LOGIN“ลูกเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกคิดผิดมาตลอด แต่ตอนนี้เข้าใจหมดแล้ว ต่อจากนี้ลูกจะตั้งใจและไตร่ตรองให้มากขึ้น จะไม่ให้นางต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้อีก”
“เกาฟางเฟย ต่อจากนี้เจ้าต้องฝึกตน ผู้ถือคันฉ่องไม่ใช่ทุกคนจะได้ทำหน้าที่พิเศษ ชะตาของเจ้ากับสวรรค์ผูกติดกัน ไม่ว่าในใจเจ้าต้องการคำตอบอะไร เจ้าก็หลีกหนีมันไม่พ้น”
“ท่านเทพเจ้าฮั่นยุหวี่ ข้ามีคำถาม ท่านช่วยบอกได้หรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเกากับสวรรค์คืออะไร”
องค์ฮั่นยุหวี่ มองใบหน้างดงามของฟางเฟย แล้วยิ้มละมุน
“นานมาแล้ว บนพื้นดินแห้งแล้ง ผู้คนทุกข์ยากลำบากยากเข็ญ ความช่วยเหลือใด ๆ ก็เข้าไม่ถึง ตระกูลผู้นำทำพิธีบวงสรวงขอต่อฟ้าดิน ในเมื่อขอต่อคนไม่สำเร็จสวรรค์เท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งพิง มาถึงตรงนี้เจ้าคงสงสัย ผู้คนมากมายขอพร ทำไมพรที่สวรรค์ให้แก่มนุษย์จึงต่างกัน แน่นอนเพราะคนที่ทำพิธีขอในตอนนั้น มีความสำคัญต่อสวรรค์ พรของสกุลเกาจึงพิเศษกว่าใคร แต่ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย ในเวลานั้นสวรรค์เอง ก็เพิ่งจบสงครามการฟื้นฟูก็ต้องทำพรก็ต้องให้ การแลกเปลี่ยนจึงถูกกำหนดนับแต่นั้นมา ไม่ใช่ทายาทคันฉ่องทองแดงทุกคนจะต้องทำคุณทดแทน มีแค่บางคนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมถึงคู่ควรให้แทนคุณ”
“แจ็กพอร์ตดันมาแตกที่ฉัน” ซื่อเว่ยต้าตี้หันมามองหน้าฟางเฟยด้วยความสงสัย
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้า…ข้าหมายถึง ข้าโชคดดี โชคดีมาก” หญิงสาวยิ้มแก้เก้อๆ
“เอาล่ะ มีอะไรอีกหรือไม่ พ่อมีตำรามากมายต้องคัดแยกใหม่ เล่มเก่ามันรางเลือนเต็มทน”
“ทำไมงานพวกนี้เสด็จพ่อไม่ให้หอสมุดจัดการ มานั่งทำเองทำไม”
“นี่มันตำราของข้า ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้”
“องค์ฮั่นยุหวี่ ขอรบกวนอีกคำถามเดี่ยวค่ะ ดาบปัญจธาตุของตระกูลเกา มีความเกี่ยวข้องกับคันฉ่องใช่ไหม”
“ดาบนั้นกับคันฉ่องเดิมทีมันก็อยู่คู่กัน คันฉ่องอยู่ที่ไหนดาบอยู่ที่นั่น ไม่เห็นแปลก เดี๋ยวนะ…เจ้าพูดว่าดาบปัญจธาตุอยู่กับสกุลเกางั้นรึ อืม…ดี ๆ วิเศษมาก เอาละ…พอเถอะอย่าถามอีกเลย เมื่อถึงเวลาของมันเจ้าก็จะรู้เอง”
“เจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นลูกขอลา” ซื่อเว้ยต้าตี้กับฟางเฟยทำความเคารพและกำลังจะเดินออก
