กลับมาปัจจุบัน
ปาริตาเดินลงจากรถเมล์ในสภาพแก้มบวมแดงเล็กน้อยจากการถูกตบ ในมือกำเงินค่าจ้างสามร้อยบาทของวันนี้เอาไว้แน่น ตลอดทางเอาแต่นึกถึงความทรงจำแสนวิเศษนั้นเพื่อรักษาใจที่บอบช้ำของตนเองในวันนี้
หญิงสาวเข้ามาในซอยเล็ก ๆ แหล่งชุมชนแออัดซึ่งราคาไม่แพงและพอจะหาจ่ายไหว ผู้คนแถวนี้มีแต่พวกหาเช้ากินค่ำเหมือนกันไปจนถึงกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ‘ชาวสลัม’ จะรวมตัวกันอยู่ในนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ทำงานขายบริการเพราะรายได้ดี หาเลี้ยงตนเองได้
แกร๊ก…
ปาริตาไขกุญแจเข้าบ้าน นั่งลงบนโซฟามือสองเก่า ๆ ที่ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเก็บเงินซื้อมาได้ เธอหันไปเปิดลิ้นชักข้าง ๆ แล้วหยิบกล่องคุกกี้ที่เอามาทำเป็นกระปุกออมสินออกมา ก่อนเปิดออกเพื่อใส่เงินค่าจ้างของวันนี้ลงไป
มีเงินอัดแน่นอยู่จำนวนไม่น้อย แต่มันก็ยังไม่มากพอเท่าที่หล่อนต้องการ ไม่ว่าจะทำงานอย่างหนักสักแค่ไหน เงินที่มีอยู่น้อยนิด ก็เพิ่มขึ้นมาวันละเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘ถ้ามีเงินมากพอ ผมก็สามารถหาคนช่วยวิ่งเต้นเอาพี่สาวคุณออกจากคุกได้ คุณมีเงินมากขนาดนั้นไหมล่ะ?’
คำพูดของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยังคงย้ำเตือนเธออยู่ทุกครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกท้อแท้ ปาริตารีบปาดน้ำที่ไหลออกมาจากตาทิ้ง จะมัวมาอ่อนแออยู่แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ก๊อกๆๆ หลับในไปแล้วหรือริตา”
เสียงแจ๋วดังขึ้นที่ประตู ‘เจ๊อร’ ชะโงกหน้าเข้ามาหลังจากเคาะประตูตามมารยาทอยู่นานสองนาน แม้ว่าประตูจะเปิดอยู่ตั้งแต่แรกก็ตามที ทว่ากลับไม่ได้รับการตอบกลับจึงถือวิสาสะโผล่หน้าเข้ามาดู
ปาริตาหันไปส่งยิ้มให้ รอยยิ้มเศร้าสร้อยแบบนั้นทำเอาคนมาหารู้ได้ในทันทีว่าคงเกิดเรื่องอีกแล้ว เจ๊อรถอนหายใจ เดินเข้ามานั่งลงข้างหญิงสาวก่อนตบบ่าเพื่อให้กำลังใจ
“โดนไล่ออกอีกแล้วสินะ”
“จ้ะ เจ๊เจ้าของร้านคิดว่าฉันไปอ่อยผัวเขา”
หล่อนเล่าให้ฟังราวกับมันคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เจ๊อรได้แต่ถอนหายใจ ก่อนหน้านี้ปาริตาอาศัยอยู่กับเธอก็จริง ทว่าอยู่ได้แค่เกือบสองปีก็ย้ายออกมาเช่าห้องใกล้ ๆ กันอยู่แทน ด้วยบ้านหลังนั้นมีคนอยู่มากขึ้นโดยเฉพาะผู้หญิง
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายแบบภาษาชาวบ้านเลยก็คือ…เจ๊อรเป็นแม่เล้า และเด็กพวกนั้นคือเด็กสาวในสังกัดที่จะคอยรับงานไปกับลูกค้า หลายครั้งที่ปาริตาถูกเข้าใจผิดไปด้วยเธอจึงตัดสินใจย้ายออกมา แต่ก็ไม่เคยลืมบุญคุณที่ได้อีกฝ่ายช่วยเหลือมาตลอด จึงเลือกอยู่ในชุมชนเดิมเพื่อไปมาหาสู่กัน
