Share

5

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-05-24 07:00:09

เจิ้งหลินพาเสี่ยวจู้ไปยังกระท่อมที่พักในตำหนักสัตว์อสูรพร้อมเพื่อนทั้งสามคนที่พาสัตว์อสูรของตนเองกลับไปพักผ่อนด้วย

นี่เจิ้งหลิน เจ้าจะออกไปซื้ออาหารกลับมากินด้วยกันหรือไม่” อู๋อิงถาม

พวกเจ้าหิวแล้วหรือ?”

ยังหรอก แต่พวกเราไม่อยากเจอพวกแซ่เฟินนั่นน่ะ เลยอยากไปซื้อมาไว้ก่อน”

เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ เสี่ยวจู้ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนนะ พวกเราไปไม่นาน”

อื้อ… ข้าจะรอพวกเจ้า” เสี่ยวจู้ส่งเสียงเล็ก ๆ ตอบกลับ

รีบไปกันเถอะ” เซียวเหมยกล่าว

ทั้งสี่ปล่อยให้สัตว์อสูรพักอยู่ด้วยกันที่กระท่อมของพวกนาง โดยไม่รู้เลยว่าสัตว์อสูรอีกสามตัวพากันไปหมอบอยู่ตรงหน้าเสี่ยวจู้พร้อมรอคำสั่ง

พวกเจ้ามียาติดตัวมาหรือไม่” เสี่ยวจู้ถาม

มียาเหลืออีกมากขอรับ ท่านเสี่ยวจู้ไม่ต้องเป็นห่วง” เสี่ยวเหวินตอบ

เช่นนั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่พวกเจ้ากินอะไรเป็นอาหารกันหรือ?”

พวกข้าส่วนใหญ่กินสัตว์เล็กเป็นอาหารขอรับ” เสี่ยวเฮยกล่าว

อั้ยย่ะ แล้วในสำนักนี้จะมีสัตว์เล็ก ๆ ให้พวกเจ้ากินกันหรือไม่”

ท่านเสี่ยวจู้ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พวกเราจะออกไปล่าด้านนอกตอนดึก” เสี่ยวเหิงกล่าวแผนการของตนที่คุยกับเพื่อนทั้งสองทางกระแสจิตก่อนหน้านี้

อืม… พวกเจ้าออกไปก็ระวังตัวด้วยเล่า ที่นี่เราไม่รู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง”

ขอบคุณท่านที่เป็นห่วงขอรับ พวกเราจะระวังตัวให้ดี แล้วท่านเสี่ยวจู้จะกินอะไรขอรับ ที่นี่ไม่น่าจะมีผลไม้เหมือนในป่าอสูรที่ท่านชอบ” เสี่ยวเหวินกล่าวอย่างเป็นห่วงเพราะปกติเสี่ยวจู้กินแต่ผลไม้เท่านั้น

ข้าขออาหารจากเจ้านายข้ากินได้ ความจริงพวกเจ้าให้นายของเจ้าหาเนื้อสดมาให้ไม่ดีกว่าหรือ? ข้าคิดว่าพวกนางน่าจะหาให้ได้กระมัง”

อ่า… พวกเราลืมไปเลยว่ามีเจ้านายแล้ว เช่นนั้นรอพวกเขากลับมาก่อนค่อยถามก็แล้วกันนะขอรับ” เสี่ยวเหิงกล่าว

ตกลง ทำตามที่พวกเจ้าว่าเถอะ” เสี่ยวจู้ยิ้มตอบก่อนจะหลับตาลงรอเจิ้งหลิน

ระหว่างทางไปยังโรงอาหารในสำนัก พวกเจิ้งหลินก็ปรึกษากันว่าจะซื้อสิ่งใดให้สัตว์อสูรของตนกินเช่นกัน

เจ้าว่าสัตว์อสูรของข้าจะชอบกินอะไร?” หานชิงถามเพื่อน ๆ

สิงโตทองของเจ้าน่าจะชอบกินเนื้อนะ เสือดำของข้าก็คงไม่ต่างกัน” อู๋อิงตอบ

แล้วอินทรีฟ้าของข้าเล่า จะชอบกินเนื้อเหมือนกันไหม?” เซียวเหมยถามต่อ

ข้าคิดว่าน่าจะชอบนะ สัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่ศิษย์พี่ในตำหนักมีอยู่ก็ชอบทั้งนั้นนี่ แต่เสี่ยวจู้ของข้านางชอบกินผลไม้น่ะ ไม่แน่เสี่ยวจู้อาจชอบอาหารของพวกเราด้วยก็ได้ ข้าคิดว่าจะลองให้มันชิมดูก่อน” เจิ้งหลินกล่าวอย่างอารมณ์ดี