“เดี๋ยว ๆ นานแล้วเจ้าไม่ได้กลับตำหนักสวรรค์ ถ้าอยากไงก็พักที่นี่ไปก่อน นางเองร่างกายก็ยังอ่อนแอพักที่นี่อย่างน้อยไท่ไป่จิงซิง ก็ยังสามารถช่วยจัดยาบำรุงดูแลนางได้”
ซื่อเว่ยต้าตี้มองหน้าหญิงสาว คิดในใจสักครู่ “ได้พระเจ้าค่ะ ลูกจะพักที่นี่แต่ฟางเฟยต้องอยู่กับลูกเท่านั้น”
“ได้แล้วแต่เจ้า ถือโอกาสพานางเที่ยวสวรรค์ไปด้วยเลย กลับห้วงเวหาเห็นแต่ดาวน่าเบื่อจะตายไป ที่นั่นก็ไม่ต้องห่วงพ่อส่งคนไปช่วยเจ้าดูแลงานแล้ว ต่อไปเจ้ายังมีเรื่องต้องทำอีก งานนั้นก็ควรมีผู้ช่วย”
“ขอบพระทัย พระเจ้าค่ะ”
ตำหนักซื่อเว่ย ดูแปลกแยกจากตำหนักสวรรค์ที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวอย่างกันลิบลับ อาคารหลังใหญ่ปลูกสร้างด้วยไม้ แกะสลักวิจิตรงดงามทาสีสันหลากหลาย เป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่สวยงามอลังการ มีสวนขนาดใหญ่อยู่กลางตำหนักต้นไม้ดอกไม้สวยงาม ลมพัดเย็นสบาย มีกลิ่นหอมของเกษรดอกบัวลอยมาตามลม ซื่อเว่ยต้าตี้ประคองฟางเฟยเดินเข้ามาด้านใน สาวใช้และทหารเวรรายทางพอเห็นเขาก็ต่างทำความเคารพ ตำแหน่งของเขาถ้าคิดดูแล้วน่าจะน้อยกว่าไท่จื่อไฉ่เหลี่ยงหวง แต่ดูจากการแสดงออกของเทพรับใช้กลับดูสำคัญ
“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านอยู่ตำแหน่งไหนแน่ทำไมถึงดูสำคัญนัก”
“เป็นองค์ชายที่รูปงามที่สุดในสวรรค์” ชายหนุ่มยิ้มอย่างภูมิใจ
“เฮ้อ…เหนื่อยกับท่านจริง ๆ เป็นงานเป็นการบ้างได้ไหม” ฟางเฟยเริ่มหงุดหงิด
“ได้ ข้าเป็นบุตรชายคนโต ที่เกิดจากธิดามารนางหนึ่ง เลือดของข้ามีสวรรค์และมารผสมกันอยู่ ที่พวกเขาเคารพนอบน้อมไม่ใช่ฐานะองค์ชาย แต่เป็นเพราะเขากลัวพลังที่หลับไหลในใจข้า” ฟางเฟยหยุดเดินรั้งแขนของเทพเจ้าดวงดาวเอาไว้ หญิงสาวจ้องใบหน้างดงามของเขาอย่างพิเคราะห์
เทพธิดานางหนึ่งกระโดดเข้าจับแขนเขาไว้ และส่งยิ้มหวานให้ “อยู่นิ่ง ๆ นะเจ้าคะ ให้ข้าช่วยท่านเถอะ” เทพธิดานางอื่น เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามารุมเกาจางจิ้ง พวกนางหัวเราะกันคึกคักชอบใจ แต่จางจิ้งกลับร้องขอความช่วยเหลือ จนเขาทนไม่ไหว ปล่อยพลังความหงุดหงิดออกมา จนทั่วตัวมีรัศมี บรรดาเทพธิดาสวรรค์ตำหนักซือเว่ย เห็นแบบนั้นแต่ล่ะนางก็สร้างพลังของตนเองขึ้นมาเพื่อข่มจางจิ้ง เกาจางจิ้งเห็นแบบนั้นเขาก็สงบจิตใจให้เย็นลง สุดท้ายก็ต้องยอมพวกนาง เพราะทุกคนเป็นหญิง ถ้าเขาทำรุนแรงออกไปคงไม่ใช่เรื่องดี“พอแล้ว ผมไม่ใช่ของเล่นของพวกคุณ อย่าเห็นเป็นเรื่องสนุก