Kunpon Talks
พออิ่มท้องแล้วผมก็พาหมูมาเดินเล่นย่อยอาหารในโซนศูนย์การค้าต่อเลยเพราะยังไม่อยากกลับ หมูแดงตัวเล็กน่าทะนุถนอมมากหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือเตี้ยอ่ะเวลาเดินข้างกันความสูงแค่ระดับอกเท่านั้นเอง ส้นสูงที่ใส่อยู่นี่ไม่ได้ช่วยให้ตัวสูงขึ้นมาได้เลยเหอะ เรื่องส่วนสูงไม่ใช่ประเด็นหลักห่าเหวอะไรหรอกแค่คิดขำๆ เท่านั้น แต่ที่ไม่ขำนี่คือฟาร์มโคนมยัยบ้านี่ต่างหาก ไอ้ชอบมันก็ชอบนะมองแล้วเพลินเป็นบ้าและทำให้จินตนาการไปถึงความขาวความอวบของเนื้อแท้ภายใต้เสื้อนักศึกษาด้วย แล้วคนอื่นที่เห็นมันจะไม่คิดเหรอวะ
“ทำไมนายชอบถึงเนื้อถึงตัวฉันเรื่อยเลยเนี่ยขุน! เดินเองได้ไม่ต้องประคอง” แม่ตัวดีแหงนหน้าคอตั้งมองหน้าผมอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกกระชากเอวอ้อนแอ้นให้ขยับมาแนบชิดกับร่างกายผมจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศได้รอดผ่าน แค่จับมือเดินเกี่ยวก้อยมันยังไม่เพียงพอหรอกตอนนี้ นี่ถ้าอุ้มเธอเดินได้ผมอุ้มไปแล้วนะแต่กลัวจะโดนหยิกจนเนื้อหลุดซะก่อนน่ะสิ
“ฉันชอบ จบไหม”
“ไม่ชอบ จบไหมคะพี่ขุน” ลอยหน้าลอยตาพูดเลยก้มฟัดแก้มแม่งเลยอยากท้าทายดีนัก ถึงจะเรียกพี่ก็ไม่ปล่อยหรอก
“อ๊าย ขุนน” มือบางผลักหน้าผมออกพลางเบี่ยงหลบเป็นพัลวัน ผมเหรอจะยอมง่ายๆ ตามฟัดต่อสิครับ ใครมองก็มองไปเถอะไม่สนใจหรอก กว่าผมจะยอมเลิกราหน้าหมูก็งอเป็นจวักตักแกง กระฟัดกระเฟียดบ่นงึมงำยกใหญ่ แต่ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่บ่นเป็นคนเดียวผมก็บ่นเป็นเหมือนกัน
“เธอแม่งเป็นคนชอบโชว์เหรอวะหมู อ้วนก็อ้วนยังจะกล้าใส่เสื้อผ้ารัดรูปอีกนะ ไม่อายบ้างเลยหรือไงโชว์พุง โชว์ขาหมูใหญ่ๆ ของตัวเองเนี่ย” ผมโกหกทั้งหมดนั่นแหละ ยัยหมูนี่ห่างไกลจากคำว่าอ้วนมาก หุ่นดีน่าจับกลืนกินลงท้องโคตรๆ แต่ที่พูดอย่างนั้นเป็นเพราะหงุดหงิดอยากให้เสียความั่นใจวันหลังจะได้ไม่กล้าใส่เศษผ้าพวกนี้อีก นี่เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองคนจ้องจะให้ยิ้มสดชื่นยังไงไหววะ ในเมื่อพวกมันเอาแต่คอยแอบมองของๆ ผม
“สายตานายมีปัญหามากเหรอยะถึงมองว่าฉันอ้วนน่ะ หุ่นดีขนาดนี้บ้านนายเรียกอ้วนเหรอประสาท” เสียงใสแว๊ดใส่ผมทันที ยัยนี่ไม่หลงกลผมอย่างที่อยากให้เป็นเว้ย แถมยังมั่นใจในตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้ด้วย เออ! หุ่นดี
“เอาเถอะๆฉันยอมแพ้เธอ ว่าแต่มาแล้วอยากได้อะไรไหมหมู เดี๋ยวพาไปซื้อ” ถ้าจับยัยตัวเล็กแต่งตัวคงเพลินเป็นบ้า ชักอยากเล่นแต่งตัวตุ๊กตาแล้วสิ เสื้อผ้าผู้หญิงมีแต่น่ารักๆ ทั้งนั้นด้วย
“ทำไมนายจะเปย์ฉันเป็นการไถ่โทษเหรอ บอกเลยเปย์ฉันต้องหนักเท่านั้นนะจ๊ะ เพราะว่าฉันมันเป็นพวกโลภน่ะ” รอยยิ้มหวานๆนี่มันทำให้สดชื่นเป็นบ้า บอกเลยว่ายอมเปย์หมดตัวถ้ามันทำให้หมูน้อยตัวนี้อารมณ์ดี
“สำหรับเธอเท่าไหร่ฉันก็ยินดีทุ่ม” ผมพูดเสียงเบาแต่หนักแน่นพลางจุ๊บเหม่งหมูแรงๆ
“ทำมาเป็นพูดดีไปเถอะย่ะพ่อบุญทุ่ม กระเป๋าฉีกขึ้นมาจะกลับคำแทบไม่ทัน” หมูแดงย่นจมูกใส่อย่างน่ารักแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างเขินๆ ผมเลยหันตามไปหวังจะแหย่ให้อายหนักเข้าไปอีกเท่านั้นแหละของขึ้นเลย
“เฮ้ย! มองนมเมียกูทำห่าอะไรวะ ของเมียพวกมึงไม่มีให้มองเหรอเห้ย!” ผมตวาดไอ้พวกถ้ำมองเสียงดังลั่นจนผู้คนแตกตื่นหันมามองทางเราสองคนเป็นตาเดียวเลยถูกยัยหมูปีศาจบิดหัวนมเต็มแรงใบหน้าจิ้มลิ้มมู่ทู่เลยงับปากไปที
“ฉันเกลียดนายชะมัดเลยไอ้บ้าขุน! ฉันไม่ใช่เมียนายสักหน่อยแล้วพูดเสียงดังเรื่องนมแบบนั้นประสาทรึเปล่าห๊ะ! อายเข้าใจไหมว่าอายน่ะ” ยัยตัวเล็กกระทืบเท้าแต่ไม่กล้าแสดงออกมากผมเลยล็อคคอพาเดินไปอีกทางแต่ก็ไม่วายหันไปชี้หน้าไอ้กลุ่มวัยรุ่นมัธยมปลายที่จ้องหมูของผมทิ้งท้ายอย่างโมโห
“เธออายแต่ฉันโมโห!”
