ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อ พูดอย่างตกตะลึงว่า “หนึ่งเดือน...เจ้าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน ก็สามารถทำได้กระนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า ตอบอย่างมั่นใจว่า “ทำได้พ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเจ้าเก้าดีไปทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวชอบยื่นเงื่อนไขนัก!แม้ภายในใจจะไม่ค่อยพอใจ แต่ฮ่องเต้หวู่ก็จนใจ จึงพยักหน้าตอบว่า “เงื่อนไขอะไร?”หลี่หลงหลินหันมองทางหลี่จือแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผู้ตรวจการพี่สี่คนนี้ มีแต่จะสร้างความวุ่นวาย ไม่แต่งตั้งจะดีเสียกว่า!”ฮ่องเต้หวู่ชะงักไปพูดตามสัตย์จริง เงื่อนไขของหลี่หลงหลินไม่นับว่าเลยเถิดเกินไปไม่ว่าจะในราชสำนัก หรือในกองทัพ ก็ต้องมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นการบรรเทาทุกข์ก็เช่นกันหากมีขุนนางผู้ตรวจการสองคน ยังเป็นศัตรูกัน ต่างฝ่ายต่างขัดแย้งกัน แล้วผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะเชื่อใคร?ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือเพียงเล็กน้อยของหลี่จือนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้การได้ปล่อยให้เขาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์ต่อไป ก็ไม่เหมาะสมจริงเสียด้วยฮ่องเต้หวู่ใคร่ครวญ พยักหน้าพูดว่า “ตกลง! เรารั
เวลานี้หลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิงเข้าวังพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังตำหนักหยั่งซินซูเฟิ่งหลิงสวมชุดเกราะเต็มยศ มือถือทวนเงิน คาดกระบี่ยาวไว้ที่เอว ผมหางม้าถูกรวบขึ้นสูง เดินตามอยู่ข้างกายหลี่หลงหลิน เบ้ปากพูดว่า “ตอนนี้ท่านทำอันใดกัน ถึงกับต้องให้ข้าเข้าวังมาเป็นเพื่อนด้วยหรือ?”หลี่หลงหลินยักไหล่ ตอบอย่างเอือมระอา “ข้ากลัวตาย! ระยะนี้ มักมีราษฎร์คิดจะฆ่าข้า!”หลี่หลงหลินมิได้พูดเกินจริงนับตั้งแต่ไฟมังกรเผายุ้งฉางหลวง เริ่มทำให้ราคาธัญพืชพุ่งทะยานชื่อเสียงของหลี่หลงหลิน ก็ดิ่งลงราวกับน้ำตกลงจากที่สูงสามพันฉื่อ กลายเป็นเน่าเหม็นฉาวโฉ่ราวกับอึสุนัขทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็จะถูกราษฎร์ปาผักเน่าและไข่เน่าดังนั้น...ตอนนี้ไม่ว่าหลี่หลงหลินจะไปที่ใด ล้วนต้องให้ซูเฟิ่งหลิงคอยอารักขาอย่างใกล้ชิด ถึงจะสามารถวางใจได้ซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเย็นชา “ไร้สาระ! หากท่านไม่ใช่สามีของข้า ข้าเองก็อยากจะใช้ทวนแทงท่านหลี่ปี่เซียะคนนี้ให้ตายไปเสียเลย จะได้เป็นการช่วยเหลือราษฎร์!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “แต่นับจากวันนี้ไป ความคิดของเจ้าที่มีต่อข้า จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!”ซูเฟิ่งหลิงแค่นหัวเราะเส
นี่คือความรักสุดท้ายจากพ่อของฮ่องเต้หวู่!แม้ว่าหลี่หลงหลินจะเข้าใจ แต่เขากลับไม่คิดที่จะหลบหนี พูดยิ้มๆ “ลูกเข้าวังมาวันนี้ เพราะมีสิ่งมงคล มากราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้างุนงง “สิ่งมงคล?”ท่าทีตอบสนองแรกของเขา คือคิดว่าหลี่หลงหลินลูกอกตัญญูคนนี้หมดหนทางเยียวยาแล้วถึงขั้นนำสิ่งมงคลมาหลอกลวงตน!สิ่งที่เรียกว่ามงคลนั้น ในสายตาของเขาก็คือการเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น!มีประโยชน์หรือ?สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนธัญพืชได้หรือ?ทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงแค่หลอกตนเองเท่านั้น!หลี่หลงหลินเห็นฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อ พูดยิ้มๆ ว่า “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้พูดถึงสิ่งมงคลที่ไร้ตัวตน แต่เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ สัมผัสได้! หากมีสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาธัญพืชในครั้งนี้เท่านั้น! นับจากนี้ไป แคว้นต้าเซี่ยจะไม่มีวันขาดแคลนธัญพืชอีกเลย! และจะไม่มีราษฎร์อดตายอีก!”? ? ?ได้ยินถ้อยคำนี้ ยังไม่ต้องพูดว่าฮ่องเต้หวู่อึ้งงันไปแล้วแม้แต่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายที่ยืนอยู่บริเวณประตู ก็ล้วนตกตะลึงเหม่อไปองค์ชายเก้ายังไม่ตื่นหรือ?ตกลงเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?นับจากนี้ไป ต้าเซี่ยจะไม่มีราษ
ณ ภูเขาทิศประจิมเทียบกันแล้ว ที่นี่กลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่ามากที่ดินที่เคยรกร้าง ถูกบุกเบิกกลายเป็นทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาล มองเห็นจนสุดขอบฟ้าหลี่หลงหลินพาเหล่าสตรีทั้งหมดของสกุลซู ไปจนถึงเหล่าเกษตรกรมารอรับเสด็จฮ่องเต้หวู่ลงจากรถม้ามังกร ขมวดคิ้วแน่น “สิ่งมงคลเล่า?”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ ชี้ไปที่ทุ่งนาข้างหลัง “ทูลเสด็จพ่อ ที่นี่ก็คือสิ่งมงคลพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางทั้งหลายต่างหันมามองหน้ากันสิ่งมงคล?ที่นี่มีแค่ทุ่งนา มีสิ่งมงคลที่ใดกัน?ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเก้า! เจ้ากำลังหลอกเราอยู่หรือ?”ขุนนางหลายคนต่างส่งเสียงร้องรับ “องค์ชายเก้า! ท่านหลอกลวงเบื้องสูงถือเป็นความผิดใหญ่หลวง!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดอย่างไม่รีบร้อนไม่ลนลาน “เสด็จพ่อ และขุนนางทุกท่าน! ขอให้พวกท่านตอบคำถามหนึ่งข้อ! ธัญพืชหนึ่งพันจินต่อไร่ ใช่สิ่งมงคลหรือไม่?”หนึ่งพันจินต่อไร่?ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงในยุคสมัยโบราณ เพราะไม่มียาฆ่าแมลงและปุ๋ย ไปจนถึงข้าวลูกผสมปริมาณธัญพืชย่อมต่ำมาก!นาข้าวดีหนึ่งไร่ มากที่สุดสามารถผลิตข้าวได้สองถึงสามร้อยจินสำหรับพืชชนิดอื่น
หลี่หลงหลินอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ พบต้นกล้ามันเทศ นำกลับมาที่จวนสกุลซู และปลูกในสวนของกงซูหว่าน โดยให้ซุนชิงไต้ช่วยเพาะพันธุ์ มันเทศมีความทนทานสูง เมื่อใส่ต้นกล้าลงในดิน ไม่นานก็แตกหน่อออกรากหลังจากการเพาะพันธุ์สำเร็จ หลี่หลงหลินได้ย้ายต้นกล้าไปปลูกที่ภูเขาทิศประจิม สาเหตุที่เลือกปลูกไว้ในที่ดินผืนนี้ ก็มีการพิจารณาไว้ดีแล้ว มันเทศชอบแสงแดดและไม่ชอบน้ำท่วม เนินเขาไม่มีน้ำขังอย่างง่ายดาย และมีแสงแดดเพียงพอ ทำให้มันเทศเติบโตได้อย่างว่องไวปลูกในฤดูใบไม้ร่วง ชื่อเรียกคือมันเทศฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่าระยะเวลาในการเติบโตสั้น สามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงฤดูหนาว แต่ด้วยอุณหภูมิที่ไม่มาก ทำให้มันเทศไม่ใหญ่ทว่า ผ่านวิธีการปลูกอย่างลึกลับมา ผลผลิตหนึ่งพันจินต่อไร่ กลับไม่ยากยิ่งไปกว่านั้นเทียบกับมันเทศฤดูใบไม้ผลิ มันเทศฤดูใบไม้ร่วงหวานกว่ามาก คุณค่าทางโภชนาการอุดมสมบูรณ์มันเทศ?ฮ่องเต้หวู่งุนงง เกิดความสงสัยเต็มเปี่ยมภายในใจนี่คือธัญพืชชนิดใดกัน?เหตุใดเราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเล่า?ดังนั้น ฮ่องเต้หวู่จึงหันหน้า มองเหล่าขุนนางและถามว่า “อ้ายชิง พวกเจ้าท่านใดเคยได้ยินเรื่องมันเทศบ้าง