เสี่ยวจู้ของเจ้าช่างน่ารักนัก ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริง ๆ เจิ้งหลิน” อู๋อิงเอ่ยขึ้น

พวกเจ้านี่นะ สัตว์อสูรของพวกเจ้าเองก็ไม่เลวนี่ พวกมันดูเชื่องกว่าของคนอื่นอีก”

นั่นมันก็ใช่ แต่เจ้าก็รู้ว่าพวกเราชอบสัตว์น่ารัก ๆ นี่นา” เซียวเหมยกล่าว

ปัดโธ่ แล้วอินทรีฟ้าของเจ้าไม่น่ารักหรืออย่างไร มันตัวเล็กน่ารักเหมือนกันนี่”

เจ้าไม่เข้าใจ อย่างไรอินทรีฟ้าของข้าก็ยังไม่น่ารักเท่าเสี่ยวจู้ของเจ้าอ่ะ”

ทั้งสี่คนเดินไปคุยไปอย่างสนุกสนาน พวกนางเดินผ่านศิษย์ในสำนักหลายคนที่เดินไปยังโรงอาหารกลางสำนักหลายกลุ่มจึงทักทายกันอย่างสนิทสนม ส่วนศิษย์พี่ในสำนักส่วนใหญ่ออกไปทำภารกิจเพื่อรับยาหรือเงินค่าจ้างที่สำนักรับงานนอกมาให้พวกเขาไปทำกันเป็นปกติ

ส่วนกลุ่มของเฟินเสี่ยวหยางกับเฟินเสี่ยวเซี่ยที่พวกนางกังวลนั้นกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในกระท่อมที่ตำหนักของตนเอง พวกเขามีลูกน้องที่สามารถใช้ไปซื้ออาหารให้หลายคนจึงไม่สนใจจะไปเองให้เหนื่อย อย่างไรพวกเขาก็มีเงินที่ท่านพ่อท่านแม่ส่งมาให้ทุกเดือนจึงอยู่อย่างสุขสบายเช่นนี้

ค่ำนั้นที่หน้ากระท่อมของเจิ้งหลินครึกครื้นขึ้นไม่น้อยหลังจากพวกนางได้รับสัตว์อสูรประจำตัว อีกทั้งอาหารและเนื้อที่พวกนางซื้อมาก็เป็นที่พอใจของสัตว์อสูรของตนเองด้วย เสี่ยวจู้ลองชิมอาหารของเจิ้งหลินที่นางซื้อมาให้ก็ติดใจ มันคิดว่าอาหารพวกนี้อร่อยกว่าผลไม้ที่มันเคยกินเสียอีก จึงกินไปจนหมด

ฮ่า ฮ่า เจิ้งหลิน เจ้าดูเสี่ยวจู้สิ ดูท่าทางมันจะชอบอาหารที่เจ้าซื้อมากเลยนะ”

นั่นสิ ๆ ท่าทางการกินของเสี่ยวจู้ก็ช่างน่ารักนัก” หานชิงกับอู๋อิงกล่าว

ข้าเห็นเสี่ยวจู้ชอบก็พอใจแล้วล่ะ หลังจากนี้พวกเราก็จะได้เลี้ยงดูพวกมันให้ดี”

แน่นอนว่าต้องเลี้ยงดูพวกมันให้ดี ว่าแต่พรุ่งนี้เราต้องเข้าเรียนแล้วสินะ”

ใช่แล้วล่ะ น่าเบื่อจริง ๆ เลย ข้าไม่รู้ว่าพรุ่งนี้อาจารย์จะสอนอะไรบ้าง”

พวกเจ้าก็ตั้งใจเรียนกันดีกว่าน่า อย่างไรตำหนักสัตว์อสูรของเราก็คงสอนเรื่องเกี่ยวกับสัตว์อสูรเท่านั้นแหละ” เจิ้งหลินบอกเพื่อน ๆ

หลังอาหารค่ำ เจิ้งหลินแยกกับเพื่อน ๆ กลับเข้ากระท่อมไปพร้อมเสี่ยวจู้ ก่อนนอนเสี่ยวจู้จึงสอบถามเจิ้งหลินว่านางอยากหัดหลอมยาหรือไม่

หืม? ทำไมเจ้าถามเรื่องนี้เล่าเสี่ยวจู้”

หากเจ้าอยากเรียนหลอมยา ข้าสอนเจ้าได้นะ” เสี่ยวจู้ยิ้มตอบ

เจ้าพูดจริงหรือ?” เจิ้งหลินกล่าวอย่างตื่นเต้น นางฝันมานานแล้วว่าอยากหลอมยา

แน่นอนว่าจริง เจ้าไม่เห็นข้าเก็บสมุนไพรก่อนกลับมากับเจ้าหรือ?”

เห็น ข้าเห็น แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักวิธีการหลอมยาด้วย เจ้าเก่งจริง ๆ เสี่ยวจู้”

เจิ้งหลินอุ้มเสี่ยวจู้ขึ้นมาแล้วฟัดแก้มอูม ๆ สองข้างของหมูน้อยสีชมพูอย่างหมั่นเขี้ยว นางไม่คิดว่าสัตว์อสูรตัวน้อยของตนนั้นจะมีความสามารถเช่นนี้

คิก คิก เจ้าพอได้แล้ว ข้าจะสอนขั้นตอนการหลอมยา เจ้าจำให้ดี ๆ”

ตกลง ๆ ข้าจะตั้งใจเรียนกับเจ้าเสี่ยวจู้”

เสี่ยวจู้เห็นเจิ้งหลินมีแววตาเป็นประกายพร้อมทั้งตั้งใจฟังอย่างที่กล่าว นางก็ค่อย ๆ พูดถึงขั้นตอนการหลอมยาในความทรงจำที่ได้รับมาจากองค์หญิงมังกร

คืนนั้นกว่าที่หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว เสี่ยวจู้บอกให้เจิ้งหลินรีบพักผ่อนก่อน หากจำขั้นตอนจนขึ้นใจแล้วนางจึงจะให้ทดลองหลอมยาด้วยสมุนไพรที่นางเก็บไว้ในมิติจิต

ทั้งสองตกลงกันก่อนแล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่เช่นนั้นหากมีคนรู้ว่าพวกนางสามารถหลอมยาได้ทั้งที่เป็นคนของตำหนักสัตว์อสูรคงมีเรื่องตามมาอีกไม่น้อยเป็นแน่

รุ่งเช้าวันต่อมา เจิ้งหลิน หานชิง อู๋อิงและเซียวเหมยพาสัตว์อสูรของตนไปยังโรงอาหารกลางเพื่อกินข้าวเช้า พวกนางยังต้องเข้าเรียนพร้อมกับสัตว์อสูรของตนเองในวันนี้ตามที่อาจารย์บอกเอาไว้

ที่ตำหนักสัตว์อสูรวันนี้คึกคักกันมาก ศิษย์ที่มีสัตว์อสูรต่างยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยรออาจารย์สอน ส่วนศิษย์ที่ยังไม่มีสัตว์อสูรก็เข้าเรียนด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีวาสนา แต่การเรียนที่จำเป็นก็ยังต้องเรียนเช่นกัน

วันนี้ข้าจะสอนพวกเจ้าให้เชื่อมจิตกับสัตว์อสูรในเวลาต่อสู้ พวกเจ้าจงตั้งใจฟังกันให้ดีเล่า การเชื่อมจิตกับสัตว์อสูรของตนนั้นต้องใช้สมาธิสื่อสารกับสัตว์อสูรระหว่างการต่อสู้ หากทั้งสองมีใจเป็นหนึ่งเดียวแล้ว พลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นมากถึงสองเท่าเป็นอย่างน้อย นี่จะต้องดูด้วยว่าสัตว์อสูรของพวกเจ้ามีพลังมากเพียงใดด้วย เอาล่ะ พวกเจ้าทดลองเชื่อมจิตดูก่อน โดยไหลเวียนลมปราณของตนเองและตั้งสมาธิให้ดี จากนั้นจับที่ตัวของสัตว์อสูรเพื่อเชื่อมจิต หลังจากรับรู้ถึงพลังของกันและกันแล้วเท่านั้นจึงจะนับว่าทั้งสองเชื่อมจิตกันได้อย่างสมบูรณ์”

ศิษย์ที่มีสัตว์อสูรต่างทำตามขั้นตอนที่อาจารย์สอนพร้อมกัน พวกเขาพยายามตั้งสมาธิเพื่อเชื่อมจิตกับสัตว์อสูรของตน หากผู้ใดสามารถเชื่อมจิตได้สำเร็จจะมีแสงสว่างระหว่างเจ้าของสัตว์อสูรกับสัตว์อสูรปรากฏขึ้น

พรึ่บ!!!