Kunpon End
“ว้าย! นายเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ยนายขุน!” ฉันหวีดร้องอย่างตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกอุ้มมานั่งแหมะอยู่บนตักของไอ้บ้าขุนพล โดยที่ฉันนั่งหันข้างขาพาดยาวมาทางเบาะคนนั่ง กระโปรงนักศึกษาทรงเอก็เลิกขึ้นสูงโชว์ขาอ่อนจนน่าหวาดเสียวว่ากางเกงในตัวน้อยๆมันจะโผล่ออกมาให้เห็น ลักษณะท่าทางการนั่งของฉันแบบว่าล่อแหลมสิบแปดบวกมากอ่ะตอนนี้ ที่ทางคับแคบขยับหรือดิ้นก็ลำบากไปหมด เราสองคนนั่งเงียบอยู่ในรถมาสักพักใหญ่แล้วล่ะ แต่หมอนี่มันยังไม่ยอมออกรถสักที ฉันก็เหนื่อยที่จะพูด เดินมานี่ก็เอาแต่ลากๆ ตั้งแต่อาละวาดใส่เด็กวัยรุ่นผู้ชายกลุ่มนั้นแล้ว โคตรจะเพลียร่างเลย
“ฉันโมโหเธออยู่ ควรจะรู้ตัวไว้นะหมูแดง” ขุนพลพูดเสียงเรียบ และเรียกชื่อเต็มเป็นครั้งแรก ฉันควรดีใจไหมที่หมอนี่ไม่หมูอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว แต่ประเด็นคือมันไม่ใช่เวลาไง ความดีใจถูกกลบด้วยความหงุดหงิดไปเสียหมด
“แล้วนายจะมานั่งโมโหฉันอยู่ทำไมไม่ทราบ ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ” นี่ฉันใจเย็นแล้วนะเว้ย ใจเย็นจริงๆ สาบานได้ ไม่งั้นป่านนี้เลือดสาดไปแล้ว
“ยัยหมูปีศาจถามมาได้ว่าฉันโมโหทำไมโว้ย! ถามจริงนี่เธอไม่หวงนมของตัวเองเลยเหรอวะถึงชอบให้พวกมันมองตาเป็นมันน่ะห๊า!หมูแดง” ขุนพลเค้นถามฉันด้วยน้ำเสียงห้วนจัด แล้วจิ้มนิ้วลงบนหน้าอกของฉันอย่างหน้าด้านๆ
“อะ...ไอ้บ้าขุนพล ไอ้คนทะลึ่ง ผสมหน้าด้านบวกหื่นกามด้วย นายมาจิ้มนมฉันเล่นทำไมยะ มันใช่ของเล่นเหรอห๊ะ! ฮึ่ย!” ฉันตวาดแว๊ด กลบเกลื่อความอาย และรีบยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไขว้เพื่อปิดบัง แม้มันจะปิดไม่มิดก็ตาม แก้มฉันร้อนฉ่าเลยบ้าจริง
“เลิกโวยวายสักที ฉันหนวกหู เดี๋ยวดูดปากแม่งเลย” ขุนพลปรามให้ฉันหยุดโวยวาย ซึ่งมันได้ผลก่อนจะพูดต่อ “เธอแม่งใช้ประโยคนี้ได้เหมาะเหม็งมากเลยว่ะ หน้ามัธยม นมมหาลัยเนี่ย แต่ถึงจะเหมาะยังไงฉันก็ไม่ปลื้มอยู่ดี เพราะมันทำให้คนอื่นมองเธอตาเป็นมัน” พูดจบก็วางมือลงบนหน้าอกฉัน
“กรี๊ดด เอามือออกไปเดี๋ยวนี้นะนายขุนกล้าดียังไงมาจับนมฉันเนี่ย!” ฉันกรีดร้องโหยหวนเสียงดังแปดหลอดเมื่อมือไอ้ขุนบ้ากามคว้าหมับตะปบเต็มมือ แถมมัน...มันยังบีบด้วย ฮือ... เกิดมาจนอายุยี่สิบยังไม่เคยต้องมือชายใดแบบนี้เลย
“หวงเหรอ ทีอย่างนี้มาทำเป็นหวงฉัน คนอื่นหวงได้แต่กับฉันห้ามหวงเข้าใจรึเปล่าลูกหมูน้อย ยืดอกมาให้ฉันฟัดซะดีๆ” ขุนพลมันกัดฟันพูดพร้อมออกแรงบีบเคล้นหนักหน่วงขึ้นจนร่างกายฉันผวาเฮือกอย่างควบคุมไม่ได้ และเผลอแอ่นตัวขึ้นตามแรงมือ ขุนพลมันหลุดยิ้มออกมาแล้วใช้ปากคลอเคลียหลังใบหูฉัน ขบเม้มตรงติ่งหูคล้ายจะหยอกเย้า “สัมผัสเพียงแค่นี้ยังทำให้ฉันแข็งได้ง่ายๆ เลย ถ้ามากกว่านี้ไม่เสร็จเลยเหรอวะ”
“อย่าทำบ้าๆ นะขุน อือ ฉัน...ฉันเจ็บ ปล่อยสักทีสิโว้ย! ไอ้บ้ากาม!” ฉันดิ้นแล้วดิ้นอีก ขณะนี้ขนทุกเส้นในร่างกายของฉันพร้อมใจกันลุกฮือ แอร์ในรถมันเย็นเกินไปหรือไงไม่รู้ฉันถึงได้หนาวๆ ร้อนๆ คล้ายจะเป็นไข้เข้าไปทุกที ไอ้บ้านี่ก็มือหนักมาก บีบนมจนเจ็บทั้งสองเต้าเลย แล้วไหนจะประโยคล่าสุดที่ทำเอาฉันแทบบ้านี่อีก
“นมเธอมันใหญ่บีบแล้วดีเป็นบ้าเลยหมู แต่จะให้ดีกว่านี้ต้องพิสูจน์ด้วยปากอีกอย่าง” พิสูจน์ด้วยปากงั้นเหรอ ฉันอ้าปากพะงาบๆแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอเลย
“ไม่เอานะ พะ...พี่...พี่ขุนขา ฮือ” ฉันวางมือเกาะไหล่แกร่ง ซบหน้าลงแนบกับซอกคออุ่นแน่น พลางอ้อนเสียงสั่นเครืออย่างหวาดหวั่น นี่ฉันกำลังอยู่กับคนโรคจิตรึเปล่าเนี่ย
“ไม่เอาอะไรไหนพูดสิครับน้องหมูของพี่ขุน” ขุนพลกระซิบถามเสียงแหบพร่า ขณะที่มือยังคงเกาะหนึบกับหน้าอกข้างหนึ่งของฉันไว้ราวกับถูกติดกาวตราช้าง
“ไม่เอา ไม่พิสูจน์ด้วยปากไงคะ นะคะพี่ขุน” ฉันพูดเสียงเบาอย่างกระดากปาก เพราะมันอาย มันเขิน หงุดหงิด และโมโหปนเปกันมั่วซั่วไปหมดแล้ว นาทีนี้ต้องใช้ลูกอ้อนให้เกิดประโยชน์
“ใช้ปากดูดนมแค่นั้นเองไม่ได้ทำมากกว่านั้นสักหน่อยกังวลอะไร” ขุนพลจูบข้างขมับฉัน เขาพูดคุยเหมือนเรื่องสามัญทั่วไปแต่มันไม่ใช่สำหรับฉันไง
“หิวมากก็ไปซื้อนมกล่องมาดูดไป๊!”
