로그인บทที่ 1.2 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
นันทพรและจิตตาเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยชั้นประถมจนถึงจบมัธยมปลาย ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามความฝันของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อในด้านที่ชอบ หรือเลือกทำงานที่ตนเองถนัด ทว่าด้วยปัญหาทางการสื่อสารในยุคนั้นที่ยังลำบากอยู่ ทำให้ทั้งสองคนขาดการติดต่อไป โดยปริยาย ต่างฝ่ายต่างคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้เจอกันอีก
ด้านจิตตาก็ได้แต่งงานกับครอบครัวเศรษฐีของจังหวัดเพราะพบรักกันกับลูกชายของตระกูลนี้ ขณะกำลังเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ชีวิตเป็นไปอย่างสวยหรูเหมือนเจ้าหญิง ก่อนโรคร้ายจะมาพรากสามีไปเมื่อห้าปีก่อน ทำให้เธอกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นเศรษฐินีที่ใคร ๆ ต่างก็นับหน้าถือตา เพราะนอกจากจะมีสมบัติของฝั่งตนเองแล้ว ยังมีสมบัติจากฝั่งของสามีอีก ธุรกิจอีกมากมายนับไม่ถ้วนจึงตกเป็นของหล่อนทั้งหมด
“ธะ...เธอมาได้อย่างไร ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ นึกว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ แล้วเสียอีก”
“ฉันแต่งงานก็เลยย้ายกลับมาอยู่ที่นี่นานแล้ว เธอนั่นแหละ มาได้อย่างไร ได้ยินว่าไปมีครอบครัวอยู่จังหวัดอื่นแล้วไม่ใช่เหรอ”
สองเพื่อนรักต่างถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของกันและกัน เด็กหญิงวางชามข้าวลงแล้วเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ มารดา ก่อนจะยกมือไหว้จิตตาอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ น่ารักจังเลยลูก หรือว่า...ลูกของพรเหรอ”
นันทพรพยักหน้า เธอหันไปมองทางเด็กหนุ่มที่เอาแต่ยืนเงียบบ้าง เมื่อรู้ว่าถูกมองคิมหันต์จึงยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีครับ”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ตั้งแต่สูญเสียบิดาไป ก็มีคนมากมายนับไม่ถ้วนเข้าหาแม่ของเขา บ้างก็บอกเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน บ้างก็บอกเคยอยู่ข้างบ้านกันมาก่อน ทว่าสุดท้ายแล้วคนเหล่านั้นก็เข้าหาแม่ของเขาเพื่อเงินทั้งสิ้น
มาหยิบยืมเงินโดยเล่าปัญหาชีวิตอันแสนเวทนาให้ฟัง ส่วนมารดาก็เป็นพวกใจอ่อนยอมช่วยเหลือเสมอ สุดท้ายก็ไม่เคยได้เงินคืนจากใครเลยสักบาท คิมหันต์จึงคิดว่าสองแม่ลูกตรงหน้านี้ก็คงไม่ต่างกัน ลงทุนมาเช่าพื้นที่หน้าตลาดของแม่เขาเสียขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้อยู่แล้วว่าแม่เป็นเจ้าของ มันจะมีเหตุผลอะไรได้อีก
“สวัสดีจ้ะ นะ...หน้าตาดีเหมือนคุณพ่อของเธอเลยนะ”
“ใช่ไหมล่ะ มีแต่คนบอกว่าเขาเหมือนคุณพ่อของฉันมากกว่า แล้วนี่ว่างหรือเปล่า ไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะแยะเลย”
จิตตาเอ่ยชวน เธอจับจ้องไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่กลับไปนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยมากเป็นพิเศษ รู้สึกเอ็นดูและถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะอยากมีลูกสาวอีกคน แต่สามีก็มาจากไปเสียก่อนจึงหมดโอกาส พอได้มาเจอณัฐนิชาที่แสนน่ารักจึงอดสนใจไม่ได้
“คือว่าฉันยังขายของไม่หมดเลย เอาไว้วันหลังได้ไหม”
“เอาแบบนี้ ฉันเหมาหมดเลย มีเท่าไหร่ตักใส่ถุงมาเลยนะ เดี๋ยวจะเอากลับไปให้คนงานที่บ้านกิน”
จิตตาเสนอตัวช่วยด้วยอยากจะพาเพื่อนรักไปเม้าท์มอยกันมากกว่า
“จริงเหรอ ขอบใจเธอมากเลยนะ เดี๋ยวฉันให้ราคาพิเศษเลย”
“ไม่ต้อง ของซื้อของขายจะมาให้ราคาพิเศษกันได้อย่างไร คิดราคาปกตินั่นแหละ มา ๆ ฉันช่วย คิม...ลูกไปนั่งรอกับน้องตรงนั้นก่อนไป”
เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่ก็ยอมเดินไปนั่งตรงเก้าอี้บนเสื่อข้างเด็กหญิงตามคำสั่งของมารดา มองดูสองเพื่อนรักกำลังช่วยกันตักแกงไปคุยกันไปด้วยสายตาเบื่อหน่าย
สุดท้ายแม่ของเขาก็ใจอ่อนตกเป็นเหยื่อของพวกหาผลประโยชน์อีกตามเคย เด็กหนุ่มได้แต่คิดในใจ
จึก ๆ
