Share

บทที่ 10

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เฉิงจืออี้กล่าวอย่างมีความหมาย “หลังจากมาถึงหลงเฉิงแล้ว กระหม่อมได้ยินมาหลายครั้งว่า เหล่าองค์ชายและองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนมิลงรอยกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร องค์ชาย หากท่านประสงค์ทวงคืนศักดิ์ศรี ท่านสามารถร่วมมือกับเหล่าองค์ชายแห่งต้าเหยียนได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เป็นความคิดที่ดี!”

มู่หรงฟู่ตบต้นขาของตนในทันใด และลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากสงบลงแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความหดหู่ “วันนี้เราก่อความวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน องค์ชายแห่งต้าเหยียนเหล่านี้คงเกลียดเราแล้วจะมีใครร่วมมือกับเราอีกหรือ?”

“องค์ชาย หาอย่าได้ประมาทความยั่วยุของตำหนักบูรพา องค์ชายเหล่านั้นต่างรอมิไหวที่จะได้เหยียบย่ำฉินซูพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วตามที่ขุนนางอาวุโสเฉิงบอก เราควรร่วมมือกับองค์ชายคนใดดีเล่า?”

เฉิงจืออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์ชายสามฉินหงหรือองค์ชายหกฉินเหยี่ยนแห่งต้าเหยียน ทั้งสองเผชิญหน้ากับฉินซูในราชสำนักในวันนี้ พวกเขาจะตกลงร่วมมือกับเราอย่างแน่นอน”

มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มิควรล่าช้า เราไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์ชาย หากออกไปเช่นนี้จะถูกดึงดูดความสนใจได้ง่าย สวมอาภรณ์เรียบ ๆ ออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ขุนนางอาวุโสเฉิงรอบคอบมิเปลี่ยน!”

หลังจากนั้นมินาน

มู่หรงฟู่สวมอาภรณ์ธรรมดาแล้วออกจากสถานีหลวงไปพร้อมกับเฉิงจืออี้ มุ่งไปที่จวนอ๋องฉี

เมื่อพวกเขามาถึงจวนอ๋องฉี พวกเขาก็ได้พบว่าอ๋องฉีมิได้อยู่ในจวน

ด้วยความสิ้นหวังจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่จวนอ๋องจิ้น

จวนอ๋องจิ้น

ฉินเหยี่ยนกำลังฝึกดาบในสวนหลังบ้าน

รูปร่างของเขาเคลื่อนไหวดั่งสายลม ทุกท่าทางแสดงถึงความสง่างามและจังหวะที่แน่นอน

ขณะที่เขารู้สึกควบคุมได้มากขึ้น ขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา

“ท่านอ๋อง องค์ชายห้าแห่งเป่ยเยี่ยนและขุนนางอาวุโสเฉิงเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินเหยี่ยนก็หยุดดาบพลางขมวดคิ้ว “พวกเขามีธุระอันใดกับตัวข้า?”

“เอ่อ… พวกเขามิได้บอกชัดเจนพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางประจำจวนอ๋องที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนว่า “ท่านอ๋อง วันนี้องค์ชายมู่หรงฟู่ถูกองค์รัชทายาททำให้อับอายในราชสำนัก พวกเขามาที่นี่ยามนี้ เกรงว่าพวกเขาต้องการร่วมมือกับท่านเพื่อจัดการกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ร่วมมือ?”

ฉินเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดด้วยความสนใจ “หากเป็นเช่นนั้น ตัวข้าก็อยากจะรู้นักว่าพวกเขาจะจัดการกับฉินซูอย่างไร พาพวกเขาไปที่ห้องโถงรับแขก เอาชาให้พวกเขาด้วย ส่วนตัวข้าจะตามไปทีหลัง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่ขันทีน้อยเดินออกไปแล้ว ขุนนางประจำจวนอ๋องซุนฉีก็ถามอย่างเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง ท่านจะร่วมมือกับพวกเขาจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินเหยี่ยนยิ้มเบา ๆ “มิว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ เรามาดูกันก่อนเถอะว่าพวกเขาจะพูดอะไร”