“โห่! เออๆ วันนี้ฉันยังไม่ดูดนมเธอก็ได้วะ ขอจับอย่างเดียวพอแต่ถ้าพรุ่งนี้ยังใส่ชุดรัดติ้วอย่างวันนี้ไปเรียนล่ะก็ฉันจะดูดนมเธอให้หลุดติดปากเลยคอยดูไม่ได้แค่ขู่ด้วย”
ฉันสาบานว่าพรุ่งนี้จะไม่โผล่มาให้นายขุนเห็นหน้าโดยเด็ดขาด แค่คิดก็สยองแล้วดูดนมให้หลุดติดปาก โอ๊ยอยากจะบ้าตาย น่ากลัวเกินไปแล้วคำขู่ของหมอนี่
ปังๆๆๆ“โอ๊ย! คำว่าเกรงใจน่ะสะกดเป็นไหมคะคุณ ฮึ่ย!” เสียงใสบ่นกระปอดกระแปดพลางเดินกระแทกส้นเท้าไปที่หน้าประตูและเขย่งที่ช่องตาแมวดูว่าใครบังอาจมาเคาะประตูแทบหลุดรบกวนเวลาส่วนตัวของผู้หญิงตัวเล็กๆ ในช่วงสายเช่นนี้ เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครก็เตรียมถอยหลังกลับ ขืนเปิดไปดูสุ่มสี่สุ่มห้ากลายเป็นโจรขึ้นมาซวยแย่ ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวันก็น่ากลัวพอๆ กันนั่นแหละ“หมูแดง ยัยหมูปีศาจ รีบมาเปิดประตูห้องให้ฉันเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันรู้ว่าเธอได้ยินเสียงฉัน ถ้ายังไม่เปิดถีบประตูพังจริงๆ นะเว้ย!” ขาที่กำลังก้าวชะงัก เพราะคุ้นกับเสียงนี้มาก ทำไมเมื่อกี้เขย่งดูไม่มีใครสักคนพอหันหลังเท่านั้นแหละเสียงปริศนาดังไล่หลังมาทันทีราวกับรู้ว่ากำลังทำอะไรคนหรือผีกันแน่แอ๊ดด“ขุน! นายมาทำบ้าอะไรที่นี่ไม่ทราบ” ฉันตะโกนเสียงดังอย่างหงุดหงิดใส่หน้าหล่อๆของหมอนี่ทันทีที่กระชากประตูออกมาปะทะสายตา นาทีนี้ต่อให้หน้าตาอปป้าบุคลิกแบดบอยแค่ไหนหมูแดงก็ไม่สน โหวกเหวกโวยวายชนิดที่ว่าไม่กลัวห้องอื่นจะออกมาด่าแม่ด่าพ่อขนาดนี้บอกตรงๆ โมโหค่ะ กริ่งมีก็ไม่ยอมกดใช้มือทุบปังๆ สนั่นหวั่นไหว ยอมใจเขาเลยไอ้คนเถื่อน“ที่เปิดช้านี่ไม่ใ
Kunpon Talksยัยตัวเล็กตาค้างเลย สงสัยจะอึ้งที่ผมบอกให้เธอเป็นแฟนผม ไม่ได้พูดเอาสนุกนะแต่ผมคิดจริงเลยพูดออกมาอย่างง่ายดายทั้งที่คำๆนี้ไม่เคยคิดอยากจะใช้กับใครมาก่อนเลย ก็นะหมูน่ารักขนาดนี้ใครมันจะมัวแต่ช้าอืดอาดเป็นเต่าอยู่ได้ ทำงั้นหมาได้คาบชิ้นเนื้องามๆ ชิ้นนี้ไปกินก่อนน่ะสิ ผมไม่ยอมหรอกเว้ย ที่บอกว่าไม่ได้นอนทั้งคืนนี่ก็เรื่องจริงนะเพราะในหัวสมองมันคอยแต่จะวนเวียนคิดถึงใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เสียงใสๆ ตัวหอมๆ อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ผมมาส่งเธอที่คอนโด อยากโทรหาใจแทบขาดแต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจตัวเองเอาไว้ขืนโทรมาฟังเสียงเจื้อยแจ้วมีหวังได้บึ่งรถมาหากลางดึกแน่ และเมื่อท้องฟ้าสว่างโล่ พระอาทิตย์ขึ้นประจำการผมก็ไม่รอช้าที่จะบุกมาหาถึงบนห้อง นี่ผมเป็นเอามาอย่างคาดไม่ถึงเลย หมูทำเสน่ห์ยาแฝดใส่ผมปะวะ หรือเป็นผมเองที่เกิดอาการคลั่งยัยตัวเล็กมากมาย ทั้งที่เธอไม่ได้มีท่าทางอะไรให้เห็นว่าชอบผมมากเกินกว่านี้“เป็นแฟนงั้นเหรอ ถามหน่อยนายชอบฉันรึเปล่าหรือแค่อยากควงเล่นฆ่าเวลาเฉยๆ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่เอาด้วยเด็ดขาดบอกไว้ตรงนี้เลย” สวยด้วยฉลาดด้วยหมูของผม ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นผมคิดว่าคงไม่มีใครมาถามแบบนี้
เสือสามตัวสุดท้ายท้ายสุดฉันก็ไม่ได้ไปเรียนจริงๆ แถมยังโดนหอบหิ้วมาที่ร้านแต่งรถครบเครื่องแสนหรูหราของผู้ชายที่ฉันกำลังศึกษาดูใจหมาดๆ ฟังดูดีใช่ไหมล่ะ แต่ก็นั่นแหละประโยคนี้เหมือนฉันจะใช้เรียกอยู่ฝ่ายเดียวและชื่อร้านก็อื้อหือเลยตอนเห็นป้าย ใครเป็นคนคิดชื่อนี้กันเนี่ยมันไม่เหมือนร้านแต่งรถเลย ดิบๆ ทื่อๆ คล้ายร้านขายยาดอง ร้านหมูกระทะยังไงก็ไม่รู้สิ ไม่มีไอเดียที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง อืมถึงชื่อร้านมันจะแปลกแหวกแนวไม่สมกับกิจการไปสักหน่อยแต่ลูกค้านี่อย่างเยอะอ่ะ รถดีๆ ราคาแพงๆ มาจอดรอทำกันเพียบ“นี่หมูแดงเมียกู” ฉันถูกแนะนำอย่างนี้กับลูกน้องทุกคนของหมอนี่เมียฉันกลายเป็นเมียแทนแฟนหรืออะไรก็ตามที่ไอ้บ้าขุนมันสามารถพูดได้แต่ไม่เลือกที่จะพูดไง สรุปที่คุยๆ กันไว้ไม่เป็นไปตามนั้นเลยสักนิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นการถูกเนื้อต้องตัวโน่นนี่นั่นก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือหนักกว่าเก่าอีก“มึงได้น้องหมูแดงแล้วเหรอวะไอ้ขุนแม่เจ้าโว้ยไวไฟจริงเพื่อนกู” ไม่ใช่ใครพี่จิวนั่นเองที่แหกปากตะโกนเสียงดังมาแต่ไกล สงสัยอยากบอกคนทั้งซอยมั้ง“เออกูจับหมูกลืนลงท้องแล้วเรียบร้อย ตอนนี้กูเลยขยับขั้นขึ้นมากลายเป็นผัวหม
