“คุณ!!” พิศลดาหันกลับมามองคนที่เข้ามาประชิดตัวเธอแบบไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยใบหน้าที่งอง้ำอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“มาร์ตินเรียกว่ามาร์ตินหรือจะเรียกว่าพี่ก็ได้เพราะฉันแก่กว่าเธอหลายปี” มาร์ตินไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่าย พิศลดาอ้าปากค้างกับคำพูดของเขาอยู่ๆ จะสั่งให้เธอเรียกเขาแบบนั้นแบบนี้ทำไมไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมอะไรกันสักหน่อยบ้ารึป่าว
“คุณบ้ารึป่าวเนี่ยอยู่ๆ ก็มาบอกให้ฉันเรียกคุณอย่างนั้นอย่างนี้” พิศลดาเอียงคอมองมาร์ตินอย่างงงๆ
“ถ้าไม่เรียกจูบ” ใบหน้าหล่อของมาร์ตินยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าสวย พิศลดารีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่นกลัวเขาจะบ้าระห่ำทำขึ้นมาจริงๆ
“คนบ้า!” คนตัวเล็กแหวลั่น “ขยับหน้าออกไปห่างๆ จะได้ไหม” พิศลดาก้าวถอยหลังออกห่างเมื่อคนตัวโตตรงหน้ายังไม่ยอมถอยห่างเธอ
“พี่มาร์ตินสาวน้อยเรียกให้ถูกด้วยพี่แก่กว่าเธอหลายปีนะใบเฟิร์น” มาร์ตินย้ำกับร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง
“ก็ได้ๆ แล้วคุณเอ่อพี่มาร์ตินมีอะไรกับหนูรึเปล่านักธุรกิจอย่างพี่ไม่น่าจะมีธุระอะไรกับหนูนะ”
เถียงไปก็เปล่าประโยชน์เธอเลยเรียกๆเขาไปเธอกับเขาคงไม่ได้บังเอิญเจอกันแบบนี้บ่อยๆ หรอก แต่ก็แปลกที่คนอย่างเขาจะจำชื่อเธอได้ ส่วนมาร์ตินนั้นระบายยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อชอบใจกับสรรพนามที่ใบเฟิร์นใช้แทนตัวเองกับเขา มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง
“ไม่มีหรอกแค่อยากเห็นหน้าหนูเท่านั้นเองพี่บังเอิญเห็นหนูก็เลยแวะมาทัก” มาร์ตินตอบยิ้มๆ เขาเลือกใช้คำว่าหนูแทนที่จะเป็นใบเฟิร์นเพราะเขาไม่อยากจะใช้คำเรียกซ้ำใคร
“คุณไม่ใช่สิพี่มาร์ตินอย่าใช้คำว่าหนูกับหนูได้ไหมฟังแล้วมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้เรียกว่าพิศลดาหรือว่าใบเฟิร์นจะดีกว่า” พิศลดาแย้งขึ้นเธอไม่ค่อยชอบที่เขาเรียกเธอว่าหนูสักเท่าไหร่ชื่อก็มีก็เรียกชื่อสิแล้วถ้าจะให้เธอแทนตัวเองว่าเฟิร์นกับเขาเธอก็ไม่ชินปากเพราะปกติเธอจะใช้แทนตัวเองกับญาติผู้ใหญ่เท่านั้น
“ไม่พี่ชอบเรียกแบบนี้” มาร์ตินพูดเสร็จก็คว้าตะกร้าใบย่อมที่ใส่ของของหนูตัวน้อยมาถือเอาไว้ในมือของเขาเอง
“เอาของหนูคืนมานะแล้วพี่มาร์ตินก็ควรไปได้แล้วเดี๋ยวแฟนพี่เข้าใจผิดกันพอดี” พิศลดาพยายามจะยื้อแย่งตะกร้าในมือใหญ่แต่ด้วยความสูงของเธอแค่หน้าอกเขาเลยทำให้ไม่สามารถแย่งมาได้
“อ่อ นี่แสดงว่าเห็นพี่แล้วหนูแกล้งทำเป็นไม่เห็นใช่ไหม แล้วที่สำคัญคนที่หนูเห็นน่ะ ไม่ใช่แฟนแต่เป็นน้องสาวต่างหาก” มาร์ตินบอกเสียงจริงจังเพราะเขาไม่อยากให้หนูน้อยของเขาเข้าใจผิด
