Share

2

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-05-21 11:48:54

หนึ่งเดือนผ่านไป

สี่ยวจู้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้นำของเหล่าสัตว์อสูรหลอมยาจำนวนมากให้กับสัตว์อสูรจนพวกมันบางตัวก็สามารถเลื่อนระดับขั้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สัตว์อสูรทุกตัวต่างยอมรับนับถือหมูน้อยสีชมพูตัวนี้มากขึ้นไปอีก พวกมันไม่อยากให้นางจากไปเลย หากนางยังคงอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ พวกมันคงสามารถพัฒนาระดับขั้นขึ้นมาได้อีกมากเป็นแน่ แต่อย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถห้ามนางได้เช่นกัน พวกมันคงทำได้เพียงใช้เวลาที่นางยังไม่พบเจ้านายคนใหม่ หาสมุนไพรมาให้นางช่วยหลอมให้ได้มากที่สุดเท่านั้

เสี่ยวจู้ในระหว่างที่อยู่กับเหล่าสัตว์อสูรในป่าแห่งนี้มีความสุขมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจู้ซึ่งเพิ่งออกจากไข่มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย พวกเขาทำให้เสี่ยวจู้รู้ว่าการมีเพื่อนมาก ๆ แบบนี้ไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ในไข่เลยสักนิด ในโลกมนุษย์ไม่ได้แย่อย่างที่เสี่ยวจู้คิดกลัวในตอนแรกเลย

ตอนนี้เสี่ยวจู้สามารถปกปิดพลังสัตว์เทพเอาไว้ได้แล้ว หลังจากที่ฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ทำให้เสี่ยวจู้ดูเหมือนหมูน้อยน่ารักสีชมพูตัวหนึ่งเท่านั้น ยกเว้นพวกสัตว์อสูรทั้งหมดในป่าแห่งนี้ที่รู้ว่าเสี่ยวจู้ไม่ใช่หมูน้อยธรรมดา ไม่ว่าจะพลังหรือความสามารถในการหลอมยา เสี่ยวจู้ล้วนเก่งกาจกว่าสัตว์ทุกตัว

ท่านเสี่ยวจู้ เราได้รับข่าวว่าอีกสามวันจะมีสำนักพรตหนานหนิงมาตามหาสัตว์อสูรประจำตัวขอรับ” กระต่ายขาวตัวหนึ่งรีบรายงานข่าวให้เสี่ยวจู้ทราบ

จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ารีบนำสมุนไพรมาให้ข้าเยอะ ๆ เลยนะ ข้าจะรีบหลอมยาเอาไว้ให้พวกเจ้าให้มากที่สุด” เสี่ยวจู้ตอบพร้อมรอยยิ้

ขอบคุณท่านเสี่ยวจู้” สัตว์อสูรทั้งหลายรีบขอบคุณและกระจายตัวไปเก็บสมุนไพรตามคำสั่งของเสี่ยวจู้ทันที พวกเขารู้ดีว่าอีกไม่นานท่านเสี่ยวจู้ก็จะจากไปแล้ว ยาทั้งหมดที่ท่านเสี่ยวจู้จะหลอมเอาไว้ให้นับเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา

เสี่ยวจู้เห็นสัตว์ทุกตัวต่างกระตือรือร้นในการหาสมุนไพรก็ยิ้มดีใจและหลอมยาต่อด้วยพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากองค์หญิงมังกรอย่างสบาย ๆ ไม่ว่ายาระดับใด เสี่ยวจู้ก็สามารถหลอมออกมาได้

สำนักพรตหนานหนิง

แคว้นหนานมีสำนักฝึกฝนพลังเพื่อการเป็นเซียนมากมาย หนึ่งในนั้นคือสำนักพรตหนานหนิงที่มีชื่อเสียงในด้านสัตว์อสูร การปรุงยาและวิชากระบี่ มีนักพรตกวงข่ายเป็นเจ้าสำนักที่มีขั้นพลังไปถึงครึ่งเซียนแล้ว งานส่วนใหญ่ในสำนักจึงมอบหมายให้ศิษย์ทั้งสามดูแลแทน ตำหนักสัตว์อสูรมีผางเซิงดูแล ตำหนักปรุงยามีเยี่ยหว่านซิงเป็นเจ้าตำหนัก และตำหนักกระบี่มีจุนซีเหวินเป็นเจ้าตำหนัก ทั้งสามคนเป็นเด็กกำพร้าที่กวงข่ายรับมาเลี้ยงดูจนกระทั่งมีพลังถึงขั้นสวรรค์และคอยดูแลงานแทนกวงข่ายมาตลอดหลายปี

ศิษย์ในสำนักเป็นลูกหลานขุนนางในเมืองหลวงแคว้นหนานหลายคน เด็กจากตระกูลเฟินก็เป็นหนึ่งในนั้น เฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ส่วนเจิ้งหลินเคยเป็นพี่สาวของทั้งสองคน แต่นางออกจากตระกูลเฟินเมื่อสองปีก่อนแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งตามท่านตาซึ่งเป็นถึงเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งหลินในอดีตเคยอยู่ในตระกูลเฟินอย่างยากลำบากหลังจากเกิดมาแล้วทำให้แม่ของนางตายไป พ่อของนางเฟินหลางจึงรังเกียจนางที่ทำให้คนที่เขารักตาย เฟินหลางยังแต่งงานใหม่ตามคำสั่งแม่ของเขาจนมีเฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยออกมาในเวลาห่างกันเพียงหนึ่งปีหลังจากเจิ้งหลินเกิดเท่านั้น

ชีวิตของเฟินหลินในตระกูลเฟินถูกฮูหยินคนใหม่และลูก ๆ รังแกมาจนกระทั่งอายุ 7 วบ หากว่าเจิ้งกั๋วกงไม่ส่งคนแอบเข้าไปตรวจสอบหลานสาวคนเดียวของเขา ป่านนี้เฟินหลินคงตายไปแล้ว เจิ้งกั๋วกงโกรธมากจนเข้าไปขอพระราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อให้หลานสาวตัดขาดจากตระกูลเฟินแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งและเป็นทายาทเพียงคนเดียวของจวนเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งกั๋วกงดูแลหลานสาวดุจไข่มุกบนฝ่ามือ เขายังหาอาจารย์มาสอนหลานสาวอย่างดีจนสามารถสอบเข้าเรียนที่สำนักพรตหนานหนิง แต่ไม่นึกเลยว่าสองพี่น้องตระกูลเฟินเองก็ถูกรับเข้าเรียนมาเช่นเดียวกัน ทำให้เจิ้งหลินยังคงถูกทั้งสองรวมหัวกับเพื่อนรังแกอยู่บ่อย ๆ แต่เจิ้งหลินที่ได้รับความรักจากเจิ้งกั๋วกงก็ยังคงมีจิตใจเข้มแข็งและไม่ยอมให้พวกเขารังแกได้ง่าย ๆ เจิ้งหลินยังมีเพื่อนสนิทในสำนักที่ไม่ชอบสองพี่น้องคู่นี้ซึ่งมักจะวางอำนาจบาตรใหญ่ในสำนักตั้งแต่เข้ามาช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย กลุ่มของทั้งสองคนจึงมักปะทะคารมกันอยู่บ่อย ๆ

เฟินเสี่ยวหยางเข้าเรียนในตำหนักกระบี่ ส่วนเฟินเสี่ยวเซี่ยนั้นเรียนในตำหนักปรุงยา ทั้งสองมีพรสวรรค์ปานกลางในการฝึกฝนเท่านั้น แตกต่างจากเจิ้งหลินที่มีพรสวรรค์อันสูงส่งไม่ต่างจากเจิ้งกั๋วกงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เจิ้งหลินจะอยากเรียนการปรุงยา แต่พอรู้ว่ามีเฟินเสี่ยวเซี่ยเรียนอยู่ นางจึงเลือกที่จะเรียนในตำหนักสัตว์อสูรแทน และอีกสามวันข้างหน้าก็จะถึงกำหนดการให้ศิษย์ในสำนักเข้าป่าสัตว์อสูรที่อยู่ทางเหนือของสำนัก ซึ่งการตามหาสัตว์อสูรประจำตัวนั้นทุกตำหนักจำเป็นจะต้องออกตามหาด้วยตนเอง และทุกคนใช่ว่าจะได้รับสัตว์อสูรประจำตัวได้ง่าย ๆ การทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรนั้นต้องได้รับความยินยอมจากสัตว์อสูรตัวนั้นเสียก่อน นอกจากจะมีคนใช้กำลังบังคับให้สัตว์อสูรมาเป็นของตน แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่วิธีที่ดีในการมีสัตว์อสูรประจำตัว ศิษย์ทุกคนจึงต้องพยายามใช้วิธีการตามที่ได้เรียนรู้มาแทนการบีบบังคับเพื่อให้สัตว์อสูรยอมรับตนเอง

ก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวัน กลุ่มของเฟินเสี่ยวหยางกับเฟินเสี่ยวเซี่ยเดินไปพบกลุ่มของเจิ้งหลินที่กำลังจะกลับตำหนักสัตว์อสูรหลังกินอาหารมื้อเที่ยง

เฮอะ นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกสวะนี่เอง พรุ่งนี้ข้าคิดว่ากลุ่มขยะคงไม่มีใครได้รับสัตว์อสูรดี ๆ สักตัวหรอก” เฟินเสี่ยวหยางกล่าวเสียงดัง

เฮ้อ เจ้าก็พูดเกินไปคุณชายเฟิน ถึงขยะกลุ่มนี้จะฝีมืออ่อนด้อย แต่อย่างน้อยน่าจะได้รับกระต่ายอสูรมาสักตัวสองตัวนะ ฮ่า ฮ่า” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น

เสียงหมูหมากาไก่ที่ไหนน่ะชิงเอ๋อ? น่ารำคาญจริง ๆ” เจิ้งหลินถามหานชิงเพื่อนตน

ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันหลินเอ๋อ แทนที่จะเอาเวลามาพูดเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ไปเตรียมตัวเดินทาง กลับมาเห่าหอนแถมยังขวางทางคนเดินอีก”

รี๊ด!! นังตัวดี แกว่าใครเป็นหมา อยากตายนักใช่หรือไม่” เฟินเสี่ยวเซี่ยกรีดร้องออกมาอย่างโมโหที่ถูกด่าว่าเป็นหมา

หุบปาก!!! แล้วก็หลีกทางด้วย หมาดีไม่ขวางทางคน” เจิ้งหลินตวาดกลับ

ข้าจะฆ่าเจ้านังสวะ!” เฟินเสี่ยวเซี่ยรวบรวมพลังปราณที่ฝ่ามือเตรียมโจมตี

หยุดนะ!!! พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” อาจารย์หวังที่ผ่านมาเห็นกลุ่มเด็กตรงหน้าก็รีบเข้ามาหยุดการต่อสู้ทันที

ฮื...ท่านอาจารย์ นังเจิ้งหลินกับพวก มันหาว่าพวกข้าเป็นหมาเจ้าค่ะ” เฟินเสี่ยวเซี่ยรีบเข้าไปฟ้องอาจารย์ประจำตำหนักปรุงยาที่ตนเรียนอยู่

นี่เรื่องจริงหรือเจิ้งหลิน?” อาจารย์หวังหันไปถาม

จริงเจ้าค่ะ แต่พวกเขาเป็นคนด่าว่าพวกข้าเป็นสวะกับขยะก่อนเจ้าค่ะ”