เช้านี้ที่แสนจะไม่สดชื่นเลยของหมูแดง เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงห้องได้ก็ปาเข้าไปดึกโขละ แล้ววันนี้ก็ดันมีเรียนเช้าอีกไงแปดโมงครึ่งอยากหยุดนอนตีพุงให้เต็มอิ่มนะแต่เมื่อวานก็ดันหยุดไปโดยไม่ใช่เหตุสำคัญแล้วน่ะสิ ซึ่งความผิดนี้มันไม่ใช่ของฉันแต่ความผิดนี้มันคือของไอ้บ้าขุนคนเดียวเลย บอกให้พากลับก็เดี๋ยวอยู่นั่นแหละจนฉันตาจะปิดจริงๆ ถึงได้ยอมบอกลาทุกคน สภาพตอนนี้คืออยู่ในชุดนักศึกษาแต่หน้าสดทาแค่ครีมกันแดดกับแป้งฝุ่นบางๆ ไม่ได้ลงเมคอัพเขียนแค่คิ้วมงกุฎของใบหน้าเพิ่มความสวยให้กับตัวเองเท่านั้น มาในลุคใสๆ มากกว่าทุกครั้ง ลืมตาเล็กๆ บ่งบอกถึงความเป็นอาหมวยน้อยเดินออกจากห้องมาได้นี่ก็นับว่าดีมากๆ แล้วล่ะ เดินอ้าปากหาวแล้วหาวอีกจนน้ำตาเล็ดเช็ดไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ นอนไม่พออ่ะมันเลยพาลให้หงุดหงิดย้อนกลับไปเมื่อคืนเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานออกรสออกชาติเฮฮาปาจิงโกะ ตามประสาวัยรุ่นแหกปากโหวกเหวกโวยวายราวกับที่นี่รวบรวมกลุ่มคนบ้ามาไว้ด้วยกัน ร้องเพลงเพราะบ้างเพี้ยนบ้างสลับกันไป ชนแก้วกันครื้นเครงประหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในร้านเหล้า ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาสักประมาณหนึ่งชั่วโมงได้แล้วหลังจากที่นายพวกนี้ปิดร้า
กลับมายังปัจจุบันตอนนี้ฉันลากสังขารมาถึงมหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยการโบกแท็กซี่นั่งมาเพราะอาการนี้ไม่เหมาะแก่การขับขี่บนท้องถนนด้วยตัวเองเป็นอย่างมาก อันที่จริงคอนโดกับมหาลัยก็ไม่ได้ไกลจากกันเท่าไหร่หรอกอยู่ในละแวกเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าบ้านกับที่เรียนเนี่ยมันไกลกันไงเลยต้องมาอาศัยอยู่คอนโดแทนการไปกลับ เสาร์อาทิตย์ถึงจะกลับไปนอนบ้านให้ป๊าม๊าหายคิดถึง ปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาก็อยู่บ้านช่วยขายทองยาวเลยเพิ่งกลับมาเมื่อวันเปิดเทอมวันแรกนี่เอง“แหม! เหม่อนะคะหล่อน ทำไมมัวแต่คิดถึงพี่ขุนสุดหล่ออยู่รึไงจ๊ะนังหมวย หน้าสดมาด้วยเหรอเนี่ยว๊าว น่ารักแบบโคเรียมากค่ะวันนี้เพื่อนฉัน” มินนี่เอ่ยทักเสียงใสดั่งระฆังแก้วแสบหูทันทีเมื่อหย่อนก้นนั่งลงฝั่งตรงข้ามนาง เรานัดเจอกันที่โรงอาหารเพื่อมาฝากท้องหาข้าวเช้าใส่ท้องก่อนจะขึ้นไปเรียน“ง่วงนอนต่างหากไม่ได้เหม่อย่ะแล้วก็ไม่ได้คิดถึงหมอนั่นด้วยอย่ามารู้ดีไปหน่อยเลย ส่วนเรื่องหน้าสดเนี่ยทำอย่างกับแกไม่เคยเห็นฉันเปลือยมันงั้นแหละชอบเว่อร์วังอลังการตลอด ไปหาซื้อข้าวกินเหอะหิวด้วยง่วงด้วยเนี่ย ว่าแต่ยัยพิ้งค์เถอะหายไปไหนล่ะมันมาถึงนานแล้วไม่ใช่เหรอ” เราสา
Kunpon Talksผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเกียจคร้านเพราะเสียงริงโทนโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายไปเมื่อสักครู่ ไอ้จิวมันบอกให้เข้าไปมหาลัยเพื่อเข้าชมรมที่เราสามคนสุมหัวคิดกันขึ้นมาเองเพราะไม่อยากไปอยู่ภายใต้คำสั่งของใคร อาศัยเส้นใหญ่คับมหาลัยของมันคนอื่นๆ เลยไม่กล้ามีปัญหาหรือต่อกรด้วยเลยสักคนแม้แต่อาจารย์ ที่นี่มีมันกฎบังคับว่านักศึกษาชั้นปีที่สามต้องก่อตั้งชมรมของแต่ละคณะขึ้นมาทุกปีเพื่อให้น้องปีหนึ่งปีสองคณะอื่นมาแลกเปลี่ยนทำกิจกรรมร่วมกันโดยไม่อนุญาตให้เข้าชมรมคณะตัวเองยกเว้นปีสี่ไม่ต้องยุ่งใกล้จบแล้วเป็นไงดีไหมล่ะ หมูแดงเองก็ต้องมาอยู่ชมรมเดียวกับผมเท่านั้น นั่นคือสิทธิ์ขาดที่ผมเลือก เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้เลือกตามความสมัครใจของตัวเองไม่มีทางซะหรอกยิ่งดื้อบวกพยศอยู่ด้วย ชมรมที่ว่าก็ไม่ได้จะให้ทำอะไรมากหรอกสบายจะตายเผลอๆ แค่นั่งนอนหรือไม่ต้องเข้าเลยด้วยซ้ำใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานผมก็ขับรถตรงดิ่งมามหาวิทยาลัย ไม่ต้องวนหาที่จอดรถนานเหมือนคนอื่นเพราะเรามีที่จอดค่อนข้างส่วนตัวโทรหาหมู หมูก็ดันไม่ยอมรับสาย ไลน์ไปก็ไม่อ่านถ้าเจอตัวต้องจัดการหน่อยแล้ว โทรศัพท์มีไว้ใช้ไม่ได้มีไว้ประดับกระเป๋าเฉยๆ ท
ห้องชมรมของพวกคณะบริหาร กว้างขวางมากรวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน อย่างว่าแหละน่าหนึ่งในสมาชิก ณ ที่นี้ซึ่งนั่นก็คือพี่จิวเป็นถึงลูกชายของเจ้าของมหาลัยเชียวนะมันจะธรรมดาได้ยังไง ฉันที่ไม่มีสิทธิ์เลือกและไม่ได้เลือกเองด้วยความสมัครใจมานั่งแหมะกับเพื่อนหลังจากที่โดนนายขุนลากมาได้พักใหญ่แล้ว คนที่รู้จักในนี้มีแค่พี่จิว พี่เคนเท่านั้น ส่วนรุ่นพี่คนอื่นๆ ไม่รู้จักใครเลยสักคน ถูกมองไหมมันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเราสามคนไม่ใช่เด็กในสังกัดของคณะนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรออกมาเลยนะ คงเป็นเพราะว่าฉันรู้จักสามหนุ่มนี่ด้วยเลยไม่มีใครกล้ายุ่งกล้าซัก วันนี้เขาให้เลือกก่อนคนที่ต้องการเข้ามาอยู่เลยยังไม่มีสิทธิ์ก้าวขาเข้ามาในนี้ยกเว้นฉัน มินนี่และพิ้งค์ที่ได้สิทธิพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ ที่มีคนพาตัวมานั่งตากแอร์เย็นๆ ถึงที่“ชมรมนี้มันชื่อชมรมอะไรอ่ะยังไม่รู้เลยหรือว่ามันไม่มีชื่อนอกเหนือจากนี้ ใช้ว่าชมรมคณะบริหารงี้เลยเหรอหมูแดง” ยัยมินนี่สะกิดถาม ฉันส่ายหน้าเพราะไม่รู้เหมือนกันว่ามันอะไรยังไง โดนพามาอย่างงงๆ ตอนระหว่างทางที่เดินมาก็ไม่ได้ถามนายขุนด้วย หมอนี่ก็นะแทนที่จะบอกกันล่วงหน้าไม่มีหรอก
“เอาอีกแล้วๆ ไอ้ขุนอ้อนเมียอีกแล้วโว้ย! น้องหมูแดงอย่าไปใจอ่อนยอมป้อนมันนะครับ ไม่ใช่อะไรพี่อิจฉาน่ะ” พี่จิวส่งเสียงแซวแทรกขึ้นมา ส่วนแม่เพื่อนรักของฉันนี่จ้องตาไม่กระพริบเลยค่ะ ดีที่รุ่นพี่คนอื่นไม่อยู่ในนี้แล้วไม่งั้นคงโดนจับตามองเพิ่มอีกแน่“ป้อนสักทีเถอะหมูแดงสงสารพี่ขุนเขา สงสัยจะหิวจนไม่แรงหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวเข้าปากเอง” มินนี่เป็นแรงเชียร์ให้นายขุนที่ยังไม่เลิกออเซาะ ฉันรู้ทันหรอกมินนี่เพื่อนรักหรอก อยากจะฟินตามไง คงคิดว่าตัวเองกำลังอ่านนิยายหรือดูซีรีย์อยู่แน่ๆ“เชียร์ให้น้องหมูแดงป้อนข้าวไอ้ขุนแล้วไม่ทราบว่าน้องมินนี่อยากจะป้อนข้าวป้อนน้ำพี่บ้างไหมครับ” พี่เคนถามเสียงหวาน แบบนี้เขาเรียกว่าหยอดแรงเลยแหละ“ไม่อยากค่ะ เพราะมินนี่ไม่ใช่นางพยาบาลที่ต้องคอยดูแลคนป่วย พี่เคนไปถามป้ายหน้าดีกว่านะคะ” มินนี่ฉีกยิ้ม ฉัน พี่จิว ยัยพิ้งค์และนายขุนหลุดหัวเราะเลย“คนสวยทำไมพูดกับพี่แบบนี้อ่ะ”มินนี่พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ฟังไม่ถนัดเพราะยัยนั่นขมุบขมิบ ขุนพลกอบกุมแก้มของฉันไว้แล้วจับหันให้มองมาที่เขา มันเลยทำให้ฉันอดเขินไม่ได้เลยต้องเปิดกล่องข้าวแล้วตักแต่พอดีคำมาจ่อที่ปากคนเอาแต่ใจในที่สุด“ก
