Masukกู่เป่านั่งลงตรงหน้าเทพเจ้าธาตุทอง ที่หลับตานิ่งสงบอยู่ในสมาธิ เกาจางจิ้งเดินสำรวจหอดับทุกข์ ห้องที่ซูเหลียงเจียวจินเลือกเป็นห้องสำหรับเข้านิพพาน หอดับทุกข์เป็นหอคอยที่อยู่สูงที่สุดของตำหนักโลหะ มองเห็นดินแดนจิงชู่ได้โดยทั่ว เห็นแม้กระทั้งทางเข้า อุโมงค์เล็ก ๆ ที่เขาผ่านมา ภายในหอดับทุกข์มีภาพเขียนสีจิตรกรรมฝาผนัง บอกเล่าเรื่องราวครั้งกำเนิดโลกและสวรรค์ เกาจางจิ้งเดินไล่ดูเรื่องราวของผานกู่ และพระแม่หนี่วากับรอยรั่วของสวรรค์ และนี่คือสาเหตุการกำเนิดธาตุทั้งห้าแห่งปัญจธาตุ“มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ข้าพอจะคิดได้ ไม่รู้จะพอเป็นประโยชน์ต่อท่านหรือไม่”เกาจางจิ้งรีบเดินกลับมานั่งข้างกู่เป่า เซียนรับใช้ประจำธาตุทองลืมตาขึ้นช้า ๆ หันมามองหน้าเกาจางจิ้ง ชายหนุ่มแทบกลั้นหายใจ อยากรู้สิ่งที่จะออกมาจากปากของเขา “ท่านเทพซูเหลียงเจียวจิน มิเคยมีความรักเช่นเทพเจ้าองค์อื่น ไม่มีหวงหาอาทรอันใดกับความหลังเพราะไม่เคยเป็นมนุษย์ ท่านถือกำเนิดมาจากหินห้าสีของพระแม่หนี่วา”“ท่านพูดเช่นนี้ แล้วเทพเจ้าประจำธาตุอื่น ๆ เล่า มิเป็นเหมือนเช่นธาตุทองหรือ”“เป็นเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ชาติกำเนิด เดิมทีดินแดนทั้งห้าว่าง
“หาได้ไม่ท่านพี่ฉือถูกภรรยาเอก ตบตีอย่างหนัก เห็นว่าใช้ไม้พลองทหารทุบตีไม่ยั้งมือ เดี๋ยวเขามาถึงเจ้าทั้งสองก็ดูเอาเถอะ นางเข้าใจว่าเขาไปเที่ยวแล้วถูกใจอาซี นางเลยต้องมาอยู่ที่นี่ แทนที่จะได้รับใช้ภรรยาเอกบ้านฉือ ตามที่ท่านพี่ฉือตั้งใจ”“อ๋อ…เป็นเช่นนี้เอง ขอโทษนะ ข้าเห็นแต่ภายนอก ก็คิดว่าเจ้าไม่ระวังเอาสาวงามมารับใช้ข้างกาย ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ไว้ใจไม่ได้ ข้าเข้าใจว่าบุรุษจะมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่างไรเสียมีเราคนเดียวย่อมดีที่สุด”ซื่อเว่ยต้าตี้กระแอมออกมา ด้วยรู้สึกถึงรังสีความหึงหวงของสตรีที่รุนแรงเฟิ่งหวางถึงกับหัวเราะออกมา “วางใจเถอะ ท่านพี่โจวจะไม่มีวันรับอนุแน่นอน” นางไก่ฟ้าห้าสีพูดออกมาด้วยความมั่นใจ เกาฟางเฟยหันไปมองหน้าซื่อเว่ยต้าตี้ นึกถึงตอนเสนอให้นางลงมารับด่านเคราะห์รักร่วมกับเทพเจ้าธาตุดิน นางยังมีความรังเรอยู่ไม่น้อย แต่เวลานี้กลับดูนางจะหลงสามีเอามากโจวซานป๋อเดินเข้ามา พร้อมรอยยิ้มละมัยเช่นครั้งเก่าก่อน ในมือของเขามีกล่องแพร่ไหมสีน้ำตาลลายเครือเถา ซื่อเว่ยต้าตี้และเกาฟางเฟยมองกล่องแพรไหม ในที่สุดของสำคัญก็ปรากฏเสียที“พวกท่านทั้งสองมาได้เวลา
