ซุนชิงไต้ใส่น้ำตาลลงไหอย่างเคลือบแคลงใจพูดตามสัตย์จริง นางคล้ายกำลังเดิมพันหากเสวี่ยปี้นี้ทำออกมาแล้วยังมีรสชาติเหมือนใบสนนางก็แค่โยนน้ำตาลลงไปอีกหลายก้อนต่อให้น้ำตาลราคาแพงมากสำหรับซุนชิงไต้ในสมรภูมิรบราคาน้ำตาลสูงยิ่งกว่าทอง ยังเป็นยาอีกชนิดหนึ่ง ในช่วงเวลาคับขัน ยังสามารถช่วยชีวิตทหารได้!ซุนชิงไต้มองน้ำตาลละลายไปภายในไห รู้สึกไม่อาจหักใจอย่างมากภายในใจหลี่หลงหลินมองปราดเดียวก็รู้ความคิดของซุนชิงไต้ “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจเถอะ เสวี่ยปี้นี้ทำออกมาแล้วรับรองว่าดื่มได้แน่นอน”ซุนชิงไต้จ้องมองหลี่หลงหลิน “เช่นนั้นท่านรับปากหม่อมฉัน หากดื่มไม่ได้ ท่านจะต้องชดใช้น้ำตาลให้หม่อมฉัน”หลี่หลงหลินหัวเราะ “วางใจได้ หากไม่อร่อยข้าจะรีบส่งนกพิราบสื่อสารไปที่ตงไห่ ส่งน้ำตาลมาให้ท่านโดยเร็ว”ซุนชิงไต้อารมณ์ดีขึ้นมาในทันใดหลี่หลงหลินพูดว่า “ต่อจากนี้เป็นก้าวสำคัญที่สุดในการทำเสวี่ยปี้”ได้ยินดังนั้น ซุนชิงไต้ตั้งสมาธิขึ้นมา ดวงตาทอประกายระยับนางรีบหยิบสมุดประจำตัวออกมา เตรียมจดคำพูดของหลี่หลงหลินนี่คือความคุ้นชินตลอดหลายปีของซุนชิงไต้นางความจำดีเยี่ยงไรก็ไม่อาจสู้การจดได้โด
จางไป่เจิงถลึงตาใส่องค์ชายเจ็ดแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าท่านจัดการเรื่องพรรค์นี้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมาตามข้าอีก!”“ภายในค่ายทหารมีเรื่องเล็กเรื่องใหญ่มากเพียงนั้น หากทั้งหมดต้องมาถามข้าด้วยตนเอง ข้าจะยังไม่เหนื่อยตายอีกหรือ?”องค์ชายเจ็ดถูกตำหนิจนพูดไม่ออก ก้มหน้าไม่พูดจาแม้คำเดียวภายในใจเขาอาฆาตแค้นหลี่หลงหลิน!จางไป่เจิงโบกมือ “กลับไปเถอะ”“มีเวลาทำเช่นนี้ไม่สู้ไปอ่านตำราพิชัยสงครามมากอีกสองหน้า ศึกษากลยุทธ์การต่อสู้!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้า ประกบมือสองข้าง “ข้าจดจำคำสั่งสอนของแม่ทัพจางไว้ภายในใจแล้ว”จางไป่เจิงส่ายหน้า ถอนหายใจองค์ชายเจ็ดคนนี้ ช่างโง่เขลาเบาปัญญาโดยแท้หลี่หลงหลิน ข้าจัดการได้หรือ?เขาไม่เพียงเป็นรัชทายาท เป็นผู้ตรวจการกองทัพที่ฝ่าบาทแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง ยังสร้างผลงานทางทหารอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วยตราบใดที่เขาไม่ทำเรื่องเหลวไหลร้ายแรง ตนเองทำได้เพียงหลับตาข้าง ลืมตาข้าง!….พลบค่ำซุนชิงไต้พาหมอหญิงทั้งหมดกลับเข้ากระโจมทหารบนหลังของทุกคนล้วนแบกใบสนไว้เต็มตะกร้าซุนชิงไต้กระโดดโลดเต้นมาหยุดต่อหน้าหลี่หลงหลิน “องค์ชาย หม่อมฉันทำตามคำขอของท่านแล้ว เด็ดใบสน
