัวที่มีพร้อมมักจะส่งเสริมให้เด็กๆ มีทักษะต่างๆ ให้มีความสามารถหลากหลายด้าน เธอที่มีไอคิวสูงขนาดนี้จึงเรียนรู้ได้ไว มีทักษะหลายด้านตามที่ครอบครัวส่งเสริม และทำมันออกมาดีเสมอ “เจ้านายจะสำรวจห้องอื่นๆ อีกรึเปล่า เฟยเฟยจะพาสำรวจต่อเองหรือจะไปสำรวจข้างนอกต่อ ที่นี่กว้างมากนะยังมีพื้นที่ในป่าบนภูเขาน้ำตกอีก” เฟยเฟยน้อย พยายามเอ่ยชักชวนเจ้านายตัวน้อย ให้อยู่กับมันต่อนานๆ ด้วยการเอาการสำรวจมิติมาอ้าง ก็ในนี้มีมันอยู่ตัวเดียวนี่ เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ ก่อนจะมาอยู่กับเจ้านาย มันก็เฝ้าน้ำตกมรกตของท่านเทพตัวเดียวตลอด ไม่ว่าจะตอนไหนๆ มันก็อยู่ตัวเดียว เฟยเฟยเหงามาก! “หย่าเออร์ ลูกไม่หิวนมเลยเหรอ หนูนอนมาหลายชั่วโมงแล้วนะคะ” ก่อนที่หลี่เฟยหย่าจะตอบอะไรเจ้าเฟยเฟยไป ก็ได้ยินเสียงคุณแม่ของเธอเอ่ยปลุกซะก่อน “ฉันต้องออกไปแล้วละคุณแม่เดี๋ยวเป็นห่วง จะรีบเข้ามาหานายแน่นอน อีกอย่างฉันสามารถคุยกับนาย ตอนที่ฉันอยู่ข้างนอกได้ใช่ไหม” เจ้าตัวน้อยรีบพูดปลอบอีกฝ่าย เมื่อเห็นเจ้าเฟยเฟยน้อยดูผิดหวังเมื่อเธอต้องออกไปแล้ว “แน่นอนครับเจ้านายสามารถคุยกับเฟยเฟย ตอนอยู่ข้างนอกได้ แค่คิดในใจ ผมก็ได้ยินเสียงเจ้านายแล้วละ” เจ้านกน้อยพูดออกมาอย่างร่าเริง หมดความห่อเหี่ยวในตอนแรกไปทันที ซ่งผู่เย่วเห็นลูกสาวตัวน้อยของเธอ นอนนานเกินสามชั่วโมงแล้วจึงปลุกเจ้าตัวน้อยขึ้นมากินนมระหว่างที่เธอตั้งท้องใกล้คลอดมีคุณหมอเสิ่นคอยอยู่ดูแล เธอได้ความรู้หลายๆ อย่าง มันฟื้นฟูสิ่งที่ลืมไปหลายปี หลังลูกชายฝาแฝดโตขึ้น ทารกพึ่งคลอดอย่างลูกสาวของเธอ ไม่ควรนอนกลางวันนานเกินสามชั่วโมง เมื่อนอนนานอย่างเจ้าตัวน้อยละก็ จะต้องปลุกขึ้นมากินนมทันที “หย่าเออร์… เจ้าตัวน้อยลูกตื่นได้แล้วค่ะ” ซ่งผู่เย่วอุ้มลูกสาวเธอขึ้นมากอดแนบอก พลางตบก้นน้อยเบาๆ ปลุก “หาว~…… แอ๊ แอ๊ ” หลี่เฟยหย่าตื่นขึ้นมาในร่างทารกน้อยอีกครั้ง อ้าปากน้อยๆ หาวออกมาอย่างน่ารัก มองคุณแม่คนสวยของเธอตาแป๋ว ก่อนจะฉีกยิ้มส่งเสียงให้อย่างร่าเริงบทที่ 50 ชีวิตคู่ที่ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ จบคำสารภาพรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นการยืนยัน พ่อหนุ่มเจ้าน้ำตาที่ก้มหน้าหลุบตาลงมองต่ำดูเศร้าสร้อย พานให้คนมองใจอ่อนยวบแอบชะงักไปหนึ่งจังหวะเล็กๆ ซ่อนสีหน้าดีใจไว้ได้อย่างมิดชิด ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับดวงตากลมโต ที่จ้องมองมาอย่างต้องการยืนยันคำพูดจากใจจริงของเธออย่างน่าเอ็นดู คนพี่เม้มปากข่มใจไม่ให้หลงอ่อนข้อไปกับความน่ารักตรงหน้า เขาเล่นใหญ่สวมบทคนรักจิตใจอ่อนไหวขี้น้อยใจขนาดนี้แล้ว ต้องเอาคนตัวเล็กตรงหน้าให้อยู่หมัด “ถ้าน้องยืนยันอย่างหนักแน่นขนาดนี้พี่ก็เชื่อจนหมดใจแล้วครับ พี่ก็รักหย่าเออร์มากขึ้นในทุกๆ วันเหมือนกัน สัญญาแล้วนะครับ หลังเรียนจบแต่งเลยทันที” “ค่ะ! ไม่ผิดสัญญาแน่ค่ะ” “ครับ… ดีมากครับเด็กน่ารักต้องไม่ผิดสัญญา แต่….” คนเจ้าแผนการเริ่มคิดอยากกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้งแล้ว “อะ อะไรคะ! ตะ แต่อะไรถามน้องมาให้หมดเลยค่ะ พี่ช่างอยากรู้อะไรน้องจะตอบทุกเรื่องเลย” คนน้องหลงคิดว่าคนพี่จะหมดข้อข้องใจแล้ว เพราะเขาก็บอกรักเธอกลั
บทที่ 49 สวมบทพ่อหนุ่มเจ้าน้ำตา หลังกอดปลอบเพื่อนสาวจนหายน้อยใจแล้ว หวงหนิงอ้ายก็ขอแยกตัวไปนั่งตรงโซนบาร์เครื่องดื่ม ด้วยรู้ว่าเพื่อนตัวน้อยต้องขึ้นไปหาคู่หมั้นหนุ่มที่ห้องทำงาน เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาพากันมาที่นี่ “หยะ-…” ……. “อ๋า! น้องสาว... หย่าเออร์ เลิกเรียนแล้ว น้องกินอะไรมารึยัง หิวรึเปล่า วันนี้เรียนหนักรึเปล่า ถ้าเหนื่อยเกินไปน้องเปลี่ยนคณะที่เรียนใหม่ได้นะ…” พอเปิดประตูห้องทำงานใหญ่ของสามหนุ่มเพื่อนสนิทเข้ามา หวงหนิงเฉิงที่ความรู้สึกไวที่สุดและรอคนรักอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว เอ่ยเรียกคู่หมั้นตัวน้อยยังไม่ทันจบ เจ้าเพื่อนรักแฝดคนพี่รีบทิ้งปากกาในมืออย่างของไร้ความหมาย ก่อนแกล้งส่งเสียงแปร๋นอย่างแตกสาวกลบเสียงเพื่อนสนิทจนไม่ได้ยิน พร้อมกันนั้นเจ้าเพื่อนแฝดคนน้องก็ลุกจากที่นั่งไปโอบน้องน้อยของพวกเขา พามานั่งเบียดกันสามคนบนโซฟาตัวเดียวกัน ทำเมินเพื่อนหนุ่มราวกับห้องนี้มีกันอยู่แค่พวกเขาสามพี่น้อง “……..” คนถูกเมินได้แต่ยืนกอดอกพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่รอให้มองทั้งสามนั่งกอดกันกลม
