Share

11

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-05-30 07:00:08

สองวันต่อมา

วันนี้เป็นวันลงทะเบียนและรับฟังกฎการแข่งขันในปีนี้ เจิ้งกั๋วกงได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีพร้อมฮ่องเต้และเหล่าราชวงศ์ในการทำพิธีเปิดการแข่งขัน โดยการแข่งขันปีนี้จะใช้เวลา 10 วัน จึงจะสามารถหาตัวแทนแต่ละสำนักไปแข่งขันต่อที่แคว้นต้าหนิงซึ่งเป็นเจ้าภาพในปีนี้

อาจารย์ทั้งสี่พร้อมกับศิษย์ทั้งเก้าเดินตามเจิ้งกั๋วกงไปยังลานกลางเมืองที่จัดให้เป็นสถานที่รายงานตัว ระหว่างทางนั้นเจิ้งหลินเดินคุยกับท่านตาไปด้วยโดยเสี่ยวจู้ยังคงถูกท่านตาอุ้มอย่างหวงแหน ดูท่าแล้วเจ้าหมูน้อยตัวนี้ตกท่านตาของนางได้อย่างไร้ปัญหาเลยทีเดียว อีกทั้งเสียงพูดเล็ก ๆ น่ารักของเสี่ยวจู้ยังทำให้ท่านตาคิดว่ามันเป็นลูกหมูน้อยเท่านั้นด้วย

ท่านตา ข้าจะอยู่ในแถวศิษย์ของสำนักพรตหนานหนิงนะเจ้าคะ ส่วนเสี่ยวจู้ท่านตาต้องคืนให้ข้าได้แล้ว” เจิ้งหลินรีบทวงสัตว์อสูรของตนที่ถูกท่านตาแย่งไปเลี้ยงเสียหลายวัน

ชิ เจ้าหลานขี้ตระหนี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเสี่ยวจู้น้อยจะเข้าร่วมแข่งขันได้น่ะ ตาว่าเจ้าหาซื้อสัตว์อสูรตัวใหม่ดีหรือไม่? ตาเป็นห่วงเสี่ยวจู้น้อย”

ท่านตาไม่ต้องเป็นห่วงเสี่ยวจู้หรอกเจ้าค่ะ เห็นมันตัวเล็กแค่นี้แต่กลับมีพลังไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ สัตว์อสูรตัวใหญ่ ๆ เพียงเสี่ยวจู้เตะเบา ๆ ก็ลอยตกเวทีแล้ว ฮิ ฮิ”

เพ้! เจ้าจะโม้อะไรก็ให้มันเหมือนจริงหน่อยเถอะ เสี่ยวจู้ตัวเล็กนิดเดียว มันจะมีพลังมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร”

ถ้าท่านตาไม่เชื่อ ท่านก็ลองถามเพื่อน ๆ ข้าดูสิเจ้าคะ พวกเขาเห็นเองกับตา”

เฮ้อ เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องถามแล้ว เสี่ยวจู้น้อย เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ปล่อยหลินเอ๋อแข่งขันไปคนเดียวพอ”

อ้าว ท่านตาเหตุใดพูดเช่นนี้เล่า ข้าก็ต้องการให้เสี่ยวจู้ช่วยอยู่นะเจ้าคะ”

ชิ เอาคืนไปเลย” เจิ้งกั๋วกงส่งเสี่ยวจู้เข้าสู่อ้อมแขนเจิ้งหลินอย่างหงอย ๆ

ท่านตาอย่าอารมณ์เสียเลย เสี่ยวจู้ไม่เป็นอะไรจริง ๆ” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยปลอบ

เสี่ยวจู้เด็กดี ตาไม่อารมณ์เสีย ๆ ตาจะรอดูพวกเจ้าที่ปะรำพิธีนะ” เจิ้งกั๋วกงเอ่ย

เมื่อเดินทางไปถึงลานกลางเมืองที่ตอนนี้มีผู้คนหนาตาที่มาแข่งขันและมารับชมพิธีเปิดการแข่งขันในปีนี้จำนวนมากจนพวกเขาแทบจะเดินแทรกเข้าไปลงทะเบียนไม่ได้เลยทีเดียว ส่วนเจิ้งกั๋วกงนั้นมีขันทีพาตัวไปนั่งข้างฮ่องเต้ที่เสด็จมาก่อนล่วงหน้าไม่นานนัก

ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เจิ้งกั๋วกงค้อมตัวคารวะ

ท่านกั๋วกงอย่าได้มากพิธี รีบมานั่งลงเร็วเข้า ข้าได้ข่าวว่าหลานสาวท่านเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วยใช่หรือไม่ นางช่างเก่งกาจนัก ฮ่า ฮ่า”

กราบทูลฝ่าบาท ใช่แล้วพะย่ะค่ะ หลานสาวข้าโชคดีผ่านเข้ามาเป็นตัวแทนสำนักได้ในปีนี้ด้วยพะย่ะค่ะ” เจิ้งกั๋วกงกล่าวอย่างถ่อมตัว

เพ้ย! จะมาโชคดีได้อย่างไร หากไม่มีฝีมือ ใครเล่าจะปล่อยให้มาเป็นตัวแทน”

ปีนี้ไม่รู้ว่าจะมีเด็กคนใดบ้างที่ได้เป็นตัวแทนแคว้นกันนะพะย่ะค่ะ เรามารอชมกันดีกว่าว่าสำนักไหนจะมีตัวแทนมากกว่ากัน” เจิ้งกั๋วกงกล่าวยิ้ม ๆ

ข้าคิดว่าปีนี้สำนักซิวหยางก็ไม่เลวนะ หลานชายข้าได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ด้วย” ฮ่องเต้กล่าวอย่างภูมิใจกับหลานชายของพระองค์

โอ้ เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าองค์ชายน้อยจะสามารถผ่านเข้าไปเป็นตัวแทนได้หรือไม่พะย่ะค่ะ กระหม่อมชักตื่นเต้นเสียแล้วสิ”

ฮ่า ฮ่า ข้าเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้เจ้าเช่นกัน รอให้การลงทะเบียนเสร็จสิ้นก่อน ข้าจะกล่าวเปิดการแข่งขันในปีนี้ทันที ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่ากฎการแข่งขันปีนี้จะเป็นอย่างไร”

ฮ่องเต้ไม่สนใจรัชทายาทที่นั่งอีกด้านหนึ่งเลยสักนิด พระองค์สนิทสนมกับเจิ้งกั๋วกงมานับร้อยปีแล้ว อีกทั้งเจิ้งกั๋วกงยังช่วยงานฝ่าบาทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มจนอายุปูนนี้แล้วก็ยังคงลอบทำงานให้ฮ่องเต้ไม่เปลี่ยนแปลง

รัชทายาทที่วันนี้มาดูบุตรชายที่ได้เป็นตัวแทนสำนักก็อารมณ์ดีไม่น้อย พระองค์พูดคุยกับน้องชายที่เป็นซ่งอ๋องอย่างสนิทสนม ถึงแม้บุตรชายของซ่งอ๋องจะยังเด็กจึงไม่ได้เป็นตัวแทนสำนักก็ตามที

กว่าที่การลงทะเบียนของทั้ง 10 สำนักจะเสร็จสิ้นก็กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียว เป็นเพราะแต่ละสำนักนั้นยังต้องลงทะเบียนศิษย์ทั้ง 10 คนเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ จึงทำให้เสียเวลาจดรายชื่ออยู่นาน

ปีนี้สำนักทั้ง 10 ได้แก่สำหนักพรตหนานหนิง สำนักซิวหยาง สำนักธารารวมจิต สำนักวายุโพธิญาณ สำนักศิลาแกร่ง สำนักสุริยัน สำนักจันทรา สำนักเมฆาล่อง สำนักบรรพตและสำนักวารี ต่างมั่นใจในศิษย์ใหม่ของตนไม่น้อยว่าจะสามารถผ่านการแข่งขันครั้งนี้และได้เป็นตัวแทนแคว้นเข้าร่วมกันแข่งขันระหว่างแคว้นได้ไม่ยากนัก เพราะระดับพลังของแต่ละคนไล่เลี่ยกันทั้งหมด มีเพียงเจิ้งหลินที่มีพลังลมปราณระดับฟ้ากระจ่างขั้นสูงคนเดียวเท่านั้นที่ต่างจากคนอื่นซึ่งมีระดับพลังอยู่เพียงระดับนภาขั้นกลางขึ้นไปถึงขั้นสูง

เจิ้งหลินที่ยังคงสวมกำไลปิดบังพลังทำให้เห็นเพียงว่านางอยู่ระดับนภาขั้นสูงเท่านั้น ศิษย์คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมแข่งขันจึงไม่มีใครสนใจนางสักเท่าไหร่