“เจ๊ไม่รู้จะพูดอย่างไรเลยจริง ๆ ทำไมชีวิตของแกมันถึงน่าสงสารได้ขนาดนี้ ชาติก่อนไปเหยียบตาปลาใครเอาไว้หรือไง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเจ๊ หรือความฝันของฉันมันจะมากเกินไปกันนะ ทั้งที่ฉันแค่อยากมีความสุขอย่างคนอื่นเขาบ้างก็เท่านั้นเอง”
เธอเริ่มตัดพ้อต่อโชคชะตา สายตามองไปยังชั้นวางติดผนังห้องที่มีรูปมรณะของมารดาวางอยู่ ด้านหน้ามีกระถางธูปที่หญิงสาวจะจุดธูปไหว้ทุกคืนก่อนนอน
“เจ๊เชื่อนะเว้ย ว่าสักวันความฝันนั้นจะเป็นจริง เพราะเจ๊เห็นมาตลอดว่าแกพยายามมากแค่ไหนกับชีวิตบัดซบในตอนนี้”
“ขอบคุณนะเจ๊ บอกตามตรงว่าถ้าไม่มีเจ๊ ฉันคงผูกคอตายไปตั้งนานแล้ว”
ปาริตามองเจ๊อรด้วยแววตาซาบซึ้ง หล่อนไม่เคยรังเกียจในอาชีพของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อให้จะถูกมองเหมารวมไปด้วยแต่ก็ยังยินดีที่จะมีมิตรภาพที่ดีต่อกันไปเรื่อย ๆ
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย พี่ฉัตรก็ช่วยเหลือเจ๊เอาไว้เยอะ อะไรที่ตอบแทนได้เจ๊ก็อยากตอบแทน”
“ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากขอบคุณจ้ะ”
หญิงสาวย้ำคำเดิม ‘ฉัตร’ หรือ ‘ปาริฉัตร’ เป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของปาริตา ในอดีตเคยช่วยเหลือเจ๊อรเอาไว้มากมายจึงรู้สึกติดหนี้บุญคุณ อยากจะตอบแทนก็เลยคอยช่วยหญิงสาวอยู่เรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้มีเงินทองมากมายมาช่วย แต่ก็พอไม่ให้ลำบากในช่วงเวลาตกต่ำที่สุดของชีวิต
“เอาอย่างนี้ มาทำงานกับเจ๊ เจ๊มีงานให้ทำ”
“เจ๊อร ฉันเข้าใจนะว่าเจ๊หวังดี แต่ว่าฉัน…”
ปาริตาอึกอัก ถึงจะอับจนหนทางแค่ไหนแต่เธอก็ไม่เคยคิดจะทำงานด้านนั้นเพื่อหาเงินเลยสักครั้ง
“ใจเย็นก่อน ไม่ใช่งานแบบที่คิด เป็นแค่งานเด็กเสิร์ฟธรรมดา พอดีคนรู้จักของเจ๊ต้องการคนไปช่วยเสิร์ฟอาหารกับเครื่องดื่มให้แขกในงาน เขารับเยอะเพราะเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวใหญ่ ทีแรกเจ๊ก็ไม่ได้คิดจะชวนแกหรอก แต่เห็นว่าตกงานกลับมาพอดีเลยลองชวนดู สนใจไหมล่ะ”
“สนใจจ้ะเจ๊ สนใจมาก ๆ”
หญิงสาวพยักหน้าด้วยความดีใจ ตอนนี้ขอแค่มีงานทำ จะงานอะไรหล่อนก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น
“ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เจ๊จะพาไปที่โรงแรม เขามียูนิฟอร์มให้พร้อมไม่ต้องเตรียมอะไรไปทั้งสิ้น จบงานรับเงินกลับบ้าน เงินจ่ายเป็นรายวันก่อนนะ เขารับคนเพิ่มแค่ช่วงนี้ เห็นว่ามีงานเลี้ยงจ่อคิวรอเพียบ แล้วจะดูการทำงานอีกที ถ้าทำดี ก็อาจจะได้บรรจุเป็นพนักงานของโรงแรมเลย พยายามเข้าล่ะ”
“ได้เลยจ้ะเจ๊ ขอบคุณเจ๊มากจริง ๆ นะ ฉันรักเจ๊ที่สุดเลย”