ผมจะให้ช่วยถอดแค่เกราะเท่านั้น อย่างอื่นผมทำเอง เข้าใจนะ ไม่อย่างนั้นอย่าว่าผมรังแกผู้หญิง เข้าใจกันรึยัง”คำพูดของจางจิ้งแม้ฟังดูแปลก ๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ พวกนางพยักหน้า จางจิ้งถึงกับถอนหายใจออกมา ชายหนุ่มยอมยืนนิ่ง ๆ ให้พวกสาวสวรรค์ช่วยกันแกะเชือกถอดเกราะให้ เกราะโบราณนี่หนักจริง พอพ้นจากตัวจางจิ้งถึงรู้ว่าเขาสวมมันไปได้อย่างไง น้ำหนักมากขนาดนี้ เขาให้บรรดาพวกเทพรับใช้ออกไป ที่เหลือเขาขอจัดการเอง พวกนางก็ยอมออกไปแต่โดยดี จางจิ้งเดินสำรวจห้องของตัวเอง ห้อง
“พวกเจ้า ช่วยพาเกาจางจิ้งสหายข้า ไปอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วทำความสะอาดชุดให้เขาด้วย ข้าจะพาไปเข้าเฝ้าองค์ฮั่นยุหวี่” ซื่อเว่ยต้าตี้กวักมือสั่งสาวใช้ 4 นางที่เดินผ่านมา ให้ดูแลแขกสำคัญ“แล้วข้าล่ะ ท่านซื่อเว่ยต้าตี้”“เจ้ามากับข้า ปล่อยพี่ชายเจ้าไปกับพวกนางดีแล้ว”ฟางเฟยมองพี่ชายเดินตามเหล่านางสวรรค์ไปอีกทาง ซื่อเว่ยต้าตี้จูงมือหญิงสาวเดินไปอีกทาง “ทำไมท่านไม่ให้พี่จางจิ้ง มากับเรา”“เกาจางจิ้งเป็นแขกของข้า ข้าย่อมต้องดูแลเขาเป็นพิเศษ แต่เจ้ามิใช่ เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า ถือว่าเจ้าเป็นเจ้าของที่นี่ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเจ้าไปกับข้าจึงถูกต้องแล้ว”“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านเลิกเล่นสักทีเถอะ ท่านก็รู้ว่าเรื่องหมั้นกัน เป็นเรื่องที่เราพลอยตามน้ำกันไปเท่านั้น ท่านไม่มีทางชอบข้าจริง ๆ ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งดวงดาวทั่วท้องนภา ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา”“เจ้าเป็นผู้หญิงที่ข้ารู้สึกพอใจ ตั้งแต่แรกเห็น แล้วเลิกคิดว่าตนเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ตอนนี้ทั้งเจ้าและเกาจางจิ้งอยู่ที่นี่ ในฐานะของเทพเจ้าผู้พิทักษ์ปัญจธาตุ เจ้าเห็นสิ่งที่จางจิ้งเป็นหรือไม่ เขาคือนักรบสวรรค์ที่สาบสูญ ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ส่วนเจ้าสาวงามข
“ท่านเทพผมขอคันฉ่อง ผมรู้ท่านหยิบมันมาด้วย”ซื่อเว่ยต้าตี้มองหน้าฟางเฟย เขาแบมือออก คันฉ่องทองแดงก็อยู่ในมือของเขาทันที“คันฉ่องของข้า ท่านเอามาให้ข้าได้ ทำไมไม่ทำแต่แรก”“ตอนข้าไปรับจางจิ้งมา เห็นคันฉ่องทองแดงมันวางอยู่บนที่นอนของเขา ข้าคิดอะไรไม่ทัน รีบหยิบดาบปัญจธาตุให้เขาแล้วหยิบเอาคันฉ่อง แล้วรีบดึงตัวเขามา