“แดนจิงชู่ถูกปิดตาย ตั้งแต่ท่านเทพเข้าสู่นิพพานหลับใหล ท่านเทพซูเหลี่ยงเจียวจิน ได้ทำกุญแจเข้าเมืองซ่อนเอาไว้ในตำหนักปัญจเทวะ สำหรับท่านและทายาทคันฉ่อง ตามคำทำนายนัดหมายจากอดีตกาล ข้าเคยคิดว่าจะเนินนานกว่านี้ ไม่คิดเลยว่าผ่านไปเพียงร้อยกว่าปี ท่านก็ปรากฏขึ้นจริง ไม่สิ ร้อยกว่าปีนี่ คือการจากไปของท่านซูเหลี่ยงเจียวจิน แต่กับท่านเทพผู้พิทักษ์ ท่านกับพระนางมู่หลินหนิงอัน หายสาบสูญไปหลายหมื่นปีแล้ว ดีใจนักที่คำทำนายเป็นความจริง”“แล้วตอนนี้ร่างของท่านซูเหลี่ยงเจียวจินอยู่ที่ใด แล้วตลอดเวลาพวกท่านใช้ชีวิตกันเช่นไร”“ร่างของท่านเทพเจ้าธาตุทองอยู่บนหอดับทุกข์ขอรับ” ชายวัยกลางคนผู้มีท่าทีสุขุมเยือกเย็นชี้นิ้วไปบนหอคอย เกาจางจิ้งมองตามนิ้วที่ชี้นำ บนยอดหอคอยมีแสงไฟวูบไหว ผู้คนของแดนจิงชู่ดูมีระเบียบวินัย เมื่อเทียบกับแดนพฤกษาและแดนอัคคี ช่างดูแตกต่าง จะว่าไปตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็นแดนปฐพีขององค์ชายโจวซานป๋อ บางที่ด้วยความเป็นองค์ชายจากแดนมนุษย์ ความเป็นระเบียบเคร่งครัดอาจไม่ต่างกับที่นี่ก็ได้ ท่านเทพเจ้าธาตุทองซูเหลี่ยงเจียวจิน ดูแลที่นี่ได้วิเศษ เกาจางจิ้งมองดูสภาพบ้านเรือนชุมชนในแดนจิงชู่ ที่น
เกาจางจิ้งลืมตาขึ้น กลับพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่หน้าเพิงผา ที่มีทางเข้าเป็นช่องอุโมงค์ดำมืด ขนาดไม่ใหญ่มาก ด้านขวามีแผนป้ายโลหะด้าน ๆ เก่า ๆ สลักชื่อแดนจิงชู่ ‘อะไรคือแดนจิงชู่’ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ ชะโงกหน้าเข้าไปด้านในอุโมงค์ มองลึกเข้าไปพอจะเห็นแสงไฟวูบไหว และสัมผัสได้ถึงแรงลมบาง ๆ ที่พัดย้อนออกมาจากภายใน แสดงว่าต้องมีทางออกตรงปลายอุโมงค์ชายหนุ่มกระชับดาบปัญจธาตุในมือมั่น เดินไปตามช่องอุโมงค์ที่มีเพียงโคมประทีปโลหะสีทอง แสงไฟในโคมเทียบได้เพียงเปลวเทียน แต่การออกแบบโคมมีความพิเศษ ทำให้แสงเปลวประทีป ไปตกกระทบกับแผ่นโลหะสีทองเนื้อมันวาว จนทั่วช่องทางเดินบริเวณนั้นสว่างเป็นพิเศษ ผนังหินตลอดแนวทางเดิน มีเส้นสายแร่สะท้อนแสงเปลวประทีปจนดูวิจิตรงดงาม แต่เกาจางจิ้งก็ไม่ได้หยุดใส่ใจกับความตระการตานั้นให้เสียเวลา เพราะจุดหมายคือปลายอุโมงค์พิศวงนี้ต่างหาก ที่จะเป็นคำตอบ ว่าจิงชู่คืออะไรเกาจางจิ้งได้แต่ยืนตกตะลึง เมื่อสิ้นสุดปลายอุโมงค์ กลับเป็นดินแดนที่ต่างออกไป ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดสายตา ตรงจุดนี้เหมือนเป็นช่องเขาขาด ที่ด้านบนเพิงหินผาเป็นช่องโหว่ทำให้แสงแดดส่องลงมาถึง สายลมเย็นสบายพัดโชยแผ่ว
เป็นไปตามที่เกาจางจิ้งคาดคิด เทพเจ้าธาตุไม้กลับมาก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าเตาหลอมวัฏจักรปัญจธาตุ แต่สิ่งที่กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงกำลังทำ กลับทำให้เกาจางจิ้งรู้สึกกังวล“นั่นท่านกำลังทำอะไร” เทพเจ้าธาตุไม้ถึงกับสะดุ้งตกใจ เมื่อเกาจางจิ้ง เอ่ยทักขึ้นจากด้านหลัง เพราะเขากำลังหลงคิดว่า สถานที่แห่งนี้มีเพียงเขาผู้เดียว ไม่มีผู้อื่น“ทะ…ท่าน ทำไม ไม่ไปกับท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ทำไมยังอยู่ที่นี่”“พอดีข้าเกิดสนใจท่านมากกว่าท่านเทพโจวซานป๋อ ที่มีเฟิ่งหวางเคียงกาย ข้าเลยขอเลือกติดตามท่านดีกว่า”“ติดตามข้า ตลกแล้วท่านเทพผู้พิทักษ์ เทพเจ้าหลังเขาเช่นข้า มีอันใดให้น่าติดตามกัน”เกาจางจิ้งมองดูเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ด้วยเพราะเทพเจ้าธาตุไม้ ได้เร่งเติมไม้ฟืนเพิ่มเข้าไปในเตาไฟอีกครั้ง “สิ่งที่ท่านทำอยู่นี่ไง สมควรให้ข้าติดตามหรือไม่ ท่านไม่รู้หรือว่า ไฟแรงเช่นนี้จะทำให้หม้อหลอมทองแดงอาจระเบิดได้ ยิ่งในหม้อมีน้ำน้อยด้วย ท่านไม่คิดว่าน้ำจะแห้ง จนหม้อไหม้ก้นทะลุบ้างรึ”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงสีหน้าซีดเผือดลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับกิริยาเป็นงุนงงแกล้งโง่เง่าขึ้นมา “ข้า…ข้าแค่กลัว กลัวว่าไฟจะมอดดับ กลัวจะมีปัญหาอีก”“น่าแปลกนัก ปกติแล
“เดี๋ยวจูเชว่ ข้าได้ยินเจ้าคันฉ่องนั่นพูดถึงพลังบริสุทธิ์ของฟางเฟย มันคืออะไร” สัตว์เทพชิงหลงพูดออกมาด้วยความสงสัย แต่ผู้ที่สะดุ้งกับเรื่องนี้ เป็นเทพเจ้าดวงดาว “พวกท่านรีบไปกันเถอะ ข้าเองก็ต้องไปดูโจวซานป๋อ ทิ้งเขากับเฟิ่งหวางมานาน ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นอย่างไรกันบ้าง”“อ๋อ ใช่ เช่นนั้นข้าลาก่อน จะรีบไปตำหนักเบื้องบน ได้ความเช่นไรจะรีบกลับมาพบพวกท่านอีกครั้ง” ทุกคนต่างโค้งคำนับทำความเคารพต่อผู้อาวุโส เทพเจ้าดวงดาวโค้งศีรษะให้เล็กน้อย สัตว์เทพทั้งสี่จากไปแล้ว ตำหนักปัญจเทวะเงียบเหงาลง หยุ่นหยวนพาดวงจิตของธิดามารเหลี่ยงซูกลับไปคืนร่างนางที่แดนมาร ที่นี่เวลานี้เหลือเทพประจำธาตุไม้ ธาตุไฟ ซือซง เทพเจ้าตงฉาง พี่น้องสกุลเกา และเทพเจ้าดวงดาว“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าจะเดินทางข้ามประตูมิติเวลาเช่นทุกครั้งได้อยู่หรือไม่” เกาฟางเฟยถามขึ้นเสียงอ่อย“ในแดนเวลาแห่งนี้ ข้าและเจ้ารวมทั้งเกาจางจิ้ง เราจะเดินทางไปพร้อมกัน แต่กับมิติเวลาของเจ้า มันไกลเกินอำนาจที่ข้าจะทำเพียงผู้เดียวได้”“แม่นางเกา เจ้าไม่รู้หรือว่า ทุกครั้งที่ซื่อเว่ยต้าตี้ไปพบเจ้าในแดนมนุษย์ ที่ศาลเจ้าสกุลเกา เขาจะสูญเสียพลังปร