ปาริตาดึงเจ๊อรเข้ามากอด ช่วงชีวิตที่มืดสนิทของหล่อนเริ่มมีแสงสว่างรำไรบ้างแล้ว
ตอนพิเศษ 3ภูริตเดินสำรวจไปรอบบ้านของหญิงสาวหลังปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย การได้กลับมาเจอกันในครั้งนี้เขาสาบานกับตนเองแล้วว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะชายหนุ่มไม่คิดที่จะปล่อยมือปาริตาอีก ไม่มีวันยอมให้เธอหายไปอีกเป็นครั้งที่สามอย่างแน่นอน“ไม่นอนอีกหรือคะพี่ภู ขับรถมาเหนื่อยๆ น่าจะพักนะคะ” คนตัวเล็กเดินท้องโย้เข้ามาจนต้องแอ่นหลังเล็กน้อยเพราะท้องค่อนข้างใหญ่ ภูริตตรงเข้ามาประคองเมียรักนั่งลงบนเตียง“ระวังนะคะริตา ให้พี่อุ้มไหม”“ไม่ต้องหรอกค่ะ หมอบอกว่าริตาควรออกกำลังเยอะ ๆ จะได้คลอดง่าย ๆ การเดินก็ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะคะ”หันมาตอบเขาพร้อมยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนทำเอาชายหนุ่มอดใจไม่ไหว เมื่อพาเธอนั่งลงเขาก็นั่งลงข้าง ๆ แล้วหอมแก้มหล่อนไปหนึ่งฟอดทันที“พี่คิดถึงริตาที่สุดเลย”“พี่ภู...อย่าค่ะ มันจั๊กจี้”เสียงหวานร้องห้าม พยายามเบี่ยงตัวหลบเขาแต่ก็ถูกขโมยหอมแก้มไปได้อีกหลายฟอดก่อนจะจบลงที่ใบหน้าหล่อซุกเข้าที่ซอกคอหอมกรุ่น“ริตาบอกพี่ว่า...ต้องออกกำลังกายเยอะ ๆ เพื่อให้ลูกคลอดง่ายใช่ไหม”“ใช่ค่ะ ที่ผ่านมาริตาพยายามขยับตัวทำนู่นทำนี่ตลอด เพื่อเป็นกา
ตอนพิเศษ 2.2มือเล็กทุบลงที่อกเขา ชายหนุ่มรีบคว้าแขนหล่อนเข้ามาใกล้เพื่อดึงมากอดแนบแน่น แม้จะยังไม่แน่ใจว่ามันคือความฝันหรือความจริง แต่การได้เห็น ได้สัมผัสปาริตาอยู่ในตอนนี้มันเหมือนยาถอนพิษที่เข้ามาช่วยเขาได้ทันเวลาพอดี“ริตา พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริง ๆ พี่ขอโทษ”“พี่ภูบ้า คนบ้า ฮือ...อย่าทำแบบนี้สิคะ อย่าทำให้ตัวเองน่าเป็นห่วงขนาดนี้ อย่าตามหาริตาอีก อย่าตาม...ฮือ...”คนตัวเล็กดีดดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาครู่หนึ่งก็สงบลงก่อนจะพ่ายแพ้ต่อหัวใจและความโหยหาที่มี เรียวแขนเล็กโอบกอดชายหนุ่มกลับด้วยความรักทั้งหมดที่มี“พี่คิดถึงริตาเหลือเกิน พี่คิดถึงริตานะ”“ริตาก็คิดถึงพี่ภูค่ะ คิดถึงแทบบ้าเลย ฮึก!”น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ารินไหลออกมา อ้อมกอดที่มีให้กันแนบแน่นราวกับไม่ต้องการจะปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไปอีก หลายเดือนที่หนีเขาไปไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของหล่อนลดลงเลย กลับกัน...มันเหมือนเป็นการย้ำเตือนให้ปาริตารู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหนต่อให้ต้องแยกจากกันอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่อาจไปรักคนอื่นได้เลย“โอ๊ะ...คุณ...”สิธาที่ตามมาด้วยความเป็นห่วงและเพื่อช่วยเจ้านายตามหาตัวหล่อนกลับเข้ามาในห้องพอดี เขาตกใจมากที่ได้