“นั่นสิคะ รีบ ๆ ทำเข้าพี่เคน เสียเวลา เกรงใจเจ้าของห้องอย่างเพื่อนมินนี่ซะบ้าง เรื่องบางเรื่องอย่าทำเป็นรู้มากเหมือนตัวเองเซียนหน่อยเลยค่ะ” มินนี่ว่าเข้าให้ สายตานี่มองแรงด้วย เห็นมีมุมหวาน ๆ แบบนี้เวลาโมโหก็นางมารดี ๆ นี่เอง“ดุพี่ทำไมเนี่ยมินนี่ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แค่แซวเล่น ๆ ขำ ๆ เอง”“พี่ด้วยพี่จิว น่าหมั่นไส้”“เลิกออเซาะเมียแล้วหันกลับมาทำส่วนของมึงต่อสิวะไอ้ขุน เพราะมึงนั่นแหละกูโดนพิ้งค์หมั่นไส้เลย มีแต่คนเข้าข้างมึงจนน่าระ...เอ่อ หมั่นไส้จริง ๆ” คำว่ารำคาญเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้อย่างทันท่วงทีเมื่อสายตาสองคู่พุ่งตรงเข้าใส่“หอมหน่อยหมู”ฉันยู่ปากแล้วเอียงแก้มให้คนมีอาการง่วงที่ยอมโงหัวขึ้นมาหอมทั้งสองข้าง สงสัยจะต้องลุกไปชงกาแฟมาให้ดื่มแล้วสิ ไม่งั้นฉันคงได้เป็นคนทำรายงานแทนแน่ ๆ หาวให้หวอด ๆ“เดี๋ยวไปชงกาแฟมาให้นะ”“จูบก่อน”“ทำให้เสร็จก่อนแล้วจะให้จูบ ขยับด้วยขุนฉันจะเข้าไปในครัว”“ไอ้ขุน!! อย่าลีลาดิวะ”“กูรู้แล้วเคนว่าต้องทำส่วนของตัวเองน่ะ จะแหกปากทำบ้าอะไร”“รู้แล้วก็ช่วยขยับสักทีสิขุน” ฉันฟาดไหล่คนพาลไปแรง ๆ หนึ่งที ปากบอกรู้แต่ยังอยู่ท่าไหนท่านั้น ฟึดฟัดอยู่แป๊บถึงยอมแต
หลังกินสารพัดเมนูของอาหารอีสานที่เล่นทำเอาร้องซี๊ดปากเบิร์นไปตาม ๆ กันจนอิ่มท้องก็ถึงเวลาที่เหล่าคุณชายทั้งสามคนได้ฤกษ์ลงมือทำงานจริง ๆ จัง ๆ สักที ส่วนสาว ๆ ที่ไม่มีอะไรทำอย่างเรา ๆ ก็นั่งดูหนังไปด้วยพร้อมกับสั่งของออนไลน์กันสนุก ราวกับว่าเดินเข้าไปเลือกซื้อกันที่ร้าน และมันยิ่งสนุกมากเมื่อไม่ต้องใช้เงินในบัญชีของตัวเองสักบาทเดียว เพราะคุณชายขุนพลเขายัดโทรศัพท์ให้เข้าแอปโอนเงินได้ตามสบาย ไม่มีโอดครวญหรือห้ามไม่ให้ซื้อเยอะ พี่จิวกับพี่เคนเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกัน“ฉันว่าเราสามคนเปลี่ยนใจไปงานวันเกิดของหนุงหนิงกันดีไหม ถ้าไปก็ได้เจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันมานมนานด้วยนะหมูแดง มินนี่ ว่าไงเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะจ๊ะ มันต้องสนุกมากแน่ ๆ กับบรรยากาศเก่า ๆ น่ะ ค่ำนี้แล้วนะ”“ถ้าแกสองคนเปลี่ยนใจจะไปกันขึ้นมาจริง ๆ ฉันก็ไม่มีทางพลาดหรอกน่า ไปไหนไปกันอยู่แล้ว” มินนี่ตอบโดยที่สายตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ มือก็ล้วงเข้าไปในถุงมันฝรั่งอบกรอบมาเข้าปากเคี้ยวหมุบหมับ“ยังไงยะยัยหมวย จะไปหรือไม่ไป ตอบฉันสองคนมาเลยเร็ว ๆ เข้า อย่าลีลาจ้ะเพื่อน” พิ้งค์จ้องแกมบังคับจะเอาคำตอบเลย แล
อึ้งไหม ก็อึ้งน่ะสิ ตกใจไหมก็ตกใจอยู่นะ ผู้ชายของเราบอกรักครั้งแรกทั้งที บอกแบบดื้อ ๆ ด้วยที่ระเบียงมีผ้าตากไว้เต็ม หื้ม ผู้ชายของฉัน เขินตัวเองแป๊บ แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือฉันแอบคิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอดนั่นแหละว่านายขุนอาจจะมีความรู้สึกนี้กับฉัน ก็แหมจะไม่ให้คิดได้ยังไงพ่อคุณทูนหัวทูลกระหม่อมเล่นแสดงความห่วง หวงและหึงหนักมากอย่างชัดเจนไม่มีสงวนท่าทีเลยสักนิด แถมยังชอบทำตัวติดกับฉันแจเสียขนาดนี้ และคือตอนนี้ฉันพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะยังไม่ยิ้มออกมานะแต่บ้าจริงเชียว ฉันเก๊กหน้านิ่งแทบไม่ได้เลยอ่ะ“นายบอกว่ารักฉันงั้นเหรอขุน” ฉันทวนถามอีกครั้งแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ซึ่งฉันคิดว่าตัวเองยังนิ่งไม่เนียนพอเพราะหน้าที่มันร้อนผ่าว ๆ นี่แหละ ป่านนี้มันคงแดงเถือกลามลงมาถึงลำคอแล้วมั้ง“ฉันรักเธอหมูแดง รักหมูของฉัน” ขุนพลบอกฉันอย่างไม่มีแววล้อเล่นมีแต่ความออดอ้อนที่มันชัดเจนผ่านสีหน้าและแววตาพร้อมกับรวบเอวฉันไปกอดไว้แน่น เริ่มซุกปากซุกจมูกนัวเนียแถวฐานคอ อัตราการเต้นของหัวใจฉันว่าได้ยินมันชัดเลยแหละ“อย่าเพิ่งหื่นสิขุน คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ฉันประท้วงแต่ก็นะไม่มีผลต่อการรับรู้ของหมอนี่หรอก“เธอร
“ฉันก็จะกินกับแกมินนี่ เอาลาบหมู น้ำตกหมู ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ส้มตำไข่เค็ม ตำซั่วหอยดอง ยำวุ้นเส้นด้วย ที่เหลือแกกับยัยพิ้งค์ก็เพิ่มเติมไปเลย” สั่งสิ่งที่อยากไปเต็มที่ แต่เชื่อเถอะว่าเห็นว่าเยอะๆ แบบนี้ สองสาวต้องเพิ่มอีกแน่ๆ“งั้นก็กินส้มตำกันทั้งหมดนี่เลยง่ายดี ไม่ต้องแปลกแยก สั่งไก่ทอดชุดใหญ่มาเพิ่มด้วย โอเคไหมวะไอ้ขุน ไอ้จิว ได้ยินที่น้องหมูแดงร่ายรายการอาหารให้มินนี่จดแล้วกูก็เริ่มอยากกินส้มตำไปด้วยแล้วเนี่ย แสบไส้ฉิบ”“อือ คุณนายเมียหมูกูกินอะไรก็กินตามนั้นแหละ ไม่เรื่องมาก” ตอบอย่างเนือยๆ แต่กลับทำตัวไม่เนือยตาม เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมขาฉันประหนึ่งว่ามันคือน้ำมันหอมระเหยให้ความสดชื่นแก่ร่างกาย ตั้งแต่เริ่มทำรายงานที่ไม่เห็นจะได้เรื่องได้ราวอะไรเลย นี่ก็พร้อมใจกันหยุดพักแล้วด้วยเพราะความหิวเข้าโจมตี ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิก็ไม่ได้ด้วยนะ ไม่ยอมต้องให้ขาฉันห้อยลงมาทั้งสองข้าง บางครั้งก็ให้พาดบ่าเกี่ยวเอาไว้ ไอ้ที่ว่าเมื่อยๆ นี่อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้นะฉันว่า“เออ สั่งมาเยอะๆ หน่อยนะครับสาวๆ คือพวกพี่หิวกันมาก”“ห้องแกมีน้ำแข็ง น้ำหวาน น้ำอัดลมพอพวกเรากินไหมอ่ะหมูแดง ถ้าไม่มีจะได้ให้พี่จิวล
เช้าวันอาทิตย์แทนที่จะได้นอนตื่นสายสบายๆ แต่ผมกลับต้องแหกตาตื่นตั้งแต่เจ็ดโมง กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ค่อนคืนเข้าไปแล้วเพราะร่างในอ้อมแขนทำให้เสียการทรงตัว ลุกเข้าห้องน้ำไปสองรอบ เป็นไอ้ขุนบางครั้งก็ทรมานเป็นบ้าเลย แทะเล็มหมูจนได้เรื่องและเดือดร้อนตัวเองจนโดนรังแก“ขุน!! ทำให้ไม่รีบตากให้มันเสร็จๆ ไปล่ะ จะยืนหล่อเหม่อมองท้องฟ้าอีกนานไหม ไม่ได้กำลังถ่ายเอ็มวีเพลงหรือซีรีส์โปรดอย่าเข้าใจหน้าที่ตัวเองผิดไป” เสียงแหลมๆ เล็กๆ ทำเอาสะดุ้งลืมเรื่องที่กำลังคิดชั่วขณะเลย“รู้แล้วครับคุณนายหมู เร่งจังเลย มีแค่สองมือจะให้เร็วยังไงวะเนี่ย ขอเวลาให้ฉันหน่อยดิ” งานของผมตอนนี้ก็คือยืนตากผ้ารับอากาศร้อนๆตรงระเบียงที่เมียหมูซักไง คุณเธอโยนลงเครื่องกดปุ่มปั่น แล้วกระชากผมให้ลืมตาขึ้นตื่นมาทำหน้าที่ตาก เป็นการทำโทษที่ผมจับถอดชุดนอนออกเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวที่ติดกายโคตรจะน่าขย้ำ จับฟัดจับจูบจนง่วง หลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงตะคอกดุๆ และหนังหัวแทบหลุดพร้อมสายตาแข็งๆ ของเมียหมูที่กลายร่างเป็นปีศาจ“จะไม่ให้ฉันเร่งได้ยังไงล่ะกับอีแค่ตากผ้าทำซะนานชะมัดเลย นายยังต้องไปเก็บกวาดเช็ด
Kunpon Talks“คุยกับใครหมู ผู้ชายรึเปล่า” ผมเดินออกจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขกระแทกเข้าหูเลยเร่งฝีเท้ามาที่เตียงนอนแล้วคลานเข่าเข้าซ้อนหลังบอบบางที่นอนตะแคงข้างหันหน้าไปทางซ้ายมือ ด้วยความอยากรู้จึงชะโงกหน้ามองโทรศัพท์หน้าจอที่มือเล็กกำลังพิมพ์โต้ตอบอย่างคล่องแคล่ว และเห็นตรงมุมบนซ้ายเป็นชื่อกลุ่มที่มีสมาชิกเป็นยี่สิบคน“คุยกับเพื่อนๆ สมัยที่เรียนโรงเรียนน่ะ มีทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่นแหละ ห้ามโวยวายเด็ดขาดบอกไว้ก่อน สระผมแล้วทำไมถึงไม่ยอมเช็ดให้มันแห้งก่อนล่ะ ยังเปียกชุ่มอยู่เลยนะขุน เช็ดเดี๋ยวนี้เลยน้ำมันหยดใส่ฉันเนี่ย ให้มันแห้งก่อนค่อยนอน แน่ะบอกละยังจะทำนิ่งทำเฉยอยู่อีก โตแล้วไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย” หมูแดงเอี้ยวหน้ากลับมาดุและบ่นแล้วก็กลับไปสนใจหน้าจอโทรศัพท์ต่อ“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มเลย อยากให้เช็ดนักเธอก็เช็ดให้ฉันหน่อยดิ ไม่งั้นฉันจะนอนแบบนี้จริงๆ ด้วย เธอตัวเปียกไปด้วยอย่ามาบ่นฉันละกัน” ผมเลิกคิ้วหยั่งเชิง แล้วแย่งสิ่งที่ดึงความสนใจของหมูไปจากผมมาถือไว้ แล้วยัดผ้าขนหนูผืนหนาใส่มือเล็กแทนเวลานี้มันควรจะเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น ดึกๆ ดื่นๆ ไม่ไปหลับไปนอนกันวะ