ขณะกำลังนั่งรออย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ยัยเด็กตัวจิ๋วหลิวที่นั่งกินข้าวอยู่ข้าง ๆ ก็ใช้นิ้วป้อม ๆ มาสะกิดขาเรียกเขาจนคิมหันต์ต้องปรายตามองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ณัฐนิชายิ้มกว้างจนแก้มแทบแตก
ดวงตากลมโตทั้งสองข้างกลายเป็นสระอิเมื่อเด็กหญิงยิ้ม
“กินไหมคะ”
เขาไม่ตอบ แต่สะบัดขาหนีมาด้วยความรำคาญ เด็กหญิงจึงก้มหน้าก้มตากินอีกครั้งจนแก้มทั้งสองข้างพองออกเป็นก้อนกลม
‘เด็กอะไร กินอย่างกับปลาปักเป้า’
เด็กหนุ่มได้แต่คิด เผลอมองดูณัฐนิชากินเพลินจนไม่ละสายตา
บทที่ 17 ข้อแลกเปลี่ยนเหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาอ่อนแรงจนไม่สามารถตื่นเช้าได้อย่างปกติ ณัฐนิชาลืมตาขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน แสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่หล่อนมองหาคือคิมหันต์ ทว่ากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของอีกฝ่าย มีแค่เธอที่นอนหลับคนเดียวบนเตียงนี้หลงนึกว่าจะได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขาเสียอีก...คนตัวเล็กลุกจากที่นอนเพื่อกลับห้องของตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคิมหันต์คงเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของอีกฝ่ายบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เท่านั้น ความเศร้าเสียใจกับเรื่องของมารดาทำให้ชายหนุ่มขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะหากเป็นตัวเขาในแบบปกติ หล่อนเชื่อว่าเขาคงรังเกียจที่จะสัมผัสตัวของเธอณัฐนิชายืนมองเงาะสะท้อนของเธอในกระจก ยังคงหลงเหลือร่องรอยที่คิมหันต์ทิ้งเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตรงไหน หล่อนล้วนจำทุกสัมผัสได้ดี มันถูกตอกลงในหัวใจและความรู้สึกจนยากจะลืมสำหรับเขาอาจเป็นความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวด้วยความเมา ทว่าสำหรับหญิงสาวแล้ว...มันคือการเต็มใจให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
บทที่ 16 ปลอบ NCคิมหันต์ผละอ้อมกอดของคนตัวเล็กออก อาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความอ่อนแอในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าคือที่พึ่งสุดท้ายในตอนนี้ ดวงตาคมที่มักมองหล่อนอย่างดุดันเสมออ่อนลงกว่าเดิมเยอะ คนถูกมองใจเต้นระส่ำแม้จะรู้ว่าเวลานี้ไม่ควร ทว่าท่าทีที่แปลกไปของเขากลับสร้างความหวามหวั่นในใจไม่น้อย“พี่คิม...ทะ...ทำไมจ้องหนูแบบนั้นล่ะคะ”“เธอ...โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”ถามเสียงเบา เอาแต่จ้องหญิงสาวไม่ละสายตาไปไหน เขาเอาแต่คิดถึงภาพของณัฐนิชาในชุดแต่งงาน ถึงจะพยายามปฏิเสธมาตลอดแต่ดูเหมือนตอนนี้คงได้เวลาต้องยอมรับความจริงเสียทีว่าหล่อนเติบโตมากพอแล้ว...หมับ...“พี่คะ...อื้อ...”มือแกร่งประคองใบหน้าเล็กเข้ามาจูบ คนถูกจู่โจมหลับตาปี๋แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามใจ ปากหยักค่อย ๆ แทะโลมทีละนิด ลิ้นชื้นชอนไชเปิดโพรงปากนุ่ม ไม่อาจห้ามความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาในตอนนี้ได้เลย เขารู้แต่เพียงว่าต้องการจะสัมผัสจนอดใจไม่ไหว“อื้อ…”
บทที่ 15 อ้อมกอดร่างของคุณนายจิตตาถูกนำใส่โลงสวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้มาวางไว้ที่สวนของบ้าน เพื่อให้ญาติพี่น้องและผู้คนที่ตั้งใจมาร่วมงานได้จุดธูปเคารพศพ ณัฐนิชาและคิมหันต์อยู่ในชุดสีดำคอยยืนไหว้แขกที่มา ใบหน้าหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเศร้าโดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังมีน้ำตาไหลนองหน้าตลอดเวลาร่มโพธิ์ร่มไทรของเธอจากไปแล้ว...ตอนรู้ข่าวจากทางโรงพยาบาลก็เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกไป ไม่นานมานี้หล่อนยังยิ้มแย้มหัวเราะกับคุณนายจิตตาอยู่เลย ยังได้กินของอร่อยด้วยกัน ไปข้างนอกด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ได้ทำหลาย ๆ อย่างด้วยกันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว การสูญเสียครั้งนี้หนักหนาพอๆ กับครั้งที่ณัฐนิชาสูญเสียมารดาไป“เสียใจด้วยนะคิมหันต์”ญาติพี่น้องพากันมองเขาด้วยสายตาเวทนา นอกจากจะเสียพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องมาเสียแม่ต่อทั้งที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ชายหนุ่มไม่พูดคุยกับใครอีกเลยตั้งแต่มารดาจากไปเมื่อวานซืนเขายังปากดีต่อล้อต่อเ