เจิ้งหลินเป็นคนแรกที่เชื่อมจิตกับเสี่ยวจู้ได้ในเวลาเพียงไม่ถึง 10 ลมหายใจ ทำให้อาจารย์พอใจกับพรสวรรค์ของเจิ้งหลินมากยิ่งขึ้น คนถัดไปเป็นเซียวเหมย อู๋อิงและหานชิงตามลำดับ ส่วนเพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคนนั้นยังคงพยายามเชื่อมจิตกันอยู่แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จอย่างรวดเร็วเหมือนพวกนางทั้งสี่ นั่นเพราะสัตว์อสูรของพวกนางมีระดับสูงกว่าคนอื่น ๆ ทำให้การสื่อสารระหว่างกันเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่นเช่นนี้

ดี ดี พวกเจ้าที่เชื่อมจิตได้แล้วทดลองใช้พลังปราณร่วมกับสัตว์อสูรทำลายเป้าที่ด้านโน้นดูสิ” อาจารย์ชี้ไปยังเป้าที่อยู่ในสนามไม่ไกลนัก

เหล่าศิษย์ที่เชื่อมจิตได้แล้วพาสัตว์อสูรของตนไปอีกด้านหนึ่งที่มีเป้าจำนวนมากตั้งอยู่ในลาน เจิ้งหลินทดลองใช้พลังฝ่ามือซัดไปที่เป้าอย่างไม่ออมแรงจนเป้าที่อยู่ห่างออกไปแตกกระจายเป็นผุยผงภายในฝ่ามือเดียว ทั้งที่ปกติหากนางทดลองทำลายเป้าด้วยพลังปราณของนางจะไม่มีพลังรุนแรงมากถึงเพียงนี้ เจิ้งหลินหันไปมองเสี่ยวจู้ที่ยืนยิ้มอยู่ด้านข้างอย่างภูมิใจกับนายของตน

คนอื่น ๆ เห็นพลังทำลายของเจิ้งหลินเข้าต่างก็ตกตะลึงกันไม่น้อย พวกเขาไม่คิดเลยว่าเมื่อเจิ้งหลินร่วมต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวเล็กน่ารักอย่างเสี่ยวจู้แล้ว พลังทำลายล้างกลับสูงส่งจนแทบเหมือนเป็นคนละคนเลยทีเดียว

เมื่อได้เห็นพลังของเจิ้งหลินและเสี่ยวจู้ตัวน้อย ศิษย์คนอื่นก็ทดลองทำตามบ้างเช่นกัน เพียงแต่ด้วยพลังอันน้อยนิดของพวกเขาและสัตว์อสูร จึงทำได้เพียงสร้างความเสียหายเล็กน้อยให้เป้าที่เล็งไว้เท่านั้น

อาจารย์ผู้สอนก็ไม่นึกเช่นกันว่าเจิ้งหลินกับสัตว์อสูรตัวน้อยของนางจะสามารถทำลายเป้าที่แข็งแกร่งของตำหนักได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาได้แต่สงสัยว่าสัตว์อสูรหมูน้อยสีชมพูตัวนั้นมีพลังระดับใดกันแน่ เพราะขนาดเขาที่มีพลังปราณสูงส่งยังไม่สามารถตรวจสอบระดับพลังของเสี่ยวจู้ได้แม้แต่น้อย

ศิษย์ในตำหนักสัตว์อสูรเรียนรู้เรื่องนี้ไปจนกระทั่งเลิกเรียนในตอนเย็น ถึงแม้บางคนจะยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็นับว่าพอจะร่วมมือกับสัตว์อสูรของตนได้บ้างแล้ว อาจารย์จึงคิดจะสอนพวกเขาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนพอจะรู้วิธีการต่อสู้ร่วมกับสัตว์อสูรของตนแล้วสินะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้อาจารย์จะสอนต่อ โดยให้จับคู่ต่อสู้กัน เลิกเรียนได้”

ศิษย์คำนับอาจารย์ขอรับ/เจ้าค่ะ” เหล่าศิษย์กล่าวลาเสร็จก็แยกย้ายกันกลับไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   56

    เจิ้งหลินส่งองครักษ์เข้าไปรายงานว่านางจะเดินทางไปส่งเสบียงให้ชินอ๋องที่ชายแดนแคว้นหยางด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นหากมีการยักยอกเสบียงหรือเดินทางไปถึงช้า อาจทำให้กองทัพที่กำลังต่อสู้อยู่แนวหน้าอดอยากจนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยึดคืนพื้นที่เมืองของแคว้นชิง“เจ้าบอกพระชายาชินอ๋องให้ระมัดระวังตัวด้วย เราขอบคุณแทนกองทัพที่นางช่วยเหลือในครั้งนี้ ส่วนเงินค่าเสบียงนั้น ให้นางส่งรายการบัญชีมาเบิกกับเราได้” ฮ่องเต้ตรัสบอกองครักษ์ของเจิ้งหลินที่แอบมาส่งข่าว“กระหม่อมรับบัญชาพะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่อนุญาตให้พระชายาไป”“

