ใบหน้าหล่อคมเข้มหันไปตามแรงกระแทกจนร่างเขาซวนเซก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ท่ามกลางสายตาของหลายๆ คน แม้แต่รุ่นพี่อย่างภาคินเองก็ยังคงยืนตกตะลึงกับฉากนี้ไม่หาย ถึงเขาจะยังไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่การกระทำของรุ่นน้องเมื่อครู่นี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งสองอย่างแน่นอน
เพราะไม่อย่างนั้นรุ่นน้องอย่างองศาก็คงไม่มีท่าทีทำอะไรหุนหันพลันเเล่น วิ่งตามหญิงสาวคนนั้นออกมาอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้แน่นอน เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นคือผู้หญิงที่เขากำลังตามหา… “หยุดบ้าได้แล้วยัง” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างเหลืออด “อึก…” เมื่อชายหนุ่มได้ยินน้ำเสียงและเห็นแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บแค้นหัวใจที่มีต่อเขาแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่เคยมีใครได้เห็นง่ายๆ ก็หลั่งไหลลงมาอาบใบหน้าเขาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป “กอหญ้าพี่ขอโทษ หลายปีมานี้พี่พยายามตามหาตัวเธอมาตลอดเลยนะ พี่อยากจะอธิบายความจริงในความผิดพลาดที่พี่ได้ทำผิดต่อเธอเอาไว้…” เพี๊ยะ! ยังไม่ทันให้ชายหนุ่มได้พูดจบประโยค ฝ่ามือบางของหญิงสาวก็ฝาดตบเข้ามาที่ใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้งอย่างไม่ออมแรงทั้งน้ำตา บ่งบอกว่าเธอกำลังรู้สึกโกรธแค้นเคืองเขามากแค่ไหนและไม่สามารถทนเห็น ทนฟังเขาพูดเเก้ตัวที่ดูลวงโลกเหล่านั้นได้ เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าหล่อคมเข้มหันไปตามแรงตบเมื่อครู่รู้สึกชาไปชั่วขณะ แต่เขาก็ไม่นึกโทษที่หญิงสาวทำร้ายเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับนึกโทษตัวเองเสียมากกว่าที่ทำให้เธอต้องเจ็บช้ำจนกลายเป็นความเกลียดชังไปแล้ว คนอย่างเขามันก็สมควรโดนแล้วที่จะโดนแบบนี้ “…” “หยุดพูดสักทีเถอะ เราไม่เคยรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ทำแบบนี้ยังต้องการจะเอาอะไรจากฉันอีก” “ฮึก กอหญ้าให้โอกาสให้พี่ได้อธิบายได้ไหม พี่ทนไม่ไหวจริงๆ ถ้าเธอจะหนีพี่ไปอีกในเมื่อเราได้กลับมาเจอกันแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น ยิ่งทำให้คนที่ได้ยินแล้วรู้สึกเกิดความสงสารจับใจ แต่มันคงใช้ไม่ได้กับหญิงสาวเพียงคนเดียว “พี่เลิกสร้างเรื่องสักที ฉันไม่อินหรอกนะ เรื่องของเรามันจบไปนานแล้วจะให้คุยกันอีก หยุดมาวุ่นวายกับฉันได้แล้ว หรือที่ผ่านมาตอนนั้นพี่ยังเล่นสนุกกับหัวใจของฉันยังไม่พอใช่ไหม!” ทุกคำพูดผลักไสไล่ส่งอย่างไร้เยื่อใยของหญิงสาวราวกับมีดอันแหลมคมกรีดลึกลงมากลางใจชายหนุ่มอย่างแรง จนกลายเป็นแผลลึกซ้ำเติมแผลเก่าที่ยังไม่หายดี ความรู้สึกผิดที่ฝังอยู่ใจมานานเป็นสิ่งที่ไม่อาจขจัดได้ง่ายๆ แต่หลายปีมานี้ตัวเขาเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานใจไม่ต่างกับเธอเลยเหมือนกัน “จะทุบตีหรือจะต่อว่าพี่ยังไงก็ได้พี่ยอมทั้งนั้น แต่ขอโอกาสให้ฟังพี่อธิบายหน่อยได้มั้ย ทุกอย่างที่พี่ทำไปตอนนั้นมันมีเหตุผลนะ จริงๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอแบบนั้นเลย ได้โปรดเชื่อพี่สักครั้งได้ไหมกอหญ้า” “ไม่เชื่อ! ยังไงก็จะไม่มีวันเชื่อ ฉันโง่หลงเชื่อพี่มามากพอสมควร