“บ้าเหรอ ใครจะติดสปริงที่หน้าอก อื้อ! อย่าบีบสิขุน เดี๋ยวก็ดูหนังไม่รู้เรื่องหรอก เลิกเล่นซนสักทีเถอะน่า ปล่อยเลย” ฉันทุบไหล่หนาเมื่อมือซนๆ เริ่มไม่อยู่นิ่ง แทนที่จะฟังกันดันเลื้อยเข้ามาในเสื้ออีก สมาธิไม่มีตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย“เรื่องอะไรต้องเอาออกด้วยมันก็ของฉันเหมือนกัน เธอรู้ไหมสถานที่ที่คู่รักอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาพลอดรักกันเธอรู้ไหมว่าโรงหนังก็ติดอันดับหนึ่งในห้าเลยนะหมูจ๋า บนเครื่องบิน บนเรือ ในทะเลก็ติดนะฉันอ่านเจอมาเมื่อไม่นานนี้เอง ที่ติดเป็นเพราะว่ามันค่อนข้างตื่นเต้นดี และไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำมันได้” พลอดรักในที่นี้คงไม่ได้หมายถึงจูบกันธรรมดาใช่ไหม บ้าน่า“ละ...แล้วยังไงล่ะ นายจะมาบอกทำไมเนี่ย ไม่อยากรู้เลยสักนิด” ฉันถามอย่างระแวดระวังสุดฤทธิ์และพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ตื่นเกินเหตุ นายขุนไม่น่าไว้วางใจอีกแล้วเพราะสายตาเจ้าเล่ห์คู่นี้มันกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับฉัน“ก็อยากลองเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในนี้ดูบ้างว่าจะตื่นเต้นมากน้อยแค่ไหน น่าสนใจดีไม่ใช่เหรอ ไหนๆ เราสองคนก็นอนกอดกันอยู่ในโรงหนังแล้วด้วย ลองหน่อยดีไหม” ฮือ หมูแดงอยากมีคาถาหายตัวได้ตอนนี้เลยเจ้าค่ะสวรรค์เจ้าขา“ขุ
“อย่างอนพี่ขุนสิจ๊ะเมียหมูจ๋า พี่ขุนไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าโรงหนังเลย ส่วนมากจะพาเข้าแต่โรงแรมน่ะ อะ...โอ๊ย! ซี๊ดด...เจ็บโคตร” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดหลุดออกมาราวถูกฉันปาดคอ เพียงเพราะว่าถูกเล็บคมๆ ของฉันหยิกเข้าที่สีข้าง“แล้วตอนนี้ล่ะยังได้พาผู้หญิงคนไหนเข้าอยู่อีกไหมโรงแรมน่ะ ตอบมาให้ชัดๆ เลยนะ!!” ฉันถามคนปากดีเสียงเข้มและห้วนจัดแต่ไม่ได้ดังอะไรมากมายแค่ให้ได้ยินกันสองคนพอ เพราะด้วยสถานที่ในตอนนี้มันคือที่สาธารณะ มีคนนอกอยู่ไม่น้อยต้องเกรงใจคนส่วนมาก ท่องไว้เงียบๆ แม้ฉันจะเกลียดหน้าหล่อๆ ของไอ้บ้าขุนตอนตอบว่าส่วนมากจะพาเข้าแต่โรงแรมขั้นสุด หน้าตาช่างระรื่นชื่นบานจนน่าหมั่นไส้ โดนหยิกแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ โมโห“ก็ไม่เคยไง วันๆ มีแต่หมู คิดถึงแต่เมียหมู ไม่อยากได้ใครอีกนอกจากหมู ถ้าจะพาเข้าโรงแรมก็คงจะเป็นเมียคนหมูคนนี้คนเดียวเท่านั้น ล้อเล่นนิดหน่อยทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยเนี่ย” เสียงทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงติดงอนๆ อ้อมแขนก็กอดรัดแน่นขึ้นไปอีกเมื่อพูดจบและจมูกโด่งเป็นสันก็กำลังคลอเคลียอยู่ที่แก้มไม่ห่าง แทบจะนั่งสิงร่างกายกันอยู่รอมร่อแล้วตอนนี้“ทำไมต้องจริงจังงั้นเหรอ? ลองสลับให้ฉันพ
ตอนนี้ฉันกับขุนมาถึงห้างดังเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างจะหนาแน่นแม้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดแต่สำหรับคนที่ทำงานวันเสาร์และหยุดเพียงวันอาทิตย์วันเดียว ก็ยังคงเอาเรื่องอยู่หากมาในช่วงเวลาเลิกงาน คนเจ็บปากเพราะโดนเฮียหนึ่งต่อยร้องอยากจะมาดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าเมื่อสองสามวันก่อน ฉันก็ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใด ส่วนหนึ่งคืออยากเดินเที่ยวด้วยเผื่อจะได้อะไรใหม่ๆ ติดไม้ติดมือกลับไปใช้สอยให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ คอลเลกชันล่าสุดที่ยังไม่มีไรงี้ และสำคัญที่สุดคือเราสองคนยังไม่เคยได้ทำกิจกรรมนี้ร่วมกันเลยถ้าไม่นับที่ดูหนังด้วยกันในคอนโดครั้งนั้นที่ไม่จบอีกต่างหาก ไม่จบไม่ว่าคืนนั้นเป็นคืนที่อ๊าย หน้าอกฉันถูกลวนลามอย่างบ้าคลั่งด้วย มีแต่รอยแดงเต็มไปหมด คิดแล้วเลือดลมก็สูบฉีดดีเหลือเกิน ร้อนผ่าวไปทั้งตัวเลยเนี่ย ฉันไม่ได้หื่นนะแค่ความคิดมันไหลไปเอง ควบคุมไม่ได้ด้วยไม่ ไม่ ไม่ ฉันหลับตาแล้วสะบัดหัวนิดหน่อยเพื่อขับไล่ความคิดสิบแปดบวกให้ออกจากสมอง ยืนฟังขุนเจรจากับพนักงานอย่างตั้งอกตั้งใจแทน“ขอบคุณมากครับ”“ครับ”สรุปที่อุต