เหล่าทหารยืนก้มหน้าก้มตาอยู่กับที่ ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยจางไป่เจิงเดินไปหยุดต่อหน้าทหารคนหนึ่ง พูดเสียงเคร่งขรึมว่า “อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างชัดเจน”ทหารผู้นั้นเสียงสั่นเครือ “ท่านแม่ทัพจาง เป็นรัชทายาทให้พวกเรามาฝึกที่นี่เอง บอกว่าอยากทดสอบสมาธิของพวกเรา”“แต่พอข้ามาถึงก็เห็นทุกคนกำลังโห่ร้องกันอยู่แล้ว ข้าก็เลยเดินตามไปดู”สีหน้าจางไป่เจิงเคร่งขรึม “บอกข้า เจ้าเห็นอันใด”ทหารพูดเสียงแผ่วเบา “เห็นหมอหญิงมากมายอยู่ในป่าสน พวกนางดูเหมือนกำลังเก็บบางอย่างอยู่ขอรับ”จางไป่เจิงพูดเสียงเย็นชา “นี่คือสมาธิของพวกเจ้าหรือ?”“ไม่แปลกใจเลยที่รัชทายาทคิดทดสอบพวกเจ้า!”“แค่สิ่งยั่วยวนเพียงเท่านี้ยังอดกลั้นไม่ได้ ภายภาคหน้าอยู่ในสนามรบจะทำเช่นไร!”“เหลวไหลไร้สาระโดยแท้!”จางไป่เจิงโมโหมากการกระทำของทหารเหล่านี้คือกำลังตบหน้าเขาโดยตรง!พวกทหารที่กำลังโห่ร้องเหล่านี้ล้วนเป็นผู้อยู่ใต้อาณัติชั้นยอดของเขา!หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทุกคนก็จะหัวเราะเยาะจางไป่เจิงลับหลัง!เพราะฉะนั้นจะต้องลงโทษทหารเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาจดจำไว้เป็นบทเรียน!จางไป่เจิงกวาดตามองเหล่าทหาร พูดเสี
...วันต่อมาฟ้าเพิ่งสว่างซุนชิงไต้พาหมอหญิงทั้งหมดเข้าป่าสนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อความปลอดภัย หลี่หลงหลินจงใจย้ายพื้นที่ฝึกยามเช้าของทหารไปใกล้ป่าสนโดยเฉพาะ เผื่อว่าหากข้าศึกบุกมาเมื่อใด ทหารจะสามารถเข้าสู้รบได้ทันทียิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการฝึกสมาธิของเหล่าทหารอีกด้วยเหล่าทหารแห่งต้าเซี่ยแต่ละคนล้วนเปี่ยมไปด้วยพลัง โลหิตพลุ่งพล่านพล่าน ได้เห็นหมอหญิงที่กำลังเก็บใบสนอยู่ในป่าสน หัวใจก็พาลว้าวุ่นเสียงหัวเราะใสกังวานดุจระฆังภายในป่าสนของเหล่าหมอหญิงยิ่งปลุกเร้าให้หัวใจของเหล่าทหารเต้นระส่ำเหล่าทหารจะทานทนต่อบททดสอบนี้ไหวได้อย่างไร?ต่างพากันวิ่งกรูออกไปยังชายป่าสนดูเหล่าหมอหญิงที่กำลังก้มเก็บใบสนอยู่ได้เห็นเหล่าหมอหญิงสวมชุดรัดรูปสีขาว เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าบนเรือนร่างของหญิงสาววัยแรกแย้มแต่ละคนล้วนมัดผมยาวขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนละมุนผิวพรรณของเหล่าหมอหญิงตัดกับสีเขียวของป่าสนทำให้ขาวเป็นพิเศษดุจหิมะเหล่าทหารได้เห็นแล้วต่างก็พากันโห่ร้อง“หมอหญิงเหล่านี้งดงามยิ่งนัก!”“หากข้าสามารถแต่งสตรีเช่นนี้กลับบ้านไปเป็นภรรยาได้ ชาตินี้เกิดมาก็คุ้มค่าแล้ว!”“เพ้อฝันไร้สาระอั
