ผู้ชายตรงหน้าเก่งจริงๆ ที่ทำให้ผู้หญิงโง่คนนี้เชื่อว่าเขานั้นรักเธอจริง เป็นเธอเองที่โง่ยอมทุ่มความรักที่มีทั้งหมดให้กับเขาหมดหน้าตักโดยไม่คิดจะเผื่อใจ รักจนยอมให้เขาเป็นพ่อของลูกในท้องตอนนี้
แต่สุดท้ายก็มารู้วันนี้เขากลับไม่เคยรักเธอเลย… “ใช่ ฉันไม่เคยรักเธอเลยสักนิดเดียว จะเลิกไปตอนนี้ก็ได้นะ แต่ถ้าเธอรับได้และอยากจะรักฉันต่อก็ไม่ว่ากัน” เขาตอบอย่างเฉยชา เฉยชาเสียจนไม่มีความรู้สึกใดๆ แฝงอยู่ในน้ำเสียง นัยน์ตาสวยเต็มไปด้วยความชอกช้ำมองลึกลงไปในตาชายหนุ่ม ยิ่งเขาพ่นตอกย้ำคำพูดทำร้ายจิตใจประโยคเดิมๆ น้ำตาแห่งความปวดใจก็ไหลทะลักออกมาเหมือนทำนบแตกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เธอสะอื้นร่ำไห้หัวไหล่สั่น มือกำที่ตรวจครรภ์แน่นขึ้นจนเส้นเลือดหลังมือปูด “ฮึกก...พี่มันเลวที่สุด ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!” “ใช่…ฉันยอมรับว่าฉันมันเลวอย่างที่เธอว่าจริงๆ นั้นแหละ งั้นเราเลิกกันเถอะกอหญ้า...” “ฮึก…” พังหมดแล้ว ยับเยินแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าเศร้านักที่เธอดันไปรักผู้ชายเลวๆ อย่างเขาและวันนี้ในที่สุดเธอก็ตาสว่างเสียที… ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนและจบลงแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรั้งมันไว้อีกต่อไป เธอฝืนกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามรวบรวมคำพูดและเอื้อนเอ่ยออกไปทีละคำราวกับคนกำลังจะขาดใจ “ได้…ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ฉันถือว่าฉันเคยรักสัตว์ตัวนึงก็แล้วกัน และต่อจากนี้ไปก็อย่าได้เจอกันอีกเลย” ทันทีที่กล่าวจบ คนตัวเล็กก็หมุนตัวหันหลังเดินจากมาทั้งน้ำตาในทันทีพร้อมกับหอบลูกน้อยในท้องที่เขาไม่เคยรู้และจะไม่มีวันได้รู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์สายเลือดของเขาอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา เธอคิดเสียว่ามันเป็นความผิดพลาดและเป็นฝันร้ายในชีวิตก็แล้วกัน ลูกของเธอไม่ควรมีพ่อเลวๆ แบบนั้น เธอควรทิ้งให้ทุกอย่างมันจบลงที่นี่พอ… ท่ามกลางความเสียใจ ทว่าลับหลังร่างหญิงสาวนั้น ชายหนุ่มที่เฝ้าไล่สายตามองเธอเดินจากเขาไปอย่างช้าๆ ในที่สุดหยาดน้ำตาลูกผู้ชายก็หลั่งร่วงลงมาอาบใบหน้าหล่อเหลาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปเช่นเดียวกัน ใบหน้าเฉยชา แววตาไร้ความรู้สึกเหมือนคนไม่มีหัวใจในทีแรกก็สั่นระริกแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ต่างจากหญิงสาวที่ต้องเจ็บปวดเพราะเขาเลยแม้แต่น้อย หัวใจชายหนุ่มเจ็บแปลบ ทรมานจนสุดที่จะทนทานเมื่อต้องมาเห็นหญิงสาวที่รักมากสะอื้นไห้เพราะเขาเป็นคนทำร้ายจิตใจเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้นเลยสักนิด แต่เพราะไม่มีทางเลือก เพื่อให้เธอตัดใจจากเขามันมีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น… คนตัวสูงเข่าทรุดลงนั่งที่พื้นอย่างไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้ไหว ร้องไห้สะอึกสะอื้นรู้สึกราวกับหัวใจถูกใครสักคนบดขยี้ไม่มีชิ้นดี เจ็บปวดรวดร้าวจนแทบไม่อยากจะหายใจ เขาอยากจะขอโทษเธอเป็นร้อยเป็นพันครั้งในสิ่งที่ได้ทำและได้พูดตรงกันข้ามกับความเป็นจริงทั้งหมดออกไปแต่มันกลับทำแบบนั้นไม่ได้ นอกจากยอมปล่อยให้เธอต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดและตัดใจจากไปทั้งที่เขาเองก็เจ็บไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าเขาจะรักเธอมากเพียงใด แต่ทุกอย่างมันล้วนมีเหตุผลของมัน… แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในห้วงความโศกเศร้าเสียใจเมื่อต้องตัดใจจากคนรักทั้งที่ยังรักมาก ริมฝีปากของร่างบางซึ่งยืนอยู่ข้างกาย มองเหตุการณ์เงียบๆ ได้ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แฝงความสะใจ หลังจากเธอสามารถทำลายความรักของคนทั้งสองลงได้สำเร็จตามแผน ….. แต่แล้วทำไมมาวันนี้ ทั้งที่เธออุตส่าห์ตัดใจและเริ่มต้นใหม่ได้มานานแล้วแท้ๆ ทำไมยังต้องวนกลับมาเจอกับเธออีกจนได้ หัวใจดวงร้อยที่เต้นแรงรู้สึกเจ็บรวดร้าวราวถูกแทงเกิดขึ้นเพราะอะไร มีเพียงชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้นที่รู้ดีแก่ใจ ความทรงจำในอดีตทั้งหมดกระทบถูกบาดแผลเก่าในใจของหญิงสาวอย่างแรง ยิ่งมองหน้าเขานานขึ้นเท่าไหร่ เหตุใดเธอถึงได้รู้สึกว่าฟ้ากำลังเล่นตลกกับชะตาชีวิตของเธออยู่กันนะ พรึ่บ ตึก ตึก ตึก หญิงสาวหมุนตัวหันหลัง ก้าวขาเรียวสวมรองเท้าส้นสูงวิ่งออกจากตรงนั้นทั้งน้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ในทันที หวังต้องการหนีไปให้ไกลเขาอีกครั้ง “กอหญ้า! เดี๋ยวสิอย่าเพิ่งไป กอหญ้า” ชายหนุ่มแหวกฝูงชนในบาร์ออกแรงวิ่งตามหญิงสาวออกไปเช่นกัน ด้วยความตื่นตระหนกกลัวว่าเธอจะหายไปจากชีวิตเขาอีก ทำให้รุ่นพี่ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ ถึงกับตกตะลึงซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบลุกออกจากโต๊ะรีบวิ่งตามออกไปด้วยอีกคน ได้โปรดอย่าหายไปอีกเลยนะกอหญ้า… หญิงสาวเร่งฝีเท้าวิ่งออกมาถึงหน้าบาร์ เธอยืนริมฟุตบาทถนนใหญ่หันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่ด้วยความร้อนรนใจ แต่แล้วเหมือนว่าฟ้าจะเป็นใจให้เธอหนีพ้นจากตรงนี้เมื่อมีรถแท็กซี่คันหนึ่งขับผ่านมาทางนี้พอดี เห็นดังนั้นดวงตาสวยเปียกชื้นคราบน้ำตาเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างมีความหวัง ก่อนจะรีบโบกมือเรียกให้จอดโดยทันที “จอดหน่อยค่ะ จอดหน่อยค่ะ” “ไปไหนครับ” ชายวัยกลางคนขับแท็กซี่เอ่ยถาม “ไปในเมืองค่ะ ขับไวๆ เลยนะคะ ฉันรีบ” หญิงสาวพูดกับคนขับแท็กซี่ด้วยความเร่งรีบด้วยท่าทีกระวนกระวายจนลิ้นแทบจะพันกัน ก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตูเตรียมจะก้าวขาขึ้นรถ แต่ในขณะนั้นเองจู่ๆ ท่อนแขนเล็กของเธอกลับถูกฝ่ามือหนาของคนที่วิ่งตามเธอมาสุดกำลัง คว้าเอาไว้ได้ทันและดึงร่างเธอเข้าหาตัวสวมกอดอย่างแนบแน่นอย่างไม่ทันตั้งตัว “อ๊ะ!” หมับ! “กอหญ้าอย่าหนีพี่ไปไหนอีกเลยนะ พี่จะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว” เสียงทุ้มต่ำเจือความเจ็บปวดพึมพำเบาๆ อยู่ข้างหูสวยขณะโอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น จนเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ และความไออุ่นอันแสนคุ้นเคยจากตัวเขา แต่ยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไหร่ความรวดร้าวภายในใจก็เหมือนจะเอ่อท่วมท้นมากขึ้นเท่านั้น ชวนให้นึกถึงสิ่งที่เขาเคยพูดและทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่ไยดี “ปะ ปล่อยฉันนะ! คุณเป็นใคร เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ” ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลายกำลังเล่นงาน เธอจึงพูดจาผลักไสไล่ส่งทั้งน้ำตา พยายามดิ้นรนสุดกำลังให้หลุดออกจากพันธนาการอ้อมกอดของเขา “ไม่ปล่อย กอหญ้าได้โปรดฟังพี่ก่อน พี่ขอร้องล่ะ” “ไม่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ช่วยด้วยใครก็ได้ บอกให้ปล่อยยังไงเล่า!” เธอกรีดร้องส่งเสียงดังขอความช่วยเหลืออย่างไม่อายใคร แต่แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามต่อต้าน ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือมากสักเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์อยู่ดี เมื่อลำแขนแกร่งได้รั้งโอบกอดร่างของเธอไว้แน่นขึ้นจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ราวกับกลัวว่าเธอจะสลายหายไป ทั้งคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์รวมไปถึงหนุ่มรุ่นพี่ที่เพิ่งวิ่งมาถึงและชายคนขับแท็กซี่ก็ทำได้แค่มองตาปริบๆ เพราะไม่อยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของผัวแม่เท่าไหร่นัก “อย่าทำแบบนี้กับพี่ได้ไหม อย่าผลักไสพี่ไปไหนอีกเลยนะ ชีวิตพี่คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอจริงๆ นะกอหญ้า” “ก่อนหน้านี้ก็อยู่มาได้ตั้งนาน แล้วตอนนี้คิดจะมาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก ปล่อยเซ่!” เธอไม่อยากฟังคำพูดที่เชื่อไม่ได้พวกนั้นอีกต่อไป แค่ครั้งเดียวที่เขาแกล้งทำเป็นว่ารักเธอ หลอกให้เธอเป็นคนโง่งมในความรักหลอกลวงตอนนั้นก็เกินพอแล้ว “ไม่ปล่อย! หัวเด็ดตีนขาดยังไงพี่ก็จะไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะยอมฟังพี่พูด” ชายหนุ่มยังโอบกอดเธอไว้แน่นทั้งยื่นคำขาดอย่างเด็ดเดี่ยวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ที่จะไม่พลาดโอกาสให้เธอจากเขาไปอีกเป็นครั้งที่สอง “ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้!” หญิงสาวที่ต้องการหลุดออกจากพันธนาการของชายหนุ่มให้เร็วที่สุด เธอจึงต้องฝืนใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกำหมัดแน่น ยกกำปั้นทุบตีหน้าอกแกร่งของเขาอย่างแรงไปหลายที ปึก! ปึก! ปึก! “โอ๊ย!” ชายหนุ่มที่ทนความเจ็บจากกำปั้นหนักของหญิงสาวไม่ไหวท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมคลายลำแขนแกร่งออกจากร่างเธอชั่วคราว ทว่าทันทีที่หญิงสาวหลุดจากพันธนาการอ้อมกอดชายหนุ่มได้สำเร็จ มือบางก็เหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มแรงจนเธอรู้สึกเจ็บชาไปทั้งมือ แต่เพื่อเป็นการเรียกสติของเขาให้หยุดฟุ้งซ่าน ตบครั้งนี้มันก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับเธอแล้ว เพี๊ยะ! เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังจนได้ยินอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนโดยรอบและภาคินหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งยืนมองเห็นเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็ถึงกับหยุดชะงัก เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงไปชั่วขณะตามๆ กันเช้าวันต่อมาแสงตะวันของยามเช้าสาดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องกระทบร่างกายที่ยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม ทว่าเพียงชั่วครู่คนตัวเล็กกลับถูกกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูกปลุกให้เธอต้องตื่นจากห้วงความฝัน “หอมจัง…อื้ออ” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาเบาๆ ขณะเปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาที่ยังพร่ามัวและง่วงงุน ก่อนเธอจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงและทำการยืดแขนยืดขาอย่างสบายใจ ชวนรู้สึกถึงความเมื่อยล้าที่เริ่มจางหายไป จากนั้นจึงหันกลับมากะว่าจะหอมแก้มเจ้าตัวน้อยข้างกายเหมือนในทุกๆ เช้า แต่หากว่าเช้าวันนี้เธอกลับพบเพียงเตียงนอนที่ว่างเปล่า ไร้วี่แววของร่างลูกชายตัวน้อย“เอ๋?” “…” เมื่อไม่เห็นร่างของลูกชาย หญิงสาวจึงยกมือขึ้นขยี้ตาไปมาเพื่อไล่ความง่วงงุนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ออกไปจากร่างกายทันที ก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ยังเพียงความว่างเปล่ากับบานประตูห้องที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยแทน เห็นดังนั้น หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบขึ้นมาเช่นเดียวกับความกังวลแล่นเข้ามาในอก ไม่รอช้าเธอรีบลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังประตูทันทีก่อนจะสาวเท้าลงบันไดไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว “ส
เมื่อเห็นว่าเธออุ้มร่างลูกชายขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสองแล้ว ร่างสูงจึงเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาก่อนค่อยๆ เอนหลังพิงนั่งยิ้มกริ่มกับตัวเองอยู่คนเดียว ขณะสายตาทอดมองฝนข้างนอกหน้าต่างบานเล็กที่ยังคงตกหนักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเร็วๆ นี้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่นั่งมองสายฝนเพลินๆ อยู่พักหนึ่งนั้น ชายหนุ่มที่แบกความเหนื่อยล้าจากการตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเร่งขับรถถ่อมาถึงที่นี่ ทำให้ร่างกายเขาเริ่มอ่อนแรงลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ร่างค่อยๆ เอนตัวนอนลงบนโซฟา เปลือกตาคมก็ค่อยๆ หย่อนลงอย่างช้าๆ จนกระทั่งปิดสนิทและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุด “ฟี้~” บนชั้นสอง ทว่าในระหว่างที่ชายหนุ่มเคลิ้มหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว คนที่พักผ่อนอยู่บนชั้นสองของบ้านกลับยังคงนอนพลิกตัวไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ข้างกายลูกชายที่นอนหลับสนิทแล้วอีกคน พรึ่บ พรึ่บ 22.45น.นี่ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วที่หญิงสาวยังคงนอนไม่หลับสักที แม้เธอจะพยายามข่มตาหลับแล้วแต่ก็เหมือนจะดูไร้ประโยชน์ อาจจะเป็นเพราะว่าคืนนี้มีบุคคลอื่นมานอนในบ้านเพิ่มอีกคนเช่นเดียวกับคำพูดของเขาในวันนี้ยังวนเวียนติดอยู่ในหัวเธอไม่จางหายจนกระทั่งถึงตอนน