แล้วอีกอย่างเรื่องพวกนั้นมันเป็นอดีตมาตั้งนานแล้วจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกให้ได้อะไรขึ้นมา ทางที่ดีต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะอย่ามาระรานกันอีกเลย” เธอเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธเคืองและเสียใจ ดวงตาสวยแฝงความเกลียดชังจนแดงก่ำจ้องหน้าชายหนุ่มทั้งน้ำตาหลั่งที่ออกมาอาบแก้มอย่างไม่มีอะไรจะพูดอีก ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้เขาอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกลียดที่สุดในชีวิต เตรียมเปิดประตูขึ้นรถแท็กซี่ที่ยังคงจอดรออยู่หวังจะจากไป แต่ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมให้เธอหนีไปจากเขาง่ายๆ เช่นเดียวกัน พรึ่บ “อ๊ะ!” ลำแขนแกร่งสวมกอดร่างบางจากทางด้านหลังไว้แนบแน่นอีกครั้ง คิดในใจอย่างแน่วแน่ว่าอุตส่าห์ได้เจอกันแล้วไม่ว่ายังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง “กอหญ้าจะเกลียดพี่ยังไงก็ได้ แต่พี่ขอโอกาสอธิบายแค่ครั้งเดียวเถอะนะ ครั้งเดียวก็พอ หยุดฟังพี่ก่อนได้โปรด” เสียงสะอื้นแทรกอยู่ในทุกคำพูดของเขา แต่เธอกลับส่ายหน้าช้าๆ แววตาผิดหวังและรังเกียจ “ทำอะไรของพี่อีก ฉันไม่อยากฟัง ปล่อยนะ!” “ไม่ปล่อย ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องพี่ปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆ” “ไม่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ฉันจะกลับบ้าน!” ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร อีกคนผลักไสแต่อีกคนกลับต้องการ จนรุ่นพี่อย่างภาคินที่มองเหตุการณ์เต็มไปด้วยสับสนกับความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เพื่อช่วยรุ่นน้องเขาจึงต้องทำตีเนียนอย่างรู้งาน ส่งสัญญาณมือบอกคนขับแท็กซี่ขับออกไปไม่ต้องรอ เห็นดังนั้นคนขับรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่นานก็เหยียบคันเร่งรถขับออกไปในที่สุด โดยไม่อยากเสียเวลารอคู่รักเคลียร์ใจกันจนพลาดลูกค้าคนอื่นๆ ที่รอใช้บริการอีก แต่ทว่าหญิงสาวถึงกับเบิกตากว้าง ใจหายวาบรีบตะโกนเรียกรถให้วนกลับมารับเธอก่อน “เดี๋ยวสิ แท็กซี่รอด้วยค่ะ อย่าเพิ่งไป แท็กซี่!!” แต่ท้ายที่สุด ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามตะโกนเรียกแค่ไหนรถแท็กซี่คันดังกล่าวก็ยังขับเคลื่อนจากไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจอด เธอจึงทำได้เพียงไล่สายตามองตามท้ายรถด้วยความสิ้นหวังกับชะตาที่กำลังเล่นตลกกับตัวเองยิ่งนัก อยากหนีหายไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้แต่เธอกลับหนีเขาไม่พ้นเสียที “ได้โปรดนะกอหญ้า ฟังพี่พูดความจริงในใจสักนิดเถอะนะ พี่ขอร้องล่ะ” ท่ามกลางเสียงสะอื้นชายหนุ่มยังคงไม่ล้มเลิกความพยายามเอ่ยปากขอร้องอ้อนวอนหญิงสาวทั้งน้ำตา หวังว่าเธอจะยอมใจอ่อนฟังสิ่งที่เขาจะพูดอธิบายทุกอย่างของเรื่องทั้งหมดที่ผิดพลาดให้เธอได้เข้าใจ หญิงสาวที่รู้สึกหมดหวังในทุกสิ่งเห็นว่าชายหนุ่มยังไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ เพื่อให้หลุดพ้นจากตรงนี้ เธอก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ฝืนจำยอมใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ปล่อยตัวฉันได้แล้ว มีอะไรจะพูดก็พูดมา แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะรับฟัง” น้ำเสียงของเธอเย็นชาและแข็งกระด้าง “ถ้าพี่ปล่อย