ในคืนงานเลี้ยงเทศกาลปีใหม่ของวังหลวงจัดขึ้น ในวังหลวงนั้นมีทั้งบุรุษและสตรีมากมายที่เข้ามาร่วมเฉลิมฉลอง หลังจากที่ฮ่องเต้เปิดงานเทศกาลปีใหม่ หลายๆคนก็ดื่มดำกับความสุขในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้ ทางราชวังก็ยินดีให้ลูกหลานของขุนนางและเหล่าแม่ทัพทั้งหลายเข้ามาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย หย่าเซี่ยหว่านลูกขุนนางตระกูลหย่า วันนี้นางมาในชุดแบบเรียบหรูแต่ดูแล้วนางมีเสน่ห์เหลือเกิน บุรุษทุกคนต้องหันหน้ามองนางราวกับว่านางเป็นเจ้าของงานในค่ำคืนนี้ แม้กระโปรงของนางจะเป็นเพียงสีฟ้าอ่อนแต่มันขับกับผิวของนางทำให้นางโดดเด่นซะเหลือเกิน หนามกงฟู่เหลือบมองเล็กน้อย สตรีผู้นี้อันตรายอยู่มาก เป็นสตรีที่ลือเลื่อง และเก่งแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นเรือนหลัง นางยังร่ำเรียนเกี่ยวกับขุนนางแบบท่านพ่อของนางด้วย ซูเสวี่ยรายงานให้เขาฟังเขาจึงตัดสตรีผู้นี้ออกทันที เพราะหากว่าเป็นบุตรของขุนนางตระกูลหย่าและหัวดื้อรั้นก็คงจะหนีไม่พ้นต้องเกี่ยวดองด้วยแบบจริงจัง เขาไม่ได้มองผู้ใด เนื่องจากว่าซูเสวี่ยลูกน้องของเขายังสืบข้อมูลของบุตรหลานของท่านแม่ทัพและเหล่าขุนนางยังไม่มากพอ แต่ตัวของซูเสวี่ยเองนั้นสนใจบุตรสาวของตระกูลแม่ทัพหย่า ซึ่งตัวเขานั้นไม่เห็นด้วยถ้าอยากให้ตกแต่งก็คงจะตกแต่งกับซูเสวี่ยเองดีกว่า หย่าเซี่ยหว่านเองนั้นมีบุรุษหลายคนเข้ามาพูดคุยแต่นางเองก็สงวนท่าที แต่สายตาก็เหลือบไปมององชายรัชทายาทอยู่บ่อยครั้ง และองค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่ก็มองนางเพียงครั้งเดียว ที่เหลือก็มัวแต่ร่ำสุรา หลังจากร่ำสุราไปไม่นานองค์ชายรัชทายาทก็รู้สึกตัวว่าตัวเขาเองนั้นมึนเมาเสียแล้ว ทั้งๆที่อยู่ค่ายทหารนั้น เขาร่ำสุรากับแม่ทัพน้อยแม่ทัพใหญ่ออกจะบ่อยครั้งแต่เขาก็ไม่เมามายขนาดนี้ เพราะเขาก็เป็นบุรุษผู้นึงที่คอแข็งอยู่มาก เหมือนว่าสุราเมืองหลวงกับสุราที่ค่ายทหารที่เขาอยู่นั้นมันแตกต่างกัน ไม่นานหนามกงเฉียวก็ให้คนมาแบก องค์ชายรัชทายาทไปไว้ที่ห้องที่เขาได้เตรียมไว้ ส่วนซูเสวี่ยลูกน้องข้างกายขององค์ชายรัชทายาทนั้น ได้เฝ้าอยู่ตำหนักองค์ชายรัชทายาทเนื่องจากว่าองค์ชายสามรู้ดีว่าคนข้างกายขององค์ชายรัชทายาทนี้ มีฝีมือสุดยอดเขาจึงปล่อยข่าวว่าจะมีผู้ที่ลอบเข้าตำหนักขององค์ชายรัชทายาท ทำให้ซูเสวี่ยไม่ได้ออกไปร่วมงาน