ไหน ๆ ก็ได้คันฉ่องมาด้วยน่าจะลองดู ว่าคันฉ่องนอกจากพาเจ้าข้ามเวลาจะสามารถทำอะไรได้อีก”จางจิ้งรับคันฉ่องจากเทพเจ้าดวงดาว มาพลิกดูด้านหลังที่มีลวดลายสลักโลหะ เป็นสัญลักษณ์อู่ฟูหลิงเหมินปัญจธาตุ มีอักษรที่เขียนไว้เหมือนบนตัวดาบ นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เทพผู้พิทักษ์ปัญจธาตุ คือหน้าที่ของสกุลเกา คือความลับของสกุลที่ไม่มีใครรู้ ฟางเฟยหยิบคันฉ่องทองแดงขึ้นมาดู “แคร๊ก…” คันฉ่องเกิดลั่นขึ้น ตรงขอบเหมือนขยับได้ ฟางเฟยแค่ใช้นิ้วมือไล้ไปตามแนวขอบ บานคันฉ่องหลุดจากการยึดติด หมุนสวิงตัวทันที ด้านหน้าเรียบกับด้านสลักลายวิ่งเป็นภาพทับซ้อนกันด้วยแรงเหวี่ยง แสงสะท้อนจากคันฉ่องกระจายออกไปทุกทิศทาง แดนพฤกษาที่เสียหายจากสงครามเมื่อครู่ ก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ศพศัตรูที่เสียชีวิตนอนตายเกลื่อนกลา
จากอุโมงค์ที่มืดมิด แสงสว่างจากจุดเล็ก ๆ ก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น เกาจางจิ้ง พบว่าตนเองกำลังลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ ด้านล่างคือลานสังหารที่กำลังมีการสู้รบอย่างดุเดือด ฝั่งหนึ่งมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ใช้อาวุธและพลังวิเศษในการต่อสู้ ส่วนอีกฝั่งแม้มีร่างกายเป็นมนุษย์แต่เครื่องแต่งการ และใบหน้ากลับเป็นเหมือนแมลง ชายหนุ่มกำลังงงและสงสัย ต่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า “เกาจางจิ้งฟังข้า ข้าซื่อเว่ยต้าตี้เทพเจ้าแห่งแดนดาราห้วงเวหา เจ้าได้กล่าวรายงานตัวต่อสวรรค์ ดาบปัญจธาตุที่สาบสูญอยู่ในมือเจ้า เบื้องหน้าเวลานี้คือสงครามระหว่างแดนพฤกษาปัญจธาตุกับแดนบุปผา เจ้าและเกาฟางเฟยมีหน้าที่ดูแลความสมดุลแห่งปัญจธาตุ ในเมื่อเจ้าต้องการทำหน้าที่ร่วมกับนาง เพื่อแทนคุณสวรรค์ บัดนี้คือภารกิจของเจ้าที่ต้องทำ”“ฟางเฟยอยู่ที่นี่ แล้วเวลานี้เธออยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีรึเปล่า”“นางปลอดภัยดี นางให้ข้าไปตามเจ้ามา นางบอกเจ้าเก่งและฉลาด เอาเลยเกาจางจิ้งข้าก็อยากเห็นฝีมือเจ้า”เกาจางจิ้งยิ้มมุมปาก เขาชักดาบปัญจธาตุออกจากฝัก ดาบที่สาบสูญไปจากแดนสวรรค์ เรืองแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า จนทำให้ทหารที่สู้รบด้านล่างถึงกับหยุดมือ เหม่อมองขึ้นท้