หลี่หลงหลินเองก็ไม่พูดไร้สาระอีก สั่งเกษตรกรข้างหลังว่า “ลงไร่ ขุดมันเทศ!”เพียงแค่คำสั่งเดียว เกษตรกรหลายสิบคนก็ลงไปในทุ่งนา ยึดตามรากของมันเทศ ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน โยนขึ้นบนคันนาญาติฝ่ายหญิงของสกุลซู เข้าไปเช็ดเอาดินที่เกาะติดอยู่บนมันเทศออกอย่างพิถีพิถันฮ่องเต้หวู่รู้สึกแปลกใจต่อมันเทศมาก ขยับขึ้นไปมองอย่างละเอียดจะพูดอย่างไรดีเล่า รูปร่างของมันเทศ ไม่ค่อยสวยเท่าใดหัวไม่ใหญ่ มีรอยย่น ผิวของมันเป็นสีชมพูยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้มีแค่ผลเดียว แต่หนึ่งราก กลับมีหนึ่งพวงใหญ่มองคร่าวๆ คล้ายหนูตัวน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่เหล่าขุนนางต่างกระซิบกระซาบกัน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “มันเทศนี้ กินได้จริงหรือ?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “หากขุนนางทุกท่านสงสัย ชิมดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”ขุนนางคนหนึ่งส่ายหน้า ไม่ยอมเดินขึ้นไปลองชิม สำหรับสิ่งแปลกใหม่ พวกเขามักจะรู้สึกต่อต้านยิ่งไปกว่านั้น นี่คือสิ่งที่จะต้องกินเข้าปากหากมีพิษจะทำเยี่ยงไร?ฮ่องเต้หวู่กลับรู้สึกอยากลอง อยากเป็นคนแรกที่จะได้กิน ลิ้มลองรสชาติของมันเทศแต่ขุนนางต่างพากันห้ามปราม “ฝ่าบาท ร่างกายของพระองค์ล้ำค่ามาก! อย่าเสี
ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “มันเทศถึงจะมีรสชาติอร่อย แต่ก็ใช่ว่าจะกินได้มากนัก แล้วจะเอามาทำเป็นอาหารหลักได้ยังไง?” สำหรับอาหารหลัก สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ต้องทำให้อิ่มท้องได้ ถ้ามันเทศทำให้อิ่มท้องไม่ได้ แล้วจะต่างอะไรกับผลไม้ทั่วไป?อย่างนี้จะสมควรถูกเรียกว่าเป็นสิ่งมงคลได้อย่างไร?หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน “ถึงจะเป็นข้าวสารหรือข้าวสาลี ก็ใช่ว่าจะกินดิบๆ ได้เหมือนกัน! มันเทศมีวิธีกินได้หลากหลาย จะต้มเป็นโจ๊กก็ได้ จะนึ่งกินก็อร่อย หรือจะตากแห้งไว้กินเล่นก็ยังได้” “แต่ที่สุดยอดเลยคือการเอาไปปิ้ง!” “พอเอาไปย่าง หอมฟุ้งชวนหิว แถมหวานฉ่ำราวกับน้ำผึ้ง จิ๊ๆๆ...ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันอร่อยขนาดไหน!” ซุนชิงไต้ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับน้ำลายแทบไหล มองหลี่หลงหลินด้วยสายตาเปี่ยมความหวังพลางพูดว่า “องค์ชายเก้า ข้าขอกินมันเทศปิ้งได้หรือไม่!” ฮ่องเต้หวู่ได้ฟังยิ่งรู้สึกอยากลองจนทนไม่ไหว เอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น “ข้าก็อยากลองเหมือนกัน!”หลี่หลงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีหลังจากนั้น หลี่หลงหลินสั่งคนให้ตั้งเตาไฟตรงนั้น จุดกองไฟขึ้
ฮ่องเต้หวู่ดื่มโจ๊กมันเทศไปหนึ่งชาม และกินมันเทศปิ้งไปอีกหนึ่งหัว อิ่มจนต้องเรอตลอดสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ หลี่หลงหลินยังให้คนผัดยอดมันเทศออกมาอีกจาน! แค่ใส่ผงปรุงรสไก่นิดหน่อย รสชาติก็อร่อยจนเกินบรรยาย! ฮ่องเต้หวู่ถึงกับตะลึง “ยอดมันเทศนี่ กินได้ด้วยหรือ?” หลี่หลงหลินหัวเราะ “ไม่ใช่แค่ยอดมันเทศนะพ่ะย่ะค่ะ จริงๆ แล้ว แม้แต่ก้านก็ยังกินได้!” ฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับสูดลมหายใจลึก เจ้ามันเทศนี่ทั้งต้นทั้งหัวล้วนเป็นของล้ำค่า! แต่แน่นอน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือผลผลิต มันจะได้มากพออย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ในช่วงเวลานั้นเอง พวกชาวบ้านก็ช่วยกันขุดมันเทศขึ้นมาจากทุ่งนา กองมันเทศที่ขุดขึ้นมาได้ถูกกองรวมกันเป็นเนินเล็กๆ วางเรียงรายเต็มไปหมด!สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงก็คือ มันเทศดูเหมือนจะไม่มีวันหมด ยังคงขุดขึ้นมาจากดินเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง...เหล่าขุนนางที่สังเกตเห็นสถานการณ์นี้ ต่างเริ่มกระซิบกระซาบกันด้วยความประหลาดใจ อันที่จริง แม้แต่หลี่หลงหลินเองก็ยังสงสัยมากนี่เป็นครั้งแรกที่ตนปลูกมันเทศ ผลผลิตจะมากขนาดไหน“พี่สะใภ้รอง” หลี่หลงหล
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค