หลังจากเจิ้งหลินทำความสะอาดเสี่ยวจู้ดีแล้ว นางก็หันมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย เจิ้งหลินไม่รู้ว่าตัวเองเดินลึกเข้ามามากแค่ไหนแถมตอนนี้นางยังมีหมูน้อยหนึ่งตัวให้ดูแลอยู่
“อืม.. ทำอย่างไรดีนะ หากปล่อยให้เจ้าอยู่ในป่าที่อันตรายเช่นนี้ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะถูกสัตว์ป่าตัวอื่นทำร้าย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อข้าไม่พบสัตว์อสูรตัวอื่นที่พอจะทำพันธะสัญญาได้ เจ้าก็มาเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของข้าดีหรือไม่”
เสี่ยวจู้ไม่คิดว่าเด็กหญิงตรงหน้าจะกล้าทำพันธะสัญญากับนางที่ภายนอกเป็นเพียงหมูน้อยอ่อนแอจริง ๆ แต่ในเมื่อเจิ้งหลินพูดออกมาด้วยตนเองแล้ว เสี่ยวจู้จึงพยักหน้ายิ้มรับก่อนจะกัดไปที่นิ้วของเจิ้งหลินและทำพันธะสัญญาแบบเท่าเทียมแทนสัญญาทาสที่มนุษย์มักจะเป็นผู้กำหนดเจิ้งหลินขมวดคิ้วอย่างสงสัยใจ ที่นางเรียนมาจากตำหนัก หากไม่ใช่สัตว์ระดับสูงกว่านางแล้ว สัตว์นั้นจะไม่สามารถทำสัญญาแบบเท่าเทียมได้ เจิ้งหลินไม่คาดคิดเลยว่าหมูน้อยตรงหน้ากลับมีพลังสูงส่งกว่านางเสียอีกแสงสว่างจากการทำพันธะสัญญากับสัตว์เทพนั้นส่องสว่างขึ้นไปบนฟ้าอย่างรุนแรงก่อนจะหายวับไปในพริบตา เหล่าสัตว์ในป่าสัตว์อสูรได้รับรู้ว่าท่านเสี่ยวจู้ทำพันธะสัญญาแล้วต่างก็ส่งเสียงคำรามออกมาเพื่อแสดงความยินดีจนดังไปทั่วทั้งป่าสัตว์อสูรทุกคนที่เข้าป่ามามองเห็นแสงสว่างเพียงแวบเดียวก่อนจะตามมาด้วยเสียงคำรามของสัตว์ป่าก็ต่างกลัวกันไม่น้อย มีเพียงเจิ้งหลินเท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเสียงเหล่านั้น นางรู้สึกว่าหลังจากทำพันธะสัญญาแล้ว พลังของนางกลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งที่ไม่ได้กินยาเพิ่มปราณเลยสักเม็ด“เจ้าเป็นสัตว์ระดับใดกันแน่หมูน้อย เหตุใดข้าจึงมีพลังเพิ่มขึ้นมากถึงเพียงนี้”
“ท่านไม่จำเป็นต้องทราบ ข้าชื่อเสี่ยวจู้ แล้วท่านเล่าชื่ออะไร?”
“ข้าเจิ้งหลิน ต่อไปเจ้าก็อยู่กับข้าเพื่อฝึกฝนเถิด ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี”
“ขอบคุณท่าน ตอนนี้ข้าสามารถเข้าไปพักในจิตวิญญาณของท่านได้หรือไม่?”
“ยังไม่ได้ ข้ายังไม่ถึงระดับรวมจิตวิญญาณเลย”
“อ่า… เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าแค่กลัวว่าจะมีคนล้อเลียนท่านที่มีข้าเป็นสัตว์ประจำตัว”
เจิ้งหลินยิ้มแล้วลูบหัวเล็ก ๆ ของเสี่ยวจู้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ที่สัตว์อสูรของนางช่างน่ารักนัก“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป ใครจะพูดอะไรข้าก็ไม่สนใจ ในเมื่อเจ้าผูกพันธะสัญญากับข้าแล้ว ข้าเชื่อว่าเราสองคนจะช่วยเหลือกันและกันในการฝึกฝนได้”
“อื้อ เรื่องนั้นท่านวางใจ ข้าสามารถหลอมยาและหาสมุนไพรได้ ข้าจะช่วยให้ท่านพัฒนาพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว ข้าสัญญา”
“หืม? เจ้ามีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรือ?”
