Share

อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์
อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์
Author: 橙花

1

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-05-21 11:48:54

สำนักพรตหนานหนิง

แคว้นหนานมีสำนักฝึกฝนพลังเพื่อการเป็นเซียนมากมาย หนึ่งในนั้นคือสำนักพรตหนานหนิงที่มีชื่อเสียงในด้านสัตว์อสูร การปรุงยาและวิชากระบี่ มีนักพรตกวงข่ายเป็นเจ้าสำนักที่มีขั้นพลังไปถึงครึ่งเซียนแล้ว งานส่วนใหญ่ในสำนักจึงมอบหมายให้ศิษย์ทั้งสามดูแลแทน ตำหนักสัตว์อสูรมีผางเซิงดูแล ตำหนักปรุงยามีเยี่ยหว่านซิงเป็นเจ้าตำหนัก และตำหนักกระบี่มีจุนซีเหวินเป็นเจ้าตำหนัก ทั้งสามคนเป็นเด็กกำพร้าที่กวงข่ายรับมาเลี้ยงดูจนกระทั่งมีพลังถึงขั้นสวรรค์และคอยดูแลงานแทนกวงข่ายมาตลอดหลายปี

ศิษย์ในสำนักเป็นลูกหลานขุนนางในเมืองหลวงแคว้นหนานหลายคน เด็กจากตระกูลเฟินก็เป็นหนึ่งในนั้น เฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ส่วนเจิ้งหลินเคยเป็นพี่สาวของทั้งสองคน แต่นางออกจากตระกูลเฟินเมื่อสองปีก่อนแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งตามท่านตาซึ่งเป็นถึงเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งหลินในอดีตเคยอยู่ในตระกูลเฟินอย่างยากลำบากหลังจากเกิดมาแล้วทำให้แม่ของนางตายไป พ่อของนางเฟินหลางจึงรังเกียจนางที่ทำให้คนที่เขารักตาย เฟินหลางยังแต่งงานใหม่ตามคำสั่งแม่ของเขาจนมีเฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยออกมาในเวลาห่างกันเพียงหนึ่งปีหลังจากเจิ้งหลินเกิดเท่านั้น

ชีวิตของเฟินหลินในตระกูลเฟินถูกฮูหยินคนใหม่และลูก ๆ รังแกมาจนกระทั่งอายุ 7 วบ หากว่าเจิ้งกั๋วกงไม่ส่งคนแอบเข้าไปตรวจสอบหลานสาวคนเดียวของเขา ป่านนี้เฟินหลินคงตายไปแล้ว เจิ้งกั๋วกงโกรธมากจนเข้าไปขอพระราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อให้หลานสาวตัดขาดจากตระกูลเฟินแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งและเป็นทายาทเพียงคนเดียวของจวนเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งกั๋วกงดูแลหลานสาวดุจไข่มุกบนฝ่ามือ เขายังหาอาจารย์มาสอนหลานสาวอย่างดีจนสามารถสอบเข้าเรียนที่สำนักพรตหนานหนิง แต่ไม่นึกเลยว่าสองพี่น้องตระกูลเฟินเองก็ถูกรับเข้าเรียนมาเช่นเดียวกัน ทำให้เจิ้งหลินยังคงถูกทั้งสองรวมหัวกับเพื่อนรังแกอยู่บ่อย ๆ แต่เจิ้งหลินที่ได้รับความรักจากเจิ้งกั๋วกงก็ยังคงมีจิตใจเข้มแข็งและไม่ยอมให้พวกเขารังแกได้ง่าย ๆ เจิ้งหลินยังมีเพื่อนสนิทในสำนักที่ไม่ชอบสองพี่น้องคู่นี้ซึ่งมักจะวางอำนาจบาตรใหญ่ในสำนักตั้งแต่เข้ามาช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย กลุ่มของทั้งสองคนจึงมักปะทะคารมกันอยู่บ่อย ๆ

