"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที
“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”
“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”
“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”
“คุณหนู!!”
“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”
“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”
ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก
“เสร็จแล้วเพคะ”
“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”
“เอ่อ…”
เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า
“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”
""พ่ะย่ะค่ะ""
เมื่อเขาหันไปก็ไม่พบเล่อชุนหลันแล้ว นางคงเดินออกไปช่วงที่เขาหันไปสั่งเสิ่นกงกับเสิ่นปา คิดไม่ถึงว่าจะพบนางที่นี่
“เล่อชุนหลัน…”
เขาค่อย ๆ หันไปมองผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายดอกโบตั๋นของนางที่ใช้พันแผลก่อนจะเดินออกมาจากโรงน้ำชาและกลับตำหนักทันทีเพื่อไปทำแผล จินถิงและชุนหลันที่ยังนั่งสั่นอยู่บนรถม้าก็เริ่มกลัวขึ้นมา
“คุณหนูเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ห้ามบอกท่านพ่อท่านแม่เด็ดขาดนะ”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อกลับถึงจวนทั้งชุนหลันและจินถิงต่างก็อยู่แต่ในห้องเงียบ ๆ นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านอ๋องจะทำแผลแล้วหรือยังแต่ก็คงไม่ต้องห่วงเขามากเพราะบาดแผลเพียงแค่นั้นคงจะทำอะไรเขาไม่ได้
“เพราะข้าออกจากจวนงั้นหรือเหตุการณ์ถึงได้เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ต้องเจอเขาจนได้แต่หากงานเลี้ยงคืนนี้ข้าไม่ไป เหตุการณ์น่าอึดอัดนั่นก็คงไม่เกิดขึ้นคราวนี้คงไม่มีเหตุการณ์นั้นแล้ว”
วันถัดมา
นางเดินออกมากินข้าวพร้อมกับฮูหยินแต่บิดาของนางเข้าวังไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเพราะราชการสำคัญ ส่วนพี่ชายก็มานั่งกินข้าวพร้อมกันก่อนจะออกไปทำงาน
“อะไรนะเจ้าคะ ท่านอ๋องมิได้ไปร่วมงานเลี้ยงหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้วล่ะเห็นว่าติดภารกิจด่วนนอกเมืองต้องไปทำ มีเพียงท่านราชครูเว่ยเท่านั้นที่ไปร่วมงาน”
“ที่จริงท่านอ๋องไม่ไปก็ดีเช่นกันพวกขุนนางแก่ ๆ ในนั้นเอาแต่พูดเรื่องอภิเษกของพระองค์จนน่าอึดอัด นี่น้องรองเจ้าไม่เห็นหน้าคู่ปรับของเจ้าเมื่อคืน น่าสงสารมากเลยล่ะ”
“คู่ปรับข้า… พี่ใหญ่ท่านกำลังพูดถึงลี่จินเซียน”
“ก็ใช่น่ะสิจะใครเสียอีกเล่าไม่คุยแล้วท่านแม่ข้าไปก่อนนะขอรับเดี๋ยวจะสาย ไปนะหลันเอ๋อร์”
แม้ว่าจะอยากถามต่อแต่นางก็ไม่ทันได้ถาม มารดาของนางจึงได้หันมาและเล่าให้ฟัง
“ท่านแม่ เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
“ก็เมื่อคืนนี้ท่านโหวลี่จางหย่งพาบุตรีไปหมายจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่น่ะสิ ที่สำคัญเจ้าไม่ไปงานนี้ด้วยก็เลยคิดว่าบุตรสาวจะได้โดดเด่นซึ่งนั่นก็จริงเพราะบุตรสกุลลี่เก่งทั้งการดีดพิณและยังงดงามตามวัยแต่เสียดาย นางอยากพบท่านอ๋องแต่เมื่อคืนนี้พระองค์มิได้เสด็จไป”
“ไม่ไปงั้นหรือเจ้าคะหรือว่า...”
“ใช่ นี่หลันเอ๋อร์ได้ข่าวหรือไม่เห็นบอกว่าเมื่อวานนี้มีการจับคนร้ายในตลาดที่หอจินเซ่อ เป็นคนต่างแคว้นเห็นว่าทำท่านอ๋องบาดเจ็บแม่จึงคิดว่าสาเหตุที่พระองค์มิได้เสด็จไปที่งานเลี้ยงเมื่อคืนคงเพราะเหตุนี้ด้วย”
“ลูก…ก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ก็ได้ยินข่าวอยู่เช่นกันแต่ว่าทำไมวันนี้ท่านพ่อเข้าวังแต่เช้าจนไม่รอพี่ใหญ่เล่าเจ้าคะ”
“เห็นว่าไปหารือเรื่องชายแดนกับมีรายงานด่วนมาจากเมืองหลวงน่ะ”
“อ้อ..”
จากเหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้เล่อชุนหลันไม่กล้าออกจากจวนอีก นางไม่นึกอยากจะเสี่ยงอันตรายสักเท่าไหร่แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่เหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไป
ห้องทรงงานท่านอ๋อง
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นแสดงว่า…”
“เสนาบดีเล่อ ท่านอย่าได้ตกใจไปที่ข้าจะบอกก็คือนางช่วยข้าไว้มิได้ทำให้ข้าบาดเจ็บ”
“แต่ว่า!! เหตุใดหลันเอ๋อร์จึงไปอยู่ที่นั่นและถูกคนร้ายจับตัวได้”
“นางแค่ไปดูละครตามปกติ แต่โชคไม่ดีที่คนร้ายกลับจับตัวพวกนางเอาไว้ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาตัวรอดได้ดีท่านสอนบุตรได้ดีมากทีเดียว”
“แต่พระองค์ทรงบาดเจ็บ”
“บาดแผลเล็กน้อยที่ข้าเรียกท่านเข้าวังมาแต่เช้าเพราะอยากจะปรึกษาท่านในเรื่องนี้”
ท่านอ๋องยื่นกล่องใส่ราชโองการสีเหลืองทองด้านในให้เสนาบดีเล่อดู เขาค่อย ๆ หยิบออกมา
“นี่คือ…”
“ราชโองการของเสด็จพ่อที่ส่งมาให้ ข้ายังไม่เปิดเผยที่เรียกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะหารือเรื่องการแต่งตั้งพระชายา”
“พระชายา!! หรือว่านี่จะเป็น พระราชโองการสมรสหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว ข้าเพียงอยากจะถามให้แน่ใจว่า ข้าหมายถึงบุตรสาวของท่านจะยินดีหมั้นหมายกับข้าหรือไม่”
“เรื่องนี้…”
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่ลังเลที่จะทูลท่านอ๋องว่าบุตรสาวของเขาเฝ้ารอราชโองการนี้มานานหนักหนา แต่บัดนี้เขากลับไม่แน่ใจเพราะท่าทีของบุตรสาวในช่วงสองสามวันนี้แปลกไปอย่างชัดเจน
“ท่านไม่จำเป็นต้องคิดมาก ที่ข้าให้ดูเพราะให้ท่านรับรู้เอาไว้เพียงเท่านั้นและไม่ต้องไปเร่งรัดนางเพราะข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนตราบใดที่…”
ไม่ทันที่ท่านอ๋องจะทรงได้ตรัสอะไรเสิ่นกงก็เดินเข้ามาในห้องและคำนับให้ทั้งคู่
“มีอะไร”
“ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าลี่จางหย่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ลี่จางหย่ง หึ คิดเอาไว้ไม่มีผิดเวลานี้สินะ รู้แล้วเจ้าบอกให้เขารออยู่ด้านนอกก่อนข้ายังคุยกับเสนาบดีเล่อยังไม่เสร็จ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าเล่อ เรื่องนี้… ข้าหวังว่าท่านจะเก็บเป็นความลับก่อนอย่าพึ่งบอกผู้ใด”
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนบุตรสาวของกระหม่อมเอาไว้หากมีโอกาส...”
“อ้อ เรื่องนั้นให้ข้าจัดการเองเถอะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องค่อย ๆ คุยกับนาง”
“เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีเล่อเดินออกไป เขาสวนกับ “ลี่จางหย่ง” ท่านโหวที่กินตำแหน่งขุนนางขั้นที่สองเพราะน้องสาวเป็นพระสนมของฝ่าบาทและวันนี้เขาก็พาบุตรสาวมาด้วย “เล่ออันจ้าน” เพียงแค่ทักทายกับพวกเขาเท่านั้นและรีบออกมา
“ใต้เท้าลี่ เชิญขอรับ”
ทั้งสองพ่อลูกเดินเข้าไปในห้องทรงงาน ท่านอ๋องที่กำลังเก็บราชโองการอยู่หันมามองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามา ซึ่งเข้าใจว่าลี่จางหย่งมาเพียงคนเดียวแต่วันนี้เขากลับพาบุตรสาวของเขามาด้วยซึ่งเมื่อวานนี้ไม่ได้มีโอกาสพบกับนางในงานเลี้ยงเพราะเขาไม่ได้ไปร่วม
“กระหม่อมลี่จางหย่งถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันลี่จินเซียนถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถอะ”
เมื่อทั้งสองลุกขึ้นและยืนขึ้นท่านอ๋องก็มองไปยังท่านโหวผู้ละโมบผู้นี้ ในสายตาของเขามันบ่งบอกว่าต้องการตำแหน่งเสนาบดีที่ว่างลงอยู่หนึ่งตำแหน่งและที่พาบุตรสาวมาในวันนี้ก็คงไม่พ้นที่อยากจะพานางเข้าวังซึ่งในเมืองเหลียงโจวนี้ผู้คนต่างก็รู้ดีว่านอกจากเล่อชุนหลันที่งดงามและมีความรู้ความสามารถและเป็นสตรีอันดับหนึ่งแล้ว รองลงมาก็คือ “ลี่จินเซียน”
“ลี่จางหย่งท่านมาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือ”
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