“แน่นอนว่าข้ามี ตอนนี้ข้าหิวแล้ว เราไปหาผลไม้ป่ากินกันเถอะ”
“ข้าไม่รู้ว่าที่ใดมีผลไม้ป่า เจ้านำทางไปได้หรือไม่?”
“ได้สิ ท่านตามข้ามาเลย”
เสี่ยวจู้เดินนำทางเจิ้งหลินเข้าไปยังป่าชั้นในอย่างสบาย ๆ เหล่าสัตว์อสูรที่เห็นท่านเสี่ยวจู้ของพวกมันนำทางมนุษย์คนหนึ่งเข้ามาก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งและปล่อยให้เจิ้งหลินเก็บผลไม้ได้ตามสบาย ระหว่างทางเสี่ยวจู้ยังเก็บสมุนไพรไว้ในมิติจิตของตนเองไม่น้อย เจิ้งหลินได้แต่นึกทึ่งว่าสัตว์อสูรของนางเหตุใดจึงได้มีมิติจิตตั้งแต่ตัวแค่นี้ เพียงแต่นางเองก็ไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเสี่ยวจู้จึงไม่ได้สอบถามอันใด ในเมื่อเสี่ยวจู้ไม่อยากบอก นางก็ไม่ถามเมื่อเจิ้งหลินเก็บผลไม้ใส่แหวนเก็บของได้พอสมควรแล้ว นางจึงชวนเสี่ยวจู้กลับออกไปยังป่าชั้นนอกที่นัดกับเพื่อน ๆ เอาไว้ก่อนพลบค่ำ“เรากลับออกไปกันก่อนเถอะเสี่ยวจู้ เพื่อนข้าน่าจะรอกันอยู่ที่ป่าด้านนอก”
“ตกลง ไปกัน” เสี่ยวจู้ยิ้มตอบเจิ้งหลินอย่างน่ารัก
เจิ้งหลินเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งหมั่นเขี้ยวหมูน้อยของนาง นางอุ้มเสี่ยวจู้ก่อนจะฟัดแก้มไปเสียสองทีแล้วใช้วิชาตัวเบาพาเสี่ยวจู้กลับออกไปยังป่าด้านนอกอย่างรวดเร็ว เสี่ยวจู้เห็นเจิ้งหลินทำเช่นนี้ก็นึกรักเจิ้งหลินไม่น้อย เพราะตนเองเป็นเพียงสัตว์เทพที่เพิ่งออกจากไข่และยังไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวจู้สัญญากับตนเองว่าจะทำให้เจิ้งหลินเก่งกาจกว่าผู้ใดในเร็ววัน ให้สมกับที่นางเป็นคู่พันธะสัญญากับเสี่ยวจู้ผู้นี้เจิ้งหลินใช้วิชาตัวเบาระดับฟ้ากระจ่างของตนเองอย่างเต็มกำลัง เพราะตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว นางกลัวว่าเพื่อน ๆ จะเป็นห่วงที่นางไม่ออกไปรวมตัวเสียทีจึงได้เร่งร้อนเช่นนี้ แน่นอนว่าเรื่องที่เฟินเสี่ยวหยางลอบฆ่านางนั้นนางจะไม่บอกออกไปให้เพื่อนเป็นห่วง นางมั่นใจว่าสามารถรับมือกับคนเช่นเขาได้ไม่ยากกว่าที่เจิ้งหลินจะออกไปถึงป่ารอบนอกได้ พระอาทิตย์ก็ตกดินเสียแล้ว นางรีบเดินเร็ว ๆ แทนการใช้วิชาตัวเบาจนคนอื่นอาจพบเห็น ไปยังทิศทางที่นัดกับเพื่อนของนางเอาไว้ก่อนหน้านี้พร้อมกับเสี่ยวจู้ที่ยังนอนอยู่ในอ้อมแขนเจิ้งหลินอย่างสบายใจ“หลินเอ๋อ เจ้าไปไหนมาเนี่ย เรารอเจ้าอยู่จนกังวลกันไปหมดแล้ว” เซียวเหมยรีบถาม
“อ่า… ข้าเข้าไปเก็บผลไม้มาให้พวกเจ้ากินด้วยกัน นี่ไง มากินกันก่อนเถอะ”
“เฮ้อ เจ้านี่นะ ชอบทำให้พวกเราเป็นห่วง” อู๋อิงรีบกล่าว
“ใช่ ๆ เจ้าไม่รู้ว่าพวกเราเกือบจะแยกกันออกตามหาเจ้าแล้วนะ” หานชิงกล่าวเสริม
“เอาน่า ๆ ตอนนี้ข้าก็มาแล้วอย่างไรเล่า”
