Share

บทที่ 4

Author: กวนเหอว่านหลี่
ไม่รอช้า จูหยวนจางประกาศเลิกประชุมทันที!

พร้อมกันนั้นก็ให้เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมคลัง ไคกั๋วกงฉางเซิง และจูอวิ่นเทิง ไปปรึกษาหารือที่ตำหนักหย่างซิน

ทั่วทั้งราชสำนักเกิดความโกลาหล!

ดูท่าแล้วฝ่าบาทคงจะหารือเรื่องการเดินทัพหรือถอยทัพของหลานอวี้กันในวงเล็กๆ

กรมกลาโหมรับผิดชอบด้านการทหาร กรมคลังรับผิดชอบด้านเสบียงอาหาร ส่วนไคกั๋วกงฉางเซิงนั้นคือผู้ที่รอดชีวิตมาจากกองซากศพในสนามรบ!

แต่จูอวิ่นเทิงเล่า มีสิทธิ์อะไร?

วันนี้ในราชสำนักจูอวิ่นเทิงมีท่าทีประหม่าไม่กล้าตัดสินใจ แถมยังตอบคำถามอะไรไม่ได้เลย!

ดูจากสีหน้ายินดีปรีดาและท่าทีอวดดีตลอดทางของฉางเซิงในวันนี้ หรือว่าจูอวิ่นเทิงได้รับการยอมรับบางอย่างจากฝ่าบาทแล้ว?

รัชทายาทจูเปียวไม่อยู่ในช่วงนี้ ได้ยินมาว่าฝ่าบาทให้เขาไปเลือกเมืองหลวงแห่งใหม่

เพื่อเตรียมการย้ายเมืองหลวง!

การย้ายเมืองหลวงเป็นเรื่องใหญ่หลวงเพียงใด!

เหล่าขุนนางต่างวิเคราะห์กันเป็นการส่วนตัวว่า จูหยวนจางชราแล้ว คงไม่มีแรงจะทำเรื่องใหญ่อีก

การย้ายเมืองหลวงเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จริงแล้วคือการให้จูเปียวไปพักผ่อนหย่อนใจตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรักษาสุขภาพ

เรื่องในวันนี้ช่างแปลกประหลาดโดยแท้ อนาคตของต้าหมิง กำลังจะเปลี่ยนทิศทางแล้ว

เมื่อมาถึงตำหนักหย่างซิน จูหยวนจางสั่งให้คนเปิดม่านบนผนังออก

แผนที่ขนาดมหึมาปรากฏขึ้นต่อหน้า

กินพื้นที่เต็มทั้งกำแพง!

“นี่คือแผนที่ที่เรายึดมาจากชาวหยวน พอได้แผนที่นี้มา เราถึงได้รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เกินกว่าจะจินตนาการได้จริงๆ!”

เมื่อจูหยวนจางกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

ทุกคนต่างเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

[แผนที่นี้ มิชชันนารีมาร์โค โปโล เป็นคนวาด! เขาสนิทกับกุบไลข่าน จึงวาดแผนที่นี้มอบให้กุบไลข่าน]

[แผนที่นี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่เห็นได้ชัดว่ามีจุดที่ผิดพลาดอยู่เยอะเลย]

เสียงในใจของจูอวิ่นเทิงดังเข้ามาในหัวของจูหยวนจาง

พระราชนัดดาคนนี้ ถึงกับบอกว่าแผนที่นี้มีจุดผิดพลาด?

เขาไม่เคยย่างเท้าออกจากประตูบ้าน ไม่เคยแม้แต่จะออกจากอิ้งเทียนเลยด้วยซ้ำ แล้วจะบอกว่าแผนที่นี้มีจุดผิดพลาดได้อย่างไร?

แต่นี่เป็นเสียงในใจของเขา เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริง ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องโกหก

“พวกเจ้าลองบอกเราสิ ฮ่องเต้หยวนน่าจะอยู่ที่ใด?” จูหยวนจางจงใจมองไปยังจูอวิ่นเทิง “ก่อนที่น้าทวดของเจ้าจะออกเดินทาง หน่วยสอดแนมแจ้งข่าวมาว่า ฮ่องเต้หยวนอยู่ห่างจากเมืองหนิงไปทางเหนือร้อยลี้ กองทัพจึงออกเดินทางจากที่นี่”

จูหยวนจางถือไม้เท้ายาว ชี้ไปยังเมืองหนิง

ฉีไท่เสนาบดีกรมกลาโหมเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าฮ่องเต้หยวนน่าจะกลับไปยังรังเก่า เพราะที่นั่นปลอดภัยที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เสนาบดีกรมคลังกล่าวเสริม “ถิ่นกำเนิดของชาวหยวนอยู่ที่แม่น้ำโว่หนาน ซึ่งอยู่ห่างไกลจากต้าหมิงของเรามาก เกรงว่าหลานอวี้คงจะไล่ตามไปได้ยากพ่ะย่ะค่ะ”

ฉางเซิงก็พยักหน้าเช่นกัน “แปดในสิบส่วนคงจะอยู่ที่นั่น ถิ่นกำเนิดของพวกมัน ย่อมมีหูตามากมาย การระดมพลและเสบียงอาหารก็สะดวกอย่างยิ่ง”

จูหยวนจางมองไประยะทางแล้ว ในใจก็เงียบสงบ

หากฮ่องเต้หยวนซ่อนตัวอยู่ที่นั่นจริงๆ เสบียงของหลานอวี้ไม่มีทางพอแน่!

ต่อให้ระดมเสบียง ก็เป็นไปไม่ได้!

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในดินแดนทางเหนือ ยังคงเป็นดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ!

“น่าเจ็บใจนัก ทัวกู่ซือเทียมู่เอ๋อร์ช่างขี้ขลาดตาขาวเสียจริง! เราประเมินมันต่ำไปจริงๆ !”

เมื่อจูหยวนจางกล่าวจบ ฉีไท่ก็รีบกล่าวสรรเสริญเยินยอทันที “ทั้งหมดเป็นเพราะฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ บุกตีหยวนเหนือนั่นเสียจนขวัญหนีดีฝ่อ มองเห็นแต่ไกลก็เผ่นหนี ยิ่งหนีไปไกลเท่าไรก็ยิ่งดีพ่ะย่ะค่ะ”

[เจ้านี่เป็นใครกัน? ประจบสอพลอได้ลื่นไหลดีจริง ตาเฒ่าจูเอ๋ย ท่านประเมินฮ่องเต้หยวนต่ำไป ส่วนข้าประเมินท่านต่ำไป!]

[ทายาทของสายเลือดทองคำจะไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?]

[อีกอย่าง เวลานี้จะหนีไปที่แม่น้ำโว่หนานทำไม? ที่นั่นเกือบจะถึงรัสเซียแล้วนะ! ตั้งหลายร้อยกิโลเมตร ไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มกันหรือไง?]

[ถ้าเป็นข้า ข้าก็จะเลือกเหมือนกับฮ่องเต้หยวน]

เมื่อจูหยวนจางได้ยินถึงตรงนี้ ก็มองไปยังแผนที่ พระราชนัดดาพูดมีเหตุผล

แต่ว่าทางเลือกของเขาอยู่ที่ไหนกัน?

[สถานที่แห่งนี้ ต้องสอดคล้องกับคุณสมบัติสามข้อ]

[ข้อแรก ต้องมีแหล่งอาหาร ต่อให้ไม่มีเสบียง ก็ยังสามารถอยู่รอดได้ สถานที่แห่งนี้ ย่อมต้องมีทะเลสาบ!]

[ชาวหยวนค่อนข้างชำนาญการจับปลาในฤดูหนาว แค่เจาะรูบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง ก็มีปลากินแล้ว!]

[ข้อสอง ต้องเป็นที่ที่กองทัพของหลานอวี้หาไม่เจอได้ เมื่อกองทัพของหลานอวี้เดินวนไปวนมาจนเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ก็ส่งกองกำลังเล็กๆ ไปล่อให้ติดกับ]

[ข้อสาม ต้องเป็นสถานที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา เมื่อกองทัพของหลานอวี้มาถึง กองทัพหยวนก็จะอาศัยแรงว่าอยู่บนเขาบุกลงมา กองทัพหมิงก็จะตกอยู่ในอันตราย]

จูหยวนจางทำศึกสงครามมานานหลายปี สามารถเก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกได้นานแล้ว

แต่ในตอนนี้ จูหยวนจางตกตะลึงอย่างแท้จริง

เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก

ที่แท้ฮ่องเต้หยวนวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว แอบซุ่มอยู่ในที่แห่งหนึ่ง รอให้หลานอวี้เหนื่อยล้าแล้วค่อยเผยเขี้ยวเล็บออกมา!

[ระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกล เหมาะแก่การซ่อนตัว เหมาะแก่การโจมตี และอยู่ริมทะเลสาบ!]

[บนแผนที่นี้ก็มีระบุไว้นี่นา ก็คือทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์ ปัจจุบันเรียกว่าทะเลสาบไบคาล]

ทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์?

สายตาของจูหยวนจางจับจ้องไปยังต้นน้ำของแม่น้ำซีลามู่ ทางตะวันออกของเขาฮั่นอูลาทันที

ที่นั่น คือทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์!

ทะเลสาบที่ไม่ใหญ่มากนักแห่งหนึ่ง

เมื่อมองระยะทางและทิศทางคร่าวๆ จูหยวนจางก็ตบโต๊ะอย่างแรง

“ดี ดี!” จูหยวนจางใช้ไม้ยาวชี้ไปยังแผนที่ “ก็คือที่นี่ ทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์ ฮ่องเต้หยวนซ่อนตัวอยู่ที่นี่!”

ฉางเซิงมองอยู่เป็นเวลานาน ก็ตบมือหัวเราะลั่น “เป็นเช่นนี้จริงๆ ฝ่าบาทไม่ได้ออกรบมานานหลายปี แต่สายพระเนตรก็ยังคงเฉียบคมกว่าพวกกระหม่อมมากนัก! ก็คือที่นี่ ไม่ผิดแน่!”

[ให้ตายสิ ลุงรอง ท่านก็รู้จักประจบสอพลอแล้วหรือ! แต่พูดตามตรง ความสามารถของตาเฒ่าจูนี่ไม่ใช่ของเก๊เลย!]

[ตาเฒ่าจูถึงกับมองปราดเดียวก็รู้ที่ซ่อนของฮ่องเต้หยวน!]

[ผู้ที่สามารถปราบชนเผ่าต่างแดน และรบจากใต้ขึ้นเหนือได้สำเร็จ ตลอดหลายพันปีมานี้ มีเพียงจูหยวนจางคนเดียว!]

[ตาเฒ่าจู ข้าไม่ยอมใครหน้าไหนเลย ยอมให้ท่านคนเดียว!]

[จักรพรรดิหนึ่งเดียวในพันปี นับถือจากใจจริงๆ !]

เมื่อได้รับการยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจของพระราชนัดดา จูหยวนจางก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย!

แต่ในไม่ช้า ในใจของจูหยวนจางก็รู้สึกกระอักกระอ่วน

หากไม่ใช่เพราะเสียงในใจของพระราชนัดดาเปิดเผยออกมา ตนเองจะรู้ได้อย่างไร?

พระราชนัดดาคาดการณ์สงครามทางใต้อย่างแม่นยำ และเมื่อครู่ก็เพิ่งจะชี้จุดสำคัญของสงครามทางเหนือ ที่ซ่อนตัวของฮ่องเต้หยวน!

นี่แสดงให้เห็นว่า พระราชนัดดาคนนี้มีความสามารถอันยิ่งใหญ่!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงไม่ยอมแสดงมันออกมา!

หรือว่าเขาไม่สนใจตำแหน่งพระนัดดารัชทายาท?

วันๆ คิดแต่จะหลบซ่อนอยู่ในจวนนอกวัง คลุกคลีอยู่กับสาวใช้สองคน!

“ส่งสารด่วนแปดร้อยลี้ บอกหลานอวี้ ให้เขาทำตามความประสงค์ของเรา บุกตรงไปยังทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์! กวาดล้างหยวนเหนือให้สิ้นซากในคราวเดียว!”

หลังจากที่จูหยวนจางตัดสินใจแล้ว ก็หยิบฎีกาลับฉบับหนึ่งออกมาให้ทุกคนอ่าน

ทั้งสามคนอ่านจบก็ตกใจยิ่งนัก ทางใต้ถึงกับมีกองทัพสามแสนนายจ้องมองอยู่ตาเป็นมัน!

กองทัพสามแสนนายนี้ไม่ธรรมดา ในจำนวนนั้นมีกองทัพหน้าห้าพันนายเป็นกองทัพช้างศึก!

ก่อนหน้านี้กองทัพหมิงเคยเผชิญหน้ากับกองทัพช้างศึกมาแล้ว

แม้ทหารเหล่านั้นจะรูปร่างเตี้ยเล็ก แต่พวกเขาก็ขี่ช้างออกรบ

ช้างถูกฝึกมาอย่างดี บนหลังยังติดตั้งที่นั่งอันสะดวกสบาย ทหารช้างนั่งอยู่ข้างใน กวัดแกว่งหอกและดาบยาว

หนังของช้างหนาและหยาบ แทบจะฟันแทงไม่เข้า!

ทหารศัตรูนั่งอยู่บนหลังช้าง อาวุธเอื้อมไปไม่ถึง!

กองทัพหมิงปะทะกันหลายครั้ง ก็ถูกกองทัพช้างศึกตีจนแตกกระเจิง

ในครั้งนั้น กองทัพช้างศึกมีขนาดเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น

แต่ครั้งนี้ กลับมีกองทัพช้างศึกถึงห้าพันตัว!

เสนาบดีกรมกลาโหมและเสนาบดีกรมคลังอ่านรายงานการทหารทางใต้จบ มือก็สั่นเทา

ฉางเซิงรบกับชาวหยวนอยู่บ่อยครั้ง ไม่เคยสู้รบกับกองทัพคนเถื่อนทางตะวันตกเฉียงใต้

แต่ก็รู้ดีว่า กองทัพคนเถื่อนทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่ได้จัดการง่ายไปกว่ากองทัพหยวนเลย

หนึ่งในตัวอย่างอ้างอิงก็คือ มู่อิงที่รักษาการณ์อยู่ที่อวิ๋นหนาน

มู่อิงติดตามจูหยวนจางทำศึกมาตั้งแต่อายุแปดขวบ เพราะมีความกล้าหาญและมีสติปัญญา จึงถูกจูหยวนจางรับเป็นบุตรบุญธรรม

รัชสมัยหงอู่ปีที่สิบสี่ มู่อิงนำทัพสามแสนนายออกศึกที่อวิ๋นหนาน

หลังจากที่อวิ๋นหนานสงบลง มู่อิงก็ยังคงรักษาการณ์อยู่ที่นั่น

ในช่วงสิบปี มู่อิงได้ปราบปรามชนเผ่าคนเถื่อนอีกมากมายที่ผู่ติ้ง กว่างหนาน และลั่งฉยง

หากพูดถึงด้านการทหาร มู่อิงไม่ได้ด้อยไปกว่าฟู่โหย่วเต๋อ หลานอวี้ และคนอื่นๆ เลย

แต่พอเจอกับกองทัพช้างศึก หลายครั้งก็พ่ายแพ้ยับเยิน

ครั้งนี้ ชายแดนถึงกับรวบรวมทัพช้างได้ถึงห้าพันตัว!

แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 83

    “ท่านอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ!”ยิ่งมูเหยาขัดขืน จูอวิ่นเทิงก็ยิ่งเข้ามาแนบชิด“หม่อมฉันพูดแล้ว หม่อมฉันมีกายเป็นหญิง” มู่เหยาพูดจบ จูอวิ่นเทิงก็ปล่อยนางมู่เหยาไม่คิดว่าจูอวิ่นเทิงจะปล่อยมือในตอนนี้อดรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้“เจ้ามีกายเป็นหญิง เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมา ฟังดูเหลวไหลมาก บอกมาดีกว่า อย่ามาหลอกข้า”เสี้ยวอำมหิตฉายวาบในดวงตาของจูอวิ่นเทิงมู่เหยาแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร “อู๋อ๋อง หม่อมฉันเป็นคนอวิ๋นหนาน เมื่อราชวงศ์ต้าหมิงเริ่มก่อตั้ง จำนวนขันทีขาดแคลนมาก ทางการจึงยัดเยียดรายชื่อหนึ่งให้กับครอบครัวของหม่อมฉัน”“หม่อมฉันมีน้องชายเพียงคนเดียว พ่อแม่หม่อมฉันตัดใจไม่ลง”“ครอบครัวของหม่อมฉันในท้องถิ่นถือว่ามั่งคั่ง จึงใช้เงินเพื่อติดสินบนขุนนางทุกระดับ สุดท้ายก็ให้หม่อมฉันเข้าวังมา”“หม่อมฉันเป็นหญิง ฝ่าบาทก็ไม่รู้เช่นกัน”จูอวิ่นเทิงเดินวนรอบกายมู่เหยา เกรงว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นความจริงประการแรก ฝ่าบาทเป็นคนส่งมู่เหยามาจริง ๆ เรื่องนี้เจิ้งเหอสามารถเป็นพยานได้สุขภาพของตนเองอ่อนแอ เรื่องนี้ฝ่าบาทรู้ฝ่าบาทส่งขันทีคนหนึ่งมาเพื่อไม่ปล่อยให้วัน ๆ เขาเอาแต่จมดิ่งอยู่ในความเย้าย

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 82

    จูอวิ่นเทิงกลับมาถึงเรือน เจิ้งเหอ เหมยเอ๋อร์ และหลานเอ๋อร์ถูกแก้มัดเชือกกันหมดแล้ว“มู่เหยาไปไหนหรือ?”“มู่เหยาบอกว่า เขาจะเข้าวังเพคะ” เหมยเอ๋อร์กล่าวเอ๊ะ ฮ่า ๆ!มู่เหยาไม่อยู่!อย่างนั้นก็เข้าไปในห้องกับเหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์ ถ่ายทอดความรู้ทางร่างกายแก่พวกนางได้น่ะสิ?เจิ้งเหอรู้ว่าหัวใจวสันต์ของคุณชายเริ่มหวั่นไหวอีกแล้ว แอบอิจฉาเล็กน้อย ก่อนกลับไปยังห้องของตัวเอง“เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ข้าเข้าไปแล้วนะ”จูอวิ่นเทิงเพิ่งจะเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงของมู่เหยา “เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว!”ร่างของจูอวิ่นเทิงพลันชะงัก ขันทีน้อยผู้นี้กลับมาได้จังหวะพอดีจริง ๆ!ไม่ใช่สิ กลับมาได้ไม่ถูกจังหวะเลยต่างหาก!เหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์เห็นดังนั้น ก็เหมือนหนูเห็นแมว รีบถอยไปยังหลังเรือนมู่เหยาเข้ามาในเรือน จูอวิ่นเทิงได้โผเข้าหาทันทีสวมกอดมู่เหยาไว้ว้าย! มู่เหยาไม่ทันตั้งตัว จึงร้องออกมาเสียงดัง“อย่าร้อง ร้องไปก็เปล่าประโยชน์!”จูอวิ่นเทิงดันมู่เหยาไปชิดผนังอย่างดุดันมู่เหยาคิดขัดขืน แต่จูอวิ่นเทิงพลันยันผนังคร่อมไว้“ท่าน ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ?” มู่เหยาหน้าแดงก่ำ“ข

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 81

    [ตาเฒ่า ท่านจะเอาแต่ดื้อรั้นเช่นนี้ไม่ได้! อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลบ้าง]การบ่นของจูอวิ่นเทิงทำให้จูหยวนจางหมดคำพูด เราสามารถพูดเสียงในใจของเจ้าออกมาได้ไหม?[เหตุผลก็เห็นอยู่ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?][เจ้าเมืองคนหนึ่ง เก็บภาษีเงินและเสบียงได้เกินเป้าทุกปี! นี่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรอกหรือ?]จูหยวนจางคิดในใจว่า การเก็บภาษีได้เกินเป้ามันคือผลงาน เหตุใดถึงกลายเป็นปัญหาไปได้?ความคิดของหลานสามผู้นี้ มักจะพิลึกพิลั่นอยู่เสมอ![ตำแหน่งกำหนดความคิด เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นขุนนางสมัยหนึ่ง ก็ต้องสร้างคุณประโยชน์ให้ท้องถิ่นนั้น นี่คือจุดยืนและมุมมองอันเป็นพื้นฐานที่สุด!][ราชสำนักให้เจ้าเก็บเสบียงและภาษีเกินเป้าแล้วหรือ?][เมื่อไม่ได้ให้เจ้าเก็บภาษีเกินเป้า หวงจื่อซิ่น เจ้าหลอกลวงเบื้องบน!][ประชาชนคิดว่าราชสำนักให้เก็บเสบียงและภาษีเพิ่ม หวงจื่อซิ่น เจ้าปิดบังเบื้องล่าง!][เก็บเกินเป้าสองส่วน หนึ่งส่วนที่เพิ่มมามอบให้ราชสำนัก ได้รับชื่อเสียงในฐานะขุนนาง! อีกหนึ่งส่วนเก็บไว้กับตนเอง เบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัว!][เพิ่มภาระให้กับชาวนา! ทวีความคับแค้นของชาวนาที่มีต่อราชสำนัก! อาศัยเรื่องน

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 80

    ดวงพระเนตรของจูหยวนจางเบิกกว้างโดยพลัน มองไปทางจูอวิ่นเทิงการสิ้นพระชนม์ของรัชทายาท!!!เกี่ยวข้องกับหวงจื่อซิ่น?!จูอวิ่นเทิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่ราวกับจะฆ่าคนของจูหยวนจาง มันทำให้เขาสะดุ้งตกใจ[ไม่ใช่กระมัง ตาเฒ่าจู ทำเอาข้าตกอกตกใจหมด!][ตอนแรกข้าก็ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่พอถูกเขามองแบบนี้กลับทำให้ดูมีเงื่อนงำขึ้นมาได้!][พระทัยของฮ่องเต้ คาดเดาได้ยากจริง ๆ ด้วย]จูหยวนจางรีบละสายตามองไปที่หวงจื่อเฉิงหวงจื่อเฉิงลังเลเล็กน้อยเช่นกัน พระเนตรของฝ่าบาทสามารถฆ่าคนได้เลย!หวงจื่อซิ่นเป็นญาติผู้น้องของเขา!ที่หวงจื่อซิ่นสามารถเป็นเจ้าเมืองหางโจว ก็เพราะจูอวิ่นเหวินเป็นคนแนะนำให้จูเปียวฝ่าบาทรู้ว่าเขากับฉีไท่สนิทกัน การที่ฉีไท่เป็นคนแนะนำหวงจื่อซิ่นแบบนี้ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างไร[ช่วงนี้ฝ่าบาทอารมณ์แปรปรวนไม่มั่นคง แต่ก็ไม่แปลก การตายของรัชทายาทคงทำให้ไม่อาจสงบพระทัย][หวงจื่อซิ่น นึกออกแล้ว! เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้!][ชาวอุทัยกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาที่เมืองหางโจวภายใต้การนำของอันธพาลท้องถิ่น ทำการเผา สังหาร และปล้นสะดม จากนั้นเดินออกจากเมืองอย่างเปิดเผยไม่เกรงกล