"ปวดหัวเหลือเกิน และร่างกายข้าเหมือนมีไฟเข้ามาแทนทีของเลือด นางไม่สามารถที่จะนำไฟนั้นออกไปได้เลย ความปวดแสบปวดร้อนผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความเสียวซานที่อยู่ตรงช่วงของท้องน้อยแม้ลมหายใจเข้าลึกก็รู้สึกเสียวไปถึงหัวใจ ข้าเป็นอะไรไปหรือในเมื่อข้านั้นกำลังจะตาย มือข้างขวาของข้ากำแหวนหยกปาจือสีลาเวนเดอร์ที่หนามกงฟู่เคยมอบให้ และเขาและตัวของหนามกงฟู่เองก็ตายไปต่อหน้าต่อตาพร้อมกับบุตรชายของข้าที่พึ่งจะหกขวบ ข้าาเป็นอะไรกันแน่" หลิวเสียงเหย่าคิดอยู่ในใจยามหายใจก็ทรามารเสียเหลือเกินทรมารกับความเสียวลมหายใจของนางไม่เป็นจังหวะเสียแล้วความรู้สึกของช่วงกลางลำตัวก็รู้สึกเจ็บปะปนกับความเสียว นางค่อยๆลืมตามาก็พบว่ามีบุรุษอยู่ข้างบนตัวนางที่กำลังเขากำลังไซคอนางไปมา เขากำลังฉวยโอกาสกับนาง นางลืมตาขึ้นมองก็พบว่าเป็นศีรษะของสามีนางซึ่งมีนามว่าอ๋องฟู่ ทำไมเขาตายแล้วแต่ทำไมเหมือนยังไม่ตายความรู้สึกที่ปนเปกับความรู้สึกที่เสียวของช่วงล่างนั้นทำให้นางเลอะเลือนไปชั่วขณะความเจ็บปวดของช่วงล่างทำให้นางจำขึ้นได้เป็นครั้งแรกที่เขาพบและมีความสัมพันธ์กับองค์ชายรัชทายาทหนาวกงฟู่ ด้วยแผนขององค์ชายสามหนามกงเฉียวที่ทำให้ทั้งสองได้ลงเอ่ยกัน แล้วยังปล่อยให้นางตั้งครรภ์บุตรของหนามกงฟู่อีกด้วย นางและหนามกงฟู่ครั้งนี้ที่มีความสัมพันธ์กันเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่มากระตุ้นทั้งสองจึงทำให้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ดื่มด่ำของทั้งสอง แต่พอรุ่งเช้าสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ทั้งนี้นางคงได้เกิดใหม่อีกครั้งที่ย้อนเวลาจากครั้งที่นางตายมาเกือบเจ็ดปีที่นางต้องทนทุกข์อยู่กับเรื่องนี้ เรื่องที่นางตัดสินใจผิดพลาด ทำให้ตัวนางบุตรของนาง และสามีคนทีนางไม่ได้รักผู้นี้ได้ตายไป เพราะคนที่นางรักมากและเชื่อใจมากอย่างองค์ชายสามหนามกงเฉียว ไม่สิก่อนที่นางจะตายนั้นเขาได้เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทหนามกงเฉียว เขาใช้เรื่องของนางคืนนี้ทำให้องค์ชายรัชทายาทหนาวกงฟู่นั้นถูกปลด และถูกขังอยู่ในคุกแต่เมื่อข้าศึกโจมตีทางด้านทิศที่มีทะเลนั้นจึงทำให้แม่ทัพบุกเข้ามาช่วยเหลือหนามกงฟู่เพื่อที่จะไปต่อสู้จนชนะศึกกลับมา และเขาจึงถูกตั้งเป็นอ๋องฟู่ในภายหลัง แต่ก็เป็นเพราะนางที่เปิดเผยทุกอย่างให้หนามกงเฉียวรู้จุดอ่อนของหนามกงฟู่ และหนามกงเฉียวก็จัดการหนามกงฟู่จนสำเร็จ แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยนางกับบุตรไป เดิมทีนางคิดว่าเขารักนางมากจึงรับหนามกงเฟ่ยบุตรชายของนางเป็นบุตรของเขาที่แท้ก็เพื่อแผนการของเขากับสตรีที่เขารักที่สุดหลู่ชิงเหยา ขอครั้นเมื่อเขาแต่งหลู่ชิงเหยาเป็นชายาเสร็จสมบูรณ์เขาก็ลงมือกับนางและครอบครัวอย่างไม่ใยดี ความเจ็บปวดนี้เขาเจ็บปวดเหลือเกินจนถึงวินาทีสุดท้ายที่สิ้นลมแต่แล้วความอาฆาตของเขาก็ไม่ได้ทำให้สูญเปล่ากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งอยู่ในตอนที่กำลังจะเข้าช่วงที่ทำให้ชีวิตนางนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล "ซี๊ดแม่นางเจ้า" เสียงของหนามกงฟู่ครางขึ้น จึงทำให้หลิวเสียงเหย่าได้สติจึงใช้ปากปิดปากของเขา มือข้างขวาของนางเหมือนสัมผัสกับบางสิ่งที่นางรู้สึกว่าก่อนตายนั้นนางได้สัมผัสมัน ใช่แล้วแหวนหยกปาจือสีม่วงลาเวนเดอร์ของเขานี่เอง หลังจากที่ความเคลื่อนไหวบนเตียงเงียบลง องค์ชายรัชทายาทก็ผลอยหลับไปด้วยฤทธ์ยา เดิมทีหลิวเสียงเหย่าก็หลับไหลไปด้วยฤทธิ์ยาเช่นกัน แต่คราวนี้นางอาจจะพึ่งฟื้นจากความตายจึงทำให้นางไม่ได้หลับลง แต่ร่างกายของนางนั้นก็เจ็บปวดอยู่โดยเฉพาะช่วงกลางลำตัวของนางนั้นแทบขยับเขยื้อนไม่ได้เลย นางพยายามที่ลงเตียงไปเพื่อเขียนอะไรบางอย่างให้เขา แต่ก่อนที่นางจะลงไปนางดึงแหวนหยกปาจือของเขาออกมาก่อน แล้วลงไปหาหมึกและพู่กันมาเขียนอะไรสักอย่างบนผ้าหนังผืนหนึ่ง หลังจากเขียนเสร็จนางก็เป่าให้แห้งแล้วพับมันไว้ แล้วปลดสร้อยคอของตัวเองออก สร้อยคอของนางประดับด้วยจี้หยกรูปแมลงปอ นางสอดผ้าและสร้อยคอของนางใส่กระเป๋าอกเสิ้อขององค์ชายรัชทายาท และนางก็เอนกายลงนอนต่อ นางรู้อยู่แล้วว่าอีกไม่กี่ชั่วยามจะเกิดอะไรขึ้น นางต้องการจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างไปไม่ให้ลงเอยดังเดิม แต่นางก็รู้ดีว่าหากออกไปตอนนี้ ก็จะถูกคนเหล่านั้นจับนางมาส่งที่ห้องนี้อยู่ดี สู้นอนรอตอนเช้าแล้วแก้สถานการณ์ดีกว่า หลังจากนั้นนางก็ผลอยหลับไป"คุณหนูเจ้าคะมีคนจากทางการติดตามเรามาเจ้าค่ะ พวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"บ่าวรับใช้ที่เดินทางมาด้วยกันถามผู้เป็นคุณหนูขึ้น"พวกเราแค่ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักเต๋าก็ไม่น่าจะมีผู้ใดว่าเราหรอกไปกันเถอะช่างคนของทางการเถอะ เพราะช่วงนี้พวกเขาก็ต้องทำงานของเขา"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้นแบบไม่ร้อนใจอะไรเลยสักนิด ไม่นานคุณหนูตระกูลหนูก็ไปถึงสำนักเต๋า"ท่านอาจารย์เจ้าคะช่วงนี้วังหลวงมีเรื่องราวมากมายเลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากจะให้ท่านอาจารย์ถอนของที่ทำให้องค์ชายสามผู้นั้นตกหลุมรัก เพราะช่วงนี้องค์ชายสามช่างทำตัวเหลวไหลไม่เป็นดังที่ข้าปรารถนาเสียเลยเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้นทันทีที่มาถึง "หลังจากที่ข้านั่งดูมาสักพักมันก็ไม่ยากหรอกที่จะทำให้บุรุษผู้นั้นลืมเลือนความสัมพันธ์ของพวกเจ้าทั้งสองในอดีต แต่เจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่หรือไม่ บุรุษผู้นี้ยังมีประโยชน์ต่อเจ้าไม่มากก็น้อย"ท่านนักพรตกล่าวถามขึ้น"ตัดสินใจดีแล้วเจ้าค่ะท่านอาจารย์ ถึงเขาจะมีประโยชน์ต่อถ้าไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ถ้าข้ายังติดต่ออยู่กับเขาก็เกรงว่าข้าจะถูกลากตัวลงไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แคว้นถูกศัตรูทำลายได้เลยนะเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าว
"ท่านพ่อเจ้าค่ะลูกมีสิ่งใดจะขอร้องท่านพ่อสักหน่อย ตอนนี้องค์ชายรัชทายาทออกไปรบซึ่งมีแนวโน้มที่จะชนะกลับมาเจ้าค่ะ ลูกจึงอยากจะขอเสด็จพ่อให้เสด็จพ่อทูลขอกลับฮ่องเต้ให้ลูกนั้นแต่งเป็นชายารองขององค์ชายรัชทายาทสักคนนะเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวกับบิดา"อะไรของเจ้าลูกผู้นี้ ทั้งที่แต่ก่อนก็ตามติดองค์ชายสาม ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเหมือนว่าองค์ชายสามกับพระชายาหลิวนั้นชอบพอกัน เจ้าก็ตามติดพวกเขา และครั้งนี้พระชายาได้ตกแต่งกับองค์ชายรัชทายาทแล้วเจ้าก็หันมาหาองค์ชายรัชทายาท ผู้เป็นบิดาแบบข้าก็ต้องการให้เจ้านั้นได้ดิบได้ดีก็จริง แต่เมื่อเจ้าทำแบบนี้มันไม่งามเอาเสียเลย"อัครฝ่ายซ้ายหลู่กล่าวกับบุตรสาวอย่างไม่พอใจเพราะครั้งก่อนนั้นบุตรสาวให้เขาสนับสนุนองค์ชายสาม แต่เมื่อครั้งนี้องค์ชายรัชทายาทนั้นออกไปรบแทนที่จะกลัวว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นจะสิ้นพระชนม์ระหว่างรบ กับบอกให้เขาเข้าไปกราบทูลขอฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสให้ลูกสาวของตัวเอง นั้นเป็นอนุภรรยาซึ่งไม่มีใครต้องการให้บุตรสาวของตัวเองเป็นอนุภรรยาแม้แต่อย่างใด แต่ในทางกลับการซึ่งองค์ชายรัชทายาทนั้นมีหวังที่จะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ตำแหน่งภรรยารองนั้นเขาเองก็ไม่ได้