เจ้าภาพการจัดในปีนี้เป็นสำนักซิวหยางซึ่งเป็นสำนักที่ราชวงศ์สนับสนุนมาตลอดหลายพันปี เหล่าเจ้าสำนักต่าง ๆ เข้าร่วมชมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย ยกเว้นเพียงแต่สำนักพรตหนานหนิงซึ่งเจ้าสำนักเก็บตัวฝึกฝนอยู่ที่ไม่ได้มา

เจ้าตำหนักสัตว์อสูรของสำนักซิวหยางเป็นตัวแทนพิธีกรอธิบายกฎการแข่งขันในปีนี้ให้กับทุกคนที่อยู่ในลานกลางเมืองฟังด้วยเสียงพลังปราณ หลังจากอาจารย์และศิษย์จากสำนักต่าง ๆ ยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบบนเวทีประลอง

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมชมการแข่งขันเพื่อคัดเลือกตัวแทนของแคว้นในปีนี้ สำนักซิวหยางของเราต้องขอบคุณที่ทุกท่านให้ความสนใจการแข่งขันครั้งนี้ กฎเกณฑ์ในการแข่งขันปีนี้จะแตกต่างจากปีก่อน ๆ เนื่องจากการแข่งขันระหว่างแคว้นนั้นกำหนดให้มีการแข่งขันสองรอบเช่นเดียวกัน รอบแรกของการแข่งจะเป็นการแข่งแบบกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เข้าไปยังป่าสัตว์อสูรบนเขาเซียวเจ๋อด้านตะวันตกของเมืองหลวง แต่ละกลุ่มมีเวลา 5 วันที่จะตามหาป้ายคะแนนซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ภายในภูเขาแห่งนั้น แน่นอนว่ายิ่งป้ายคะแนนสูงมากเท่าไหร่ สัตว์อสูรที่จะต้องต่อสู้ด้วยนั้นจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย หากกลุ่มใดได้รับป้ายคะแนนสูงสุด 3 อันดับจึงจะได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบที่ 2 ซึ่งเป็นรอบจับคู่แข่งขันการต่อสู้หาตัวแทนแคว้น ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ยามเฉิน ขอให้ทุกกลุ่มเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับการขึ้นเขาให้เรียบร้อยด้วย กระหม่อมขอทูลเชิญฝ่าบาทกล่าวเปิดการแข่งขัน ณ บัดนี้” เจ้าตำหนักสัตว์อสูรของสำนักซิวหยางกล่าวจบก็น้อมคำนับฮ่องเต้เพื่อเชิญให้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของพิธีกรในวันนี้พร้อมรอยยิ้ม

สวัสดีทุกคน ข้าขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่ส่งศิษย์เข้าร่วมในปีนี้ หวังว่าศิษย์ใหม่ทุกคนจะตั้งใจแข่งขันอย่างสุจริตและไม่ทำร้ายกันจนเกินเลยไปนัก อย่างไรข้ายังต้องการให้ศิษย์ใหม่ทุกคนมีความสามัคคีเพื่อเป็นตัวแทนแคว้นอย่างสมเกียรติ หากได้ตัวแทนทั้ง 10 คนของแคว้นแล้ว ข้าจะมอบรางวัลให้พวกเจ้าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการเดินทางไปแข่งขันยังแคว้นต้าหนิงต่อไป ข้าขอประกาศให้เริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้”

เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วลานกลางเมือง พวกเขาตื่นเต้นที่จะได้รับชมการแข่งขันครั้งนี้ไม่น้อย สำนักซิวหยางยังเตรียมจอภาพที่ราชสำนักมอบให้ใช้สร้างภาพการแข่งขันแบบสด ๆ โดยมีทรัพยากรเป็นหินถ่ายภาพแบบพิเศษซึ่งเป็นสมบัติของราชวงศ์มอบให้แก่เหล่าอาจารย์ที่จะต้องซุ่มอยู่บนภูเขาติดตัวไปใช้ถ่ายภาพศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 100 ก้อน นับว่าปีนี้ราชวงศ์ทุ่มทุนมากจริง ๆ เนื่องจากหลายปีก่อนนั้นการแข่งขันจะมีเพียงขึ้นเวทีต่อสู้เท่านั้น

