LOGINฟางเฟยมองดูบรรยากาศรอบตัว ที่นี่ควรจะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ แต่เวลานี้กลับมีแต่ต้นไม้ยืนต้นแห้งเหี่ยว ทิ้งใบร่วงลงพื้นให้เกลื่อนกลาดดูแล้งแค้นไปทั่ว
“ที่นี่ควรสวยงาม ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้”
“มันเป็นเพราะ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง เทพเจ้าธาตุไม้ เข้าสู่ภาวะนิพพานนานเกิน 100 ปีแล้ว แดนพฤกษาแห่งนี้จึงเป็นเช่นที่เจ้าเห็น ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปในห้วงนิทรา เพื่อชักจูงกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงให้ตื่นคืนกลับมา"
“ทำไมต้องเป็นฉัน พวกท่านเป็นถึงเทพเจ้าทำไมไม่ทำกันเอง เรื่องสำคัญแบบนี้ถ้าผิดพลาดฉันจะตายไหม หรือท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงจะอันตรายไหม” ซื่อเว่ยต้าตี้หัวเราะออกมากับความคิดของฟางเฟย
“ทั้งหมดที่เจ้าพยายามถามมาตลอด คือเจ้ากลัว อย่ากลัวเกาฟางเฟยข้าจะอยู่ข้าง ๆ เจ้า สวรรค์จะไม่ทำให้เจ้าเกิดอันตราย”
“สวรรค์…ตั้งแต่มาที่นี่ฉันเห็นแต่ท่าน ซื่อเว่ยต้าตี้ ฉันยังไม่เห็นสวรรค์เลย”
“ถือว่าเจ้าเข้าใจทุกอย่าง ข้าดีใจที่ได้ดูแลเจ้า เกาฟางเฟย”
หญิงสาวลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนบ้านสกุลเกา คันฉ่องทองแดงยังคงวางบนชั้นโชว์ที่เดิม ฟางเฟยยังรู้สึกปวดหัว แต่ไม่มากเหมือนเมื่อหัวค่ำแล้ว หญิงสาวพยายามลุกขึ้นดูนาฬิกา พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 9 โมงเช้าแล้ว มีเสียงคนกำลังเดินมา
“ฟางเฟิยเป็นอย่างไงบ้าง พี่คิดว่าถ้าเช้านี้ไม่ดีขึ้น จะพาไปโรงพยาบาล”
“ยังปวดหัวอยู่ค่ะ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว พักอีกหน่อยคงดีขึ้น”
“ดื่มยาก่อน คุณปู่เป็นคนจัดยาให้ด้วยตัวเอง บ้านเราไม่เคยต้องไปโรงพยาบาล เรามีสูตรยาของตระกูล น้องฟางเฟยดื่มยาก่อน ขมสักหน่อยแต่ที่น้องอาการดีขึ้น เพราะเมื่อคืนพี่…ช่วยกันกรอกยาให้เธอ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงยังไม่รู้สึกตัว”
“ถึงขั้นกรอกยาเลยเหรอ ทำไมไม่รู้ตัวเลย”
“น้องฟางเฟยไข้ขึ้นสูงมาก จนล้มลงตรงนั้น ดีที่ซินประคองหัวทัน แต่คันฉ่องตกลงพื้นดีที่ไม่เสียหาย”
เกาจางจิ้ง ลุกไปหยิบคันฉ่องมายื่นให้ฟางเฟยดู จริงอย่างที่ชายหนุ่มพูด คันฉ่องไม่เสียหายแม้แต่นิดเดียว แผ่นหน้าทองแดงก็เรียบเงาปกติไม่ได้มีรอยร้าวแบบที่เห็นเมื่อคืน
“พี่จางจิ้งมีดาบที่เป็นลายแบบนี้ด้วยใช่ไหม”
ฟางเฟยพลิกด้านหลังคันฉ่องให้เกาจางจิ้งดู
“ใช่ มีลายปัญจธาตุ เหมือนกัน”
“ทำไมอยู่ดี ๆ ก็ถามถึงดาบของพี่”
“ตงเจ๋อเคยบอกว่า ดาบของพี่จางจิ้ง มีลายปัญจธาตุเหมือนคันฉ่อง ฉันเลยถามถึง ขอฉันดูหน่อยได้ไหม”
เกาจางจิ้งมองเข้าไปดวงตาที่แดงกล่ำด้วยพิษไข้ ของฟางเฟย
“เอาไว้ ฟางเฟยหายป่วยแล้ว พี่จะให้ดู เวลานี้กินยาแล้วพักผ่อนก่อนจะดีกว่า”
เกาจางจิ้งส่งถ้วยยาให้หญิงสาว ฟางเฟยรับถ้วยยามาเป่าไล่ความร้อนแล้วค่อย ๆ ดื่ม แล้วต้องทำหน้าเบี้ยว
“อ่า…มันขมมากค่ะ”
“รีบกลืนให้หมดรวดเดียวเลย มันจะไม่ขม”
ฟางเฟยทำตามที่ชายหนุ่มบอก เพราะเขานั่งเฝ้าแบบนี้ ต่อให้ไม่อยากกินก็ต้องจำใจ ฟางเฟยส่งถ้วยเปล่าให้เขาแล้วทำหน้าเบี้ยว กับความขื่นขมของตัวยา จางจิ้งป้อนบ๊วยหวานใส่ปากหญิงสาว
“แก้ขม เป็นอย่างไงดีใช่ไหม”
“อืม…ใช้ได้เลย ค่อยยังชั่วหน่อย พี่จางจิ้งนี่น่ารักจังเลย เข้าใจแล้วทำไมสาว ๆ ถึงอยากได้พี่เป็นแฟน”
“แค่นี้น่ะหรือ พี่มีดีกว่านี้อีกนะ”
“พอเถอะ…ชมแค่นี้เอง รีบโฆษณาตัวเองเลยนะ”
“พักเถอะ…พี่จะให้ซินเอาข้าวต้มมาให้ เธอคงพักผ่อนน้อยและหักโหม เลยทำให้ไม่สบาย”
จางจิ้งทำท่าจะลุกออกไป ฟางเฟยคว้าแขนชายหนุ่มไว้ จนเขาต้องลงมานั่งตามเดิม
“พี่จางจิ้ง ตอนพี่ได้รับมอบดาบปัญจธาตุ มีเรื่องแปลก ๆ อะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้างไหม”
เกาจางจิ้งมองหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาปิดหน้าตาน้องสาว แล้วลูบหัวของเธอ ฟางเฟยกอดคันฉ่องไว้กับอก
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอรึเปล่า”
ฟางเฟยกลืนความคิดที่จะพูดลงคอ ตัดสินใจไม่บอกให้เขารับรู้ ด้วยไม่แน่ใจว่าตระกูลเกาที่นี่ลึก ๆ แล้วมีจุดประสงค์อะไรที่เธอไม่รู้รึเปล่า เธอควรแน่ใจกว่านี้ ว่าทุกอย่างควรพูดหรือไม่ควรพูด
ฟางเฟยและทุกคนหันไปมองต้นเสียงที่มาถึง เทพธิดารูปโฉมงดงามนางหนึ่งพร้อมเทพธิดารับใช้ ใบหน้ายิ้มสดใสทอดสายตาไปที่ซือเว่ยต้าตี้ “นาน ๆ ทีท่านจะกลับมาแดนสวรรค์ ไม่คิดกลับตำหนักซื่อเว่ย ไปเข้าเฝ้าองค์ฮั่นยูหวี่ ก็จะกลับแดนห้วงเวหา ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนะ”“ข้ากำลังพานางไปเข้าเฝ้า แล้วจะกลับห้วงเวหา ไม่คิดจะพักที่นี่ ข้าทิ้งงานมาหลายวัน ข้าไม่อย่าต้องโทษมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น”“ช่างใจร้ายนัก ท่านไม่คิดถึงข้าบางเลยรึ แดนห้วงเวหาท่านก็ปิดผนึกเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าออกมิได้ ข้าไปหาหลายหน ทหารยามก็ปฏิเสธทุกครั้ง จะฝ่าผนึกพลังเวทย์ก็ทำมิได้ ท่านจะหลบหน้าข้าแบบนี้ตลอดไปเช่นนั้นรึ”เทพเจ้าหนุ่มทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด "ท่านเทพไท่ไป๋จิงซิง รบกวนจัดยาให้นางแล้วให้คนไปส่งให้ข้าด้วย” ซื่อเว่ยต้าตี้หยิบชิ้นเห็ดหลินจือ ส่งให้เทพผู้เฒ่าหนึ่งชิ้น เป็นสินน้ำใจ แล้วเขาก็รีบเดินมาประคองฟางเฟย เพื่อเดินออกจากห้องปรุงยา แต่ก็ถูกเทพธิดาบริวารของนางผู้มาเยือนขวางไว้“บังอาจ” ซื่อเว้ยต้าตี้ตวาดใส่พวกนาง “พวกเจ้าเป็นแค่สาวใช้ อย่ากำเริบกับข้า”พวกนางได้แต่ก้มศีรษะตัวสั้นด้วยความหวาดกลัว“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่
หมอลี่จู ส่งจูบให้จางจิ้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป จางจิ้งได้แต่ขำกับท่าทีของลี่จู เธอเป็นผู้หญิงน่ารักและใจดี เสียก็แต่เขาไม่ได้ชอบเธอ จางจิ้งเดินกลับไปยืนข้างเตียงของฟางเฟย แค่คืนกับวัน ตอนนี้สีหน้าของฟางเฟยดูดีขึ้นจริง ๆ หวังว่าเธอในอีกช่วงเวลาคงปลอดภัย จางจิ้งกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ ส่งพลังไปถึงฟางเฟย รีบกลับมานะพี่รออยู่เสียงหัวเราะเฮฮาดังออกมาจากห้องพักฟื้นบนแดนสวรรค์ เกาฟางเฟยเล่าเรื่องมากมายบนโลกมนุษย์ ณ เวลาปัจจุบันให้กับ ซื่อเว่ยต้าตี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง และมู่ตัน ฟัง ชายหนุ่มทั้งสองเล่นหมากไปดื่มน้ำชาไป และกินขนมปังกรอบที่เธอเอาติดตัวมา ฟังเรื่องต่าง ๆ ที่เธอเล่า ประหนึ่งฟังนิทานหลอกเด็ก เจ้าเด็กน้อยก็พลอยหัวเราะชอบใจไปด้วย“นี่อะไรกัน พวกเจ้าเป็นถึงเทพระดับสูง มานั่งจับกลุ่มส่งเสียงดังอะไรกัน พวกเจ้านะ พวกเจ้า เห็นสถานพยาบาลของข้าเป็นบ้านของพวกเจ้ากันรึไง”เทพไท่ไป๋จิงซิง ยืนเท้าเอวบ่นพวกเขา ซื่อเว่ยต้าตี้ถึงกับหัวเราะกับท่าทางของท่านเทพอาวุธโส“เกาฟางเฟย ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้ากับมู่ตันกลับก่อนดีกว่า ตาเฒ่าอารมณ์เสียแล้ว ข้าเพิ่งก่อเรื่องจากตำหนักสวรรค์มาหมาด ๆ จะมาโดนเรื่องนี้อีก ค
ซื่อเว่ยต้าตี้ทำตามที่เขาบอก แล้วมองใบหน้าของฟางเฟย นับเลขในใจ เป็นอย่างที่กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงพูด เกาฟางเฟยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าแรกที่หญิงสาวเห็นคือซื่อเว้ยต้าตี้ ที่ยิ้มกว้างเทพเจ้าหนุ่มเข้ามากอดเธอเอาไว้ด้วยความดีใจ“โอะ…โอ๊ย ๆ…ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าเจ็บ ข้าจะตายเพราะท่านนี่แหละ เบา ๆ หน่อย”“ขอโทษ ข้าดีใจ เจ้าเจ็บหนักมาก รู้ไหมข้ากังวลมากแค่ไหน เมื่อเช้าท่านพ่อส่งเห็ดหลินจือมาให้ ข้าให้เจ้ากินไปหลายครั้งก็ยังนิ่งอยู่ รู้ไหมข้าเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ”หญิงสาวจับมือของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้“ข้ารู้ ท่านจะไม่ทิ้งข้า ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าท่าน กระเป๋าข้าอยู่ไหน”"อยู่นี่เจ้าต้องการอะไรบอกข้า"“ลูกอม อ้อ…น้ำตาลก้อน”“ได้ ๆ ข้าแกะให้ นี่ข้าป้อน” แค่พอเข้าปาก ฝางเฟยก็รีบคายออกทันที“เอาสีอื่น ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ นี่มันรสกาแฟ ข้าปากคอขมไปหมด ท่านยังจะให้กินรสกาแฟอีก เอาสีแดง”“ได้ ๆ ก็ข้าไม่รู้ เจ้าขนเอามาซะเยอะเลย รสชาติไหนเป็นรสอะไรข้าจะรู้ได้อย่างไร”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงและมู่ตันก้มดูชายหญิงตรงหน้า ด้วยความสนใจ ในกระเป๋าของฟางเฟยนอกจากคันฉ่องทองแดงกับมีดสั้น ก็มีขนมน่าตาแปล
องค์ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง หลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอด มู่ตันคือเทพธิดาที่เขาหลงรักและพอใจ ถึงขั้นจะแต่งนางขึ้นเป็นชายา โดยไม่สนคำทักท้วงถึงความเหมาะสมคู่ควรใด ๆ แต่ในเมื่อเวลานี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงได้มาแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ มีหรือที่คนหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเขา จะดื้อดึงเอาของที่มีเจ้าของมาเป็นของตน ต่อให้ต้องการมากแค่ไหนก็ตาม“ในเมื่อเจ้าพูดถึงเพียงนี้ ข้าดูไม่มีความหมายในชีวิตเจ้าเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความดีที่เจ้าแสดงต่อข้า ทุกอย่างข้าคงคิดไปเอง”ไฉเหลี่ยงหวง คุกเข่าลงต่อหน้าองค์ฮั่นยุหวี่ ผู้เป็นบิดา“ท่านพ่อ ลูกโง่เขลา ดวงตามืดบอดในรัก ขอท่านได้โปรดยกเลิกการเสกสมรสของข้า ด้วยเถิดพระเจ้าข้า”องค์ฮั่นยุหวี่เงยหน้ามองเพดาห้องโถง รู้สึกสงสารบุตรชาย แต่ในเมื่อความจริงประจักษ์ชัดถึงเพียงนี้ คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามหนทางของมัน“ได้ ประกาศออกไป ข้าขอยกเลิกงานสมรส องค์ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวงกับเทพธิดามู่ตันแดนบุปผา การหมั้นหมายระหว่างทั้งสองถือว่าขาดต่อกัน จะไม่มีการเสกสมรสระหว่างคนทั้งสองเกิดขึ้นอีกต่อไป”“ขอบพระทัยพระเจ้าข้า” บุคคลทั้งสามกล่าวขึ้นพร้อมกันกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงอุ้มบุตรชายเดินจูงม