เมื่อเกราะผลึกมนตรามีช่องโหว่ง เกราะมนต์ทั้งหมดก็ค่อย ๆ สลายลง กองทัพมหาศาลบุกเข้าเขตแดนพฤกษาปัญจธาตุ จนแผ่นดินสะเทือน เสียงฝูงบินหึงอื้ออึง อานุภาพความรักของกุ้ยอ้ายป๋อเฉิน ทำให้สองดินแดนต้องทำสงครามกัน ฟางเฟยจับมีดสั้นในมือมั่นพร้อมตั้งรับ มีดและมือที่เปื้อนคราบเลือดยังไม่มีเวลาได้ล้างออก ก็ต้องเริ่มต้นอีกครั้ง กลไกลกับดักที่วางไว้เริ่มทำงาน มันจัดการข้าศึกพื้นราบได้แค่เพียงเล็กน้อย ฟางเฟยสั่งเทพแรงงานจุดไฟสุมควัน เพื่อจัดการข้าศึกทางอากาศ วิธีคิดตีผึ้งของฟางเฟยได้ผลอย่างดี ข้าศึกร่วงหล่นลงมาให้ฆ่าทิ้งอย่างง่ายดาย แต่กองทำมดปลวกก็มากมายมหาศาล ต่อสู้กันชุลมุนเหน็ดเหนื่อยก็ไม่มีทีท่าว่าข้าศึกจะหมดลง แม้พลังของดาบดาราพิฆาต จะรุนแรงก็ทำได้แค่กวาดทำลายกองทัพที่บุกเข้ามาตรงหน้า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแม้แต่ซื่อเว่ยต้าตี้ก็อาจหมดแรงได้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงประเมินสถานการณ์เห็นทีต้องแพ้แน่ เขาปักปิ่นพฤกษาลงพื้นหน้าเรือนไม้ สร้างเกราะกิ่งไม้ปิดเรือนขังลูกเมียเอาไว้ ฟางเฟยบุกต่อสู้สังหารศัตรูจนล้มตายไปมาก แต่หญิงสาวเองก็กำลังจะหมดแรง ฟางเฟยเป็นเพียงมนุษย์ไม่มีพลังวิเศษอะไร อาวุธก็ใช้ได้แค่ระยะประชิดเท่
ฟางเฟยอาศัยรูปร่างที่บอบบางแอบซ่อนตามต้นไม้ใหญ่ ใช้วิธีซุ้มโจมตี ตั้งแต่ได้รับมีดสั้นมา ยังไม่มีโอกาสได้ฝึกใช้สักครั้ง พอได้ใช้จริงก็ต้องฆ่าฟัน ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวอย่างที่คิด หญิงสาวนั่งหลับตา ทบทวนท่วงท่าตามแบบที่ซินทำให้ดู หูก็ค่อยฟังเสียงฝีเท้า ที่ก้าวเข้ามาเกือบถึงตำแหน่งที่เธอล็อคไว้ ฟางเฟยลืมตาขึ้น จับมีดสั้นในมือมั่น ใช้กลยุทธ์จากเพลงดาบที่คุณปู่เกาซูว่านสอนไว้ ออกแรงแบบดาบเพียงแต่ในมือ คือมีดที่ยาวแค่ศอกเดียว ต้องสู้แบบประชิดเท่านั้น ฟางเฟยหลบอาวุธของคู่ต่อสู้ ด้วยสายตาและสมาธิที่ดี จนเข้าถึงตำแหน่งที่เหมาะสม ลงมือเฉียบขาดไม่ปราณีเหยื่อ ทหารแดนบุปผา บ้างถูกปาดคอ บ้างถูกแทงเข้าหัวใจ ลงไปนอนดิ้น อึกอักแล้วขาดใจตาย พวกที่บุกเข้ามา ต่างก็ล้วนถูกฟางเฟยสังหารอย่างเฉียบขาดรวดเร็ว ตามแบบฉบับสำนักดาบสกุลเกา มีดสั้นของหญิงสาวอาบไปด้วยเลือด แดงเต็มมือเต็มแขน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แต่เกาฟางเฟยกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวแม้แต่น้อย จะมีก็แต่อาการเจ็บภายใน ที่ยังไม่หายดีเท่านั้น หญิงสาวรอจนแน่ใจว่าไม่มีข้าศึกแดนบุปผาบุกเข้ามาอีก จึงกลับไปที่เรือนเทพเจ้าธาตุไม้ ซื่อเว่ยต้าตี้เห็นเลือดเปื้อนตัวหญ