"ท่านพ่อให้คนไปบอกเขาว่า ข้าพระชายาองค์ชายรัชทายาทเรียกตัวคนผู้นั้นเข้าพบ พรุ่งนี้เช้าจะเชิญตัวมาเข้าวัง ท่านให้ทหารพูดให้มากความหน่อย ให้แถบนั้นรู้กันและลองซุ้มดักดู หากเราไม่มีหลักฐานและบุรุษผู้นั้นไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง หากทรงมอบให้ฮ้องเต้จัดการก็คงไม่พ้นถูกตำหนิแน่ แต่หากเรื่องที่บุรุษผู้นั้นจะถูกนำตัวเข้าพระราชวังในวันพรุ่งนี้เช้า แพ่งพายออกไปกลุ่มบุรุษที่อยู่ด้านนอกก็น่าจะเกิดการเคลื่อนไหวแล้วล่ะ"หลิวเสียงเหย่ากล่าวขึ้น ผู้เป็นพ่อจึงกลับไปทำตามที่บุตรีพูดทันที ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผู้เป็นพ่อไม่เคยที่จะขัดเรื่องที่บุตรีของเขานั้นต้องการสิ่งใด แม้บุตรีจะตามใจตัวเองสักเท่าไหร่ แต่นางก็ย่อมมีเหตุผลอยู่ทุกที ทางด้านองค์ชายสามเมื่อรู้ถึงข่าวว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นบุกไปทางด้านทิศตะวันออกของแคว้นแล้ว และทางนั้นเขาก็รู้ดีว่าจะมีข้าศึกบุกมาฝั่งนี้จึงทำให้เขาต้องวางแผนการใหม่เสียแล้ว แต่ตอนนี้ผู้คนที่จะออกจากเมืองได้นั้นก็จะมีคนจับตามองเป็นอย่างดี"ผู้ที่ถูกจับได้นั้นพรุ่งนี้เช้ามันต้องไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องต้องไปถึงท่านพ่อแน่ๆไปจัดการแล้วพวกที่เหลืออยู่ด้านนอกนั้นก็จัดการให้หม
"ใต้เท้าปล่อยลูกข้า หากท่านปล่อยลูก ข้าจะบอกกับท่านทุกอย่าง"สตรีผู้นั้นกล่าวขึ้น พลางกับดึงมือบุรุษชายตัวเล็กที่กำลังร้องไห้โฮอยู่ บุรุษที่บอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันขว้าเด็กนั้นไวทันที"ปล่อยลูกข้าเดียวนี้นะ ปล่อยๆๆๆ อย่าใายุ่งกับลูกข้านะ ไหนเจ้าบอกว่าถ้าออกไปแล้วจะไม่ทำร้ายพวกข้า เจ้าจะไม่ทำให้ข้าเดือดร้อนไง ปล่อยลูกข้าเดียวนี้"เมื่อถูกดึงบุตรชายจึงทำให้สตรีผู้นั้นโวยวายขึ้น นางทั้งร้องไห้และโวยวายจนทหารต้องแยกบุตรของนางออกมา เพียงรำพังและปิดปากเด็กไว้ เพราะเด็กผู้นั้นร้องไห้เสียจนน่ารำคาญ "ไปถ้าเจ้าพูดความจริงลูกของเจ้าจะปลอดภัย มา"ทหารลากตัวเด็กออกมาเพื่อให้สตรีผู้นั้นยอมพูดออกมา ผู้เป็นมารดายอมให้ทหารลากตัวบุตรชายออกไป และตัวเองก็เดินตาม"้จ้าต้องการบอกสิ่งใดกับท่านแม่ทัพ พวกข้าจะให้เจ้าได้พูด"ทหารที่ลากตัวสองแม่ลูกออกไปพูดกับสตรีผู้นั้น หลังจากที่ลากมาห้องสอบสวนข้างๆที่แม่ทัพหลิวรออยู่ เพราะเห็นว่าสตรีผู้นี้น่าจะกล่าวเรื่องมีประโชยน์ทหารจึงรีบนำตัวมาให้แม่ทัพหลิว"มีผู้อื่นๆที่ต้องการออกจากวังหลวงในช่วงนี้อีกหรือไม่"แม่ทัพหลิวถามขึ้น"ช่วงนี้ไม่มีแล้วขอรับ ตั้งแต่ครั้งที่ม
