แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลินชิงเหยายิ้มอย่างขมขื่นพลางหลับตารอความตาย

ดาบเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าหลินชิงเหยากำลังจะพบกับจุดจบอันน่าเศร้า

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ มีร่างหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า!

ในขณะที่คนผู้นั้นนี้ยื่นมือออกเพื่อดึงหลินชิงเหยาออกมา มืออีกข้างของเขาก็คว้าดาบอย่างรวดเร็วและช่ำชอง

ในชั่วพริบตา ดาบในมือของฉินหงก็ถูกคนผู้นั้นคว้าไป ในเวลาเดียวกัน ดาบเย็นก็กดลงบนคอของเขาในทันใด!

หลังจากที่ฉินหงตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!

“ฉินซู เหตุใดจึงเป็นเจ้า!”

เขาตกใจมาก!

ฉินซูผู้ไร้ประโยชน์มีทักษะถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เขาสามารถปลดอาวุธได้ด้วยมือเปล่าจริง ๆ หรือ?

องครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ฉินหงต่างก็ทำหน้าเคร่งขรึม พลันชักมีดออกมาพร้อมกัน!

ดวงตาของฉินซูเย็นชา ดาบในมือของเขากลายเป็นแสงสีขาว ฟันไปที่หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ด้านหน้า

ม่านตาของหัวหน้าองครักษ์หดตัวลงทันที และพยายามหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ

ทว่าก่อนที่เขาจะขยับเท้าได้ ดาบก็ฟาดลงมาแล้ว

“ฉึก!”

โลหิตพลันพุ่งออกมา ศีรษะของหัวหน้าองครักษ์ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาและกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้งก่อนที่มันหยุดลง

ร่างที่ไร้ศีรษะของเขาสั่นสองครั้งก่อนที่จะล้มลง

เมื่อเห็นฉากนี้ หนังศีรษะของทุกคนก็ชาวาบ!

องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าที่เคยหมกมุ่นอยู่แต่กับสุราเคล้านารีทุกเมื่อเชื่อวันตลอด บัดนี้กำลังสังหารคนโดยมิแม้แต่กะพริบตา!

ความแตกต่างนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจริง ๆ

หลังจากที่ฉินหงฟื้นจากอาการตกใจ เขาก็ตะโกนถามว่า “ฉินซู เจ้าสังหารหัวหน้าองครักษ์ของตัวข้าด้วยเหตุใด?”

ฉินซูพูดอย่างเย็นชา “หึ กล้าถืออาวุธต่อหน้าข้า เหตุใดเล่า พวกเจ้าคิดจะกบฏรึ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ องครักษ์คนอื่น ๆ ก็รีบโยนดาบในมือทิ้งไป พลันคุกเข่าลงพร้อม ๆ กัน

ฉินซูยกดาบขึ้นฟาดฟันคนเหล่านั้น

คนที่เหลือต่างหวาดกลัวจนหน้าซีด และร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“องค์รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ข้าน้อยผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้ว องค์รัชทายาท พวกเราเห็นพระองค์ทรงเอาดาบจ่อที่คอของท่านอ๋องฉี พวกเราหุนหันพลันแล่นจึงชักดาบออกมาโดยมิคิด พวกเรามิได้จะดูหมิ่นพระองค์แม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูตะคอกเบา ๆ “หึ ครั้งนี้ตัวข้าจะมิทำเยี่ยงเดิมให้พวกเจ้าเห็น หากมีครั้งหน้า ตายสถานเดียว!”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ไว้ชีวิตข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าองครักษ์โขกหัวคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฉินหงกัดฟันพูดอย่างดุ ๆ “ฉินซู ปล่อย…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ดาบในมือของฉินซูก็ถูกวางลงบนคอของเขาอีกครั้ง

เขาตกใจมากจนกลืนคำพูดกลับไป

หลินซีเตือนอย่างสั่นเทา “องค์รัชทายาท ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ท่านมิอาจหุนหันพลันแล่น โปรดวางดาบลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นจะเป็นการยากที่จะรายงานต่อองค์จักรพรรดิหนาพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูเยาะเย้ยอย่างสงบ “หากเสด็จพ่อตำหนิข้า ตัวข้าจะมีข้อแก้ตัวเอง!"