ฮึ่ม! เฟินเสี่ยวเซี่ย เจ้าไปด่าเพื่อนร่วมสำนักเช่นนี้ได้อย่างไร ตำหนักเราไม่เคยสอนให้พวกเจ้ามีนิสัยเหยียดหยามเพื่อนร่วมสำนักมาก่อน เจ้ากับเพื่อนกลับไปคุกเข่าที่หน้าตำหนักสามชั่วยามเสีย รวมทั้งพวกเจ้าด้วยเฟินเสี่ยวหยาง ข้ารู้นะว่าพวกเจ้าพี่น้องมักจะก่อเรื่องเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ข้าจะรายงานให้เจ้าตำหนักกระบี่ทราบ

ฟินเสี่ยวเซี่ยที่บีบน้ำตาให้อาจารย์แต่ไม่ได้ผลก็ยิ่งโกรธแค้นกลุ่มของเจิ้งหลินมากขึ้นทุกที นางไม่รู้ว่าเหตุใดอาจารย์ในสำนักต่างเข้าข้างกลุ่มของเจิ้งหลินมาโดยตลอด ไม่ว่าพวกนางจะมีการปะทะคารมกันกี่ครั้ง ต้องเป็นกลุ่มของนางกับพี่ชายที่ถูกลงโทษอยู่แทบทุกครั้ง มีเพียงครั้งที่มีการลงไม้ลงมือเท่านั้นที่ทุกคนถูกลงโทษทั้งหมด

ยังไม่รีบกลับตำหนักของพวกเจ้าไปอีก! ข้าต้องขอโทษแทนเด็กพวกนั้นด้วยนะเจิ้งหลิน ครอบครัวพวกเขาน่าจะตามใจจนเสียคน จึงได้ทำเช่นนี้”

าจารย์หวังรู้ดีว่าเจิ้งหลินเป็นถึงทายาทคนเดียวของจวนกั๋วกง พวกเขาเหล่าอาจารย์ได้รับการไหว้วานจากคนของเจิ้งกั๋วกงให้ดูแลเจิ้งหลินเป็นอย่างดีด้วยเงินจำนวนมาก ทำให้ท่านเจ้าตำหนักทั้งสามสามารถนำเงินเหล่านั้นมาปรับปรุงสำนักได้ไม่น้อย อาจารย์ทุกคนจึงถูกกำชับให้คอยดูแลนางอย่างลับ ๆ มาโดยตลอดตั้งแต่เจิ้งหลินเริ่มเข้าเรีย

ท่านอาจารย์ไม่ต้องขอโทษแทนคนพวกนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้ารู้นิสัยของพวกเขาดี”

ช่นนั้นก็ดี พวกเจ้ารีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางไปยังป่าอสูรกันแต่เช้า เราจะอยู่ที่ป่าอสูรเป็นเวลาสามวัน พวกเจ้าเตรียมตัวให้ดี

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เป็นห่วง พวกข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

จิ้งหลินกับเพื่อนคำนับลาอาจารย์หวังแล้วเดินจากไป กลุ่มของนางมีกันอยู่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น เพื่อนอีกสามคนของนางคือหานชิง อู๋อิง และเซียวเหมย ทั้งสี่คนเรียนในตำหนักอสูรและมีนิสัยร่าเริงเหมือนกัน พวกนางจึงเข้ากันได้ดีจนกลายเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ในตำหนักส่วนมากก็จะแบ่งแยกกันออกเป็นหลายกลุ่ม พวกเขามีทั้งกลุ่มชายหญิงแยกย่อยออกไปอีก 8 กลุ่ม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละกลุ่ม แต่ก็สามัคคีกันมากในห้องเรียนสัตว์อสู

เช้าวันต่อมา

าจารย์แต่ละตำหนักทั้ง 9 คนต่างเรียกศิษย์ที่ยังไม่มีสัตว์อสูรมารวมตัวกันที่ลานหน้าสำนัก โดยมีเจ้าตำหนักทั้งสามกล่าวให้โอวาทก่อนจะปล่อยศิษย์นับร้อยคนออกเดินทางไปพร้อมอาจารย์ทั้ง 9