“ช่างเถอะ หนูหายมานานแล้วเดี๋ยวเพื่อนจะรอนาน ขอของคืนด้วยค่ะ” เธอไม่ได้อยากจะรู้เรื่องอะไรของเขาสักนิด ไม่จำเป็นจะต้องมาอธิบายให้เธอฟัง
“เดี๋ยวพี่ถือให้เองหนูเดินนำไปสิ” รีบอาสาเมื่อเห็นว่าหนูน้อยของเขาเริ่มจะงอแงแล้ว
พิศลดาเดินนำมาร์ตินมายังจุดที่เพื่อนของเธอยืนอยู่ ส่วนสองสาวที่เห็นมาร์ตินก็ออกอาการดีใจ ยิ้มกันหน้าบานจนเธอต้องสะกิด
“ยิ้มกันจนปากจะฉีกแล้วมั้ง ฉันไปคิดเงินก่อนนะจะได้ไปกินข้าวหิวแล้ว” พิศลดาดึงตระกร้าในมือชายหนุ่มแล้วเดินไปจ่ายเงินโดยไม่สนใจมาร์ตินซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
“สวัสดีค่ะ” ลิลลี่กับชมพู่พูดขึ้นพร้อมกัน
“ครับ” ยิ้มน้อยๆ ให้กับเพื่อนของพิศลดาก่อนจะเดินไปหาน้องสาวของเขา
“ลิลลี่แกว่ามันแปลกๆ ไหมทำไมอยู่ๆ คุณมาร์ตินถึงได้เดินมาพร้อมกับยัยเฟิร์น” ชมพู่เอ่ยอย่างแปลกใจ
“แปลกสิแปลกมากคุณมาร์ตินกับยัยเฟิร์นเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวที่มหาลัย และมาเจอกันอีกทีที่นี่ แล้วท่าทีของคุณมาร์ตินก็แปลกๆ ด้วย หรือว่าเขาสนใจเพื่อนเราจริงๆ ฉันว่าไม่น่าไว้ใจเขาเจ้าชู้ขนาดนั้นต้องเห็นเพื่อนเราเป็นของเล่นแน่ๆ เลยชมพู่” ลิลลี่วิเคราะห์คิ้วสวยขมวดแน่น
“มีความเป็นไปได้ต้องรอถามยัยเฟิร์น” ชมพู่เองก็คิดไม่ต่างจากลิลลี่ถึงแม้เธอจะชื่นชอบความหล่อของมาร์ตินมากแค่ไหนแต่ถ้าจะมาหลอกเพื่อนเธอละก็มาร์ตินก็มาร์ตินเถอะ
“แกเล่ามาเลยนะว่าคุณมาร์ตินเขาคุยอะไรกับแกบ้าง แล้วเจอกันได้ยังไง” เมื่อสามสาวเข้ามานั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ชมพู่ก็เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาทันที
“เขามาซื้อของที่ร้านนี้เหมือนกัน แล้วบังเอิญจำฉันได้เลยเข้ามาทักทั้งๆ ที่ฉันไม่อยากให้จำได้เลยสักนิด จะความจำดีอะไรขนาดนั้น” พิศลดาพูดแล้วคีบปลาดิบที่เธอโปรดปรานเข้าปาก
“แค่นั้นหรอ” ลิลลี่ถามอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
“อือ อ่อ แล้วยังมาบังคับให้ฉันเรียกเขาว่าพี่อีกทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นสักนิด ใช่ว่าจะเจอกันอีกซะเมื่อไหร่” พิศลดากลอกตาเมื่อนึกถึงหน้ามาร์ติน
“อะไรนะ” สองสาวประสานเสียงพร้อมกัน
“ฉันว่าเขาต้องคิดอะไรกับแกแน่ๆ นักศึกษาสาวกับนักธุรกิจหนุ่ม บางทีเขาอาจจะอยากได้แกก็ได้นะ” ลิลลี่พูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อมเพราะเธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ฉันก็เห็นด้วยกับลิลลี่นะ คนเจ้าชู้แบบนั้นไม่น่าไว้ใจนะฉันว่า แล้วแกละว่าไงเฟิร์น”
“อือ ฉันก็คิดแบบพวกแกนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก ฉันกับเขาคงเจอกันครั้งนี้ครั้งสุดท้าย คงไม่มีความบังเอิญแบบนี้อีกหรอก”
คงเห็นว่าเธอเป็นเด็กนักศึกษาแล้วจะหวังมาแอ้มล่ะสิ ฝันไปเถอะย่ะตาเฒ่า!
แต่ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป
“ทำอะไรให้ลูกผัวกินจ๊ะวันนี้” มาร์ตินในวัยกลางคนทว่ายังดูหนุ่มกว่าอายุถามภรรยาคนสวยที่กำลังสาละวนอยู่หน้าเตา อ้อมแขนแข็งแรวสวมกอดรอบเอวบาง เกยคางบนไหล่เล็ก แล้วสูดความหอมจากแก้มนวล “ของโปรดป๋ากับลูกค่ะ” พิศลดาตอบสามีเสียงหวาน “ของโปรดป๋ายืนอยู่ตรงนี้ต่างหาก” มือใหญ่ลูบสะโพกเมียอย่างยั่วเย้า พลางพรมจูบต้นคอขาวอย่างรักใคร่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีความหวานของทั้งคู่ก็ไม่เคยจืดจางลงเลย “ห้ามทะลึ่งนะคะ เดี๋ยวลูกก็กลับมาแล้ว เอามือออกไปเลยค่ะ” ตีมือซุกซนที่บีบแก้มก้นเธออยู่ “ลูกยังไม่มาตอนนี้หรอก ป๋าเพิ่งจะโทรหาลูกสาวคนสวยของเรา ยังพอมีเวลานะคะทูนหัวของผัว ถ้าทำเวลาน่าจะได้สักสองรอบก่อนอาหารเย็น” งึมงำชิดซอกคอหอมกรุ่น “แก่แล้วนะคะ เพลาๆ เรื่องนี้บ้างเถอะค่ะ” พูดอย่างอ่อนใจ ขนาดว่าลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว ตาเฒ่าของเธอยังไม่หยุดหื่นเลย ตอนหนุ่มๆ เป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง “ใครบอกว่าแก่ ป๋ายังหนุ่มยังแน่น แรงดีไม่มีตก ข้อนี้หนูรู้ดี ไม่งั้นหนูคงไม่ร้องครางทั้งคืนหรอก หนูเองก็สวยสะพรั่งไม่สร่าง ห่างไกลจากคำว่าแก่ สาวๆ บางคนยังสู้เมียป๋าไม่ได้เลย ไปไหนป๋าถึงต้องตามคุมเพราะ
จัสมินในวัยสิบเก้าปีกำลังโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตหวานซึ้ง ริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม เป็นที่หมายปองของบรรดาหนุ่มๆ ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย แต่ติดที่คุณพ่อหวงมากเลยไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่งด้วยสักเท่าไหร่ จัสมิน และซีลอนเรียนมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับที่คุณแม่เคยเรียน สองพี่น้องเรียนคณะเดียวกันเพียงแต่คนละชั้นปี ดีกรีความหล่อของซีลอนไม่น้อยไปกว่าคุณพ่อแม้แต่น้อย ด้วยวัยเพียงสิบแปดปี มีสาวๆ มาล้อมหน้าล้อมหลัง เรื่องนี้จึงทำให้คุณแม่ และพี่สาวต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ “พี่จัสมินวันนี้ให้อาลีโอมารับกลับบ้านก่อนได้ไหม เย็นนี้ผมมีนัดทำรายงานกับเพื่อน” ซีลอนบอกพี่สาวก่อนจะลงจากรถจัสมินมองหน้าน้องชายที่ถอดแบบมาจากคุณพ่อยิ้มๆ “ได้สิ ซีลอนไม่ต้องห่วง ไปทำงานของเราอย่างสบายใจเถอะ” และอีกหนึ่งอย่างที่ซีลอนเหมือนป๋า ก็คือเรื่องความหวงเธอ หวงมามี๊“ยังไงผมจะโทรหาพี่อีกทีนะ ห้ามปิดเครื่องนะครับคนสวย”“จ้ะสุดหล่อ แล้วเจอกันที่บ้านนะ” เปิดประตูรถลงไปแล้วจัสมินโบกมือให้น้องชายที่นับวันทำตัวเหมือนพี่ชายยังคงมองเธออยู่อย่างน่ารักจัสมินกำลังเดินขึ้นตึกเรียนระหว
“ไม่ได้ค่ะ ลูกหลับอยู่ในห้อง เกิดพวกแกเปิดประตูออกมาแย่เลยนะคะ เลิกคิดค่ะ อื้อ ป๋า อย่าบีบหน้าอก จะหื่นอะไรนักหนา”“ลูกหลับนานหนูก็รู้ มีเวลาให้เรารักกันสักรอบสองรอบ ยอมป๋าดีๆ จะได้จบไวๆ”“ป๋า อื้ม” ประท้วงเสียงอู้อี้ ผลักหน้าหล่อออกแต่คนหื่นไม่ยอม“แงๆ มามี๊ค้าบ ป๋าค้าบ หาซีลอนหน่อย ฮือๆ”เสียงร้องไห้จ้าดังออกมาจากในห้องนอนราวกับรู้ว่าพ่อกับแม่กำลังจะทำอะไร มาร์ติน พิศลดากำลังจูบกันดูดดื่มผละกันออกจากกันอย่างรวดเร็ว“มั่นใจมากไม่ใช่เหรอคะว่าลูกไม่ตื่นง่ายๆ รีบปล่อยเลยค่ะ จะรีบไปดูลูก” มองค้อนสามีมาร์ตินยิ้มอ่อน ยอมปล่อยเมียรักเมื่อเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ลุกได้พิศลดาก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอนโดยมีร่างสูงตามมาติดๆ“มามี๊มาแล้วครับ เลิกร้องนะครับคนดีของมามี๊” พิศลดาอุ้มลูกน้อยมากอดไว้แนบอก ลูบหลังเล็กๆ ปลอบประโลม“มามี๊หาซีลอนแล้ว” ใบหน้าเล็กๆ ซบลงบนอกนุ่มๆ ด้วยความคิดถึง“ครับลูก มามี๊กลับมาแล้ว คิดถึงหนูกับพี่จัสมินมากเลย” ริมฝีปากประทับแนบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าสามีหรือลูกก็อ้อนพอกัน เรียกว่าไม่มีใครน้อยหน้าใคร“ฮื้อ” คราวนี้เป็นลูกสาวคนสวยที่ลืมตาตื่น คุณพ่อยิ้มอบอุ่น ช้อนลู
“พาลูกเมียออกมาได้แล้วเหรอไอ้ฝรั่ง” พ่อสุชาติกำลังนั่งดื่มกาแฟมองค้อนลูกเขยตาคว่ำ“คุณพ่ออย่างอนผมสิครับ ผมก็พาออกมาแล้วนี่ไง เมื่อคืนก็ยึดจัสมินกับซีลอนไปนอนกอดไว้ทั้งคืน เช้านี้ผมก็ต้องใช้เวลากับลูกๆ บ้าง คุณพ่อจะยึดไว้คนเดียวไม่ได้หรอกนะครับ” มาร์ตินปล่อยลูกลงยืนเพื่อให้ไปหาคุณตา“แกอยู่กับลูกทุกวันนานๆ ฉันจะมีโอกาสได้เลี้ยงหลาน มาที่นี่แกก็ต้องให้เวลาฉัน และแม่นวลอยู่กับลูกหลานเยอะๆ”“เถียงกันไปก่อนนะคะ หนูจะไปดูข้าวให้ลูก จัสมินกับซีลอนไปกับมามี๊ไหมคะ”สาวน้อยกับหนุ่มน้อยพยักหน้าถี่ วิ่งมาเกาะขาคุณแม่คนละข้าง พิศลดาพาเด็กๆ แยกตัวออกมา ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากฟังสองหนุ่มโต้กันไปมา ไม่มีใครยอมใครจริงๆ นิสัยก็คล้ายกันมาก ขึ้นชื่อเรื่องความหวง“ไปนั่งไกลๆ ฉันเลยไอ้ฝรั่ง ที่นั่งมีตั้งเยอะ จำเป็นต้องมานั่งตรงนี้ไหม” เหล่ตามองพ่อของหลาน“ผมพอใจจะนั่งตรงนี้ครับคุณพ่อ เราสองคนมาสงบศึกกันดีกว่าไหมครับ คุณพ่อไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับหาเรื่องผมได้ตลอดเวลาเลย” เจอหน้ากันทีไรลับฝีปากกันตลอด“ถามมาได้ว่าเหนื่อยไหม มันก็ต้องเหนื่อยสิวะ ถ้าไม่อยากให้ฉันเหนื่อยแกก็เลิกกวนอารมณ์ฉันเสียสิ!” พ่อสุชาติพูดเสี
“เมียจ๋า ผัวอยากรักหนูรับแสงวันใหม่ จะได้กระปรี้กระเปร่ากระชุ่มกระชวยตลอดวัน” เสียงอ้อนดังชิดใบหูขาวผ่อง ขบเม้มติ่งหูเมียจนเธอขนลุก “จะนอน ไม่อยากกนะชุ่มกระชวยค่ะ” ใบหน้างามเริ่มยุ่งเมื่อถูกรุกรานหนักเข้า ทว่าก็ยังไม่ยอมลืมตา “ไม่นอนแล้วทูนหัว ตื่นมาให้ผัวอึ๊บซะดีๆ ผัวหิวเมียจะแย่แล้ว” เอื้อมมือบีบเคล้นอกอวบที่ยังคงเต่งตึงเหมือนครั้งแรกที่เคยสัมผัส ทั้งลูกทั้งผัวดูดมันก็ยังไม่หย่อนคล้อยแม้แต่น้อย “หนูง่วง อย่าเพิ่งกวน จะหิวอะไรนักหนาล่ะคะ กว่าจะได้นอนก็ตีสาม ถ้าตื่นแล้วก็ไปดูลูกค่ะ” พูดเสียงแข็งด้วยความรำคาญ “ป่านนี้ลูกคงเล่นอยู่กับคุณตา คุณยาย มีคนช่วยดูแล้วเราควรทำกิจกรรมระหว่างผัวเมียต่อนะทูนหัว” พรมจูบที่ซอกคอขาว “ของหนูมันไม่ได้เสริมด้วยเหล็กนะคนบ้า ถึงได้หื่นไม่กลัวพัง หนูยังต้องใช้ไปตลอดชีวิตนะคะ” พิศลาลืมตาขึ้นมาด้วยความโมโห “ป๋ารู้ว่าของเมียไม่ได้เสริมด้วยเหล็ก เพราะมันทั้งดูด ทั้งตอด ทั้งอ่อนนุ่ม แล้วป๋าเองก็ต้องใช้ของหนูไปอีกแสนนานเหมือนกัน ไม่มีทางปล่อยให้พังเด็ดขาด” ลูบฝ่ามือบนเนินอวบแผ่วๆ “แต่หนูกลัวค่ะ!” “ไม่ต้องกลัว เพราะถ้ามันพังมันคงพังไปนานแล้ว” มาร์ตินพลิกร่
มาร์ตินพาลูกมาทานเค้กตามความต้องการ ลูกค้าภายในร้านให้ความสนใจกับสามคนพ่อลูกที่มักจะมีภาพน่ารักๆ ออกมาให้เห็นผ่านโซเชียลเป็นประจำ คนหวงลูกเกิดอาการไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น ถ้าไม่ติดว่าลูกกำลังทานกันเอร็ดอร่อยเขาจะอุ้มกลับบริษัทซะเดี๋ยวนี้เลย“ป๋ากินเค้กค่า” จัสมินตักเค้กช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วมาจ่อปากคุณพ่อที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ อย่างเอาใจ เพราะคิดว่าพ่อคงอยากกินบ้างมาร์ตินมองช้อนเล็กๆ ในมือลูกพลางอมยิ้ม ยอมอ้าปากทานเค้กที่ลูกสาวคนสวยป้อน ยกมือขึ้นลูกศีรษะทุยเบาๆ “อร่อยมากเลยค่ะจัสมิน”“ป๋ากินอีกนะคะ” สาวน้อยตักป้อนอีก“ป๋ากินของซีลอนด้วยนะค้าบ” หนุ่มน้อยก็ไม่ยอมน้อยหน้าพี่สาว รีบตักของตัวเองมาจ่อปากคุณพ่อบ้างมาร์ตินมองลูกรักสองคนที่แย่งกันป้อนขนมเขาอย่างมีความสุข สลับกับป้อนใส่ปากตัวเอง จนกินไม่ไหว ลูบพุงน้อยๆ ของตัวเองกันทั้งคู่“อิ่มแล้วเหรอลูก” มาร์ตินหยิบทิชชู่มาเช็ดปากเลอะๆ ของลูกๆ อย่างอ่อนโยน มองดูพุงป่องๆ อย่างชอบใจ“ค่าอิ่มแล้ว ป๋าอิ่มยังคะ” จัสมินปีนขึ้นมานั่งตักคุณพ่อ เอาแขนเล็กๆ คล้องคอ แนบใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มลงบนไหล่แกร่งอย่างออดอ้อนเลยได