ตอนพิเศษ 2.1“ยังไม่เจอเลย ผมหามาจะทั่วประเทศแล้วแต่ก็ไม่เจอ”ภูริตตอบปลายสาย ไพลินที่ไปดูงานอยู่ฝรั่งเศสโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบเขาด้วยไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน แม้จะจบสถานะการเป็นคู่หมั้นลงไปแล้วแต่ทั้งสองคนยังคงติดต่อกันในฐานะเพื่อน[คุณนี่มีความพยายามจังเลยนะคะ เป็นฉันหน่อยไม่ได้ ป่านนี้ได้คนใหม่ไปแล้วค่ะ]“คุณหาแฟนได้แล้วเหรอครับ?”เขายิงคำถามกลับไป บางทีไพลินอาจได้เจอผู้ชายที่ทำให้เธอตกหลุมรักจนอยากแต่งงานด้วยจริง ๆ แล้วก็ได้[ละเมออยู่หรือคะ อย่างฉันจะไปหาจากที่ไหนได้]“ถ้าคุณเปิดใจสักหน่อย ผมว่าคงหาได้ไม่ยาก ปัญหาคือคุณไม่เปิดใจต่างหากล่ะครับ”ชายหนุ่มให้คำแนะนำกับหล่อนทั้งที่ตนเองยังเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้ข่าวคราวของปาริตาเลย[เอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน ตามหามานานขนาดนี้ ไม่ได้ข่าวอะไรบ้างเลยเหรอคะ]“ไม่เลยครับ”เจ้าของเสียงทุ้มตอบทันควัน เขาลองตามหาหล่อนตามสถานที่ที่เคยมาเที่ยวด้วยกันและตอนนี้ก็มาแวะอยู่โรงแรมที่ชะอำ สถานที่ที่เขากับเธอเคยร่วมกันสร้างความทรงจำแสนสุข[ฉันเอาใจช่วยคุณนะคะ แต่ตอนนี้ฉันต้องขอตัวก่อน มีประชุมด่วน ไว้คุยก
ตอนพิเศษ 1.2ด้านภูริตหลังงานแถลงข่าวจบลงก็กลับมาที่เพนท์เฮ้าส์พร้อมสิธา เขาใช้ชีวิตแทบจะเรียกได้ว่าไร้วิญญาณไปวัน ๆ ขณะวิ่งเต้นตามหาปาริตาไปทั่ว ขนาดจ้างนักสืบมาช่วยกันหาก็ยังไม่พบ ราวกับหล่อนล่องหนหายตัวไปเลย ผลจากการเอาแต่จมปลักอยู่กับเรื่องของหญิงสาว จึงลงเอยที่เขาขอถอนหมั้นกับไพลิน“นั่งก่อนครับเจ้านาย”สิธาประคองภูริตมานั่ง ตอนนั่งรถมาก็เอาแต่ดื่มเหล้ามาตลอดทางจนเดือดร้อนให้เขาต้องช่วยแบกมาถึงบนห้อง“ทำไมริตาต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วยวะ เธอทิ้งฉันอีกแล้ว”“เจ้านายอย่าเพิ่งอาละวาดครับ ใจเย็น ๆ ก่อน”ต้องช่วยจับตัวอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อเขาเริ่มฟาดงวงฟาดงาอาละวาดเหมือนอย่างเคย ตั้งแต่ปาริตาหายไปเขาก็ไม่เป็นผู้เป็นคน ถ้าไม่กินเหล้าก็ออกไปตามหาเธอจนไม่ยอมหลับยอมนอน เดือดร้อนสิธาต้องไปหิ้วปีกพากลับมาทุกทีเรื่องงานบริษัทไม่ต้องพูดถึง จะเจ๊งจริง ๆ ก็คราวนี้!ออด...ยังจัดการเจ้านายไม่ทันเสร็จ ก็มีแขกมาหา สิธาละจากภูริตไปเปิดประตูก่อนจะพบว่าคนที่มาคือไพลิน อดีตคู่หมั้นของเจ้าของห้องนี้นั่นเอง เธอดันประตูแล้วเดินเข้ามาด้วยตั้งใจจะมาดูสภาพของชายหนุ่มที่กำลังนอนกอดขวดเหล้าอยู่บนโซฟาแล้วเอาแต่เพ้อ
ตอนพิเศษ 1.1หลายเดือนแล้วที่ปาริตาหนีจากภูริตกลับมาอยู่บ้านเดิมของบิดาบนดอยเอื้อมฟ้าที่เชียงใหม่ เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตามแบบของตนเอง เอาเงินที่เก็บหอมรอมริบไว้มาใช้ระหว่างรอให้ถึงกำหนดคลอด ใช้พื้นที่รอบบ้านในการปลูกผักสวนครัวเพื่อหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆโชคดีที่ร้านขายของชำบนดอยนี้จำได้ว่าหล่อนคือลูกสาวของพ่อที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่เลยให้ความช่วยเหลือ ยอมให้หญิงสาวเอาผักและขนมที่ทำไปวางขายได้ชีวิตของปาริตาสงบและเรียบง่าย เธอหาซื้อไหมพรมมาเพื่อถักเสื้อผ้าของลูกน้อยเตรียมเอาไว้ในเวลาว่าง ๆ บ้างก็ติดต่อไปหาพี่สาวเพื่อบอกเล่าสารทุกข์สุกดิบต่อกัน“น้องริตา ทำอะไรอยู่คะ”เพื่อนบ้านผู้แสนดีประหนึ่งสไปเดอร์แมนและคอยให้ความช่วยเหลือ ห่วงใยทุกเรื่องราวในชีวิตของเธอแวะมาทักทาย ยืนเกาะรั้วพร้อมกับข้าวในมือ“ริตากำลังจะลงผักเพิ่มคะ พี่หนูดีมีอะไรหรือเปล่าคะ”“พี่ทำกับข้าวมาเผื่อจ้ะ อร่อยมากเลยนะ กินดีกับคนท้องมาก ๆ”หญิงสาวรีบออกไปรับมาถือไว้เอง ว่ากันตามจริงหากไม่ได้หนูดีและคนละแวกนี้คอยมาพูดคุยด้วยอยู่เสมอ ปาริตาก็คงหงอยเหงาจนไม่เป็นอันทำอะไรเธอยังคงคิดถึงภูริตอยู่ทุกวัน เพ้อหาเขาแทบทุกคืน อ
บทที่ 47.2 จบบริบูรณ์ (ลายแทงสมบัติ)“พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วเหรอเนี่ย แม่เผลอหลับเพลินไปหน่อย เกือบพาลูกออกมาดูพระอาทิตย์ตกไม่ทันแล้วนะ”ปาริตาก้มมองท้องของตนเองพร้อมลูบเบา ๆ อย่างอ่อนโยนขณะออกมารับแสงแดดอบอุ่นยามเย็นก่อนช่วงเวลากลางคืนจะเข้ามาแทนที่เป็นเวลากว่าเจ็ดเดือนแล้วที่หล่อนตัดสินใจออกมาจากชีวิตของภูริตเพื่อมาอยู่ที่นี่ หญิงสาวรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาเพราะปาริฉัตรโทรมาเล่าให้ฟังจนหมด รวมถึงเรื่องที่ชายหนุ่มถอนหมั้นกับไพลินไปตั้งแต่หกเดือนก่อนจนเป็นข่าวดังไปทั่ว ทำเอาข่าวสังคมในโทรทัศน์เล่นข่าวนี้อยู่หลายสัปดาห์กว่าจะหายไป ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่ได้คิดจะกลับไปหาเขา ปาริตาไม่อยากกลับเข้าไปเป็นความหวาดกลัวในชีวิตของภูริตอีกแม้ว่าจะคิดถึงแทบขาดใจก็ตาม...“อีกไม่นานเราสองคนแม่ลูกก็จะได้เจอกันแล้วนะ ถึงตอนนั้นมาสร้างความสุขร่วมกับแม่เยอะ ๆ นะจ๊ะ”“แบบนั้นก็ไม่แฟร์สิ แม่ลูกจะสร้างความทรงจำร่วมกันสองคนโดยขาดพ่อได้อย่างไร”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างกับเสียงที่ได้ยินจากทางด้านหลัง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร“พี่จะไม่พูดเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมาแล้ว เราสองคนไม่ต้องข