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   55

    สองปีต่อมา ด้วยความขยันหมั่นเพียรของชินอ๋องและเจิ้งหลิน ตอนนี้พวกเขาต่างมีระดับพลังปราณสูงถึงระดับผ่าสวรรค์ขั้นปลายแล้ว ส่วนการหลอมอาวุธและชุดเกราะของเสี่ยวจู้ก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด ยิ่งเสี่ยวจู้ได้รับเงินจำนวนมากจากฮ่องเต้เพื่อให้มันช่วยหลอมอาวุธระดับสวรรค์ให้ด้วยแล้ว เสี่ยวจู้กับกิเลนไฟก็ช่วยกันหลอมอาวุธแทบจะทุกวัน ยกเว้นเวลาที่ชินอ๋องมีราชกิจ กิเลนไฟจะไม่ได้ช่วยเสี่ยวจู้หลอมอาวุธเพราะต้องติดตามชินอ๋องไป

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   54

    กว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็เกือบรุ่งสาง กิเลนไฟยังไม่ได้คุยกับเสี่ยวจู้เรื่องทำชุดเกราะให้มัน แต่มันคิดว่าเสี่ยวจู้น่าจะช่วยมันสร้างขึ้นมาได้ อีกอย่างพลังไฟสวรรค์ของมันก็ใช้หลอมอาวุธได้ดีกว่าพลังจิตวิญญาณที่เสี่ยวจู้ใช้อยู่ หากมันร่วมมือกันกับเสี่ยวจู้ กิเลนไฟคาดว่าความเร็วและคุณภาพของการหลอมน่าจะดีขึ้นยิ่งกว่าที่เสี่ยวจู้หลอมด้วยตัวเอง ขุนนางและชาวเมืองเห็นประกาศจากราชสำนักถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเมื่อคืนนี้ก็ได้แต่ชื่นชมบุญวาสนาของชินอ๋อง พวกเขาไม่คิดว่าการสร้างอ

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   53

    เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง เสี่ยวจู้ขอแยกตัวออกไปหลอมอาวุธที่เรือนของเจิ้งหลิน ชินอ๋องกับเจิ้งหลินนั้นอยู่ฝึกฝนพลังปราณที่เรือนหลักด้วยกัน เพราะทั้งสองไม่อยากรบกวนเสี่ยวจู้หลอมอาวุธ ส่วนอาหารนั้นบ่าวในจวนจะนำไปให้เสี่ยวจู้ตามเวลาอาหารของจวนตามปกติ เจิ้งหลินมอบยาเพิ่มปราณระดับสวรรค์ให้ชินอ๋องสามเม็ด นางเองก็กินลงไปสามเม็ดเช่นเดียวกัน ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะหลับตาเข้าสู่สมาธิเพื่อดูดซับฤทธิ์ยาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยพรสวรรค์ของทั้งคู่ เรื่องการกินยาหลายเม็ดพร้อมกันไม่น

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   52

    ผู้คนภายในงานต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเจิ้งหลินอย่างสนุกปาก เพียงแต่เรื่องนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากเรื่องไปถึงหูของฝ่าบาทและฮองเฮา พวกนางก็กลัวว่าจะถูกตำหนิแทน อย่างไรพระชายาของชินอ๋องก็มีอำนาจมากกว่าพวกนางที่เป็นเพียงฮูหยินขุนนางเท่านั้น เรื่องในครั้งนี้จึงทำให้หลังจากนั้น เจิ้งหลินไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงใด ๆ ที่ได้รับเทียบเชิญอีกเลย กระทั่งชินอ๋องกลับมาจากภารกิจในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจิ้งหลินจึงชวนชินอ๋องไปหาซื้อเตาหลอมอาวุธตามที่เสี่ยวจู้อยากได้&

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   51

    หนึ่งเดือนต่อมา เจิ้งกั๋วกงที่อยู่เป็นเพื่อนหลานสาวและเสี่ยวจู้มานานก็ได้เวลาต้องกลับไปยังแคว้นหนานแล้ว เจิ้งหลินน้ำตาคลอเบ้าเมื่อต้องลาท่านตาของนาง เสี่ยวจู้ยังมอบยาเพิ่มปราณระดับเซียนให้ท่านตาอีกเม็ดหนึ่ง มันหวังว่าท่านตาจะเข้าใกล้สู่การเป็นเซียนอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status