Share

3

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-05-21 11:49:16

สองวันต่อมา

าจารย์แต่ละตำหนักแบ่งกลุ่มศิษย์ของตนออกไปแล้วแยกกันไปคนละทางเพื่อไม่ให้การตามหาสัตว์อสูรไปกระจุกตัวอยู่บริเวณเดียวกัน อาจารย์ทั้งสามคนของแต่ละตำหนักมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของศิษย์ที่อาจจะพลัดหลงเข้าไปในป่าชั้นใน ศิษย์ทุกคนได้รับคำสั่งให้ตามหาสัตว์อสูรขั้นปฐพีและนภาเท่านั้น เพราะฝีมือของพวกเขาคงไม่สามารถกำหราบสัตว์อสูรขั้นฟ้ากระจ่างได้ เพื่อความปลอดภัยเหล่าอาจารย์จึงกำชับให้พวกเขาตามหาสัตว์อสูรเพียงรอบนอกของป่าสัตว์อสูร หากมีศิษย์คนใดขัดคำสั่งและบาดเจ็บขึ้นมา ศิษย์เหล่านั้นจะถูกลงโทษหลังกลับไปถึงสำนั

กลุ่มของเจิ้งหลินพอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำตำหนัก พวกนางจึงแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่ตนเองต้องการ ถึงอย่างไรศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรก็มีความได้เปรียบเรื่องการจับสัตว์อสูรมากกว่าศิษย์จากตำหนักอื่น อีกทั้งพวกเขายังมีฝีมือไม่ธรรมดากันสักคน เพียงแต่ทุกคนในตำหนักต่างเก็บงำฝีมือเอาไว้โดยไม่ให้ตำหนักอื่นระแคะระคายได้แม้แต่น้อย นี่เป็นการสั่งสอนของเจ้าตำหนักที่ไม่อยากให้เด็ก ๆ ในตำหนักโอ้อวดความเก่งกาจจนมีภัยมาถึงตน

ใจกลางป่าสัตว์อสูร

ท่านเสี่ยวจู้ขอรับ คนจากสำนักพรตหนานหนิงมากันแล้วขอรับ” กระต่ายขาวรายงานเรื่องที่เสี่ยวจู้ให้ไปสื

แล้วพวกเขาจะตามหาสัตว์อสูรมาถึงที่นี่หรือไม่?”

ไม่นะขอรับ ข้าได้ยินพวกเขาพูดกันว่าจะหาเพียงชายป่ารอบนอกเท่านั้น”

เช่นนั้นข้าคงต้องออกไปดูสักหน่อยว่าใครที่น่าจะมีวาสนาต่อข้าแล้วล่ะ”

ท่านเสี่ยวจู้จะจากไปจริง ๆ หรือขอรับ” หมีดำใจหายแปลก ๆ

จริงสิ พวกเจ้าไม่อยากไปกับข้าจริงหรือ?”

สัตว์อสูรฟ้าหลายตัวหันมองหน้ากันก่อนที่จะส่ายหน้าช้า ๆ พวกมันรักอิสระมากกว่าที่จะเข้าไปสู่ความวุ่นวายภายนอกป่าสัตว์อสู

ฮ้อ เช่นนั้นเราก็คงต้องจากกันแล้ว พวกเจ้ารักษาตัวให้ดี ยาที่ข้าหลอมให้น่าจะใช้ได้อีกหนึ่งเดือน ขยันฝึกฝนกันด้วยเล่า ข้าขอตัวก่อน