บทที่ 14 แม่รักคิมนะลูก“หนูขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อมาถึงบ้าน หญิงสาวก็แยกตัวกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนทันที คิมหันต์เองก็เช่นกัน เขากลับขึ้นไปบนห้องของตนเอง ถอดสูทตัวนอกออกแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในหัวคิดถึงคำพูดของณัฐนิชาตอนอยู่บนรถ‘คนเราแค่เป็นหวัดยังรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวเลยไม่ใช่หรือคะ นับประสาอะไรกับโรคมะเร็ง...’เป็นคำตอบที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนแต่กลับทำให้เขาเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมามารดาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ภาพตอนเด็ก ๆ เวลาชายหนุ่มไม่สบาย เป็นไข้ที่ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ผู้เป็นแม่ก็คอยดูแลเช็ดตัวเป็นอย่างดีไม่เคยห่าง ทุกครั้งที่ลูกชายไม่สบาย คุณนายจิตตาจะแทบไม่ได้นอนนอกจากต้องคอยวัดไข้ป้อนยาแล้ว ยังต้องเช็ดตัวตลอดเพื่อให้ไข้ลด มันคือสิ่งที่มารดาของเขาทำเป็นประจำตั้งแต่คิมหันต์ยังเด็ก ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ชายหนุ่มควรได้ดูแลเวลาแม่ป่วยไข้บ้างกลับไม่ได้ทำสิ่งนั้น ความคิดที่ว่าท่านคือบ้าน คือคนที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอเป็นความคิดที่ผิดแบบสุด ๆคิมห
บทที่ 13 แม่ของผมณัฐนิชาคอยดูแลปรนนิบัติคุณนายจิตตาเป็นอย่างดีหลังมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา คนป่วยปลอดภัยแล้วจึงถูกย้ายมาห้องพักพิเศษ ก่อนหน้านี้ทนายไตรรัตน์โทรมาบอกหล่อนว่าคิมหันต์กำลังนั่งเครื่องบินกลับมาตามไฟลท์ที่เขาจองให้ อีกสักพักก็คงจะถึงโรงพยาบาลแล้ว หญิงสาวยังอยู่ในชุดแต่งงานอยู่เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องผมเผ้าไม่ต้องพูดถึง...เละเทะเหมือนคนไม่ได้แตะหวีมาสามชาติ“คุณแม่อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ”เจ้าของใบหน้าซีดไร้เลือดฝาดตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเพราะยังเจ็บปวดใจกับเรื่องของคิมหันต์ไม่หาย วิกผมที่ใส่มาตลอดถูกนำออกไปแล้ว ตอนนี้บนศีรษะของคุณนายจิตตาจึงไม่มีผมอยู่เลยสักเส้น“พี่คิมกำลังจะกลับมาหาคุณแม่ ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากและรอพี่คิมมาหานะคะ”“แม่ต้องขอบคุณหนูนิชามาก ๆ เลยน
บทที่ 12 ดื้อดึง“แม่ขอโทษหนูนะลูก ที่ทำให้หนูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แม่สัญญา แม่จะทำให้พี่เขากลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”คุณนายจิตตาได้แต่มองดูณัฐนิชาด้วยความสงสาร คิดไม่ถึงเลยว่าคิมหันต์จะกล้าถึงขนาดเทงานแต่ง“อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูไม่อยากให้พี่คิมเกลียดหนูไปมากกว่านี้แล้ว”“เกลียดอะไรกัน แม่เป็นแม่ของตาคิม ไม่ว่าอย่างไรตาคิมก็จะต้องตกหลุมรักหนูอย่างแน่นอน เชื่อแม่สิ”คนฟังได้แต่ทำหน้าเศร้า ทั้งลังเลและไม่คาดหวังด้วย ผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหล่อนไม่มีวันมัดใจผู้ชายไม้เลื้อยอย่างเขาได้อยู่แล้ว“คุณนายครับ ผมตรวจสอบดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้คุณคิมหันต์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”“อะไรนะ!”คุณนายจิตตาลมแทบจับ ก่อนนี้คิดว่าอย่างมากคงหนีไปนอนกกผู้หญิงอยู่ไหนสักแห่งในประเทศ ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นหนีออกนอกประเทศอย่างนี้ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นลูกของเธอ วางแผนการไว้รอบคอบเพราะรู้ดีว่าถ้าหนีไปไม่ไกลพอคงถูกลากตัวกลับได้ง่าย ๆ“ต่อสายหาคิมหันต์เดี๋ยวนี้ บอกไปเลยว่า