แม่ทัพหลิวจัดเตรียมทหารไว้ตั้งแต่คราแรกที่อ่องเต้ได้อ่านจดหมายขององค์ชายรัชทายาทแล้ว เนื่องจากว่าบุตรรีของเขาได้กำชับกับเขาเป็นหมั้นเป็นเหมาะว่าจะต้องสนับสนุนองค์ชายรัชทายาทให้เต็มที่ เมื่อเขาต้องการคนผู้เป็นพ่อตาจึงต้องจัดเตรียมให้ แม่ทัพหลิวเข้าไปในกองทหารของตนเอง และกล่าวกับทหารทุกคนอย่างพร้อมเพรียงกัน หากผู้ใดจะออกไปรบก็ให้ร่วมลงนามเนื่องจากว่าครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นใด ผู้ที่ร่วมลงนามนั้นจะต้องพร้อมใจที่จะออกไปรับใช้บ้านเมืองเท่านั้นหากผู้ที่มีภาระอยู่ไม่ต้องออกไปลงนามทั้งสิ้น ทหารของแม่ทัพหลิวเองมีราวๆห้าหมื่นกว่านาย ผู้ที่พร้อมลงนามราวๆสามหมื่นกว่านายแต่ท่านแม่ทัพหลิวก็ยังไม่ได้ส่งทั้งสามหมื่นนายออกไปเขาจึงคำนวณอยู่ในใจว่าจะส่งไปซักสองหมื่นนายก็น่าจะเพียงพอ ส่วนเรื่องเสบี่ยงอะไรก็จนปัญญาอย่างยิ่งถ้าหากว่าฮ่องเต้ไม่ทรงอนุญาตก็คงจะต้องใช้เบี้ยของตัวเองจัดเตรียมให้ แล้ว เขาต้องการจะให้บุตรีเพียงคนเดียวของเขาสบายใจ หากสวามีของนางอยู่ยังแดนไกลแล้วไร้ทหารคอยป้องกันนาง ก็คงจะหวั่นวิตกไม่น้อย และตอนนี้นางก็ตั้งครรภ์แล้ว จะให้นางคิดหนักกับเรื่องสามีได้อย่างไรและอีกอย่างอาจคิ
"นายน้อยขอรับแล้วแบบนี้พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นดังที่นายน้อยคิดเอาไว้ไม่มีผิดแล้วทางนี้เราก็นำทหารมาเพียงห้าร้อยนายเท่านั้นเราจะจัดการอย่างไรดี"ซูเสวี่ยกล่าวขึ้น"ท่านแม่ทัพถึงคนของเราจะน้อย แต่มีข้าผู้นึงแหละที่จะสู้แบบไม่ถอย และข้าเชื่อว่าทหารทุกคนที่อยู่ทางนี้ก็จะสู้เช่นเดียวกัน"ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้นเขาเห็นพวกข้าศึกบุกมาขนาดนี้ทำให้เขาฮึกเหิมที่จะออกไปสู้รบ ทหารที่อยู่ใกล้ๆและได้ยินพยักหน้ากัน"เราเขียนจดหมายขอคนจากวังหลวงตั้งแต่ที่เราจะออกเดินทางมาตะวันออกแล้วอีกไม่นานกลุ่มนั้นน่าจะมาถึงให้ทหารหนึ่งนายที่มีความเร็ววิ่งย้อนไปเพื่อที่จะตามหากลุ่มทหารที่ส่งมาจากวังหลวงให้เร่งเดินทางมาให้เร็วที่สุด และเข้าไปแจ้งวังหลวงว่าทิศตะวันออกนั้นมีข้าศึกบุกมา ให้เขารายงานเป็นคำพูดเลย"องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่กล่าวขึ้น ทหารผู้ที่กล่าวว่าเขายินดีที่จะอยู่ต่อสู้แม้คนน้อยนั้นรีบหมอบเคารพและรีบวิ่งไปหาทหารผู้หนึ่งเพื่อที่จะส่งข่าวและทหารผู้นั้นก็วิ่งออกไปทันทีทหารผู้ที่ไปส่งข่าวนั้นรีบกลับเข้ามาเพื่อที่จะฟังว่าท่านแม่ทัพจะสั่งการเช่นไรอีก ณ เวลานี้แม่ทัพใหญ่ก็คือองค์ชายรัชทายาทน