คนตัวเล็กยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ มือสวยที่ถือแผ่นเอกสารก็เหมือนจะสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังไงเธอก็ยังไม่นึก ไม่ฝันและไม่อยากจะปักใจเชื่ออยู่ดี เพราะตอนที่เธอเจอกับต้นหนวันนี้ เขายังพูดอยู่เลยว่าเขายังโสด ไม่เคยมีแฟน แล้วจะมีลูกได้ยังไง แต่สรุปเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ “ไม่จริง...” เธอพึมพำเบาๆ ด้วยความสับสน ก่อนเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปากโต้แย้งกับเขาอย่างไม่เชื่อ “พี่อย่ามาสร้างเรื่องให้ฉันหลงเชื่อ ไปหน่อยเลยนะ ไม่มีหลักฐานแล้วยังไปกล่าวหาเขาลอยๆ แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหนกัน” “พี่ไม่ได้โกหก” เขาตอบกลับด้วยสายตาและน้ำเสียงแน่วแน่ ก่อนปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “ถ้าเธอยังไม่เชื่อที่พี่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ลองอ่านในผลตรวจให้จบก่อนสิ” พูดจบ คนตัวเล็กรีบก้มกวาดสายตาอ่านรายละเอียดตรงช่วงท้ายของแผ่นกระดาษอีกครั้งในทันที ‘ผลการตรวจดีเอ็นเอระบุยืนยันว่า นายชนธัญ จตุรพงษ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเด็กชาย ธนพัฒน์ จตุรพงษ์ 99.99%’ “อึก…” ใบหน้าสวยซีดเผือด หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้านไหวขึ้นมาโดยพลันหลังจากอ่านถึงตัวอักษรของประโยคสุดท้ายที่ระบุบนแผ่นกระดาษจบ เขาไม่ได้โกหกเธอจริงๆ ... “กอหญ้ามาถึงตอนนี้แล้
คนตัวเล็กยืนชะงักนิ่งไปทันที ด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ ก่อนหันกลับมามองเขาด้วยดวงตาสั่นไหว พร้อมถามย้ำเสียงแผ่วเพื่อความแน่ใจ “พี่ว่าอะไรนะ?” “ฟังพี่ดีๆ นะกอหญ้า เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของพี่” “…” นี่เธอคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เขากำลังบอกเธอว่าเด็กคนนั้น…ลูกชายของเขากับ ‘ลิตา’ เพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนของเธอ ผู้หญิงที่เขายอมผลักไสเธอ ถึงกับตัดขาดความสัมพันธ์กันไปราวกับคนไร้หัวใจ เพื่อมาเลือกเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทันทีที่ฟังชายหนุ่มจบ สีหน้าหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงอย่างหนัก คาดไม่ถึงว่าลูกชายของ ‘ลิตา’ จะไม่ใช่ ลูกของเขาอย่างที่เธอเข้าใจมาโดยตลอด แต่มันจะเชื่อได้อย่างที่เขาพูดมาอย่างนั้นนะเหรอ แล้วอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้กันล่ะทว่าชายหนุ่มที่เห็นสีหน้าเธอในตอนนี้แล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน “กอหญ้าพี่รู้นะว่าเธออาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่พี่พูด” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่งด้วยใบหน้าเศร้า ก่อนจะพูดอธิบายให้เธอกระจ่างต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่นี่มันคือสิ่งที่พี่พยายามต้องการจะอธิบายกับเธอมาตลอดเลยนะ”