“ส่วนเจ้า ฉินหง ในแง่ของความอาวุโส ตัวข้าเป็นพี่ของเจ้า ในแง่ของสถานะ ตัวข้าเป็นองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา”

“เจ้ามิทำความเคารพเมื่อเห็นข้า อีกทั้งยังกล้าปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าจ่อดาบใส่ข้า เป็นเพราะเจ้ามิอยู่ในตำแหน่งจวิ้นอ๋อง เลยมิต้องทำความเคารพข้าหรือไร”

หลังจากได้ยินคำพูดของฉินซูแล้วฉินหงและหลินซีก็ตกตะลึง

หากพวกเขามิได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อว่า คำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากขององค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้

ตามมารยาทแม้แต่องค์ชายรุ่นเดียวกันก็ต้องโค้งคำนับเมื่อพบกับองค์รัชทายาท

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ฉินหงและคนอื่น ๆ เห็นฉินซูหลงสุราเคล้านารี และอีกฝ่ายก็มิสนใจเรื่องนี้มากนัก เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็เริ่มนิสัยมิเคารพ

เมื่อเห็นฉินซูพูดถึงเรื่องนี้ฉินหงก็พูดมิออกอยู่ครู่หนึ่ง

ในทางกลับกันหลินซีคุกเข่าลงและโค้งคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท หาอย่าได้แปลกใจเลยพ่ะย่ะค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหัน เราจึงลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ”

ฉินหงเหลือบมองดาบที่กดลงบนคอของตนแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่

จากนั้นเขาก็งอเข่าและคุกเข่าลง

ฉินซูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและพูดว่า “ฉินหง เราก็เป็นพี่น้องกัน แม้ว่าเจ้าจะต้องทำความเคารพ แค่ท่าทางที่เท่าเทียมกันก็เพียงพอแล้ว ไฉนต้องคุกเข่าทำความเคารพลงด้วยเล่า?

ฉินหงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ

เขาพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “อะไรเล่า ข้ายืนนาน ขาของข้าก็เลยชา”

“ก็แค่นั้น ทว่าเวลากลางวันแสก ๆ เยี่ยงนี้ เจ้าคิดจะใช้ดาบสังหารบุตรีเสนาบดีกรมพระคลัง หากเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจัดการอย่างไรเล่า?

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินหงก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา

เมื่อครู่เขาโกรธจนหน้ามืดตามัว

แต่ลึก ๆ แล้วเขามิได้อยากทำเช่นนั้น

ท้ายที่สุดแล้วหลินชิงเหยาเป็นบุตรีของเสนาบดี และแม้ว่าเขาฉินหงจะเป็นจวิ้นอ๋อง แต่เขามิสามารถใช้ความรุนแรงหรือสังหารใครโดยไร้เหตุผลได้

หากจักรพรรดิทราบเรื่องนี้ มิเพียงแต่ฉินหงจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่เขาจะถูกเพิกเฉยและมิเป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ฉินหงก็รีบอธิบาย “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่…”

ฉินซูโบกมือขัดจังหวะเขา “หาได้จำเป็นต้องอธิบายให้ข้าฟังไม่ ข้าเพียงเห็นเรื่องอยุติธรรมจึงได้เข้ามาแทรกแซง ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าเห็นจะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด"

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็มองไปที่หลินชิงเหยาอย่างล้ำลึก แล้วหันหลังกลับเดินออกไป

เมื่อมองดูร่างที่จากไปของเขา หลินชิงเหยาก็ขยับริมฝีปากราวกับว่านางลังเลที่จะพูดอะไร

ในส่วนลึกของดวงตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

เมื่อสังเกตเห็นฉากนี้ฉินหงก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน!

ในเวลานี้ แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังเข้าใจอารมณ์ที่ปะปนอยู่ในแววตาของหลินชิงเหยาได้

ฉินหงระงับความโกรธและพูดว่า “ชิงเหยา บอกข้าสิ เจ้าอยู่กับฉินซู…”

“ใช่! หากท่านต้องการจะฆ่าหม่อมฉันก็ทำเลยเถิด หากไม่ หม่อมฉันก็ขอทูลลา”

หลินชิงเหยามองไปที่ฉินหงอย่างเย็นชา

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกผิดกับฉินหง ทว่าหลังจากที่ฉินหงชักดาบออกมาใส่นาง หัวใจของนางก็ได้ตายไปแล้ว

ฉินหงโกรธมากจนตัวสั่นด้วย เขากำหมัดกำแน่น

หลินชิงเหยาเหลือบมองเขา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

ฉินหงคำรามอย่างมิเต็มใจ “เหตุใด เหตุใดเจ้าจึงทรยศตัวข้า!”

“เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านปฏิบัติต่อหม่อมฉันเหมือนเบี้ยที่จะถูกทิ้งเมื่อใดก็ได้ หากท่านมีหม่อมฉันอยู่ในใจจริง ๆ ท่านจะมิยอมใช้หม่อมฉันเป็นกับดักสำหรับองค์รัชทายาท”

เมื่อหลินชิงเหยาพูดจบ ร่างนั้นก็หายไปจากสุดสายตาของฉินหง

ฉินหงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

ไหล่ของเขาสั่นอย่างควบคุมมิได้ เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความโกรธที่โหมกระหน่ำในใจ

หลินซีรีบปลอบใจ “ท่านอ๋อง ชิงเหยาแค่พูดด้วยความโกรธ โปรดอย่าได้ใส่พระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะลองโน้มน้าวนางอีกครั้ง นางจะต้องเปลี่ยนใจเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“มิจำเป็น! ด้วยสถานะของตัวข้า ยังต้องกังวลเรื่องไม่มีสตรีด้วยรึ? แต่ตัวเจ้า ใต้เท้าหลิน ตอนนี้บุตรีของเจ้าหันมาต่อต้านข้าแล้ว เจ้าในฐานะบิดา เจ้ามิควร... “

ก่อนที่เขาจะพูดจบหลินซีก็คุกเข่าลงและอธิบายอย่างจริงจัง

“ท่านอ๋อง กระหม่อมภักดีต่อท่านอย่างสุดหัวใจ ชัดเจนดั่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ เหตุผลที่ชิงเหยาเป็นแบบนี้ก็เพราะว่านางยังเด็กและโง่เขลา ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทจะถูกปลดก่อนถึงวันซุนเฟินในปีหน้า มิว่ากระหม่อมจะโง่เพียงใด กระหม่อมก็ไม่มีวันอยู่ข้างองค์รัชทายาทเป็นแน่”

อารมณ์ของฉินหงผ่อนคลายเล็กน้อย จากนั้นก็ถามว่า “ข้อตกลงกับชิ่งกั๋วกงเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย ชิ่งกั๋วกงได้เตรียมการทั้งหมดแล้ว และเซี่ยหลานก็เห็นด้วย ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงรอช่วงเวลาที่เหมาะสม!!"

“เซี่ยหลานผู้นั้น นางจะมิเป็นเหมือนบุตรีของเจ้ารึ?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 865

    จวนอ๋องฉู่องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่เบื้องหน้าฉินอวี่"ทูลท่านอ๋องฉู่ ฝ่าบาทมิทรงเห็นด้วยที่จะส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน อีกทั้งยังทรงส่งแม่ทัพฉงไปประจำการที่ชายแดนเหนือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อปฏิเสธชัดเจน?" ฉินอวี่ถามย้ำ"พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง การที่ฝ่าบาททรงส่งแม่ทัพฉงไปชายแดนเหนือ น่าจะประสงค์ฉวยโอกาสโจมตี""ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อต้องการฉวยโอกาสโจมตีตลบหลังเป่ยเยี่ยน ขณะที่พวกเขากำลังสู้กับแคว้นฉี"พูดถึงตรงนี้ ฉินอวี่ขมวดคิ้วแล้วกล่าว "แล้วแคว้นฉีจะรับมืออย่างไร? เสด็จพ่อทรงส่งหัวหน้าโหรหลวงไปเกลี้ยกล่อมหรือไม่?"องครักษ์พยักหน้า "ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ และตามรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ หัวหน้าโหรหลวงเดินทางขึ้นเหนือไปแล้ว น่าจะไปเจรจากับอ๋องเซียงหยางพ่ะย่ะค่ะ""ดี! ดีมาก! การกระทำของเสด็จพ่อเช่นนี้ มิต่างกระไรกับการประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าต้าเหยียนของเราละทิ้งฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้ไปแล้ว!""ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทถูกละทิ้ง เขาก็ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอ๋องอีกแล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 864

    ฉงชูโม่ชะงักไป แล้วถามย้ำ “เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโหรหลวงขึ้นเหนือไปเพื่อช่วยองค์รัชทายาท?”“อืม อาจารย์พูดเองว่าจะมิทอดทิ้งองค์รัชทายาท”“แต่เขาไปเพียงลำพัง จะมีประโยชน์กระไรมากมาย?”กู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริงอาจารย์ก็ลำบากใจเช่นกัน หากเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ทรงออกทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน สุดท้ายต้าเหยียนของเราก็คงหนีมิพ้นเคราะห์กรรม ราษฎรในแผ่นดินก็จะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะอาจารย์คำนึงถึงจุดนี้ เขาจึงมิได้เตือนฝ่าบาทอย่างตรงไปตรงมา”ได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วเงียบไปเพราะระหว่างทางที่กลับมา นางได้ลองประมาณกำลังพลทั้งสามฝ่ายดูแล้วกำลังพลของเป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนรวมกันอย่างมากก็มีประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านนาย ส่วนแคว้นฉีลำพังแค่กองทัพทหารม้าหุ้มเกราะก็มีจำนวนคนถึงหนึ่งล้านนายแล้ว นี่ยังมิรวมทัพอื่น ๆ อีกอีกทั้งแคว้นฉียังมีรากฐานที่มั่นคง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหล่าทหารใช้ก็เป็นของชั้นเลิศหากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ แม้เป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนจะร่วมมือกัน ก็ยากที่จะเอาชนะได้ที่นางมาหาหัวหน้าโหรหลวง ก็เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 863

    เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาท หากหัวหน้าโหรหลวงสามารถเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยางได้ เมื่อเขากลับมาแล้ว ค่อยให้เขาคิดหาทางแก้ไขก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หึ! เดิมทีตัวข้ายังปวดหัวอยู่ว่าจะลดทอนความดีความชอบขององค์รัชทายาทลงอย่างไร เจ้านั่นก็เหลือเกิน ใจกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยาง นี่ถือว่าเขาก่อเรื่องเอง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เบาแรงข้าลงไปได้มากโขเลยทีเดียว”เฉาฉุนหัวเราะแห้ง ๆ มิได้ตอบกระไรฉินอู๋ต้าวยืดเส้นยืดสาย แล้วหันกลับไปยังห้องบรรทมภายในสำนักหอดูดาวหลวงทันทีที่เหลยเจิ้นกลับมา กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถามอย่างใจร้อน “อาจารย์ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ จะส่งทัพไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยนเมื่อใด?”“ฝ่าบาทจะมิส่งทัพไป” เหลยเจิ้นตอบสั้น ๆ“ว่ากระไรนะ?! มิส่งทัพไปช่วยหรือ หากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย กองทัพแคว้นฉีก็จะหันคมดาบมายังต้าเหยียนของเรามิใช่หรือ หลักการง่าย ๆ แค่นี้ฝ่าบาทมิได้ทรงคำนึงถึงหรือเจ้าคะ?”“ใช่ว่าฝ่าบาทมิได้คำนึงถึง เพียงแต่หากส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน ก็เท่ากับการประกาศสงครามกับแคว้นฉี ด้วยกำลังของแคว้นฉี แม้ต้าเหยียนกับเป่ยเยี่ยนจะร่วมมือกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 862

    เว่ยเจิงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขามิคาดคิดว่าฉินอู๋ต้าวตั้งใจจะสละองค์รัชทายาทจริง ๆเหลยเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฉินอู๋ต้าวอย่างลึกซึ้งผาดหนึ่งแล้วส่ายหน้าช้า ๆ“เกรงว่ามิง่ายนัก เมื่ออ๋องเซียงหยางทำลายเป่ยเยี่ยนลงแล้ว เก้าในสิบส่วนย่อมต้องบุกเข้ามา และฉวยโอกาสยึดต้าเหยียนของเราไปด้วย”เว่ยเจิงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่มากมายในช่วงหลังมานี้ หนานเยวี่ยก็เป็นองค์รัชทายาทที่ยึดครองมาได้ หากสละองค์รัชทายาทไป เกรงว่าจะถูกคนทั่วหล้าวิพากษ์วิจารณ์เอาได้พ่ะย่ะค่ะ”“คนทั่วหล้าจะวิพากษ์วิจารณ์ข้าอย่างไร ข้ามิสน! สิ่งที่ข้าใส่ใจคือชีวิตของราษฎรนับล้านในแผ่นดินต้าเหยียนของข้า!”ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวต่อ “ท้ายที่สุดแล้วหายนะครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่รัชทายาทก่อขึ้น ในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเหยียน ข้าย่อมมิอาจปล่อยราษฎรในแผ่นดินต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย ดังนั้น ขุนนางเหลย ข้าอยากจะขอให้เจ้าเดินทางขึ้นเหนือด้วยตนเอง ไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยาง ตราบใดที่เขามิระบายโทสะกับต้าเหยียนของเรา องค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรก็ให้เขาจัดการ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 861

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่ก้าวออกมากล่าวว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเห็นว่าการที่องค์รัชทายาทสังหารบุตรชายของอ๋องเซียงหยางเป็นการกระทำที่บีบบังคับยิ่ง มิอาจตำหนิพระองค์ได้ หากมิส่งกำลังไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน เกรงว่าในภายภาคหน้าภัยจะมาถึงตัว ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ตาเฒ่าเนี่ยหงสนับสนุน "ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนกับต้าเหยียนของเราจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ยามนี้หากมิร่วมมือกันต่อต้านแคว้นฉี หลังจากที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ ต้าเหยียนของเราก็จะไม่มีกำลังต่อต้านอีกต่อไป ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"หลินซีเสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ก้าวออกมา "ฝ่าบาท ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การร่วมมือกับเป่ยเยี่ยนยังพอเห็นโอกาสเอาชนะได้บ้าง หากปฏิเสธที่จะส่งกำลังไปช่วยเหลือ หลังจากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย พวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับคมดาบของกองทัพทหารม้าหุ้มเกราะนับล้านของแคว้นฉีโดยตรง""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท การช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน จะทำให้ภายในต้าเหยียนของเรามิได้รับผลกระทบจากไฟสงคราม มิฉะนั้นหากวันใดทัพใหญ่ของแคว้นฉีบุกเข้ามา ต้าเหยียนของเราย่อมต้องประสบกับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 860

    ฉินซูกำชับ "แม่ทัพใหญ่ ท่านควรส่งคนกลับไปเสริมกำลังป้องกันเมืองเจียหยางก่อน หากอ๋องเซียงหยางบุกโต้กลับ เมืองเจียหยางก็คือแนวป้องกันสุดท้ายของเรา""ก่อนมา ข้าได้สั่งให้คนเสริมกำลังป้องกันเมืองไว้แล้ว เรื่องนี้บุตรแห่งนักปราชญ์วางใจได้เลย!""เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม"ฉินซูพูดจบ ก็จ้องมองแผนที่ทรายตามิกะพริบ ความคิดในสมองแล่นอย่างรวดเร็วเห็นดังนั้น ลู่อวี้และมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ฉลาดพอที่จะมิส่งเสียงรบกวน......แคว้นต้าเหยียนท้องพระโรงของพระราชวังเมืองหลงเฉิงเมื่อฉงชูโม่เห็นฉินอู๋ต้าวก็รีบเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังทันทีฉินอู๋ต้าวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เจ้าว่ากระไรนะ? รัชทายาทกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีเชียวหรือ?!"ขุนนางทั้งราชสำนักต่างก็ตกใจหน้าซีดเซียว และต่างมองไปที่ฉงชูโม่เป็นตาเดียว!แม้แต่เหลยเจิ้นยังมีสีหน้าประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ "เพคะฝ่าบาท หยวนหัวคิดจะทำเรื่องต่ำช้ากับกู้เสวี่ยเจี้ยน หลังจากองค์รัชทายาทเสด็จไปถึง ก็ได้สังหารเขาทันที"ได้ยินดังนั้น บรรดาขุนนางระดับสูงที่ต้องการตำหนิฉินซูเกิดความกระดากทันทีด้วยกู้เสวี่ยเจี้ยนเป็นศิษย์ของหัวหน้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status