“เอ๊ะ! ในอ้อมแขนเจ้าเป็นสัตว์อสูรของเจ้าหรือ?” อู๋อิงเห็นตัวอะไรสักอย่างสีชมพูอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อนจึงรีบเอ่ยถามอีกรอบ
“อืม ใช่แล้วล่ะ นี่เป็นสัตว์อสูรประจำตัวข้าน่ะ แต่ตอนนี้มันนอนหลับอยู่ พวกเจ้าก็อย่าเสียงดังนักก็แล้วกัน มันยังเด็กนัก”
“ตกลง ๆ เช่นนั้นเรารีบมากินอาหารแห้งที่นำมาก่อนค่อยกินผลไม้ของเจิ้งหลิน”
ทั้งสี่สาวรีบนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นจุดนัดรวมตัวแล้วกินอาหารแห้งก่อนจะกินผลไม้แสนอร่อยที่เจิ้งหลินนำมาให้พร้อมกับสนทนากันเบา ๆ ตอนนี้เสี่ยวจู้ถูกวางให้นอนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนัก ความจริงเสี่ยวจู้ไม่ได้หลับลึกแต่แรก นางเพียงไม่อยากตื่นมารบกวนการสนทนาของเจิ้งหลินกับเพื่อน ๆ เท่านั้น ยิ่งฟังพวกนางคุยกันมากเท่าไหร่ เสี่ยวจู้ก็ได้แต่สงสัยว่าเหตุใดเจิ้งหลินจึงไม่บอกเพื่อนว่านางถูกลอบทำร้ายก่อนหน้านี้ แต่ในเมื่อเจิ้งหลินไม่อยากบอก นางก็จะช่วยเก็บเป็นความลับให้ก็แล้วกัน“นี่อาหลิน เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะล้อเลียนเจ้าหรือที่มีสัตว์อสูรเป็นหมูตัวน้อยเช่นนี้”
“ข้าไม่สนใจหรอก เสี่ยวจู้มีความสามารถมากนะ ถึงแม้นางจะยังเด็ก แต่เรื่องสมุนไพรนั้นเสี่ยวจู้เก่งมาเลยล่ะ ระหว่างมาที่นี่เสี่ยวจู้เก็บเกี่ยวสมุนไพรได้ไม่น้อย”
“เฮ้ นี่เรื่องจริงหรือ? ไม่น่าเชื่อว่าหมูตัวหนึ่งจะมีความสามารถเช่นนี้”
“เรื่องจริงสิ ข้าจะโกหกพวกเจ้าไปทำไมกันเล่า อีกอย่างเจ้าไม่เห็นหรือว่าเสี่ยวจู้น่ารักแค่ไหนน่ะ ข้าทำใจทิ้งนางไม่ลงหรอกนะ”
“เฮ้อ เจ้านี่นะ เห็นอะไรน่ารักเป็นไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังได้สัตว์ในพันธะสัญญาแล้ว พวกเรานี่สิที่ยังไม่พบสัตว์ที่พอจะเจรจาทำพันธะสัญญาได้เลยสักตัว”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปยังที่ที่เจอเสี่ยวจู้ดีไหม? เผื่อว่าจะมีสัตว์อสูรที่มีวาสนากับพวกเจ้าบ้าง”
“ดี ๆ นี่ก็เริ่มจะดึกมากแล้ว เรารีบขึ้นไปนอนกันบนต้นไม้ก่อนเถอะ”
ทั้งสี่คนพยักหน้าให้กัน เจิ้งหลินเดินไปอุ้มเสี่ยวจู้กระโดดขึ้นไปนอนบนต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกลจากต้นไม้ของเพื่อน ๆ นัก นางเองก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้รับสัตว์อสูรกันทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาตามหาอีกในปีหน้าเสี่ยวจู้รอให้ทั้งสี่สาวหลับสนิท ก่อนที่จะใช้กระแสจิตส่งออกไปยังสัตว์อสูรที่อยู่รอบ ๆ ให้ไปสอบถามว่ามีสัตว์ตนใดต้องการติดตามนางออกจากป่าแห่งนี้บ้างและพรุ่งนี้ให้พวกมันไปรอยังชายป่าชั้นกลางเพื่อให้เพื่อนของเจิ้งหลินเลือกสัตว์อสูรที่ได้รับคำสั่งของเสี่ยวจู้รีบวิ่งแยกย้ายกันไปแจ้งข่าวกับเพื่อน ๆ ในป่าชั้นกลางและชั้นในอย่างไม่รีรอ พวกมันรู้ดีว่าการที่ได้ติดตามเพื่อนของคู่พันธะสัญญาของท่านเสี่ยวจู้จะต้องได้รับประโยชน์ไม่น้อยแน่ ไม่เช่นนั้นท่านเสี่ยวจู้คงไม่ส่งข่าวให้พวกมันไปรอที่จุดนัดพบเสือดำกับสิงโตทองที่แกล้งทำเป็นต่อสู้กับเสี่ยวจู้เมื่อวานนี้เห็นโอกาสดีที่มันจะได้ติดตามท่านเสี่ยวจู้ต่อรีบอาสาไปทันที อินทรีฟ้าเองก็อยากไปด้วยเช่นกันจึงตัดสินใจที่จะไปรวมตัวยังจุดนัดพบในวันพรุ่งนี้ ส่วนสัตว์อสูรฟ้าทั้งสามตัวไม่ต้องการออกจากป่าแห่งนี้ พวกมันต้องการดูแลที่อยู่ของตนเองจึงไม่ออกจากป่าชั้นในตามที่เสี่ยวจู้ส่งข่าวมารุ่งเช้าวันต่อมา เสี่ยวจู้วิ่งไปกระโดดไปอย่างร่าเริงเพื่อนำทางเจิ้งหลินกับเพื่อนไปยังจุดนัดพบ เสี่ยวจู้ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์อสูรตัวไหนอยากติดตามนางไปบ้าง เพียงแต่เพื่อเพื่อนของเจิ้งหลิน เสี่ยวจู้ถือว่าได้ส่งข่าวออกไปให้แทนแล้วเพื่อน ๆ ของเจิ้งหลินพอได้พบเสี่ยวจู้ที่ร่าเริงเช่นนี้ พวกนางเองก็หลงใหลในความน่ารักสดใสของเสี่ยวจู้ไม่แพ้เจิ้งหลินเช่นกัน ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นสัตว์อสูรของเพื่อนรักพวกนางล่ะก็ พวกนางคงเข้าไปฟัดแก้มของเสี่ยวจู้หมูน้อยสีชมพูตรงหน้ากันคนละทีสองทีเป็นแน่ ใครใช้ให้เสี่ยวจู้น่ารักมากเช่นนี้กันเล่า พวกนางเองก็อยากได้สัตว์อสูรที่น่ารักเช่นนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาเหมือนเจิ้งหลินหรือไม่เมื่อไปถึงจุดนัดพบที่เสี่ยวจู้แจ้งข่าวไป สัตว์อสูรจำนวนมากกว่า 30 ตัวพากันนอนรอเสี่ยวจู้อยู่ก่อนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำเอาเจิ้งหลินกับเพื่อน ๆ เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ทั้งที่เมื่อวานพวกนางไม่เห็นสัตว์อสูรสักตัวเดียว แต่ตอนนี้กลับมีสัตว์อสูรหลากหลายชนิดมาให้พวกนางเลือกทำพันธะสัญญา แล้วจะไม่ให้พวกนางตกใจได้อย่างไรกันเจิ้งหลินส่งองครักษ์เข้าไปรายงานว่านางจะเดินทางไปส่งเสบียงให้ชินอ๋องที่ชายแดนแคว้นหยางด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นหากมีการยักยอกเสบียงหรือเดินทางไปถึงช้า อาจทำให้กองทัพที่กำลังต่อสู้อยู่แนวหน้าอดอยากจนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยึดคืนพื้นที่เมืองของแคว้นชิง“เจ้าบอกพระชายาชินอ๋องให้ระมัดระวังตัวด้วย เราขอบคุณแทนกองทัพที่นางช่วยเหลือในครั้งนี้ ส่วนเงินค่าเสบียงนั้น ให้นางส่งรายการบัญชีมาเบิกกับเราได้” ฮ่องเต้ตรัสบอกองครักษ์ของเจิ้งหลินที่แอบมาส่งข่าว“กระหม่อมรับบัญชาพะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่อนุญาตให้พระชายาไป”“
สองปีต่อมา ด้วยความขยันหมั่นเพียรของชินอ๋องและเจิ้งหลิน ตอนนี้พวกเขาต่างมีระดับพลังปราณสูงถึงระดับผ่าสวรรค์ขั้นปลายแล้ว ส่วนการหลอมอาวุธและชุดเกราะของเสี่ยวจู้ก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด ยิ่งเสี่ยวจู้ได้รับเงินจำนวนมากจากฮ่องเต้เพื่อให้มันช่วยหลอมอาวุธระดับสวรรค์ให้ด้วยแล้ว เสี่ยวจู้กับกิเลนไฟก็ช่วยกันหลอมอาวุธแทบจะทุกวัน ยกเว้นเวลาที่ชินอ๋องมีราชกิจ กิเลนไฟจะไม่ได้ช่วยเสี่ยวจู้หลอมอาวุธเพราะต้องติดตามชินอ๋องไป
กว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็เกือบรุ่งสาง กิเลนไฟยังไม่ได้คุยกับเสี่ยวจู้เรื่องทำชุดเกราะให้มัน แต่มันคิดว่าเสี่ยวจู้น่าจะช่วยมันสร้างขึ้นมาได้ อีกอย่างพลังไฟสวรรค์ของมันก็ใช้หลอมอาวุธได้ดีกว่าพลังจิตวิญญาณที่เสี่ยวจู้ใช้อยู่ หากมันร่วมมือกันกับเสี่ยวจู้ กิเลนไฟคาดว่าความเร็วและคุณภาพของการหลอมน่าจะดีขึ้นยิ่งกว่าที่เสี่ยวจู้หลอมด้วยตัวเอง ขุนนางและชาวเมืองเห็นประกาศจากราชสำนักถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเมื่อคืนนี้ก็ได้แต่ชื่นชมบุญวาสนาของชินอ๋อง พวกเขาไม่คิดว่าการสร้างอ
เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง เสี่ยวจู้ขอแยกตัวออกไปหลอมอาวุธที่เรือนของเจิ้งหลิน ชินอ๋องกับเจิ้งหลินนั้นอยู่ฝึกฝนพลังปราณที่เรือนหลักด้วยกัน เพราะทั้งสองไม่อยากรบกวนเสี่ยวจู้หลอมอาวุธ ส่วนอาหารนั้นบ่าวในจวนจะนำไปให้เสี่ยวจู้ตามเวลาอาหารของจวนตามปกติ เจิ้งหลินมอบยาเพิ่มปราณระดับสวรรค์ให้ชินอ๋องสามเม็ด นางเองก็กินลงไปสามเม็ดเช่นเดียวกัน ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะหลับตาเข้าสู่สมาธิเพื่อดูดซับฤทธิ์ยาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยพรสวรรค์ของทั้งคู่ เรื่องการกินยาหลายเม็ดพร้อมกันไม่น
ผู้คนภายในงานต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเจิ้งหลินอย่างสนุกปาก เพียงแต่เรื่องนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากเรื่องไปถึงหูของฝ่าบาทและฮองเฮา พวกนางก็กลัวว่าจะถูกตำหนิแทน อย่างไรพระชายาของชินอ๋องก็มีอำนาจมากกว่าพวกนางที่เป็นเพียงฮูหยินขุนนางเท่านั้น เรื่องในครั้งนี้จึงทำให้หลังจากนั้น เจิ้งหลินไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงใด ๆ ที่ได้รับเทียบเชิญอีกเลย กระทั่งชินอ๋องกลับมาจากภารกิจในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจิ้งหลินจึงชวนชินอ๋องไปหาซื้อเตาหลอมอาวุธตามที่เสี่ยวจู้อยากได้&
หนึ่งเดือนต่อมา เจิ้งกั๋วกงที่อยู่เป็นเพื่อนหลานสาวและเสี่ยวจู้มานานก็ได้เวลาต้องกลับไปยังแคว้นหนานแล้ว เจิ้งหลินน้ำตาคลอเบ้าเมื่อต้องลาท่านตาของนาง เสี่ยวจู้ยังมอบยาเพิ่มปราณระดับเซียนให้ท่านตาอีกเม็ดหนึ่ง มันหวังว่าท่านตาจะเข้าใกล้สู่การเป็นเซียนอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี