Share

บทที่ 13

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลินซีตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ “มิเป็นเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ท่านอาจมิทราบว่า จริง ๆ แล้วเซี่ยหลานถูกองค์รัชทายาทคุกคามเมื่อมินานมานี้ นางต้องการแก้แค้นองค์รัชทายาทมาโดยตลอด แต่นางไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“เยี่ยมมาก คราวนี้เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะโค่นฉินซูลงให้ตกต่ำที่สุดจนลุกขึ้นมิได้อีก!”

การแสดงออกของฉินหงดูชั่วร้ายมาก ดูอันตรายอย่างยิ่ง

ในเวลาเดียวกัน

ภายในโรงเตี๊ยมที่คณะทูตเป่ยเยี่ยนพักอยู่

มู่หรงฟู่พูดด้วยความโกรธ “ให้ตายเถอะ ข้าอยากให้ฉินซูอับอายต่อหน้าธารกำนัล มิคิดเลยว่าเขาจะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้”

เฉิงจืออี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงงเล็กน้อย “เป็นเรื่องแปลกนักที่คนกล่าวขานกันว่า องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนหลงสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และองค์จักรพรรดิต้าเหยียนก็ตัดสินใจปลดเขาออกหลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ทว่าหลังจากการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งนี้ ไฉนกระหม่อมจึงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทจะใกล้จะถูกปลดผู้นี้พูดจาเฉียบคมนัก มีสิ่งใดที่เขาดูเหมือนคนที่หลงสุราเคล้านารีหรือ?”

“หึ หาได้ต้องถามไม่ เขาต้องรู้ว่าตนกำลังจะถูกปลด ดังนั้นเขาจึงพยายามทำตัวให้ดีในช่วงเวลานี้ เพื่อขอความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิอย่างไรเล่า”

“แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ยังรู้สึกว่า ฉินซูค่อนข้างลึกลับและไม่ง่ายอย่างที่ข่าวลือพูด”

มู่หรงฟู่โบกมือและพูดด้วยความแค้น “เรื่องของเขาเถอะ เขาควรอยู่ในหลงเฉิงไปตลอดชีวิตดีกว่า มิเช่นนั้น กระหม่อมจะฆ่าเขาด้วยมือของกระหม่อมเองทันทีที่มีโอกาส!”

“องค์ชาย เราแทบจะไม่มีโอกาสได้จัดการกับฉินซูเลย ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิต้าเหยียนปฏิเสธที่จะคืนชิ่งโจว หากอยู่หลงเฉิงต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เช่นนั้นเราจะออกเดินทางกลับเป่ยเยี่ยนเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เรามิควรรอช้าอีกต่อไป เก็บสัมภาระแล้วออกเดินทางทันที”

“ระหว่างทางกลับ ตัวข้ามักจะรู้สึกมิสบายใจ เช่นนั้น จะดีกว่าหากออกเดินทางเร็วยิ่งขึ้น จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาที่มิจำเป็น”

หลังจากที่เฉิงจืออี้พูดจบ เขาก็สั่งให้ทุกคนเก็บสัมภาระ

ครึ่งชั่วยามต่อมา พวกเขาพร้อมด้วยผู้ติดตามได้ขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือของหลงเฉิง

ทันทีที่พวกเขามาถึงประตูทิศเหนือ พวกเขาก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งหยุดไว้

เฉิงจืออี้ขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “พวกเจ้าหมายความเยี่ยงไร? ไปเรียกหัวหน้ามา”

ด้วยเสียงกีบม้า ชายหนุ่มรูปงามในวัยสามสิบก็ขี่ม้าออกมาจากด้านหลังกลุ่มคน

ชายผู้นี้แต่งกายด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ โดยมีลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่ปักด้วยไหมสีทองที่ตรงหน้าอก

เขาแบกดาบใหญ่อยู่บนหลัง ปากคาบใบหญ้า และมีรอยแผลเป็นที่ยาวประมาณหนึ่งนิ้วบนใบหน้าของเขา

เมื่อมองแวบแรกเขาดูซุกซน

เมื่อเห็นอาภรณ์ของบุรุษผู้นี้ เฉิงจืออี้ก็ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้ามาจากสำนักหอดูดาวหลวงหรือ?"

บุรุษหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย และตอบอย่างสงบ “ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย จากสำนักหอดูดาวหลวง!"

“เจ้านั้นเอง ลูกศิษย์คนที่สามของหัวหน้าโหรหลวง ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามามากทีเดียว เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่า เหตุใดจึงขวางทางเรา?”