“อย่ามากพิธี กลับมาแล้วรึ นางหนูตระกูลเกาผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว งานแรกก็เจอเจ้าเล่นงานซะปางตาย ถนอมนางหน่อย หน้าที่ของนางยังไม่จบ"“ขออภัย ในเวลานั้นข้าไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จึงพลั้งมือทำร้ายนาง และข้าไม่รู้ว่านางเป็นเพียงมนุษย์ ปิ่นเมฆาสวรรค์ของท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ดูจะปิดบังทุกสิ่งได้มิดชิด จนข้ายังคิดว่านางเป็นเทพบนชั้นฟ้า ด้วยพลังแบบนั้นนางน่าจะรับมือได้ ไม่คิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้"“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว นางเองตอนนี้ก็ปลอดภัยดี อยู่ในความดูแลของไท่ไป๋จิงซิง เมื่อเช้าข้าได้ส่งเห็ดหลินจือไปให้ อีกไม่นานก็จะกลับมาปกติ ว่าแต่เจ้าเถอะมีอันใดจะบอกข้าอีกหรือไม่”“ข้ามีเรื่องต้องกราบทูล ขอท่านฮั่นยุหวี่ ทรงโปรดอภัย”เทพเจ้ากุ้ยอ้ายป๋อเฉิง วาดแขนทำพิธีคารวะชุดใหญ่ แล้วคุกเข่าลงคำนับ ท่านฮั่นยูหวี่มองดูท่าคารวะแล้วรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ด้านหลังกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง มีเทพธิดามู่ตันว่าที่สะใภ้หลวงที่กำลังอุ้มทารกน่ารักในอ้อมอก “ข้า ใคร่ขอให้ท่านช่วยเหลือ ขอทรงโปรดยุติการเสกสมรสระหว่างมู่ตันกับไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง ด้วยนางเป็นภรรยาของข้า จึงมิอาจแต่งไปเป็นภรรยาผู้อื่นได้”องค์ฮั่นยุหวี
“ท่านคิดทำสิ่งใด”“พูดความจริง ต่อให้ต้องถูกลงโทษ ข้าก็ต้องยอมรับมัน”“ลงโทษ ความรักระหว่างเรามีโทษด้วยเหรอ ต่อให้วันนี้ท่านไม่มา ข้าก็คิดไว้แล้วว่าวันแต่งงาน ข้าจะบอกความจริงต่อตำหนักสวรรค์ ดินแดนสูงส่งเช่นนั้น คงไม่อยากรับผู้หญิงมีตำหนิไปเป็นชายาหรอก”“ทำเช่นนั้นมิได้ ทุกชีวิตที่นี่จะเดือดร้อน ถ้าความเข้าใจกลับแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง”“แล้วแบบนี้จะทำอย่างไง”“เราจะไปกันสามคน เราจะไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เราสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเราต้องจบมันด้วยตนเอง”กุ้ยอ้ายป๋อเฉินอุ้มลูกชายของเขาในอ้อมอก แขนอีกข้างก็โอบเอวมู่ตันไว้ เสกตัวเองเป็นพญานกยักษ์ บินขึ้นสู่เวหา ทหารแดนบุปผาต่างตกตะลึง กับนกยักษ์ที่โฉบเอามู่ตันกับลูกชายของนางบินขึ้นสู่ท้องฟ้า กว่าจะตั้งสติได้ง้างคันธนูยิงออกไป พญานกยักษ์ก็พาสองแม่ลูกบินไปจนลับสายตาเสียแล้วเกาจางจิ้งยืนมองดูร่างของฟางเฟย ที่ถูกโยงไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภาพที่ฟางเฟยสำลักเอาลิ้มเลือดออกมา ยังคงติดตาเขาจนถึงตอนนี้ เสื้อผ้าของเขายังเต็มไปด้วยเลือดของหญิงสาว แม้เขาจะผ่านการเข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน แต่กับผู้หญิงคนนี้มันต่างกันออกไป บุ