เธอจะไม่หนีพี่ไปไหนอีกใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างหวั่นใจกลัวว่าหญิงสาวจะหนีไปอีก “อืม…” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตอบรับและไม่มีท่าทีว่าจะขัดขืน เขาจึงยอมคลายอ้อมกอดปล่อยตัวเธอจากร่างกำยำของเขาให้เป็นอิสระอย่างว่าง่ายตามคำขอร้องที่เธอต้องการแต่โดยดี หลังจากเป็นอิสระ ร่างบางจึงหมุนตัวหันกลับมาประจันหน้ากับร่างสูงอีกครั้ง แต่แววตาที่เธอมองเขาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้ซึ่งเยื่อใยที่เคยมีต่อกันเลยสักนิด แม้แต่น้ำตาของลูกผู้ชายที่ไหลพรั่งพรูออกมาก็ไม่ได้ช่วยทำให้หญิงสาวใจอ่อนเลย จนการไม่แยแสสนใจของเธอเช่นนั้นเหมือนคมมีดนับพันนับหมื่นเล่มกรดลงกลางใจชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า “กอหญ้าที่ผ่านมาพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจเธอเลยจริงๆ ผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักคือเธอคนเดียวมาตลอดจนถึงตอนนี้พี่ก็รักได้แค่เธอ แต่ทุกอย่างในตอนนั้นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดและมีเหตุผล พี่ไม่มีทางเลือกเพราะพี่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า...” “แล้วมันยังไงเหรอ เรื่องของพี่มันเกี่ยวข้องกับฉันยังไง ที่ผ่านมาพี่ยังทำฉันเจ็บไม่พออีกเหรอ คราวนี้จะหลอกลวงอะไรฉันอีกดีล่ะ รู้มั้ยว่าฉันที่ผ่านมาฉันเกือบจะลืมพี่ได้สนิทแล้ว จะมาพูดอธิบายความจริงอะไรตอนนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา มันสายเกินไปแล้วและไม่สามารถซ่อมความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่ให้เป็นเหมือนเดิมได้หรอกนะ…เลิกพยายามเถอะตอนนี้พี่ก็มีครอบครัวอยู่แล้ว อย่างที่ฉันบอกว่าระหว่างเราควรจะต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด คงเข้าใจนะ” “ไม่ไป พี่ไม่ได้รักลิตาเลยนะ พี่ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ หลายปีมานี้พี่พยายามตามหาแต่เธอคนเดียว พี่รักเธอนะกอหญ้า” “ไม่เข้าใจคำว่าสายเกินไปเหรอ ที่พี่จะมาพูดแก้ตัวเอาตอนนี้ …ฉันก็ไม่ได้รักพี่แล้ว เราจบกันแค่นี้เถอะนะ กลับไปหาภรรยาที่รักและกลับไปใช้ชีวิตของพี่เหมือนเดิมเถอะ” “...” “วันนี้คิดเสียว่าเราแค่บังเอิญผ่านมาเจอกันและก็จากไป เดินหน้าต่อตามเส้นทางของตัวเองแค่นั้น อย่างมาวุ่นวายกันอีก จิ๊กซอว์ที่มันเคยผุพังไปแล้วจะเอามาต่อให้กลับเป็นเหมือนเดิมคงจะไม่ได้…” ทุกคำพูดผลักไสของหญิงสาวราวกับคมมีดอย่างไม่ต้องการรับรู้คำอธิบายอะไรอีก ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเหมือนจะเจ็บปวดแทบขาดใจตายไปเสียตรงนั้น หัวใจบีบแน่นเข้าหากันจนเขาแทบรับไม่ไหวเหมือนจะล้มทั้งยืน ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายทั้งเป็นเลยสักนิด แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาจะดึงหัวใจเธอกลับมาหาเขาให้ได้ “ให้พี่ได้แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดสักครั้งไม่ได้เหรอ ครั้งนี้พี่สัญญาว่าจะทำให้ทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม และจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีกเป็นอันขาด พี่สัญญาจะให้พี่ไปสาบานที่วัดไหน ที่ไหนก็ได้ พี่ยอมทั้งนั้น” น้ำเสียงอ้อนวอนของเขาระคนความเจ็บปวด ขอให้เธอกลับมาคืนดี ขอความเห็นใจให้เขาได้ลองพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาของเธอยังคงเฉยชาไร้ความรู้สึกเพราะกว่าที่เธอจะเข้มแข็งได้ขนาดนี้จะยอมให้เขาเข้ามาทำร้ายหัวใจเธอให้แตกสลายอีกครั้งง่ายๆ ได้ยังไงกัน “ที่ฉันพูดไปทั้งหมดพี่ควรจะเข้าใจได้แล้วนะ หรือว่าพี่แกล้งโง่กันแน่ ฟังให้ดีๆ ว่าฉันไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างพี่อีก เข้าใจแล้วยัง หนังสือเล่มเก่าก็คงจะมีตอนจบที่เหมือนเดิม เรื่องของเรามันจบไปแล้วและไม่มีทางจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรอก จำเอาไว้”เช้าวันต่อมาแสงตะวันของยามเช้าสาดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องกระทบร่างกายที่ยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม ทว่าเพียงชั่วครู่คนตัวเล็กกลับถูกกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูกปลุกให้เธอต้องตื่นจากห้วงความฝัน “หอมจัง…อื้ออ” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาเบาๆ ขณะเปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาที่ยังพร่ามัวและง่วงงุน ก่อนเธอจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงและทำการยืดแขนยืดขาอย่างสบายใจ ชวนรู้สึกถึงความเมื่อยล้าที่เริ่มจางหายไป จากนั้นจึงหันกลับมากะว่าจะหอมแก้มเจ้าตัวน้อยข้างกายเหมือนในทุกๆ เช้า แต่หากว่าเช้าวันนี้เธอกลับพบเพียงเตียงนอนที่ว่างเปล่า ไร้วี่แววของร่างลูกชายตัวน้อย“เอ๋?” “…” เมื่อไม่เห็นร่างของลูกชาย หญิงสาวจึงยกมือขึ้นขยี้ตาไปมาเพื่อไล่ความง่วงงุนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ออกไปจากร่างกายทันที ก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ยังเพียงความว่างเปล่ากับบานประตูห้องที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยแทน เห็นดังนั้น หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบขึ้นมาเช่นเดียวกับความกังวลแล่นเข้ามาในอก ไม่รอช้าเธอรีบลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังประตูทันทีก่อนจะสาวเท้าลงบันไดไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว “ส
เมื่อเห็นว่าเธออุ้มร่างลูกชายขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสองแล้ว ร่างสูงจึงเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาก่อนค่อยๆ เอนหลังพิงนั่งยิ้มกริ่มกับตัวเองอยู่คนเดียว ขณะสายตาทอดมองฝนข้างนอกหน้าต่างบานเล็กที่ยังคงตกหนักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเร็วๆ นี้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่นั่งมองสายฝนเพลินๆ อยู่พักหนึ่งนั้น ชายหนุ่มที่แบกความเหนื่อยล้าจากการตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเร่งขับรถถ่อมาถึงที่นี่ ทำให้ร่างกายเขาเริ่มอ่อนแรงลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ร่างค่อยๆ เอนตัวนอนลงบนโซฟา เปลือกตาคมก็ค่อยๆ หย่อนลงอย่างช้าๆ จนกระทั่งปิดสนิทและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุด “ฟี้~” บนชั้นสอง ทว่าในระหว่างที่ชายหนุ่มเคลิ้มหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว คนที่พักผ่อนอยู่บนชั้นสองของบ้านกลับยังคงนอนพลิกตัวไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ข้างกายลูกชายที่นอนหลับสนิทแล้วอีกคน พรึ่บ พรึ่บ 22.45น.นี่ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วที่หญิงสาวยังคงนอนไม่หลับสักที แม้เธอจะพยายามข่มตาหลับแล้วแต่ก็เหมือนจะดูไร้ประโยชน์ อาจจะเป็นเพราะว่าคืนนี้มีบุคคลอื่นมานอนในบ้านเพิ่มอีกคนเช่นเดียวกับคำพูดของเขาในวันนี้ยังวนเวียนติดอยู่ในหัวเธอไม่จางหายจนกระทั่งถึงตอนน
คนตัวเล็กยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ มือสวยที่ถือแผ่นเอกสารก็เหมือนจะสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังไงเธอก็ยังไม่นึก ไม่ฝันและไม่อยากจะปักใจเชื่ออยู่ดี เพราะตอนที่เธอเจอกับต้นหนวันนี้ เขายังพูดอยู่เลยว่าเขายังโสด ไม่เคยมีแฟน แล้วจะมีลูกได้ยังไง แต่สรุปเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ “ไม่จริง...” เธอพึมพำเบาๆ ด้วยความสับสน ก่อนเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปากโต้แย้งกับเขาอย่างไม่เชื่อ “พี่อย่ามาสร้างเรื่องให้ฉันหลงเชื่อ ไปหน่อยเลยนะ ไม่มีหลักฐานแล้วยังไปกล่าวหาเขาลอยๆ แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหนกัน” “พี่ไม่ได้โกหก” เขาตอบกลับด้วยสายตาและน้ำเสียงแน่วแน่ ก่อนปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “ถ้าเธอยังไม่เชื่อที่พี่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ลองอ่านในผลตรวจให้จบก่อนสิ” พูดจบ คนตัวเล็กรีบก้มกวาดสายตาอ่านรายละเอียดตรงช่วงท้ายของแผ่นกระดาษอีกครั้งในทันที ‘ผลการตรวจดีเอ็นเอระบุยืนยันว่า นายชนธัญ จตุรพงษ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเด็กชาย ธนพัฒน์ จตุรพงษ์ 99.99%’ “อึก…” ใบหน้าสวยซีดเผือด หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้านไหวขึ้นมาโดยพลันหลังจากอ่านถึงตัวอักษรของประโยคสุดท้ายที่ระบุบนแผ่นกระดาษจบ เขาไม่ได้โกหกเธอจริงๆ ... “กอหญ้ามาถึงตอนนี้แล้
คนตัวเล็กยืนชะงักนิ่งไปทันที ด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ ก่อนหันกลับมามองเขาด้วยดวงตาสั่นไหว พร้อมถามย้ำเสียงแผ่วเพื่อความแน่ใจ “พี่ว่าอะไรนะ?” “ฟังพี่ดีๆ นะกอหญ้า เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของพี่” “…” นี่เธอคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เขากำลังบอกเธอว่าเด็กคนนั้น…ลูกชายของเขากับ ‘ลิตา’ เพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนของเธอ ผู้หญิงที่เขายอมผลักไสเธอ ถึงกับตัดขาดความสัมพันธ์กันไปราวกับคนไร้หัวใจ เพื่อมาเลือกเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทันทีที่ฟังชายหนุ่มจบ สีหน้าหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงอย่างหนัก คาดไม่ถึงว่าลูกชายของ ‘ลิตา’ จะไม่ใช่ ลูกของเขาอย่างที่เธอเข้าใจมาโดยตลอด แต่มันจะเชื่อได้อย่างที่เขาพูดมาอย่างนั้นนะเหรอ แล้วอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้กันล่ะทว่าชายหนุ่มที่เห็นสีหน้าเธอในตอนนี้แล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน “กอหญ้าพี่รู้นะว่าเธออาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่พี่พูด” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่งด้วยใบหน้าเศร้า ก่อนจะพูดอธิบายให้เธอกระจ่างต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่นี่มันคือสิ่งที่พี่พยายามต้องการจะอธิบายกับเธอมาตลอดเลยนะ”
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาได้รับรู้ความจริง...ความจริงที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนถูกบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก หญิงสาวยังคงสะอื้นไห้ออกมาไม่หยุด น้ำตาแห่งความปวดใจไหลทะลักลงมาราวกับทำนบแตกอย่างกลั้นไม่ไหว ปล่อยให้ชายหนุ่มกอดเธอไว้อย่างนั้นโดยไม่ผลักไสเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะครั้งนี้...เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเธอพยายามหลอกตัวเองแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่าเธอเข้มแข็งมาตลอด แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยตอนนี้เธอเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆแม้แต่ชายหนุ่มที่รักเธอหมดหัวใจ รักจนหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการกระทำของเขาเองทำได้เพียงโอบกอดร่างเธอแนบแน่นอย่างรู้สึกผิดทั้งกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจซ้ำๆ ว่าถ้าหากสามารถเจ็บแทนเธอได้ เขาก็ยินดีจะรับมันทั้งหมด ไม่ต้องปล่อยละเลยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานใจเพราะเขาแบบนี้เลย เสียงสะอื้นแต่ละครั้งดุจดั่งคมมีดกรีดเฉือนหัวใจชายหนุ่มทีละแผล ทรมานจนสุดที่จะทนทานเช่นเดียวกับความรู้สึกผิดที่กำลังกัดกินหัวใจเขาเป็นสองเท่า จนทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับร่างกายเลยด้วยซ้ำ เขามันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่
ภายใต้บรรยากาศที่ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เมื่อร่างเล็กยอมยืนนิ่งไม่เดินจากเขาไป ชายหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบก้าวเดินไปที่โต๊ะตัวเล็ก ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับยื่นซองเอกสารบางอย่างให้เธอตรงหน้า“ลองอ่านดูสิ แล้วเธอจะเข้าใจทุกอย่าง” เขากล่าวเสียงอ่อนมองมาที่เธอด้วยแววตามั่นคง นัยน์ดวงตาคมเต้นระริกเปี่ยมไปความหวัง ภาวนาอยู่ในใจขอให้เธอใจอ่อน ยอมรับฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอกเธอต่อไปนี้ด้วยเถอะ และในทางหญิงสาวที่ยื่นแน่นิ่ง ถึงไม่แม้แต่จะสบตาเขาก็ตาม แต่ทันทีที่เหลือบตามามองซองเอกสารตรงหน้าจู่ๆ หัวใจของเธอกลับเต้นสั่นระรัวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ราวกับมีเซ็นสัมผัสได้ว่าภายในเอกสารฉบับนี้ต้องมีเรื่องให้เธอประหลาดใจมากอย่างแน่นอน ดวงตากลมยังคงจ้องมองเอกสารในมือหนานิ่ง เดิมทีเธอทั้งเกลียดและโกรธเขาเป็นเดิมพันอยู่แล้ว และเคยพูดชัดเจนไปแล้วว่าไม่ต้องการจะรับฟังเหตุผลอะไรจากเขาอีก แต่พอได้เห็นท่าทีหนักแน่นเอาจริงเอาจังของเขาในตอนนี้แล้ว ก็เหมือนมีแรงจูงใจอย่างบางให้เธออดอยากรู้ไม่ได้เลยว่า ข้างในซองเอกสารที่เขาต้องการให้เธอเปิดอ่านนั้นคือเรื่องอะไรกัน ท้ายที่สุดแล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น หญิงสาวก็เอ่ย
“พี่นี่มันชักจะบ้าเกินไปใหญ่แล้ว มีเงินมากหรือไง เมื่อไหร่พี่จะเลิกสร้างเรื่องให้ฉันสักทีห๊ะ” เธอยังคงพูดต่อว่าเขาอย่างหัวเสียสุดๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายามเข้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นมีหรือที่คนหัวดื้อรั้นอย่างเขาจะหยุดเพียงเท่านี้ “ก็ไม่รวยเท่าไหร่หรอก แต่ก็พอดูแลเธอกับลูกได้สบายเลยนะ แล้วอีกอย่างที่ดินบ้านกับหลังนี้ก็ราคาไม่เท่าไหร่หรอก พี่จ่ายไหว” คุณพระ! พูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าจ่ายไหว