“ขุนนางอาวุโสเฉิงจริงจังเกินไปแล้ว หากท่านต้องการออกไป แน่นอนว่าข้าจะมิหยุดท่าน”

“เช่นนั้นก็รีบออกไปเสีย เรากำลังรีบ”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มเบา ๆ “ข้ารู้ว่าท่านกำลังรีบ แต่อย่าใจร้อนนัก ข้ายังพูดมิจบ”

เฉิงจืออี้พูดอย่างมิอดทน “หากเจ้ามีเรื่องอันใดจะพูดก็พูดมาเร็ว ๆ เข้าสิ อย่าทำให้การเดินทางของเราล่าช้า"

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดอย่างใจเย็น “ที่จริงแล้วมิได้มีเรื่องอันใดมากนักหรอก ไทฮองไทเฮาของเราเพิ่งได้ยินว่า องค์ชายจากเป่ยเยี่ยนเสด็จมาถึงแล้ว พระนางจึงประสงค์ที่จะพบและต้อนรับองค์ชายมู่หรงเป็นแขกสักสองสามวัน และพูดคุยเรื่องประเพณีที่แปลกใหม่ของเป่ยเยี่ยน”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของทุกคนในคณะทูตเป่ยเยี่ยนก็เปลี่ยนไปทันที!

เฉิงจืออี๋ถามด้วยสีหน้ามืดมน “เจ้าหมายความเยี่ยงไร? พวกเจ้าคิดจะกักขังองค์ชายห้าของเราเช่นนั้นรึ?”

“ขุนนางอาวุโสเฉิง ดูตัวท่านสิ ข้าบอกท่านว่าอย่าใจร้อนนัก ข้าบอกหรือว่าจะกักขัง? ข้าหมายถึงไทฮองไทเฮาของเรา…”

ก่อนที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยจะพูดจบเฉิงจืออี้ก็ขัดจังหวะเขา “องค์ชายห้าของเรามิสนใจเรื่องเข้าพบไทฮองไทเฮาของพวกเจ้า อีกอย่างพวกเรากำลังรีบ หากไทฮองไทฮองไทเฮาต้องการทราบเกี่ยวกับประเพณีเป่ยเยี่ยน ไว้คราวหน้าเราจะไปเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาและคุยกับพระนางเอง”

“ขุนนางอาวุโสเฉิง หากท่านพูดเช่นนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องยากน่ะสิ หรือไม่พวกท่านก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหลังเข้าพบไทฮองไทเฮา หรือจะให้องค์ชายมู่หรงอยู่ที่นี่ก่อนและพวกท่านกลับไปก่อนก็ย่อมได้"

“นี่เป็นคำสั่งของจักรพรรดิต้าเหยียนของพวกเจ้าหรือไม่?”

“ถูกต้องแล้ว ข้าแค่ทำตามคำสั่ง ดังนั้นข้าหวังว่าขุนนางอาวุโสเฉิงจะจัดการให้เราได้”

เฉิงจืออี้โกรธมากจนเคราของเขาบิดเบี้ยวทันที “นี่มันมีอย่างที่ไหนกัน ไร้เหตุผลสิ้นดี พวกเจ้าแค่ต้องการกักขังองค์ชายห้าของเรา ทำเช่นนี้ มิกลัวหรือว่าจะถูกคนทั้งใต้หล้าเยาะเย้ยเอาได้?”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยักไหล่ “ไทฮองไทเฮามีพระชนมายุเก้าสิบพรรษาแล้ว เพียงแค่อยากพบองค์ชายห้าแห่งเป่ยเยียนของพวกท่าน มิสมเหตุสมผลตรงไหนกัน? หากท่านยืนกรานที่จะตีความว่าเป็นการกักขัง เช่นนั้นข้าก็ทำอันใดมิได้แล้ว”

“เจ้า… โธ่เอ๋ย...”

ใบหน้าของเฉิงจืออี้เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ และเริ่มไอ

มู่หรงฟู่ถามด้วยสีหน้ามืดมน “เช่นนั้นไทฮองไทเฮาประสงค์ให้ข้าอยู่กี่วัน?”

“กระหม่อมเองมิแน่ใจ แต่องค์ชายมู่หลงจงวางใจเถิด ท่านคือองค์ชายแห่งเป่ยเยี่ยน พวกเราต้าเหยียนจะปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพในฐานะแขกผู้มีเกียรติสูงสุด รับรองได้ว่าท่านจะมิต้องทนทุกข์ทรมานแม้แต่น้อย”

ทันทีที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดจบ ทุกคนในคณะทูตเป่ยเยี่ยนก็เริ่มปฏิเสธเขาอย่างฉุนเฉียวทันที

“ข้ามิเชื่อ เจ้าบอกว่าจะมิยอมให้องค์ชายต้องทนทุกข์ แต่ตอนนี้พวกเจ้ากำลังกักขังหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไว้ เช่นนั้นนี่มันเรียกว่าอะไรเล่า?”

“ใช่แล้ว สิ่งที่พวกเจ้าต้าเหยียนทำก็แค่กลั่นแกล้งผู้อื่นมากเกินไป เจ้าคิดว่าพวกเราเป่ยเยี่ยนนั้นรังแกง่ายรึ?”

“รีบหลีกทางเสีย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเราหยาบคาย

“อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่าพวกเจ้าคนมากกว่าแล้วเราจะกลัว หากคณะทูตเป่ยเหยี่ยนของเราได้รับอันตราย พวกเจ้าต้าเหยียนจะกลายเป็นตัวตลก”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกอดอกอย่างมิรีบร้อนแล้วมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยจาง ๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉิงจืออี้ก็ตำหนิว่า “พวกเจ้าตั้งใจจะกักขังองค์ชายของเราจริง ๆ ใช่หรือไม่?

“หากท่านอยากตีความเช่นนั้น ก็ถูกแล้ว”

“ได้! เช่นนั้นข้าจะไปพบจักรพรรดิต้าเหยียนของเจ้า!”

“องค์จักรพรรดิของเราทรงอยู่กับเรื่องนับมิถ้วน หากขุนนางอาวุโสเฉิงต้องการพบพระองค์ เช่นนั้นก็ได้โปรดกลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมก่อน เมื่อพระองค์มีเวลาก็จะเรียกท่านเข้าเฝ้าเอง”

“เจ้า… เจ้ามันไร้เหตุผลนัก ไร้เหตุผลสิ้นดี!”

เฉิงจืออี้โกรธมาก แต่ก็มิอาจทำอะไรได้

มู่หรงฟู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิง พาคนของเรากลับไปก่อน แล้วอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เสด็จพ่อข้าฟัง ตัวข้ายังมิเชื่อว่าพวกต้าเหยียนจะกล้าแตะต้องข้า”

“แต่องค์ชาย...”

ก่อนที่เฉิงจืออี๋จะพูดจบ มู่หรงฟู่ก็ขัดจังหวะ “ขุนนางอาวุโสเฉิง ตอนนี้แล้วเจ้ายังมิเข้าใจอีกหรือ? ที่ต้าเหยียนต้องการตอนนี้คือ เราทุกคนอยู่ หรือข้าจะอยู่และพวกเจ้าก็กลับไป"

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “องค์ชายมู่หรงทรงเข้าใจทุกอย่างถี่ถ้วน คุยกับคนฉลาดย่อมสบายใจกว่า "

เฉิงจืออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกกับชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง "หม่าขุย เจ้าอยู่คอยปกป้ององค์ชาย จงจำไว้ว่า แม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต จงทำให้แน่ใจว่าองค์ชายจะมิได้รับอันตรายใด ๆ”

หม่าขุยน้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพ “ท่านขุนนางใหญ่โปรดวางใจ ใครก็ตามที่ต้องการทำร้ายองค์ชาย เช่นนั้นก็ข้ามศพข้าไปก่อน”

“ดี! องค์ชายดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ หลังจากที่กระหม่อมกลับไปแล้วกระหม่อมจะทูลขอองค์จักรพรรดิให้ส่งคนมารับท่านกลับโดยเร็วที่สุด”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็พูดกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอย่างเย็นชา “ทูลบอกจักรพรรดิของพวกเจ้าเถิด หากแตะต้ององค์ชายของเราแม้แต่ปลายพระเกศา พวกเจ้าต้าเหยียนก็เตรียมตัวเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของพวกเราเป่ยเยี่ยนได้เลย!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Nath Akara
สนุกมากครับ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 865

    จวนอ๋องฉู่องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่เบื้องหน้าฉินอวี่"ทูลท่านอ๋องฉู่ ฝ่าบาทมิทรงเห็นด้วยที่จะส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน อีกทั้งยังทรงส่งแม่ทัพฉงไปประจำการที่ชายแดนเหนือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อปฏิเสธชัดเจน?" ฉินอวี่ถามย้ำ"พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง การที่ฝ่าบาททรงส่งแม่ทัพฉงไปชายแดนเหนือ น่าจะประสงค์ฉวยโอกาสโจมตี""ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อต้องการฉวยโอกาสโจมตีตลบหลังเป่ยเยี่ยน ขณะที่พวกเขากำลังสู้กับแคว้นฉี"พูดถึงตรงนี้ ฉินอวี่ขมวดคิ้วแล้วกล่าว "แล้วแคว้นฉีจะรับมืออย่างไร? เสด็จพ่อทรงส่งหัวหน้าโหรหลวงไปเกลี้ยกล่อมหรือไม่?"องครักษ์พยักหน้า "ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ และตามรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ หัวหน้าโหรหลวงเดินทางขึ้นเหนือไปแล้ว น่าจะไปเจรจากับอ๋องเซียงหยางพ่ะย่ะค่ะ""ดี! ดีมาก! การกระทำของเสด็จพ่อเช่นนี้ มิต่างกระไรกับการประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าต้าเหยียนของเราละทิ้งฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้ไปแล้ว!""ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทถูกละทิ้ง เขาก็ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอ๋องอีกแล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 864

    ฉงชูโม่ชะงักไป แล้วถามย้ำ “เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโหรหลวงขึ้นเหนือไปเพื่อช่วยองค์รัชทายาท?”“อืม อาจารย์พูดเองว่าจะมิทอดทิ้งองค์รัชทายาท”“แต่เขาไปเพียงลำพัง จะมีประโยชน์กระไรมากมาย?”กู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริงอาจารย์ก็ลำบากใจเช่นกัน หากเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ทรงออกทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน สุดท้ายต้าเหยียนของเราก็คงหนีมิพ้นเคราะห์กรรม ราษฎรในแผ่นดินก็จะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะอาจารย์คำนึงถึงจุดนี้ เขาจึงมิได้เตือนฝ่าบาทอย่างตรงไปตรงมา”ได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วเงียบไปเพราะระหว่างทางที่กลับมา นางได้ลองประมาณกำลังพลทั้งสามฝ่ายดูแล้วกำลังพลของเป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนรวมกันอย่างมากก็มีประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านนาย ส่วนแคว้นฉีลำพังแค่กองทัพทหารม้าหุ้มเกราะก็มีจำนวนคนถึงหนึ่งล้านนายแล้ว นี่ยังมิรวมทัพอื่น ๆ อีกอีกทั้งแคว้นฉียังมีรากฐานที่มั่นคง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหล่าทหารใช้ก็เป็นของชั้นเลิศหากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ แม้เป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนจะร่วมมือกัน ก็ยากที่จะเอาชนะได้ที่นางมาหาหัวหน้าโหรหลวง ก็เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 863

    เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาท หากหัวหน้าโหรหลวงสามารถเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยางได้ เมื่อเขากลับมาแล้ว ค่อยให้เขาคิดหาทางแก้ไขก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หึ! เดิมทีตัวข้ายังปวดหัวอยู่ว่าจะลดทอนความดีความชอบขององค์รัชทายาทลงอย่างไร เจ้านั่นก็เหลือเกิน ใจกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยาง นี่ถือว่าเขาก่อเรื่องเอง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เบาแรงข้าลงไปได้มากโขเลยทีเดียว”เฉาฉุนหัวเราะแห้ง ๆ มิได้ตอบกระไรฉินอู๋ต้าวยืดเส้นยืดสาย แล้วหันกลับไปยังห้องบรรทมภายในสำนักหอดูดาวหลวงทันทีที่เหลยเจิ้นกลับมา กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถามอย่างใจร้อน “อาจารย์ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ จะส่งทัพไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยนเมื่อใด?”“ฝ่าบาทจะมิส่งทัพไป” เหลยเจิ้นตอบสั้น ๆ“ว่ากระไรนะ?! มิส่งทัพไปช่วยหรือ หากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย กองทัพแคว้นฉีก็จะหันคมดาบมายังต้าเหยียนของเรามิใช่หรือ หลักการง่าย ๆ แค่นี้ฝ่าบาทมิได้ทรงคำนึงถึงหรือเจ้าคะ?”“ใช่ว่าฝ่าบาทมิได้คำนึงถึง เพียงแต่หากส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน ก็เท่ากับการประกาศสงครามกับแคว้นฉี ด้วยกำลังของแคว้นฉี แม้ต้าเหยียนกับเป่ยเยี่ยนจะร่วมมือกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 862

    เว่ยเจิงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขามิคาดคิดว่าฉินอู๋ต้าวตั้งใจจะสละองค์รัชทายาทจริง ๆเหลยเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฉินอู๋ต้าวอย่างลึกซึ้งผาดหนึ่งแล้วส่ายหน้าช้า ๆ“เกรงว่ามิง่ายนัก เมื่ออ๋องเซียงหยางทำลายเป่ยเยี่ยนลงแล้ว เก้าในสิบส่วนย่อมต้องบุกเข้ามา และฉวยโอกาสยึดต้าเหยียนของเราไปด้วย”เว่ยเจิงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่มากมายในช่วงหลังมานี้ หนานเยวี่ยก็เป็นองค์รัชทายาทที่ยึดครองมาได้ หากสละองค์รัชทายาทไป เกรงว่าจะถูกคนทั่วหล้าวิพากษ์วิจารณ์เอาได้พ่ะย่ะค่ะ”“คนทั่วหล้าจะวิพากษ์วิจารณ์ข้าอย่างไร ข้ามิสน! สิ่งที่ข้าใส่ใจคือชีวิตของราษฎรนับล้านในแผ่นดินต้าเหยียนของข้า!”ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวต่อ “ท้ายที่สุดแล้วหายนะครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่รัชทายาทก่อขึ้น ในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเหยียน ข้าย่อมมิอาจปล่อยราษฎรในแผ่นดินต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย ดังนั้น ขุนนางเหลย ข้าอยากจะขอให้เจ้าเดินทางขึ้นเหนือด้วยตนเอง ไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยาง ตราบใดที่เขามิระบายโทสะกับต้าเหยียนของเรา องค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรก็ให้เขาจัดการ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 861

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่ก้าวออกมากล่าวว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเห็นว่าการที่องค์รัชทายาทสังหารบุตรชายของอ๋องเซียงหยางเป็นการกระทำที่บีบบังคับยิ่ง มิอาจตำหนิพระองค์ได้ หากมิส่งกำลังไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน เกรงว่าในภายภาคหน้าภัยจะมาถึงตัว ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ตาเฒ่าเนี่ยหงสนับสนุน "ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนกับต้าเหยียนของเราจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ยามนี้หากมิร่วมมือกันต่อต้านแคว้นฉี หลังจากที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ ต้าเหยียนของเราก็จะไม่มีกำลังต่อต้านอีกต่อไป ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"หลินซีเสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ก้าวออกมา "ฝ่าบาท ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การร่วมมือกับเป่ยเยี่ยนยังพอเห็นโอกาสเอาชนะได้บ้าง หากปฏิเสธที่จะส่งกำลังไปช่วยเหลือ หลังจากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย พวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับคมดาบของกองทัพทหารม้าหุ้มเกราะนับล้านของแคว้นฉีโดยตรง""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท การช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน จะทำให้ภายในต้าเหยียนของเรามิได้รับผลกระทบจากไฟสงคราม มิฉะนั้นหากวันใดทัพใหญ่ของแคว้นฉีบุกเข้ามา ต้าเหยียนของเราย่อมต้องประสบกับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 860

    ฉินซูกำชับ "แม่ทัพใหญ่ ท่านควรส่งคนกลับไปเสริมกำลังป้องกันเมืองเจียหยางก่อน หากอ๋องเซียงหยางบุกโต้กลับ เมืองเจียหยางก็คือแนวป้องกันสุดท้ายของเรา""ก่อนมา ข้าได้สั่งให้คนเสริมกำลังป้องกันเมืองไว้แล้ว เรื่องนี้บุตรแห่งนักปราชญ์วางใจได้เลย!""เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม"ฉินซูพูดจบ ก็จ้องมองแผนที่ทรายตามิกะพริบ ความคิดในสมองแล่นอย่างรวดเร็วเห็นดังนั้น ลู่อวี้และมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ฉลาดพอที่จะมิส่งเสียงรบกวน......แคว้นต้าเหยียนท้องพระโรงของพระราชวังเมืองหลงเฉิงเมื่อฉงชูโม่เห็นฉินอู๋ต้าวก็รีบเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังทันทีฉินอู๋ต้าวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เจ้าว่ากระไรนะ? รัชทายาทกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีเชียวหรือ?!"ขุนนางทั้งราชสำนักต่างก็ตกใจหน้าซีดเซียว และต่างมองไปที่ฉงชูโม่เป็นตาเดียว!แม้แต่เหลยเจิ้นยังมีสีหน้าประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ "เพคะฝ่าบาท หยวนหัวคิดจะทำเรื่องต่ำช้ากับกู้เสวี่ยเจี้ยน หลังจากองค์รัชทายาทเสด็จไปถึง ก็ได้สังหารเขาทันที"ได้ยินดังนั้น บรรดาขุนนางระดับสูงที่ต้องการตำหนิฉินซูเกิดความกระดากทันทีด้วยกู้เสวี่ยเจี้ยนเป็นศิษย์ของหัวหน้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status