บทที่ 48 ยอมรับความแตกต่าง เมื่อไม่มีใครเป็นอะไรพวกเขาจึงแยกกันกลับบ้าน เหมือนไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ก้าวผ่านร่างของสวีหยู่เยียนซึ่งกำลังโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บร่าง และสืบสวนเรื่องราวเพื่อนดำเนินคดีต่อไป มันก็เป็นแค่เรื่องร้ายๆ เรื่องหนึ่งที่อาจจะหนักหน่อย ผ่านพ้นไปได้อีกเรื่องในวัยสิบหกปีของพวกเขา ภายหลังผลคดีจากการสืบสวนออกมาอีกว่า สวีหยู่เยียนฆ่าชายพนักงานโรงแรมรัฐแห่งหนึ่งตาย แต่ก่อนการลงมือฆาตกรรม เพื่อนข้างห้องได้ยินเสียงทำร้ายร่างกายด่าทอตบตีกัน มีการข่มขู่ทรมานเอาเงินจากเธอแถมยังกักขังสวีหยู่เยียนไว้ในห้องไว้ข่มขืนซ้ำๆ ไม่ปล่อยเธอออกจากห้องจนสุดท้ายเธอจึงก่อเหตุลงมือกับชายคนนั้น นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอสติหลุด จากเรื่องที่ชายคนนั้นทำเรื่องเลวทรามกับเธอ ส่วนแม่ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ ก็ได้หอบเงินหนีไปก่อนแล้วตอนที่เซี่ยเหว่ยพ่อเลี้ยงของเธอโดนจับ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวที่บ้านหลังนั้นโดยที่มีเซี่ยเติ้งหลุนคอยเข้าออกบ้างยามต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ หลังเรื่องราววุ่นวายจบลง บรรดาผู้คนรอบตัวของหลี่เฟยหย่าทั้งค
บทที่ 47 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 2/2 สวีหยู่เยียนเลือกมาอาละวาดก่อเรื่องในเวลาเลิกเรียนพอดี คนในส่วนหน้าโรงเรียนจึงเยอะ พวกเขาต่างพากันลนลานวิ่งหาที่หลบลูกกระสุนที่ถูกปล่อยออกมาในบางจังหวะที่สวีหยู่เยียนคลุ้มคลั่ง สวนสวยเพื่อนั่งเล่นและเป็นซุ้มรอรถตรงนี้ เหล่าคนในโรงเรียนจะรู้กัน ว่าเป็นที่นั่งของเหล่าลูกหลานคนมีเงินเพื่อมานั่งรอรถที่บ้านมารับ กลุ่มที่รู้ฐานะตัวเองพวกเขามักจะหลีกเลี่ยงไม่มานั่งที่นี่ ถึงแม้พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้แบ่งแยกให้ใครนั่งได้หรือไม่ได้ เมื่อปฏิบัติต่อๆ กันมาเรื่อยๆ หลักปีนานเข้า มันก็กลายเป็นพื้นที่อภิสิทธิ์เฉพาะไปโดยปริยาย ถึงพวกเขาจะก้มลงหมอบหาที่หลบซ่อนตัวแล้ว แต่สวีหยู่เยียนที่กำลังเดินผ่านเพื่อไปยังซุ้มตรงที่หลี่เฟยหย่าหลบอยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็น กลุ่มคนที่เธอเคยไปมีเรื่องด้วยเพราะความอิจฉาอยู่หลายคนทีเดียว “ฮ่าๆ! อ้อ… ฉันก็เผลอแปลกใจไปแวบหนึ่ง ที่เจอพวกคนสารเลวชอบทำตัวสูงส่งอย่างพวกแกไป ลืมไปได้ยังไงกันนะ แหม! ก็นี่มันสวนชนชั้นสูงของพวกแกนี่นา ดี! จะได้ไม่ต้องไปตามคิดบัญชีนังพวกที่ชอบดูถูกฉันให้เหนื่อ