เฟินเสี่ยวหยางเข้าเรียนในตำหนักกระบี่ ส่วนเฟินเสี่ยวเซี่ยนั้นเรียนในตำหนักปรุงยา ทั้งสองมีพรสวรรค์ปานกลางในการฝึกฝนเท่านั้น แตกต่างจากเจิ้งหลินที่มีพรสวรรค์อันสูงส่งไม่ต่างจากเจิ้งกั๋วกงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เจิ้งหลินจะอยากเรียนการปรุงยา แต่พอรู้ว่ามีเฟินเสี่ยวเซี่ยเรียนอยู่ นางจึงเลือกที่จะเรียนในตำหนักสัตว์อสูรแทน และอีกสามวันข้างหน้าก็จะถึงกำหนดการให้ศิษย์ในสำนักเข้าป่าสัตว์อสูรที่อยู่ทางเหนือของสำนัก ซึ่งการตามหาสัตว์อสูรประจำตัวนั้นทุกตำหนักจำเป็นจะต้องออกตามหาด้วยตนเอง และทุกคนใช่ว่าจะได้รับสัตว์อสูรประจำตัวได้ง่าย ๆ การทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรนั้นต้องได้รับความยินยอมจากสัตว์อสูรตัวนั้นเสียก่อน นอกจากจะมีคนใช้กำลังบังคับให้สัตว์อสูรมาเป็นของตน แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่วิธีที่ดีในการมีสัตว์อสูรประจำตัว ศิษย์ทุกคนจึงต้องพยายามใช้วิธีการตามที่ได้เรียนรู้มาแทนการบีบบังคับเพื่อให้สัตว์อสูรยอมรับตนเอง

ก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวัน กลุ่มของเฟินเสี่ยวหยางกับเฟินเสี่ยวเซี่ยเดินไปพบกลุ่มของเจิ้งหลินที่กำลังจะกลับตำหนักสัตว์อสูรหลังกินอาหารมื้อเที่ยง

เฮอะ นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกสวะนี่เอง พรุ่งนี้ข้าคิดว่ากลุ่มขยะคงไม่มีใครได้รับสัตว์อสูรดี ๆ สักตัวหรอก” เฟินเสี่ยวหยางกล่าวเสียงดัง

เฮ้อ เจ้าก็พูดเกินไปคุณชายเฟิน ถึงขยะกลุ่มนี้จะฝีมืออ่อนด้อย แต่อย่างน้อยน่าจะได้รับกระต่ายอสูรมาสักตัวสองตัวนะ ฮ่า ฮ่า” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น

เสียงหมูหมากาไก่ที่ไหนน่ะชิงเอ๋อ? น่ารำคาญจริง ๆ” เจิ้งหลินถามหานชิงเพื่อนตน

ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันหลินเอ๋อ แทนที่จะเอาเวลามาพูดเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ไปเตรียมตัวเดินทาง กลับมาเห่าหอนแถมยังขวางทางคนเดินอีก”

รี๊ด!! นังตัวดี แกว่าใครเป็นหมา อยากตายนักใช่หรือไม่” เฟินเสี่ยวเซี่ยกรีดร้องออกมาอย่างโมโหที่ถูกด่าว่าเป็นหมา

หุบปาก!!! แล้วก็หลีกทางด้วย หมาดีไม่ขวางทางคน” เจิ้งหลินตวาดกลับ

ข้าจะฆ่าเจ้านังสวะ!” เฟินเสี่ยวเซี่ยรวบรวมพลังปราณที่ฝ่ามือเตรียมโจมตี

หยุดนะ!!! พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” อาจารย์หวังที่ผ่านมาเห็นกลุ่มเด็กตรงหน้าก็รีบเข้ามาหยุดการต่อสู้ทันที

ฮื...ท่านอาจารย์ นังเจิ้งหลินกับพวก มันหาว่าพวกข้าเป็นหมาเจ้าค่ะ” เฟินเสี่ยวเซี่ยรีบเข้าไปฟ้องอาจารย์ประจำตำหนักปรุงยาที่ตนเรียนอยู่

นี่เรื่องจริงหรือเจิ้งหลิน?” อาจารย์หวังหันไปถาม

จริงเจ้าค่ะ แต่พวกเขาเป็นคนด่าว่าพวกข้าเป็นสวะกับขยะก่อนเจ้าค่ะ”

ฮึ่ม! เฟินเสี่ยวเซี่ย เจ้าไปด่าเพื่อนร่วมสำนักเช่นนี้ได้อย่างไร ตำหนักเราไม่เคยสอนให้พวกเจ้ามีนิสัยเหยียดหยามเพื่อนร่วมสำนักมาก่อน เจ้ากับเพื่อนกลับไปคุกเข่าที่หน้าตำหนักสามชั่วยามเสีย รวมทั้งพวกเจ้าด้วยเฟินเสี่ยวหยาง ข้ารู้นะว่าพวกเจ้าพี่น้องมักจะก่อเรื่องเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ข้าจะรายงานให้เจ้าตำหนักกระบี่ทราบ