หลังจบการกล่าวเปิดงานของฮ่องเต้เสร็จสิ้นลง พิธีกรก็ปล่อยให้แต่ละสำนักกลับไปเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ทันที เฟินเสี่ยวหยางที่มาเข้าร่วมรายงานตัวตามเวลาที่คนของเจิ้งกั๋วกงไปแจ้งไม่กล้าทำตัวเกินเลยไปนัก ด้วยอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโตที่ท่านพ่อของเขากำชับมาว่าอย่าได้ทำตัวเย่อหยิ่งเหมือนที่ทำเป็นประจำ ไม่เช่นนั้นท่านพ่อของเขาจะไม่สนับสนุนเขาอีกต่อไป เฟินหลางเพียงต้องการให้ขุนนางหลายคนรับรู้ว่าบุตรชายตนมีความสามารถมากแค่ไหนเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการให้บุตรชายแสดงความโอหังมากเกินไปจนถูกเหล่าขุนนางเพ่งเล็งเอาได้

ก่อนแยกย้ายกัน อาจารย์หลินเหวินป๋อให้คำแนะนำกับเฟินเสี่ยวหยางเรื่องการเตรียมสิ่งของจำเป็นอยู่เกือบสองเค่อ จากนั้นเขาจึงเดินตามกลุ่มของเจิ้งหลินกลับไปยังจวนกั๋วกงเพื่อเตรียมสิ่งของเช่นกัน ส่วนเจิ้งกั๋วกงถูกฮ่องเต้เชิญไปเล่นหมากรุกในวังจึงไม่ได้กลับไปที่จวนกั๋วกงพร้อมพวกเขา

ศิษย์สำนักอื่น ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันมองหมูน้อยเสี่ยวจู้ของเจิ้งหลินตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาสงสัยว่าหมูน้อยตัวนี้จะสามารถแข่งขันกับพวกเขาได้จริงหรือ? เพราะความน่ารักสดใสของเสี่ยวจู้และดวงตากลมโตสุกสว่างซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในตัวของสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ จึงทำให้เหล่าสาว ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันถูกเสี่ยวจู้ตกไปอีกหลายคน พวกนางอยากสัมผัสตัวของเสี่ยวจู้จนแทบคลั่ง หากไม่ติดว่าเสี่ยวจู้นั้นเป็นสัตว์อสูรคู่แข่งของพวกนางแล้วล่ะก็ ป่านนี้พวกนางจะวิ่งเข้าไปขออุ้มเสี่ยวจู้กันนานแล้ว

เมื่อทุกคนกลับถึงจวนกั๋วกง พ่อบ้านก็รอรับฟังคำแนะนำจากอาจารย์ทั้งสี่ของคุณหนูเพื่อจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้ทุกคนเพื่อเข้าร่วมกันแข่งขันในวันพรุ่งนี้

ข้าน้อยทราบแล้วขอรับท่านอาจารย์ ข้าจะสั่งคนเตรียมเสบียงอาหารและเสื้อผ้าให้ครบห้าวันสำหรับทุกคนขอรับ หากไม่มีสิ่งใดจะเพิ่มเติม ข้าน้อยขอตัวไปจัดการก่อนนะขอรับ” พ่อบ้านใหญ่กล่าวลาก่อนออกจากห้องโถงรับแขกไ

อาจารย์เจ้าคะ เราจะจัดกลุ่มกันอย่างไรดีเจ้าคะ” เจิ้งหลินเอ่ยถาม

วกเจ้าเป็นหญิงทั้งสี่คนก็ควรจะอยู่ด้วยกัน ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นพวกเจ้าทั้ง 5 ใครจะอาสาอยู่กลุ่มพวกนางเล่า” อาจารย์ซ่งเอ่ยถามศิษย์จากตำหนักกระบี่

ข้าอยู่กับพวกนางได้ขอรับอาจารย์” กวงจื้อจิ่งเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

มีเจ้าอยู่กับพวกนางก็ดี ข้าจะได้อุ่นใจขึ้นบ้าง ส่วนพวกเจ้าที่เหลือก็อย่าได้สนใจเฟินเสี่ยวหยางมากนัก เพียงแค่ตั้งใจตามหาป้ายคะแนนให้ได้มากที่สุดก็พอแล้ว”

วกเราเข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ให้คำแนะนำ” เด็กทั้งสี่ที่เหลือกล่าวตอบพร้อมกัน พวกเขาเข้าใจนิสัยของเฟินเสี่ยวหยางดีจึงไม่อยากสนใจเขาแต่แรกแล้ว เพียงแค่เฟินเสี่ยวหยางไม่เป็นตัวถ่วงของพวกเขาเท่านั้นก็เพียงพอ

คนทั้งหมดนั่งคุยกันต่อจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเที่ยงจึงพากันไปร่วมโต๊ะที่พ่อบ้านใหญ่ให้คนจัดเอาไว้ให้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในวันพรุ่งนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   52

    ผู้คนภายในงานต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเจิ้งหลินอย่างสนุกปาก เพียงแต่เรื่องนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากเรื่องไปถึงหูของฝ่าบาทและฮองเฮา พวกนางก็กลัวว่าจะถูกตำหนิแทน อย่างไรพระชายาของชินอ๋องก็มีอำนาจมากกว่าพวกนางที่เป็นเพียงฮูหยินขุนนางเท่านั้น เรื่องในครั้งนี้จึงทำให้หลังจากนั้น เจิ้งหลินไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงใด ๆ ที่ได้รับเทียบเชิญอีกเลย กระทั่งชินอ๋องกลับมาจากภารกิจในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจิ้งหลินจึงชวนชินอ๋องไปหาซื้อเตาหลอมอาวุธตามที่เสี่ยวจู้อยากได้&

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   51

    หนึ่งเดือนต่อมา เจิ้งกั๋วกงที่อยู่เป็นเพื่อนหลานสาวและเสี่ยวจู้มานานก็ได้เวลาต้องกลับไปยังแคว้นหนานแล้ว เจิ้งหลินน้ำตาคลอเบ้าเมื่อต้องลาท่านตาของนาง เสี่ยวจู้ยังมอบยาเพิ่มปราณระดับเซียนให้ท่านตาอีกเม็ดหนึ่ง มันหวังว่าท่านตาจะเข้าใกล้สู่การเป็นเซียนอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   50

    พรึ่บ!!! พระสนมทั้งหมดรีบลงไปคุกเข่าเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษทันที พวกนางรู้ดีว่าเวลาที่ฮ่องเต้กริ้วนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พวกนางจะถือดี เพราะตระกูลพวกนางยังไม่มีความสามารถพอเทียบเท่าตระกูลขอ

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   49

    ครึ่งเซียนคนหนึ่งที่ถูกพลังของเสี่ยวจู้ทั้งตัวทับอยู่จนไม่สามารถต่อสู้ได้ ได้แต่ร้องอย่างเจ็บปวดเพราะตอนนี้กระดูกทั่วทั้งตัวของเขานั้นลั่นกรอบแกรบไปหมด ทั้งที่เขาเป็นถึงครึ่งเซียนแต่กลับพลาดท่าให้สัตว์อสูรระดับสวรรค์ตัวหนึ่ง โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเสี่ยวจู้ถึงแม้จะมีระดับต่ำแต่เมื่อรวมกับพลังสัตว์เทพแล้วก็สามารถต่อสู้กับครึ่งเซียนได้ไม่ลำบาก ยิ่งเมื่อเสี่ยวจู้ขยายร่างเต็มที่ ความสามารถในการปกป้องตนเองและพลังต่อสู้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยจนไม่อาจคาดเดา“โอ้

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   48

    เมื่อขบวนออกจากเมืองหลวงจนถึงที่พักสัตว์อสูรของแคว้นชิง เสี่ยวจู้ที่มากับเจิ้งกั๋วกงก็ขยายร่างกายให้ใหญ่โตเพื่อให้คนยกเกี้ยวของเจิ้งหลินขึ้นไป เจิ้งกั๋วกงเองก็เก็บม้าทมิฬเอาไว้ในมิติจิตของตนและขึ้นไปนั่งบนหลังเสี่ยวจู้เป็นเพื่อนหลานสาวเพื่อพูดคุยกันระหว่างทาง ชินอ๋องเองก็นั่งบนกิเลนไฟปากมากของพระองค์เพื่อป้องกันอันตรายระหว่างทาง ยังดีที่มันไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเสี่ยวจู้เหมือนทุกครั้ง อาจเพราะในขบวนมีคนในแคว้นชิงจำนวนมาก กิเลนไฟจึงไม่อยากทำตัวเหลาะแหละเหมือนที่ผ่านมาเวลาอยู่กับชินอ๋องสองคน

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   47

    สองสัปดาห์ต่อมา อู๋อิง หานชิงและเซียวเหมยต่างบอกลาเจิ้งหลิน เพราะถึงเวลาที่พวกนางจะต้องเดินทางกลับบ้านยังต่างเมืองเพื่อทำพิธีปักปิ่นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เจิ้งกั๋วกงยังมอบของขวัญปักปิ่นให้ทุกคน เนื่องจากไม่สามารถไปร่วมงานด้วยตนเองได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำเอาพวกนางต่างซาบซึ้งในความเมตตาของเจิ้งกั๋วกงที่มีให้มาตลอดเวลาที่มายังจวนกั๋วกง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status