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 79

    หวงจื่อเฉิงไม่ยอมแพ้!เพราะการกระทำของฮ่องเต้ครั้งนี้มันเหลวไหลมากจริง ๆ!สำนักโหรหลวง มันใช่ที่ที่ผู้ใดจะเข้าไปก็ได้หรือ?ต่อให้เจ้ามีความรู้มากมาย มีความสามารถเป็นเลิศ เข้าสำนักโหราศาสตร์ไปแล้วก็คงทำได้แค่มองตาปริบ ๆนอกจากนี้ คนด้านในก็หยิ่งผยองกันทั้งนั้น!อยู่ในถิ่นของพวกเขา อย่าหวังว่าจะเข้าไปยุ่งได้!หากส่งคนที่ไม่รู้เรื่องไปสั่งการ มันจะไม่วุ่นวายไปกันใหญ่หรือ?“ฝ่าบาท เรื่องสำคัญของบ้านเมืองมีสองประการ คือการบูชาและการสงคราม การบูชามีการแจกจ่ายเครื่องเซ่น การสงครามมีการแบ่งสรรอำนาจ ทั้งสองล้วนเป็นพิธีการสำคัญที่ใช้ติดต่อกับสวรรค์เบื้องบน”“แม้อู๋อ๋องจะมีความสามารถ แต่ในแง่ของการสังเกตดวงดาวและภูมิศาสตร์แล้ว เกรงว่าจะไม่ใช่ด้านที่ถนัด”“ฝ่าบาท กระหม่อมมองว่าการให้อู๋อ๋องดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสำนักโหราศาสตร์หลวง ไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”จูอวิ่นเทิงโมโหมาก หวงจื่อเฉิงชอบขัดขาเขาอยู่เรื่อย!ข้าก็แค่สั่งสอนหวงเฉิงอิ้นลูกชายเจ้าไปเพียงเล็กน้อยที่สำคัญคือ คนผู้นี้รนหาที่เอง สมควรโดนดี!มาเชิญข้าไปร่วมงานเลี้ยงแต่กลับวางท่าโอ้อวด!แต่ว่า คำคัดค้านของหวงจื่อเฉิงก็สามารถใช้ให้เกิ

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 78

    โหรหลวงคืออะไร หากเป็นคนปกติก็ไม่มีทางที่ผู้ใดจะอยากรับตำแหน่งนี้!โหรหลวงมีชื่อเดิมว่าผู้เฝ้ามองดวงดาว ทำหน้าที่สังเกตปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ คำนวณปฏิทิน สำนักโหรหลวงจะทำงานแค่เฉพาะเหตุการณ์สำคัญเท่านั้นหากมีภัยธรรมชาติ โหรหลวงจะต้องคำอธิบายที่สมเหตุสมผล มิเช่นนั้นฮ่องเต้จะพิโรธหากเกิดสงคราม โหรหลวงจะต้องทำนายสภาพอากาศ ถ้าทำนายผิดพลาด อาจมีภัยมาถึงตัว!ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก หนึ่งในหน้าที่ของไท่สื่อลิ่งก็ดูปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และประกอบพิธีบวงสรวง ซือหม่าเชียนที่ถูกตอนก็เคยดำรงตำแหน่งนี้[ครานี้ก็อยู่ที่ว่า ตาเฒ่าจูจะตอบตกลงหรือไม่!][โหลหลวงสบายจะตาย! ไม่ต้องทำงานตั้งแต่เก้าโมงถึงสามทุ่ม หกวันต่อสัปดาห์!][เวลาทำงานก็ยืดหยุ่น! ไม่ต้องตื่นเช้าทุกวัน!][หากมีคนถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ ขออภัย ฝ่าบาท ข้ากำลังสังเกตการณ์ท้องฟ้า!][อะไรนะ เข้าประชุมงั้นหรือ? ประชุมอะไร ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังสังเกตการณ์ท้องฟ้า?][ประชุมหรือ? ชู่ว อย่าเสียงดัง! ข้ากำลังคุยกับเง็กเซียนฮ่องเต้!][ตาเฒ่าจู ท่านไม่ให้ข้าออกจากเมืองอิ้งเทียนใช่หรือไม่? ท่านไม่รู้หรือว่าดาวจื่อเวยปรากฏที่เมืองซงเจี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status