ฟินเสี่ยวเซี่ยที่บีบน้ำตาให้อาจารย์แต่ไม่ได้ผลก็ยิ่งโกรธแค้นกลุ่มของเจิ้งหลินมากขึ้นทุกที นางไม่รู้ว่าเหตุใดอาจารย์ในสำนักต่างเข้าข้างกลุ่มของเจิ้งหลินมาโดยตลอด ไม่ว่าพวกนางจะมีการปะทะคารมกันกี่ครั้ง ต้องเป็นกลุ่มของนางกับพี่ชายที่ถูกลงโทษอยู่แทบทุกครั้ง มีเพียงครั้งที่มีการลงไม้ลงมือเท่านั้นที่ทุกคนถูกลงโทษทั้งหมด

ยังไม่รีบกลับตำหนักของพวกเจ้าไปอีก! ข้าต้องขอโทษแทนเด็กพวกนั้นด้วยนะเจิ้งหลิน ครอบครัวพวกเขาน่าจะตามใจจนเสียคน จึงได้ทำเช่นนี้”

าจารย์หวังรู้ดีว่าเจิ้งหลินเป็นถึงทายาทคนเดียวของจวนกั๋วกง พวกเขาเหล่าอาจารย์ได้รับการไหว้วานจากคนของเจิ้งกั๋วกงให้ดูแลเจิ้งหลินเป็นอย่างดีด้วยเงินจำนวนมาก ทำให้ท่านเจ้าตำหนักทั้งสามสามารถนำเงินเหล่านั้นมาปรับปรุงสำนักได้ไม่น้อย อาจารย์ทุกคนจึงถูกกำชับให้คอยดูแลนางอย่างลับ ๆ มาโดยตลอดตั้งแต่เจิ้งหลินเริ่มเข้าเรีย

ท่านอาจารย์ไม่ต้องขอโทษแทนคนพวกนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้ารู้นิสัยของพวกเขาดี”

ช่นนั้นก็ดี พวกเจ้ารีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางไปยังป่าอสูรกันแต่เช้า เราจะอยู่ที่ป่าอสูรเป็นเวลาสามวัน พวกเจ้าเตรียมตัวให้ดี

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เป็นห่วง พวกข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

จิ้งหลินกับเพื่อนคำนับลาอาจารย์หวังแล้วเดินจากไป กลุ่มของนางมีกันอยู่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น เพื่อนอีกสามคนของนางคือหานชิง อู๋อิง และเซียวเหมย ทั้งสี่คนเรียนในตำหนักอสูรและมีนิสัยร่าเริงเหมือนกัน พวกนางจึงเข้ากันได้ดีจนกลายเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ในตำหนักส่วนมากก็จะแบ่งแยกกันออกเป็นหลายกลุ่ม พวกเขามีทั้งกลุ่มชายหญิงแยกย่อยออกไปอีก 8 กลุ่ม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละกลุ่ม แต่ก็สามัคคีกันมากในห้องเรียนสัตว์อสู

เช้าวันต่อมา

าจารย์แต่ละตำหนักทั้ง 9 คนต่างเรียกศิษย์ที่ยังไม่มีสัตว์อสูรมารวมตัวกันที่ลานหน้าสำนัก โดยมีเจ้าตำหนักทั้งสามกล่าวให้โอวาทก่อนจะปล่อยศิษย์นับร้อยคนออกเดินทางไปพร้อมอาจารย์ทั้ง 9

าจารย์ประจำตำหนักสัตว์อสูรที่ไปคราวนี้มีอาจารย์อ้าย อาจารย์ตู้และอาจารย์โยว คอยควบคุมศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรที่ออกเดินทางในครั้งนี้ทั้ง 30 คน กลุ่มของเจิ้งหลินแน่นอนว่าพวกนางเกาะกลุ่มกันใกล้ ๆ ไม่ห่าง เพราะหลังจากที่เข้าสู่เขตป่าสัตว์อสูรแล้ว ศิษย์ทุกคนจะต้องแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ และแยกย้ายกันตามหาสัตว์อสูรประจำตัวตามวาสนาของตนเอ