บทที่ 46 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 1/2 หลังกลับมาจากค่ายนอกเมืองแล้วกลับเข้ามาทำงานต่อ โดยลากเพื่อนสนิททั้งสองมาเคลียร์เอกสาร ที่เหมือนทำเท่าไรก็ไม่หมดในส่วนของพวกเขา ที่บางครั้งเฉินหวงช่างต้องรับมาทำ เพราะสองพี่น้องมีงานต้องออกไปทำนอกพื้นที่ตลอด จนหาเวลานั่งติดเก้าอี้เคลียร์เอกสารน้อยเหลือเกิน วันนี้อยู่ด้วยกันแล้วถือโอกาสเปิดห้องประชุมไปด้วยเลยแล้วกัน หลี่เฟยฮุ้ยและหลี่เฟยเจินหลังจากนี้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนเข้ามายังตลาดลับ ที่พวกเขาร่วมลงทุนอีก คนที่เป็นเจ้านายใหญ่โดยถือเปอร์เซ็นถึง70% เลยคือเฉินหวงช่าง ส่วนสองแฝดถือคนละ 15% เมื่อหลายเดือนก่อน หยางต้าหยวนที่ถือเปอร์เซ็นอยู่ 7% อยู่ๆ ก็คิดขายคืนให้เฉินหวงช่าง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้มีคำถามขอคำอธิบายใดๆ ให้หยางต้าหยวนตอบ เขาเพียงทำเอกสารการรับซื้อยื่นให้อีกฝ่ายเซ็น พร้อมกับให้ลูกน้องไปเอาเงินถึงสองกระเป๋าใหญ่ ส่งให้หยางต้าหยวนง่ายๆ เท่านั้น “พวกนายไปขอให้คุณลุงหลี่เจี๋ย ปล่อยข่าวการรับสมัครบอดี้การ์ดให้กับทหารปลดเกษียณที่ค่ายทางใต้ด้วยแล้วกัน” เฉินหวงช่างบอกสหายหลั
บทที่ 45 ทรมานเจ้าคนน่าขนลุก NC 🔥ชน/ช รุนแรง* ผัวะๆ!! “อ่า!... อ๊ากกก! ปล่อยฉันๆ! พวกแกมันก็ค้าขายทำลายชาติไม่ต่างจากฉันนี่ แล้วจะมาทำลายพวกเดียวกันทำไม ฮะ! อั่ก!!” เซี่ยเติ้งหลุนที่โดนฝ่าเท้าหนักๆ สองพี่น้องบ้านหลี่รุมอย่างไม่ยั้งแรง ร้องตะโกนโต้แย้งอย่างสู้อะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูจะยังแข็งแรงดีมากๆ อยู่บ่งบอกถึงความถึกที่ซ่อนไว้ ขัดแย้งกับภาพลักษณ์คุณชายแสนสุภาพเจ้าสำอางที่แสดงให้เห็นไปก่อนหน้า พลั่กๆ!! “เหอะ! ไอ้เวร สารเลวนี่มันปากดี มีแรงพูดไม่หยุดจริงๆ! ฉันขอเตือนให้แกเก็บเสียงไว้แหกปากหลังจากนี้ดีกว่าไหม แกได้แหกปากเหม็นๆ นี่จนพอใจแน่” หลี่เฟยฮุ้ยพูดออกมาอย่างเหลืออด กับการแหกปากพ่นคำพูดหาความสำนึกไม่ได้นี่ ขณะยกเท้ากระทืบหนักๆ ลงบนร่างคุดคู้ที่พื้น เซี่ยเติ่งหลุนโดนลูกน้องของเฉินหวงช่าง พากลับมาขังไว้ก่อนหน้านี้ กำลังโดนสองแฝดบ้านหลี่จัดการทรมานระบายอารมณ์ หลังเหตุการณ์คืนวันงานเลี้ยงเมื่อวันก่อนหลายวันก่อนผ่านไป บ้านตระกูลหลี่และตระกูลเฉินทั้งสองบ้านได้ตกลงเกี่ยวดองกั