ก่อนที่ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เมื่อ5ปีก่อน เขายังบอกประกาศขายอยู่ที่ประมาณแปดแสนอยู่เลย ราคาปัจจุบันตอนนี้ก็น่าจะไม่น้อยไปกว่านั้นแน่ มันก็ถือว่าเยอะมากสำหรับเธอเลยนะ แต่อย่างว่าก็ยังไม่น่าตกใจเท่าเช็คเงินสดสิบล้านที่เขาให้มาหรอกมั้ง “อย่ามาทำตัวอวดดีเป็นพวกเสี่ยสายเปย์ไปหน่อยเลย นี่ฉันกำลังด่าพี่อยู่นะ” “พี่รู้ดีว่าเธอโกรธ แต่ที่พี่ทำลงไปก็เพื่อเธอกับลูกนะ” เขาพูดน้ำเสียงอ่อน อธิบายให้เธอเข้าใจในความหวังดีนี้ เผื่อว่าเธอจะเห็นใจเขาบ้างสักนิด “ใช่ฮะแม่ พ่อทำเพื่อพวกเรานะฮะ แม่อย่าโกรธนะ” ด้วยความไร้เดียงสาอยากให้คนเป็นแม่สบายไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อนอีก เ
“ว่ายังไง ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเผด็จการไม่น้อย หรี่ตามองทั้งสองอย่างคาดคั้น ภายใต้บรรยากาศที่เปลี่ยนเป็นชวนให้รู้สึกอึดอัดทั้งกดดัน ทว่ามาจนถึงตอนนี้สิ่งที่เธอได้กลับมายังมีเพียงความเงียบงัน ไร้วี่แววของคำตอบที่เธอต้องการจะฟัง “…” ชายหนุ่มและแม้กระทั่งลูกชายของเธอเองก็พากันก้มหน้าก้มตาหลบเลี่ยง ช่วยกันปิดปากเงียบไม่มีใครยอมสารภาพออกมา นิสัยดื้อรั้นเหมือนกันไม่มีผิดเลยจริงๆ ! พอได้เห็นท่าทีดื้อรั้นของสองคนนี้ราวกับว่าได้เลียนแบบกันมาจากทางสายเลือดแล้ว ทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกเหลืออดมากเลยทีเดียว จนเธอต้องหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไปเฮือกใหญ่ข่มกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจให้มากที่สุด ท่องไว้ว่านี่คือลูกเธอ ไม่ใช่ลูกเขา ห้ามโกรธและห้ามโกรธ! “สิงหา!” แต่ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมพูด หญิงสาวจึงตะคอกน้ำเสียงเสียงเรียกลูกชายออกมาด้วยความขึ้งโกรธเบาๆ มองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยสายตาคาดคั้นขึ้นกว่าเดิม ทำให้เด็กชายถึงกับตกใจจนสะดุ้งตัวโยน “ฮึก!” “ได้ยินที่แม่ถามไหม ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มาอยู่ในบ้านของเรา แล้วลูกมาอยู่กับเขาที่นี่ได้ยัง
เคล้งง!!เสียงท่อนเหล็กในมือถูกวางทิ้งลงพื้นกะทันหัน กระทบพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หญิงสาวเบิกตากว้างมองร่างเล็กของลูกชายที่วิ่งออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านอย่างตะลึงลาน ไม่คาดคิดว่าลูกชายเธอจะอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน“สิงหาลูก!” “แม่ฮะ!”ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเป็นอันดับแรก คนเป็นแม่เช่นเธอก็ไม่ลังเลที่จะฝ่าความมืด ก้าวเท้าวิ่งผ่านร่างคนร้ายพุ่งตรงไปปกป้องลูกในทันที“สิงหาหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หนูไม่เป็นไรใช่ไหม โดนทำร้ายตรงไหนบ้าง” เธออุ้มร่างลูกชายขึ้นมากอดในอ้อมอกเอาไว้แน่น เอ่ยถามคำถามรัวๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างหวาดกลัวจนหยาดน้ำตาเม็ดใสเริ่มเอ่อซึมออกมาอย่างสะเทือนใจ เมื่อเห็นว่าลูกชายต้องตกอยู่เงื้อมมือของคนไม่ดีแต่ทว่าในตอนนี้เหมือนเด็กชายจะไม่สนใจในสิ่งที่เธอถามเลยสักนิด กลับชะเง้อมองไปรอบๆ ราวกับว่ากำลังมองหาใครสักคนอยู่“แม่ฮะ พ่ออยู่ไหน”พอเห็นสีหน้าตระหนกของลูกชาย หญิงสาวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ถามแบบนี้“พ่อเหรอ?”“ใช่ฮะ เมื่อกี้พ่อเดินออกมาดูว่าแม่กลับแล้วยัง แต่อยู่ๆ ผมได