หนึ่งเดือนก่อนหน้า

สี่ยวจู้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้นำของเหล่าสัตว์อสูรหลอมยาจำนวนมากให้กับสัตว์อสูรจนพวกมันบางตัวก็สามารถเลื่อนระดับขั้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สัตว์อสูรทุกตัวต่างยอมรับนับถือหมูน้อยสีชมพูตัวนี้มากขึ้นไปอีก พวกมันไม่อยากให้นางจากไปเลย หากนางยังคงอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ พวกมันคงสามารถพัฒนาระดับขั้นขึ้นมาได้อีกมากเป็นแน่ แต่อย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถห้ามนางได้เช่นกัน พวกมันคงทำได้เพียงใช้เวลาที่นางยังไม่พบเจ้านายคนใหม่ หาสมุนไพรมาให้นางช่วยหลอมให้ได้มากที่สุดเท่านั้

เสี่ยวจู้ในระหว่างที่อยู่กับเหล่าสัตว์อสูรในป่าแห่งนี้มีความสุขมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจู้ซึ่งเพิ่งออกจากไข่มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย พวกเขาทำให้เสี่ยวจู้รู้ว่าการมีเพื่อนมาก ๆ แบบนี้ไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ในไข่เลยสักนิด ในโลกมนุษย์ไม่ได้แย่อย่างที่เสี่ยวจู้คิดกลัวในตอนแรกเลย

ตอนนี้เสี่ยวจู้สามารถปกปิดพลังสัตว์เทพเอาไว้ได้แล้ว หลังจากที่ฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ทำให้เสี่ยวจู้ดูเหมือนหมูน้อยน่ารักสีชมพูตัวหนึ่งเท่านั้น ยกเว้นพวกสัตว์อสูรทั้งหมดในป่าแห่งนี้ที่รู้ว่าเสี่ยวจู้ไม่ใช่หมูน้อยธรรมดา ไม่ว่าจะพลังหรือความสามารถในการหลอมยา เสี่ยวจู้ล้วนเก่งกาจกว่าสัตว์ทุกตัว

ท่านเสี่ยวจู้ เราได้รับข่าวว่าอีกสามวันจะมีสำนักพรตหนานหนิงมาตามหาสัตว์อสูรประจำตัวขอรับ” กระต่ายขาวตัวหนึ่งรีบรายงานข่าวให้เสี่ยวจู้ทราบ

จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ารีบนำสมุนไพรมาให้ข้าเยอะ ๆ เลยนะ ข้าจะรีบหลอมยาเอาไว้ให้พวกเจ้าให้มากที่สุด” เสี่ยวจู้ตอบพร้อมรอยยิ้

ขอบคุณท่านเสี่ยวจู้” สัตว์อสูรทั้งหลายรีบขอบคุณและกระจายตัวไปเก็บสมุนไพรตามคำสั่งของเสี่ยวจู้ทันที พวกเขารู้ดีว่าอีกไม่นานท่านเสี่ยวจู้ก็จะจากไปแล้ว ยาทั้งหมดที่ท่านเสี่ยวจู้จะหลอมเอาไว้ให้นับเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา

เสี่ยวจู้เห็นสัตว์ทุกตัวต่างกระตือรือร้นในการหาสมุนไพรก็ยิ้มดีใจและหลอมยาต่อด้วยพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากองค์หญิงมังกรอย่างสบาย ๆ ไม่ว่ายาระดับใด เสี่ยวจู้ก็สามารถหลอมออกมาได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   56

    เจิ้งหลินส่งองครักษ์เข้าไปรายงานว่านางจะเดินทางไปส่งเสบียงให้ชินอ๋องที่ชายแดนแคว้นหยางด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นหากมีการยักยอกเสบียงหรือเดินทางไปถึงช้า อาจทำให้กองทัพที่กำลังต่อสู้อยู่แนวหน้าอดอยากจนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยึดคืนพื้นที่เมืองของแคว้นชิง“เจ้าบอกพระชายาชินอ๋องให้ระมัดระวังตัวด้วย เราขอบคุณแทนกองทัพที่นางช่วยเหลือในครั้งนี้ ส่วนเงินค่าเสบียงนั้น ให้นางส่งรายการบัญชีมาเบิกกับเราได้” ฮ่องเต้ตรัสบอกองครักษ์ของเจิ้งหลินที่แอบมาส่งข่าว“กระหม่อมรับบัญชาพะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่อนุญาตให้พระชายาไป”“

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   55

    สองปีต่อมา ด้วยความขยันหมั่นเพียรของชินอ๋องและเจิ้งหลิน ตอนนี้พวกเขาต่างมีระดับพลังปราณสูงถึงระดับผ่าสวรรค์ขั้นปลายแล้ว ส่วนการหลอมอาวุธและชุดเกราะของเสี่ยวจู้ก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด ยิ่งเสี่ยวจู้ได้รับเงินจำนวนมากจากฮ่องเต้เพื่อให้มันช่วยหลอมอาวุธระดับสวรรค์ให้ด้วยแล้ว เสี่ยวจู้กับกิเลนไฟก็ช่วยกันหลอมอาวุธแทบจะทุกวัน ยกเว้นเวลาที่ชินอ๋องมีราชกิจ กิเลนไฟจะไม่ได้ช่วยเสี่ยวจู้หลอมอาวุธเพราะต้องติดตามชินอ๋องไป

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   54

    กว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็เกือบรุ่งสาง กิเลนไฟยังไม่ได้คุยกับเสี่ยวจู้เรื่องทำชุดเกราะให้มัน แต่มันคิดว่าเสี่ยวจู้น่าจะช่วยมันสร้างขึ้นมาได้ อีกอย่างพลังไฟสวรรค์ของมันก็ใช้หลอมอาวุธได้ดีกว่าพลังจิตวิญญาณที่เสี่ยวจู้ใช้อยู่ หากมันร่วมมือกันกับเสี่ยวจู้ กิเลนไฟคาดว่าความเร็วและคุณภาพของการหลอมน่าจะดีขึ้นยิ่งกว่าที่เสี่ยวจู้หลอมด้วยตัวเอง ขุนนางและชาวเมืองเห็นประกาศจากราชสำนักถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเมื่อคืนนี้ก็ได้แต่ชื่นชมบุญวาสนาของชินอ๋อง พวกเขาไม่คิดว่าการสร้างอ

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   53

    เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง เสี่ยวจู้ขอแยกตัวออกไปหลอมอาวุธที่เรือนของเจิ้งหลิน ชินอ๋องกับเจิ้งหลินนั้นอยู่ฝึกฝนพลังปราณที่เรือนหลักด้วยกัน เพราะทั้งสองไม่อยากรบกวนเสี่ยวจู้หลอมอาวุธ ส่วนอาหารนั้นบ่าวในจวนจะนำไปให้เสี่ยวจู้ตามเวลาอาหารของจวนตามปกติ เจิ้งหลินมอบยาเพิ่มปราณระดับสวรรค์ให้ชินอ๋องสามเม็ด นางเองก็กินลงไปสามเม็ดเช่นเดียวกัน ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะหลับตาเข้าสู่สมาธิเพื่อดูดซับฤทธิ์ยาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยพรสวรรค์ของทั้งคู่ เรื่องการกินยาหลายเม็ดพร้อมกันไม่น

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   52

    ผู้คนภายในงานต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเจิ้งหลินอย่างสนุกปาก เพียงแต่เรื่องนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากเรื่องไปถึงหูของฝ่าบาทและฮองเฮา พวกนางก็กลัวว่าจะถูกตำหนิแทน อย่างไรพระชายาของชินอ๋องก็มีอำนาจมากกว่าพวกนางที่เป็นเพียงฮูหยินขุนนางเท่านั้น เรื่องในครั้งนี้จึงทำให้หลังจากนั้น เจิ้งหลินไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงใด ๆ ที่ได้รับเทียบเชิญอีกเลย กระทั่งชินอ๋องกลับมาจากภารกิจในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจิ้งหลินจึงชวนชินอ๋องไปหาซื้อเตาหลอมอาวุธตามที่เสี่ยวจู้อยากได้&

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   51

    หนึ่งเดือนต่อมา เจิ้งกั๋วกงที่อยู่เป็นเพื่อนหลานสาวและเสี่ยวจู้มานานก็ได้เวลาต้องกลับไปยังแคว้นหนานแล้ว เจิ้งหลินน้ำตาคลอเบ้าเมื่อต้องลาท่านตาของนาง เสี่ยวจู้ยังมอบยาเพิ่มปราณระดับเซียนให้ท่านตาอีกเม็ดหนึ่ง มันหวังว่าท่านตาจะเข้าใกล้สู่การเป็นเซียนอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status