าจารย์ประจำตำหนักสัตว์อสูรที่ไปคราวนี้มีอาจารย์อ้าย อาจารย์ตู้และอาจารย์โยว คอยควบคุมศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรที่ออกเดินทางในครั้งนี้ทั้ง 30 คน กลุ่มของเจิ้งหลินแน่นอนว่าพวกนางเกาะกลุ่มกันใกล้ ๆ ไม่ห่าง เพราะหลังจากที่เข้าสู่เขตป่าสัตว์อสูรแล้ว ศิษย์ทุกคนจะต้องแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ และแยกย้ายกันตามหาสัตว์อสูรประจำตัวตามวาสนาของตนเอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   5

    “นี่..นี่มันอะไรกันเนี่ย? เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรมากมายเช่นนี้ แถมยัง..

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   4

    หลังจากเจิ้งหลินทำความสะอาดเสี่ยวจู้ดีแล้ว นางก็หันมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย เจิ้งหลินไม่รู้ว่าตัวเองเดินลึกเข้ามามากแค่ไหนแถมตอนนี้นางยังมีหมูน้อยหนึ่งตัวให้ดูแลอยู่“อืม.. ทำอย่างไรดีนะ หากปล่อยให้เจ้าอยู่ในป่าที่อันตรายเช่นนี้ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะถูกสัตว์ป่าตัวอื่นทำร้าย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อข้าไม่พบสัตว์อสูรตัวอื่นที่พอจะทำพันธะสัญญาได้ เจ้าก็มาเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของข้าดีหรือไม่”

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   3

    สองวันต่อมา อาจารย์แต่ละตำหนักแบ่งกลุ่มศิษย์ของตนออกไปแล้วแยกกันไปคนละทางเพื่อไม่ให้การตามหาสัตว์อสูรไปกระจุกตัวอยู่บริเวณเดียวกัน อาจารย์ทั้งสามคนของแต่ละตำหนักมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของศิษย์ที่อาจจะพลัดหลงเข้าไปในป่าชั้นใน ศิษย์ทุกคนได้รับคำสั่งให้ตามหาสัตว์อสูรขั้นปฐพีและนภาเท่านั้น เพราะฝีมือของพวกเขาคงไม่สามารถกำหราบสัตว์อสูรขั้นฟ้ากระจ่างได้ เพื่อความปลอดภัยเหล่าอาจารย์จึงกำชับให้พวกเขาตามหาสัตว์อสูรเพียงรอบนอกของป่าสัตว์อสูร หากมีศิษย์คนใดขัดคำสั่งและบาดเจ็บขึ้นมา ศิษย์เหล่านั้นจะถูกลงโทษหลังกลับไปถึงสำนัก กลุ่มของเจิ้งหลินพอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำตำหนัก พวกนางจึงแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่ตนเองต้องการ ถึงอย่างไรศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรก็มีความได้เปรียบเรื่องการจับสัตว์อสูรมากกว่าศิษย์จากตำหนักอื่น อีกทั้งพวกเขายังมีฝีมือไม่ธรรมดากันสักคน เพียงแต่ทุกคนในตำหนักต่างเก็บงำฝีมือเอาไว้โดยไม่ให้ตำหนักอื่นระแคะระคายได้แม้แต่น้อย นี่เป็นการสั่งสอนของเจ้าตำหนักที่ไม่อยากให้เด็ก ๆ ในตำหนักโอ้อวดความเก่งกาจจนมีภัยมาถึงตนใจกลางป่าสัตว์อสูร“ท่านเสี่ยวจู้ขอรับ คนจากสำนักพรตหนานหนิงมากั

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   2

    หนึ่งเดือนผ่านไป เสี่ยวจู้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้นำของเหล่าสัตว์อสูรหลอมยาจำนวนมากให้กับสัตว์อสูรจนพวกมันบางตัวก็สามารถเลื่อนระดับขั้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สัตว์อสูรทุกตัวต่างยอมรับนับถือหมูน้อยสีชมพูตัวนี้มากขึ้นไปอีก พวกมันไม่อยากให้นางจากไปเลย หากนางยังคงอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ พวกมันคงสามารถพัฒนาระดับขั้นขึ้นมาได้อีกมากเป็นแน่ แต่อย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถห้ามนางได้เช่นกัน พวกมันคงทำได้เพียงใช้เวลาที่นางยังไม่พบเจ้านายคนใหม่ หาสมุนไพรมาให้นางช่วยหลอมให้ได้มากที่สุดเท่านั้น เสี่ยวจู้ในระหว่างที่อยู่กับเหล่าสัตว์อสูรในป่าแห่งนี้มีความสุขมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจู้ซึ่งเพิ่งออกจากไข่มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย พวกเขาทำให้เสี่ยวจู้รู้ว่าการมีเพื่อนมาก ๆ แบบนี้ไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ในไข่เลยสักนิด ในโลกมนุษย์ไม่ได้แย่อย่างที่เสี่ยวจู้คิดกลัวในตอนแรกเลย ตอนนี้เสี่ยวจู้สามารถปกปิดพลังสัตว์เทพเอาไว้ได้แล้ว หลังจากที่ฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ทำให้เสี่ยวจู้ดูเหมือนหมูน้อยน่ารักสีชมพูตัวหนึ่งเท่านั้น ยกเว้นพวกสัตว์อสูรทั้งหมดในป่าแห่งนี้ที่รู้ว่าเสี่ยวจู้ไม่ใช่หม

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   1

    ณ วังมังกร แดนสวรรค์ องค์หญิงหลงเอ้อหลิงใช้เวลาในการสร้างไข่สัตว์เทพเพื่อให้ช่วยเก็บสมุนไพรและปรุงยาให้นางมาเกือบสามร้อยปี โดยตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าในไข่นั้นจะเป็นสัตว์เทพชนิดใด แต่ด้วยพลังเทพมังกรซึ่งเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง นางมั่นใจว่าไข่สัตว์เทพของนางจะต้องมีพลังและความสามารถมากมายจากที่นางมอบความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรรวมถึงการปรุงยาให้กับสัตว์เทพในไข่ ไม่เว้นแม้กระทั่งพลังการต่อสู้ที่นางมอบให้เพื่อป้องกันการถูกรังแกจากสัตว์ตัวอื่นระหว่างการหาสมุนไพร นางเฝ้าฟูมฟักจนไข่ใกล้จะฟักออกมาในอีกไม่นานนี้แล้ว ก่อนที่ไข่จะฟักออกมา องค์หญิงเห็นว่าสมุนไพรของนางลดลงไปมากจึงออกไปที่ป่าสวรรค์ชั้นในและคิดจะรีบกลับมาเพื่อรอไข่ฟัก ระหว่างที่นางไม่อยู่ในตำหนัก หลานชายตัวน้อยที่อายุเพียงไม่กี่ร้อยปีกลับไม่รู้ว่าอาหญิงไม่อยู่ เขาชอบมาเล่นที่นี่กับอาหญิงบ่อย ๆ พอเห็นไข่กลม ๆ วางอยู่ในตำหนัก เขาจึงคิดว่าเป็นของเล่นที่อาหญิงน่าจะเตรียมเอาไว้ให้ องค์ชายน้อยที่มีพลังมังกรมาตั้งแต่เกิดหยิบไข่ขึ้นมาแล้วนำออกไปเล่นที่ลานกลางวังมังกรอย่างสนุกสนาน กระทั่งเขานึกเบื่อจึงเขวี้ยงไข่ออกไปจนสุดแรงโดยไม่สนใจทิศทาง เขาคิด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status