“ท่านอ๋อง สิ่งที่กระหม่อมอยากจะพูดคือ เป่ยเยี่ยนเป็นแคว้นศัตรู และมู่หรงฟู่อาจมีเจตนาแอบแฝง…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินเหยี่ยนก็ขัดจังหวะเขาด้วยการโบกมือ

“ตัวข้ามิใช่คนโง่ จะมิระวังพวกเขาได้อย่างไร บางทีเราอาจใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้”

ซุนฉีถามอย่างสงสัย “ท่านอ๋อง ท่านทรงวางแผนที่จะใช้พวกเขาอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนตะคอกเบา ๆ จากนั้นกระซิบแผนของเขาอย่างเงียบ ๆ

หลังจากฟังสิ่งที่เขาพูดแล้ว ซุนฉีก็ยกนิ้วให้

“ท่านอ๋อง แผนนี้ช่างแยบยลนัก ด้วยวิธีนี้ เราคงได้นั่งดูอย่างสบาย ๆ แล้ว!”

“ฮ่าฮ่า มาดูกันว่า วันพรุ่งมู่หรงฟู่จะกล้าพูดต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่ ไป ไปพบเขากัน”

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังพลางเอามือไพล่หลังเดินกลับไปที่เรือน

หลังจากมาถึงห้องโถงรับแขก ฉินเหยี่ยนก็โค้งคำนับพลางยิ้มไปทางมู่หรงฟู่

“องค์ชายมู่หรง ขุนนางอาวุโสเฉิง ท่านทั้งสองมาที่นี่ดึกดื่น มีเรื่องอันใดหรือ?”

มู่หรงฟู่โค้งคำนับและกล่าวทักทาย “อ๋องจิ้น หากเราไม่มีธุระคงมิมา ท่านคงเดาจุดประสงค์ที่เรามาที่นี่ในครั้งนี้ได้"

“เช่นนั้น อย่าได้อ้อมค้อม บอกมา พวกท่านวางแผนจะจัดการกับฉินซูอย่างไร?”

“อ๋องจิ้นช่างรวดเร็วตรงไปตรงมา เช่นนั้นเราก็จะมิซุ่มซ่อน”

จากนั้นทั้งสามก็คุยกันเกือบหนึ่งชั่วยาม

เป็นเวลาดึกแล้วเมื่อมู่หรงฟู่และเฉิงจืออี้ออกจากจวนอ๋องจิ้น

ระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม พวกเขายิ้มแย้มกระปรี้กระเปร่า

มู่หรงฟู่เงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์ที่ส่องสกาวแล้วพูดอย่างมีชัย “ฉินซู รอข้าก่อน วันพรุ่งจะได้เห็นดีกัน"

……

วันต่อมา

หลังจากที่ฉินซูรับประทานอาหารเช้าแล้ว เขาก็ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวังอย่างสบาย ๆ โดยมีองครักษ์ล้อมรอบ

เมื่อเขามาถึงเชิงเมืองจักรพรรดิ ฉินเหยี่ยนยิ้มและประสานมือคำนับอย่างสุภาพ

“เสด็จพี่องค์รัชทายาท ในภายหลังหากเสด็จพ่อปฏิเสธคำขอของเป่ยเยี่ยน มู่หรงฟู่จะใช้โอกาสนั้นโจมตีเป็นแน่ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเสด็จพี่แล้ว อย่าทำให้เสด็จพ่อผิดหวังเล่า”

ฉินซูมิได้มองเขาด้วยซ้ำ เขาแค่เดินผ่านไปโดยมิแยแสสักนิด

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนก็มิโกรธ เขาเดินเอามือไพล่หลังตามฉินซูเข้าไปในพระราชวังอย่างสบาย ๆ

ภายในพระตำหนักจินหลวน

เสนาบดีทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ของราชสำนักต่างก็กระซิบและพูดคุยกันเอง

เมื่อฉินอู๋ต้าวผู้สวมอาภรณ์ลายมังกรปรากฏตัวขึ้น เหล่าเสนาบดีทั้งหลายก็คุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ

หลังจากทำความเคารพเสร็จ ฉินอู๋ต้าวเหลือบมองขันทีอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ เขา

มีคนตะโกนจนสุดปอดจากด้านนอกห้องโถง “ประกาศ ทูตเป่ยเยี่ยนมาเข้าเฝ้าแล้ว!”

หลังจากนั้นมินานมู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ ก็ก้าวเข้ามา

หลังจากเข้าไปในท้องพระโรงแล้วมู่หรงฟู่ก็เหลือบมองฉินซูด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน

เฉิงจืออี้ประสานมือโค้งคำนับเล็กน้อยให้ฉินอู๋ต้าวซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร และถามว่า “องค์จักรพรรดิต้าเหยียน พระองค์จะคืนชิ่งโจวให้กับเป่ยเยี่ยนของเราหรือไม่ วันนี้ถึงเวลาที่พระองค์จะทรงให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เราแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มเบา ๆ และเอ่ยว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิงล้อเล่นหรือไร นับตั้งแต่ต้าเหยียนสถาปนาชิ่งโจวก็เป็นดินแดนของเรามาโดยตลอด จะพูดถึงเรื่องคืนได้อย่างไร?”

เฉิงจืออี้ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “องค์จักรพรรดิต้าเหยียน อดีตส่วนอดีต ปัจจุบันคือปัจจุบัน หากมิคืนชิ่งโจว ทหารเป่ยเยี่ยนของเราจะเดินกำลังติดอาวุธเป็นแน่ กองทัพมาถึงที่หน้าประตูเมือง เมื่อถึงเวลานั้น แคว้นของเราทั้งสองจะจัดการทุกอย่างด้วยกำลัง กระหม่อมพูดไปหมดแล้ว เช่นนั้น ขอทูลลา!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับและเตรียมจะเดินออกไป

ทว่าฉินอู๋ต้าวไม่มีความตั้งใจที่จะเปิดปากเพื่อชักชวนให้เขาอยู่ต่ออย่างคาดมิถึง

เขาอดมิได้ที่จะรู้สึกสงสัยในใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าต้าเหยียนตั้งใจแน่วแน่ที่จะเริ่มสงครามกับเป่ยเยี่ยนจริง ๆ?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็อดมิได้ที่จะหันกลับไปถาม “องค์จักรพรรดิต้าเหยียน ข้าขอถามอีกครั้ง เพื่อชิ่งโจวแห่งเดียว ต้าเหยียนต้องการจะเผชิญหน้ากับเราเป่ยเยี่ยนเช่นนั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ทันทีที่เขาพูดจบเหวินเยวี่ยนซานเสนาบดีกรมกลาโหมก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิง คำพูดของท่านน่าขันนัก ชิ่งโจวเป็นของเราต้าเหยียนมาโดยตลอด หากเป่ยเยี่ยนต้องการยึดไป เช่นนั้นก็ลองดูได้เลย”

“ใช่แล้ว ท่านคิดว่าต้าเหยียนของเรากลัวพวกท่านจริง ๆ หรือ?”

"พวกเราต้าเหยียนมิเคยเกรงกลัวการต่อสู้!"

เสนาบดีคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน

เฉิงจืออี้อดมิได้ที่จะแอบประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานเสนาบดีเหล่านี้มิเห็นด้วยกับการทำสงคราม ไฉนตอนนี้พวกเขาจึงเปลี่ยนแนวคิดไปเช่นนี้?

ในเวลานี้ มู่หรงฟู่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ย่อมได้ ในเมื่อต้าเหยียนตัดสินใจเข้าสู่สงครามแล้ว พวกเราเป่ยเยี่ยนก็จะมิถอยเช่นกัน”

จากนั้นเขาก็มองไปที่ฉินซูและถามไปในทิศทางอื่น “องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ก่อนออกเดินทางข้ามีคำถามจะถามท่าน”

ฉินซูเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “อะไร?”

“มิใช่เรื่องสำคัญ แค่ว่าเมื่อวานนี้ คนรักของอ๋องฉีอยู่ในตำหนักบูรพานานกว่าครึ่งชั่วยาม แต่ข้ามิรู้ว่าท่านทำสิ่งใดกับนางในช่วงเวลานั้น”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ในท้องพระโรงก็เกิดความโกลาหล!

ดวงตาของฉินเหยี่ยนฉายแววแห่งชัยชนะ ข่าวนี้เขาเป็นคนเปิดเผยต่อมู่หรงฟู่เมื่อคืนนี้

ใบหน้าของฉินหงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผันผวน

ทันใดนั้นเขาก็จำสิ่งที่ฉินซูพูดเมื่อวานนี้ได้ เช่นเดียวกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของหลินชิงเหยา

ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความโกรธ “ฉินซู เมื่อวานเจ้าทำอะไรกับชิงเหยา!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 806

    ฉินซูกระโดดขึ้นครั้งหนึ่ง พริบตาเดียวก็ไปถึงแท่นบูชาสูงเสียดฟ้า!เขากวาดสายตามองทุกคนในลานจากเบื้องสูงด้วยท่าทีเปี่ยมอำนาจ!ที่ใดที่สายตาเขากวาดผ่านไป หาได้มีใครกล้าสบตากับเขาไม่!เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูจึงมองไปที่หลัวชางและเอ่ยอย่างเยือกเย็น "ในเมื่อไม่มีผู้ใดต้องการท้าทายอีก เช่นนั้นก็ดำเนินพิธีต่อเถอะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ลมพายุที่เคยพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงนั้นได้สงบลงแล้วอย่างมิน่าเชื่อท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม เมฆดำพลันปั่นป่วนขึ้นมาเป็นระลอก จากนั้นแสงแดดสีทองสายหนึ่งก็ส่องทะลุผ่านชั้นเมฆสาดลงมายังร่างของฉินซูภายใต้แสงแดดนี้ ร่างกายของฉินซูเปล่งประกายเป็นชั้นของแสงทองอ่อน ๆ ราวกับเทพเจ้าสงครามที่สวมชุดเกราะทองคำ สง่างามน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกหวาดกลัว!หลัวชางลังเลเล็กน้อยและมองไปที่ซ่างกวนอวิ๋นซี อีกฝ่ายกล่าวขึ้นอย่างนิ่ง ๆ ว่า “บทสวดถวายเครื่องเซ่นได้ถูกเผาแล้ว พิธีบอกกล่าวฟ้าดินก็เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนกฎระเบียบหรือขั้นตอนต่อไป เจ้าก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถิด”นางพูดจบก็หันไปมองฉินซูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนัย จากนั้นก็หันก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 805

    วิชากระบี่ที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้ ฉินซูกลับเรียนรู้ได้ผ่านการดูครั้งเดียว มิหนำซ้ำกระบวนท่าเดียวกัน แต่พลังที่ฉินซูใช้กลับแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนักเยี่ยนเจิ้นหงครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจว่า ฉินซูคงแอบเรียนรู้วิชากระบี่นี้ตั้งแต่เมื่อใดก็มิทราบได้ มิเช่นนั้นก็ไม่มีคำอธิบายอีกแล้วแต่ถึงกระนั้น ในใจของเขายังปั่นป่วนด้วยคลื่นลมฉินซูอายุมิถึงสามสิบปี ต่อให้เริ่มฝึกตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็มิน่าจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเจิ้นหงก็อดมิได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น“พรสวรรค์ของท่านล้ำเลิศเหนือคนธรรมดา สมเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในรอบพันปี ข้าน้อยขอยอมแพ้ด้วยความเต็มใจ!”กล่าวจบ เขาก็ประสานมือคารวะฉินซูด้วยความศรัทธาฉินซูประสานมือเล็กน้อย “น้อมรับ!”จากนั้นจู่ ๆ เขาก็หันไปกล่าวกับซ่างกวนอวิ๋นซี “ท่านเจ้าสำนัก โปรดยืนขึ้นสักครู่ด้วยขอรับ”ซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้วเรียว แต่ก็ยืนขึ้นช้า ๆนางกำลังจะเอ่ยถาม แต่กลับเห็นฉินซูประสานมือไพล่หลัง กวาดสายตามองผู้คนในลานด้วยท่าทีสง่างาม “ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ มีผู้ใดมิยอมรับก็จงลุกยืนขึ้น มิว่าจะเป็นก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 804

    “กระบี่จงมา!”ฉินซูสะบัดครั้งหนึ่ง กระบี่ยาวในมือของหยางคุนก็ลอยออกจากฝัก บินเข้ามือฉินซูในพริบตาเดียว!หยางคุนมิทันตอบสนอง!ฉินซูร่างทะยานขึ้นสู่กลางอากาศ จากนั้นก็สะบัดกระบี่ยาวชี้ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า!เขาสะบัดแขนอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตากระบี่ยาวในมือก็กลายเป็นเงากระบี่นับร้อยสายในห้วงเวหา!“ไป!”กระบี่ยาวถูกตวัดลงไปพร้อมกับเสียงตวาดเบา ๆ ของเขา เงากระบี่ทั่วฟ้าก็พลันหมุนวนรวมตัวกันกลายเป็นมังกรยักษ์ยาวกว่าสิบจั้ง!มังกรยักษ์หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง ก็พุ่งเข้าใส่เยี่ยนเจิ้นหงจากเบื้องบน!ระหว่างนั้น ยังระเบิดเสียงมังกรคำรามอันกึกก้อง!โฮกกก!!ทันทีที่เสียงมังกรคำรามดังขึ้น ผู้คนในลานฝึกยุทธ์ต่างรู้สึกหัวใจสั่นสะท้านอย่างกะทันหันเมื่อเงาร่างมังกรยักษ์ร่วงหล่นลงมา พลังกดดันอันมหาศาลก็พลันปรากฏขึ้นตามมาด้วย“แย่แล้ว ถอย! รีบถอยเร็ว!”จอมยุทธ์ขั้นกลางระดับสวรรค์ผู้หนึ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบแผดเสียงดุดันแต่ทันทีที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว ก็พบว่าภายใต้พลังกดดันอันมหาศาลนี้ ตนเองกลับก้าวขาได้อย่างยากลำบาก!มิต้องพูดถึงผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าเขาเลยจอมยุทธ์ขั้นกลางระดับปฐพีขึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 803

    “ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักของเราเป็นจอมยุทธ์ขั้นกลางระดับสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับเจ้าสำนักเยี่ยนแล้ว กลิ่นอายกลับอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!”“เจ้าสำนักเยี่ยนทะลวงขั้นปลายระดับสวรรค์แล้ว แข็งแกร่งยิ่งนัก!”“ขั้นปลายระดับสวรรค์ บวกกับเพลงกระบี่มังกรทะยานขั้นสูงสุด เจ้าสำนักเยี่ยนอาจเรียกได้เป็นอันดับหนึ่งของยุทธภพเป่ยเยี่ยนแล้วกระมัง?”ขณะที่ผู้คนกำลังตะลึงพรึงเพริด เยี่ยนเจิ้นหงก็แผดเสียงดุดัน “เพลงกระบี่มังกรทะยาน มังกรคำรามสะท้านใต้หล้า!”กระบี่ยาวในมือของเขาชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้า จากนั้นก็สะบัดอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงคำราม!ในพริบตาเดียว ทั่วทั้งห้วงอากาศก็เต็มไปด้วยเงากระบี่ที่จับตัวกันเป็นรูปร่าง!“ไป!”เยี่ยนเจิ้นหงใช้กระบี่ยาวชี้ลงไปยังฉินซูจากเบื้องบนเงากระบี่ทั่วฟ้าพลันหมุนวนรวมตัวกัน กลายเป็นเงาร่างมังกรยาวหลายจั้งซึ่งอ้าปากคำรามใส่ฉินซูขณะที่กำลังพุ่งลงมา!ลมพายุคลั่งพลันสงบลง เมฆดำที่ม้วนตัวอยู่บนท้องฟ้าก็ราวกับหยุดนิ่งสายตาของผู้คนทั้งหมดในลาน ต่างจับจ้องไปยังลานประลองตามิกะพริบส่วนฉินซูในเวลานี้ กำลังเงยหน้าขึ้น มองเงาร่างมังกรขนาดใหญ่ที่กำลังถั่งโถมลงมาโดยมิแสดงอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 802

    ลมกระโชกแรงพัดธงที่ปักอยู่ข้างแท่นบูชาให้ปลิวสะบัดท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส บัดนี้เต็มไปด้วยเมฆดำทะมึน ก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นภายใต้ลมบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามเป็นระยะอสรพิษสายฟ้าอ้าปากคำรามปรากฏวูบวาบระหว่างหมู่เมฆดำ!เห็นฉากนี้ ก็มีคนอุทานด้วยความตกใจ “ฟ้าพิโรธ นี่คือฟ้าพิโรธ!”“ท่านเจ้าสำนัก การให้ฉินซู องค์รัชทายาทต่างแดนผู้นี้เป็นบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ ดูท่าแม้แต่สวรรค์ก็มิเห็นด้วย ขอท่านโปรดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนด้วยเถิด!”“ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนัก พิธีเพิ่งเริ่มก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ นี่คือคำเตือนจากสวรรค์!”ได้ยินคำกล่าวนี้ ผู้อาวุโสรองหยางคุนก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านเจ้าสำนัก สวรรค์เตือนแล้ว ขอท่านอย่าได้ทำสิ่งที่ฝืนลิขิตฟ้าเลยขอรับ!”เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือเมื่อเห็นดังนั้น ก็พากันแสดงท่าที“คำกล่าวของผู้อาวุโสรองถูกต้องที่สุด ข้าน้อยเห็นด้วยขอรับ!”“ข้าน้อยก็เห็นด้วยขอรับ ขอท่านเจ้าสำนักโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ อย่าได้ก้าวล่วงสวรรค์เลยขอรับ!”เย่เทียนหนิงและเซี่ยจื่อผิงตลอดจนคนอื่น ๆ ต่างตกใจกับปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 801

    ส่วนผู้ที่รู้ความจริง ด้วยความที่ชอบชมความบันเทิงเป็นชีวิตจิตใจ จึงพร้อมใจมิเปิดเผยความจริงในใจของพวกเขาก็หวังว่าผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเหล่านั้นจะออกมาจัดการ กำราบความเหิมเกริมของฉินซูลงตัวฉินซูเองนั้นได้กลับไปยังคฤหาสน์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ฉงชูโม่ก็ได้ยินข่าวลือจากข้างนอก จึงขมวดคิ้วถาม “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงทราบดีว่ามีคนยุยง แล้วเหตุใดพระองค์จึงยังลงมืออีกเล่าเพคะ?”ฉินซูแสยะยิ้มอย่างมิแยแส “เพราะข้ารู้ว่ามีคนยุยงนั่นแหละ ข้าจึงลงมือ มิเช่นนั้นข้าคงมิสนใจคนพวกนั้น”“โอ้? เพราะเหตุใดหรือเพคะ?” ฉงชูโม่ยิ่งสับสนฉินซูกล่าววาจาแฝงความนัย “ยุทธภพเป่ยเยี่ยนก็คือเป่ยเยี่ยน!”เมื่อเขาพูดเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็เข้าใจในทันทีแต่เมื่อคิดว่าฉินซูต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งยุทธภพเป่ยเยี่ยน นางก็อดมิได้ที่จะกังวลนิดหน่อย “เป่ยเยี่ยนมิเหมือนหนานเยวี่ย มีผู้มีความสามารถและผู้มีพรสวรรค์มากมาย อีกทั้งพระองค์อยู่ในที่แจ้ง ส่วนพวกเขาอยู่ในที่ลับ… เหตุใดพระองค์จึงมองหม่อมฉันเช่นนี้เพคะ?”ฉงชูโม่พูดของนางไป จนกระทั่งเห็นว่าฉินซูมองนางด้วยสีหน้าแปลกประหลาดฉินซูกะพริบตาปริบ ๆ แล้วถาม “ชูโม่ เจ้าเป็นห่วงข้าหร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status