สัตว์อสูรระดับต่ำหลายตัวเดินตามหลังเพื่อไปส่งเสี่ยวจู้ยังป่ารอบนอก พวกมันเองก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะยอมรับเจ้านายแล้วไปอยู่กับท่านเสี่ยวจู้ดีหรือยังคงอยู่ที่ป่าแห่งนี้ต่อ สำหรับการตัดสินใจของเหล่าสัตว์อสูรฟ้านั้นพวกมันเข้าใจดี แต่สำหรับพวกมันที่มีระดับเพียงขั้นรวมวิญญาณนั้นหากอยู่ที่นี่ต่อไปคงใช้เวลาอีกหลายร้อยปีกว่าจะก้าวหน้า พวกมันจึงอยากตามไปดูก่อนว่าท่านเสี่ยวจู้จะเลือกเจ้านายใหม่อย่างไร หากว่ามันมีวาสนากับใครสักคน พวกมันก็จะติดตามเสี่ยวจู้ออกไปจากป่าแห่งนี้เช่นกั

ด้านเฟินเสี่ยวหยางที่วางแผนจะลอบฆ่าเจิ้งหลินได้แต่ต้องแยกตัวกับกลุ่มเพื่อนของเขาไปทางฝั่งคนของตำหนักสัตว์อสูร เพราะเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นทำให้เขากับน้องสาวต้องอับอายศิษย์ในสำนักไม่น้อย จากความอับอายจึงกลายเป็นโกรธแค้น เฟินเสี่ยวหยางจึงตัดสินใจจะฆ่าเจิ้งหลินให้สิ้นเรื่องเสีย ถึงอย่างไรพลังปราณของเขาก็อยู่ในระดับนภาขั้นสูงแล้ว อีกก้าวเดียวก็จะไปสู่ระดับฟ้ากระจ่าง สำหรับอายุเพียงเท่านี้ นับว่าเฟินเสี่ยวหยางมีพรสวรรค์ไม่น้อย เพียงแต่เฟินเสี่ยวหยางนั้นไม่รู้ว่าเจิ้งหลินใส่กำไลปิดบังพลังปราณที่ท่านตาให้มาตลอด ความจริงแล้วนางมีพลังระดับฟ้ากระจ่างขั้นกลางนานแล้ว เพียงแต่พอใส่กำไลนี้เข้าไป ระดับของนางที่คนอื่นมองเห็นจึงเป็นเพียงระดับนภาขั้นต้นเท่านั้

ฟินเสี่ยวหยางที่มีพลังปราณเพิ่มขึ้นเพราะได้รับยาจากเฟินหลางที่ส่งมาให้ลูกชายคนเดียวทุกเดือน ไม่เช่นนั้นพรสวรรค์อย่างเขาคงไม่สามารถมีระดับพลังปราณสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันเช่นนี้ ยิ่งเฟินเสี่ยวหยางเป็นศิษย์ตำหนักกระบี่ด้วยแล้ว อาวุธของเขายังได้รับจากเฟินหลางที่ทุ่มเงินซื้ออาวุธระดับฟ้ากระจ่างให้เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวและเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลเฟิน เฟินเสี่ยวหยางจึงมั่นใจว่าตนเองจะสามารถฆ่าเจิ้งหลินที่เป็นหนามตำใจครอบครัวเขามานานได้สำเร็

เจิ้งหลินไม่รู้เลยว่าเฟินเสี่ยวหยางกำลังตามหานางอยู่ นางและเพื่อนแยกกันหาสัตว์อสูรที่ตนเองต้องการในวันแรกนี้ ก่อนที่จะนัดพบกันอีกครั้งช่วงก่อนค่ำเพื่อพักผ่อนร่วมกันแล้วค่อยหาต่อในวันถัดไป

ระหว่างการเดินทางตามหาสัตว์อสูรนั้น เจิ้งหลินเห็นสัตว์ไม่น้อย เพียงแต่นางรู้สึกว่าระดับพลังของสัตว์เหล่านี้ไม่สูงพอกับระดับพลังของนาง นางจึงเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยเผื่อจะได้พบกับสัตว์ที่มีวาสนาต่อกัน

ฟินเสี่ยวหยางที่ใช้วิชาตัวเบาออกตามหาเจิ้งหลินตั้งแต่แยกย้ายกับกลุ่มศิษย์ตำหนักกระบี่ได้แต่วิ่งไปบ่นไปว่าเมื่อไหร่จะหาตัวเจอเสียที เขาตามหามาเกือบสามชั่วยามแล้วยังไม่เห็นเจิ้งหลินแม้แต่เงา เห็นเพียงเพื่อนร่วมตำหนักของนางเท่านั้น หากเขายังตามหานางไม่เจอแล้วอาจารย์ของเขาพบว่าเขาหายไป ตัวเขาเองอาจต้องถูกอาจารย์ลงโทษเป็นแน่

สี่ยวจู้มาถึงชายขอบของป่าชั้นกลางในเวลาต่อมาพร้อมกับสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ติดตามไม่ห่า

พวกเจ้าซ่อนตัวให้ดี ๆ ล่ะ รอให้เราเห็นเป้าหมายก่อน ค่อยออกไปพบหน้าแล้วทำพันธะสัญญา หากพวกเจ้าอยากไปอยู่ด้วยกัน” เสี่ยวจู้เอ่ย

พวกเราทราบแล้ว ท่านเสี่ยวจู้” สัตว์ทั้งหลายรีบเอ่ยตอบ

เสี่ยวจู้ที่ยังตัวเล็กน่ารักเหมือนเดิมยิ้มให้กับสัตว์ที่ตามมา ก่อนจะเดินหลบอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีใครเห็นตนเองเร็วนัก หากเสี่ยวจู้ต้องการบินขึ้นไปบนต้นไม้ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแต่เสี่ยวจู้ไม่อยากให้สัตว์ตัวอื่นลำบากไปด้วยจึงเดินบนพื้นดินแทน

เฟินเสี่ยวหยางหาร่องรอยของเจิ้งหลินจนเห็นว่านางเดินลึกเข้าไปในป่าชั้นกลางก็ยิ้มร้ายออกมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าเจิ้งหลินจะหาเรื่องตายเช่นนี้ ทั้งที่พลังของนางอยู่เพียงระดับนภาขั้นต้นเท่านั้น เฟินเสี่ยวหยางมองไปรอบ ๆ ไม่พบว่ามีใครอยู่ใกล้ ๆ ก็รีบใช้วิชาตัวเบาแล้วชักกระบี่ออกมาฟาดฟันไปยังร่างของเจิ้งหลินที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลอย่างไม่คิดยั้งมือ

จิ้งหลินรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา นางรีบดึงกระบี่จิตวิญญาณที่ท่านตามอบให้ออกมาจากแหวนเก็บของที่หายากแล้วรับกระบี่ด้านหลังอย่างว่องไว ถึงแม้เจิ้งหลินจะเรียนที่ตำหนักสัตว์อสูรก็ตามที แต่วิชากระบี่นี้เป็นวิชาลับของท่านตานาง และนางได้เรียนรู้มาตลอดสองปีก่อนที่จะเข้ามาเรียนในสำนักโดยไม่มีใครรู้

เช้ง! ควับ!

ฮึ! น่าเสียดายที่ไม่อาจฆ่าเจ้าได้ในกระบี่เดียว” เฟินเสี่ยวหยางกล่าวขึ้น

เป็นเจ้า! เฟินเสี่ยวหยาง เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเรียกอาจารย์หรืออย่างไร?”

ข้าไม่กลัว! หากเจ้าตายก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือข้า ฮ่า ฮ่า”

เจ้าหรือข้ากันแน่ที่จะตาย หลายครั้งแล้วที่พวกเจ้าทำร้ายข้า วันนี้ในเมื่อเจ้าต้องการชีวิตของข้า ข้าก็จะไม่ยั้งมือไว้ไมตรีอีก” เจิ้งหลินกล่าวก่อนจะเริ่มใช้วิชากระบี่ต่อ

เช้ง! เพี๊ยะ! เช้ง!

ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของเจิ้งหลิน นางสามารถทำให้เฟินเสี่ยวหยางได้รับบาดแผลไปหลายแห่งในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เฟินเสี่ยวหยางได้แต่ไม่เชื่อสายตาว่าเจิ้งหลินจะมีความสามารถเช่นนี้ได้ เขากัดฟันลองปะทะกับนางอีกหลายกระบวนท่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำร้ายเจิ้งหลินได้แม้แต่น้อ

ฮึ่ม! ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเก็บงำฝีมือเช่นนี้เอาไว้ รอก่อนเถอะ สักวันข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้เจิ้งหลิน อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เช่นนี้อีก” เฟินเสี่ยวหยางกล่าวก่อนจะใช้วิชาตัวเบาถอยไปเพื่อรักษาบาดแผลและกลับไปยังทิศทางที่ตำหนักกระบี่ไปกั

ฮ้อ ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลเฟินจึงได้มายุ่งกับข้าเช่นนี้ ทั้งที่ข้าไม่เอาเรื่องพวกเขาในเรื่องที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว ในเมื่อเฟินเสี่ยวหยางต้องการฆ่าข้า ข้าคงต้องแจ้งให้ท่านตาทราบเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาใช้วิธีการต่ำช้าขึ้นมา ข้าคงไม่อาจรับมือได้ด้วยตัวคนเดียวแน่” เจิ้งหลินพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใ

สี่ยวจู้ที่แอบมองอยู่ห่าง ๆ หลังได้ยินเสียงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ นางมองเห็นว่าเด็กหญิงตรงหน้านั้นมีพลังระดับฟ้ากระจ่างตั้งแต่อายุยังน้อยและพรสวรรค์ของนางเองก็สูงส่งเช่นกัน ถึงแม้เจิ้งหลินจะปิดบังระดับพลัง แต่ด้วยพลังของสัตว์เทพเช่นเสี่ยวจู้นั้นไม่นับว่าเป็นอะไ

ลังจากเสี่ยวจู้ตัดสินใจแล้วว่าจะรับเด็กหญิงคนนี้เป็นเจ้านายในโลกมนุษย์แล้ว นางจึงลอบสังเกตนิสัยใจคอของเจิ้งหลินอยู่ห่าง ๆ โดยเสี่ยวจู้บอกสัตว์ตัวอื่นที่ตามมาว่านางสนใจเด็กคนนี้ ให้พวกเขาอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้เจิ้งหลินมองเห็นได้ง่าย ๆ จนกว่าเสี่ยวจู้จะเข้าไปหานา

นเมื่อเสี่ยวจู้อยากรู้นิสัยใจคอของเจิ้งหลิน นางจึงให้สัตว์ตัวอื่นแกล้งทำเป็นรังแกลูกหมูน้อยเช่นนาง นางอยากรู้ว่าเจิ้งหลินจะเข้ามาช่วยนางหรือไม่ สิงโตกับเสือดำได้แต่จนใจที่ต้องแสดงตัวเป็นสัตว์ร้ายตามที่ท่านเสี่ยวจู้ต้องกา

สียงการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรดังขึ้นไม่ไกล เจิ้งหลินที่สงสัยว่าเหตุใดจึงมีการต่อสู้เกิดขึ้นก็รีบใช้วิชาตัวเบาวิ่งไปแอบดูใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อเห็นว่าตรงหน้ามีลูกหมูสีชมพูตัวน้อยน่ารักกำลังต่อสู้กับสิงโตและเสือดำตัวใหญ่อย่างสุดกำลัง เจิ้งหลินไม่คิดสิ่งใดมากกว่าการช่วยผู้ที่อ่อนแออย่างหมูน้อยน่ารักตัวนั้น นางรีบเข้าไปปกป้องเสี่ยวจู้และไล่สิงโตกับเสือดำไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่ตอนแรกเจิ้งหลินคิดว่าตนเองจะบาดเจ็บจากสัตว์อสูรระดับกลางสองตัวนั้นไม่น้อย แต่ในเมื่อตอนนี้นางไม่เป็นอะไรและสามารถช่วยหมูน้อยได้ เจิ้งหลินจึงรีบสำรวจดูว่าหมูตัวนี้บาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่

เฮ้อ โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร แต่เนื้อตัวของเจ้าช่างมอมแมมนัก มา ข้าจะพาเจ้าไปเช็ดตัวที่ลำธารเสียหน่อย เมื่อกี้ข้าได้ยินเสียงน้ำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก”

สี่ยวจู้แกล้งทำเป็นไม่ทราบว่าเจิ้งหลินพูดอะไร นางทำเพียงเอียงคอไปมาอย่างน่ารักจนเจิ้งหลินหลงใหลหมูน้อยตรงหน้าเสียแล้ว นางอดไม่ไหวจึงอุ้มเสี่ยวจู้แทนแล้วพาไปยังลำธารอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาทำความสะอาดหมูน้อยในอ้อมแขนเบา ๆ พร้อมรอยยิ้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   5

    “นี่..นี่มันอะไรกันเนี่ย? เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรมากมายเช่นนี้ แถมยัง..

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   4

    หลังจากเจิ้งหลินทำความสะอาดเสี่ยวจู้ดีแล้ว นางก็หันมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย เจิ้งหลินไม่รู้ว่าตัวเองเดินลึกเข้ามามากแค่ไหนแถมตอนนี้นางยังมีหมูน้อยหนึ่งตัวให้ดูแลอยู่“อืม.. ทำอย่างไรดีนะ หากปล่อยให้เจ้าอยู่ในป่าที่อันตรายเช่นนี้ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะถูกสัตว์ป่าตัวอื่นทำร้าย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อข้าไม่พบสัตว์อสูรตัวอื่นที่พอจะทำพันธะสัญญาได้ เจ้าก็มาเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของข้าดีหรือไม่”

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   3

    สองวันต่อมา อาจารย์แต่ละตำหนักแบ่งกลุ่มศิษย์ของตนออกไปแล้วแยกกันไปคนละทางเพื่อไม่ให้การตามหาสัตว์อสูรไปกระจุกตัวอยู่บริเวณเดียวกัน อาจารย์ทั้งสามคนของแต่ละตำหนักมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของศิษย์ที่อาจจะพลัดหลงเข้าไปในป่าชั้นใน ศิษย์ทุกคนได้รับคำสั่งให้ตามหาสัตว์อสูรขั้นปฐพีและนภาเท่านั้น เพราะฝีมือของพวกเขาคงไม่สามารถกำหราบสัตว์อสูรขั้นฟ้ากระจ่างได้ เพื่อความปลอดภัยเหล่าอาจารย์จึงกำชับให้พวกเขาตามหาสัตว์อสูรเพียงรอบนอกของป่าสัตว์อสูร หากมีศิษย์คนใดขัดคำสั่งและบาดเจ็บขึ้นมา ศิษย์เหล่านั้นจะถูกลงโทษหลังกลับไปถึงสำนัก กลุ่มของเจิ้งหลินพอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำตำหนัก พวกนางจึงแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่ตนเองต้องการ ถึงอย่างไรศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรก็มีความได้เปรียบเรื่องการจับสัตว์อสูรมากกว่าศิษย์จากตำหนักอื่น อีกทั้งพวกเขายังมีฝีมือไม่ธรรมดากันสักคน เพียงแต่ทุกคนในตำหนักต่างเก็บงำฝีมือเอาไว้โดยไม่ให้ตำหนักอื่นระแคะระคายได้แม้แต่น้อย นี่เป็นการสั่งสอนของเจ้าตำหนักที่ไม่อยากให้เด็ก ๆ ในตำหนักโอ้อวดความเก่งกาจจนมีภัยมาถึงตนใจกลางป่าสัตว์อสูร“ท่านเสี่ยวจู้ขอรับ คนจากสำนักพรตหนานหนิงมากั

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   2

    หนึ่งเดือนผ่านไป เสี่ยวจู้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้นำของเหล่าสัตว์อสูรหลอมยาจำนวนมากให้กับสัตว์อสูรจนพวกมันบางตัวก็สามารถเลื่อนระดับขั้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สัตว์อสูรทุกตัวต่างยอมรับนับถือหมูน้อยสีชมพูตัวนี้มากขึ้นไปอีก พวกมันไม่อยากให้นางจากไปเลย หากนางยังคงอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ พวกมันคงสามารถพัฒนาระดับขั้นขึ้นมาได้อีกมากเป็นแน่ แต่อย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถห้ามนางได้เช่นกัน พวกมันคงทำได้เพียงใช้เวลาที่นางยังไม่พบเจ้านายคนใหม่ หาสมุนไพรมาให้นางช่วยหลอมให้ได้มากที่สุดเท่านั้น เสี่ยวจู้ในระหว่างที่อยู่กับเหล่าสัตว์อสูรในป่าแห่งนี้มีความสุขมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจู้ซึ่งเพิ่งออกจากไข่มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย พวกเขาทำให้เสี่ยวจู้รู้ว่าการมีเพื่อนมาก ๆ แบบนี้ไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ในไข่เลยสักนิด ในโลกมนุษย์ไม่ได้แย่อย่างที่เสี่ยวจู้คิดกลัวในตอนแรกเลย ตอนนี้เสี่ยวจู้สามารถปกปิดพลังสัตว์เทพเอาไว้ได้แล้ว หลังจากที่ฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ทำให้เสี่ยวจู้ดูเหมือนหมูน้อยน่ารักสีชมพูตัวหนึ่งเท่านั้น ยกเว้นพวกสัตว์อสูรทั้งหมดในป่าแห่งนี้ที่รู้ว่าเสี่ยวจู้ไม่ใช่หม

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   1

    ณ วังมังกร แดนสวรรค์ องค์หญิงหลงเอ้อหลิงใช้เวลาในการสร้างไข่สัตว์เทพเพื่อให้ช่วยเก็บสมุนไพรและปรุงยาให้นางมาเกือบสามร้อยปี โดยตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าในไข่นั้นจะเป็นสัตว์เทพชนิดใด แต่ด้วยพลังเทพมังกรซึ่งเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง นางมั่นใจว่าไข่สัตว์เทพของนางจะต้องมีพลังและความสามารถมากมายจากที่นางมอบความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรรวมถึงการปรุงยาให้กับสัตว์เทพในไข่ ไม่เว้นแม้กระทั่งพลังการต่อสู้ที่นางมอบให้เพื่อป้องกันการถูกรังแกจากสัตว์ตัวอื่นระหว่างการหาสมุนไพร นางเฝ้าฟูมฟักจนไข่ใกล้จะฟักออกมาในอีกไม่นานนี้แล้ว ก่อนที่ไข่จะฟักออกมา องค์หญิงเห็นว่าสมุนไพรของนางลดลงไปมากจึงออกไปที่ป่าสวรรค์ชั้นในและคิดจะรีบกลับมาเพื่อรอไข่ฟัก ระหว่างที่นางไม่อยู่ในตำหนัก หลานชายตัวน้อยที่อายุเพียงไม่กี่ร้อยปีกลับไม่รู้ว่าอาหญิงไม่อยู่ เขาชอบมาเล่นที่นี่กับอาหญิงบ่อย ๆ พอเห็นไข่กลม ๆ วางอยู่ในตำหนัก เขาจึงคิดว่าเป็นของเล่นที่อาหญิงน่าจะเตรียมเอาไว้ให้ องค์ชายน้อยที่มีพลังมังกรมาตั้งแต่เกิดหยิบไข่ขึ้นมาแล้วนำออกไปเล่นที่ลานกลางวังมังกรอย่างสนุกสนาน กระทั่งเขานึกเบื่อจึงเขวี้ยงไข่ออกไปจนสุดแรงโดยไม่สนใจทิศทาง เขาคิด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status