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาได้รับรู้ความจริง...ความจริงที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนถูกบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก หญิงสาวยังคงสะอื้นไห้ออกมาไม่หยุด น้ำตาแห่งความปวดใจไหลทะลักลงมาราวกับทำนบแตกอย่างกลั้นไม่ไหว ปล่อยให้ชายหนุ่มกอดเธอไว้อย่างนั้นโดยไม่ผลักไสเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะครั้งนี้...เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเธอพยายามหลอกตัวเองแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่าเธอเข้มแข็งมาตลอด แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยตอนนี้เธอเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆแม้แต่ชายหนุ่มที่รักเธอหมดหัวใจ รักจนหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการกระทำของเขาเองทำได้เพียงโอบกอดร่างเธอแนบแน่นอย่างรู้สึกผิดทั้งกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจซ้ำๆ ว่าถ้าหากสามารถเจ็บแทนเธอได้ เขาก็ยินดีจะรับมันทั้งหมด ไม่ต้องปล่อยละเลยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานใจเพราะเขาแบบนี้เลย เสียงสะอื้นแต่ละครั้งดุจดั่งคมมีดกรีดเฉือนหัวใจชายหนุ่มทีละแผล ทรมานจนสุดที่จะทนทานเช่นเดียวกับความรู้สึกผิดที่กำลังกัดกินหัวใจเขาเป็นสองเท่า จนทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับร่างกายเลยด้วยซ้ำ เขามันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่
ภายใต้บรรยากาศที่ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เมื่อร่างเล็กยอมยืนนิ่งไม่เดินจากเขาไป ชายหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบก้าวเดินไปที่โต๊ะตัวเล็ก ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับยื่นซองเอกสารบางอย่างให้เธอตรงหน้า“ลองอ่านดูสิ แล้วเธอจะเข้าใจทุกอย่าง” เขากล่าวเสียงอ่อนมองมาที่เธอด้วยแววตามั่นคง นัยน์ดวงตาคมเต้นระริกเปี่ยมไปความหวัง ภาวนาอยู่ในใจขอให้เธอใจอ่อน ยอมรับฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอกเธอต่อไปนี้ด้วยเถอะ และในทางหญิงสาวที่ยื่นแน่นิ่ง ถึงไม่แม้แต่จะสบตาเขาก็ตาม แต่ทันทีที่เหลือบตามามองซองเอกสารตรงหน้าจู่ๆ หัวใจของเธอกลับเต้นสั่นระรัวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ราวกับมีเซ็นสัมผัสได้ว่าภายในเอกสารฉบับนี้ต้องมีเรื่องให้เธอประหลาดใจมากอย่างแน่นอน ดวงตากลมยังคงจ้องมองเอกสารในมือหนานิ่ง เดิมทีเธอทั้งเกลียดและโกรธเขาเป็นเดิมพันอยู่แล้ว และเคยพูดชัดเจนไปแล้วว่าไม่ต้องการจะรับฟังเหตุผลอะไรจากเขาอีก แต่พอได้เห็นท่าทีหนักแน่นเอาจริงเอาจังของเขาในตอนนี้แล้ว ก็เหมือนมีแรงจูงใจอย่างบางให้เธออดอยากรู้ไม่ได้เลยว่า ข้างในซองเอกสารที่เขาต้องการให้เธอเปิดอ่านนั้นคือเรื่องอะไรกัน ท้ายที่สุดแล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น หญิงสาวก็เอ่ย
“พี่นี่มันชักจะบ้าเกินไปใหญ่แล้ว มีเงินมากหรือไง เมื่อไหร่พี่จะเลิกสร้างเรื่องให้ฉันสักทีห๊ะ” เธอยังคงพูดต่อว่าเขาอย่างหัวเสียสุดๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายามเข้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นมีหรือที่คนหัวดื้อรั้นอย่างเขาจะหยุดเพียงเท่านี้ “ก็ไม่รวยเท่าไหร่หรอก แต่ก็พอดูแลเธอกับลูกได้สบายเลยนะ แล้วอีกอย่างที่ดินบ้านกับหลังนี้ก็ราคาไม่เท่าไหร่หรอก พี่จ่ายไหว” คุณพระ! พูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าจ่ายไหว ก่อนที่ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เมื่อ5ปีก่อน เขายังบอกประกาศขายอยู่ที่ประมาณแปดแสนอยู่เลย ราคาปัจจุบันตอนนี้ก็น่าจะไม่น้อยไปกว่านั้นแน่ มันก็ถือว่าเยอะมากสำหรับเธอเลยนะ แต่อย่างว่าก็ยังไม่น่าตกใจเท่าเช็คเงินสดสิบล้านที่เขาให้มาหรอกมั้ง “อย่ามาทำตัวอวดดีเป็นพวกเสี่ยสายเปย์ไปหน่อยเลย นี่ฉันกำลังด่าพี่อยู่นะ” “พี่รู้ดีว่าเธอโกรธ แต่ที่พี่ทำลงไปก็เพื่อเธอกับลูกนะ” เขาพูดน้ำเสียงอ่อน อธิบายให้เธอเข้าใจในความหวังดีนี้ เผื่อว่าเธอจะเห็นใจเขาบ้างสักนิด “ใช่ฮะแม่ พ่อทำเพื่อพวกเรานะฮะ แม่อย่าโกรธนะ” ด้วยความไร้เดียงสาอยากให้คนเป็นแม่สบายไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อนอีก เ
“ว่ายังไง ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเผด็จการไม่น้อย หรี่ตามองทั้งสองอย่างคาดคั้น ภายใต้บรรยากาศที่เปลี่ยนเป็นชวนให้รู้สึกอึดอัดทั้งกดดัน ทว่ามาจนถึงตอนนี้สิ่งที่เธอได้กลับมายังมีเพียงความเงียบงัน ไร้วี่แววของคำตอบที่เธอต้องการจะฟัง “…” ชายหนุ่มและแม้กระทั่งลูกชายของเธอเองก็พากันก้มหน้าก้มตาหลบเลี่ยง ช่วยกันปิดปากเงียบไม่มีใครยอมสารภาพออกมา นิสัยดื้อรั้นเหมือนกันไม่มีผิดเลยจริงๆ ! พอได้เห็นท่าทีดื้อรั้นของสองคนนี้ราวกับว่าได้เลียนแบบกันมาจากทางสายเลือดแล้ว ทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกเหลืออดมากเลยทีเดียว จนเธอต้องหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไปเฮือกใหญ่ข่มกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจให้มากที่สุด ท่องไว้ว่านี่คือลูกเธอ ไม่ใช่ลูกเขา ห้ามโกรธและห้ามโกรธ! “สิงหา!” แต่ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมพูด หญิงสาวจึงตะคอกน้ำเสียงเสียงเรียกลูกชายออกมาด้วยความขึ้งโกรธเบาๆ มองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยสายตาคาดคั้นขึ้นกว่าเดิม ทำให้เด็กชายถึงกับตกใจจนสะดุ้งตัวโยน “ฮึก!” “ได้ยินที่แม่ถามไหม ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มาอยู่ในบ้านของเรา แล้วลูกมาอยู่กับเขาที่นี่ได้ยัง
เคล้งง!!เสียงท่อนเหล็กในมือถูกวางทิ้งลงพื้นกะทันหัน กระทบพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หญิงสาวเบิกตากว้างมองร่างเล็กของลูกชายที่วิ่งออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านอย่างตะลึงลาน ไม่คาดคิดว่าลูกชายเธอจะอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน“สิงหาลูก!” “แม่ฮะ!”ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเป็นอันดับแรก คนเป็นแม่เช่นเธอก็ไม่ลังเลที่จะฝ่าความมืด ก้าวเท้าวิ่งผ่านร่างคนร้ายพุ่งตรงไปปกป้องลูกในทันที“สิงหาหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หนูไม่เป็นไรใช่ไหม โดนทำร้ายตรงไหนบ้าง” เธออุ้มร่างลูกชายขึ้นมากอดในอ้อมอกเอาไว้แน่น เอ่ยถามคำถามรัวๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างหวาดกลัวจนหยาดน้ำตาเม็ดใสเริ่มเอ่อซึมออกมาอย่างสะเทือนใจ เมื่อเห็นว่าลูกชายต้องตกอยู่เงื้อมมือของคนไม่ดีแต่ทว่าในตอนนี้เหมือนเด็กชายจะไม่สนใจในสิ่งที่เธอถามเลยสักนิด กลับชะเง้อมองไปรอบๆ ราวกับว่ากำลังมองหาใครสักคนอยู่“แม่ฮะ พ่ออยู่ไหน”พอเห็นสีหน้าตระหนกของลูกชาย หญิงสาวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ถามแบบนี้“พ่อเหรอ?”“ใช่ฮะ เมื่อกี้พ่อเดินออกมาดูว่าแม่กลับแล้วยัง แต่อยู่ๆ ผมได