เพียงซุนชิงไต้ได้ยิน ทันใดนั้นดวงตาทอประกายระยับ “เสวี่ยปี้คือสิ่งใด? อร่อยหรือไม่ เหตุใดหม่อมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน?”ซุนชิงไต้เคยเดินทางรักษาผู้คนทั่วแคว้น เคยกินอาหารเลิศรสทุกหนแห่งแต่เครื่องดื่มที่หลี่หลงหลินเอ่ยถึงนี้ นางไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยเพียงนางได้ยินชื่อ ก็สามารถจินตนาการถึงความเย็นหลังดื่มเข้าไปได้ใบหน้าหลี่หลงหลินฉายแววลึกลับ “ไม่เพียงแค่อร่อย แต่มันอร่อยระเบิด!”ซุนชิงไต้เบิกตากว้างในทันใด ดีใจอย่างมาก “หม่อมฉันอยากดื่ม! ตอนนี้เสวี่ยปี้นี้อยู่ที่ใด?”นางเชื่อในรสนิยมของหลี่หลงหลินหากพูเดเรื่องศึกษาของกิน ซุนชิงไต้ยังต้องเรียกหลี่หลงหลินว่าอาจารย์!ไม่ว่าผงปรุงรสไก่ ปลาหวงฮื้อใหญ่หรือหม้อทองแดงจิ้มจุ่ม ล้วนทำให้ซุนชิงไต้น้ำลายสอในเมื่อหลี่หลงหลินเอ่ยปากชมถึงเพียงนี้ นั่นไม่มีทางเป็นของไม่ดีอย่างแน่นอน!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้สามอย่าเพิ่งร้อนใจ ท่านจะต้องช่วยข้าก่อนหนึ่งเรื่องถึงจะสามารถดื่มเสวี่ยปี้ได้”เพียงได้ยินว่ายังไม่ได้ดื่มในตอนนี้ ซุนชิงไต้ก็บ่นขึ้นมา “จะต้องช่วยอันใดท่าน หม่อมฉันต้องชั่งใจก่อนเพคะ”“อย่างไรเสียตอนนี้งานในกองทัพก็มีมากมาย
หลี่หลงหลินพูดต่อว่า “เจ้าคงยังไม่ลืม ตอนพวกเราอยู่ที่ตงไห่ พวกเรากินปลาทุกมื้อ”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าภาพในตอนนั้นยังแจ่มชัดอยู่ภายในสายตา ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานแต่นางก็ยังไม่อาจปะติดปะต่อสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันได้โรคตาบอดตอนกลางคืนนี้เกี่ยวกันใดกับปลาของตงไห่?หลี่หลงหลินอธิบายว่า “กองทัพสกุลซูแทบจะไม่มีใครเป็นโรคตาบอดตอนกลางคืนก็เพราะสาเหตุนี้”“ตอนอยู่ที่ตงไห่ พวกเขากินปลาเป็นอาหารหลักเกือบทุกวัน”“ในเนื้อปลานั้นมีวิตามินปริมาณมาก สามารถบำรุงสายตาได้ ดังนั้นจึงไม่เกิดโรคตาบอดตอนกลางคืน”“ทหารต้าเซี่ยเกิดโรคตาบอดตอนกลางคืนก็เพราะภายในร่างกายขาดวิตาวิน”“ในตำราแพทย์กล่าวว่าปลาช่วยบำรุงสายตา!”ซุนชิงไต้ฟังแล้วก็เอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่า “องค์ชาย วิตามินคือสิ่งใดหรือเพคะ?”หลี่หลงหลินใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น “ก็คือธาตุอาหารปริมาณน้อยที่จำเป็นต่อการมีชีวิต หนำซ้ำวิตามินเหล่านี้ทำได้เพียงรับจากภายนอก ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างได้”“หรือก็หมายความว่ากินสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น”“ตราบใดที่เราทำให้ทหารได้กินเนื้อเป็นประจำ โรคตาบอดตอนกลางคืนก็สามารถบรรเทาลงได้