Share

บทที่ 7

Author: กวนเหอว่านหลี่
หนึ่งเดือนผ่านไป

จูอวิ่นเทิงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นเคย

เขานอนแผ่หลาอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ในลานบ้าน

ทางขวามือมีม้านั่งที่ทำมาจากไม้แดงตัวหนึ่ง วางผลไม้และของว่างต่างๆ เช่น องุ่น คุกกี้

เหมยเอ๋อร์คอยนวดไหล่ให้เขาอยู่ด้านหลัง

หลานเอ๋อร์คอยนวดเท้าให้เขาอยู่ด้านหน้า

จูอวิ่นเทิงหยิบองุ่นเข้าปาก นี่สิถึงจะเป็นชีวิตสบายๆ ที่ปลาเค็มควรจะมี!

หนึ่งเดือนแล้วที่จูหยวนจางไม่มารบกวนอีก

เพียงแต่ว่าทุกวันยังคงต้องเข้าวังไปเรียนหนังสือกับฟางเสี้ยวหรู

การไปนอนหลับในห้องเรียน ช่างเป็นความทรมานโดยแท้

โชคดีที่ฟางเสี้ยวหรูเลิกสนใจเขาไปนานแล้ว ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

เพียงแต่บ่อยครั้งที่สายตาของจูอวิ่นเหวินจะกวาดมองมา แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น ทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบในใจ

ดูท่าการที่จูหยวนจางให้เขาเข้าร่วมการประชุมเช้า และร่วมปรึกษาหารือกันที่ตำหนักหย่างซินเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คงทำให้จูอวิ่นเหวินเกิดความระแวงในตัวเขาขึ้นมา

อยากจะบอกจูอวิ่นเหวินจริงๆ ว่า คนที่เขาควรระวังคืออาสี่จูตี้ต่างหาก

อันที่จริงจูอวิ่นเหวินระแวงทุกคน

พระชายาหลี่ว์บอกเขาว่า จูเปียวผู้เป็นบิดาไปพักฟื้นที่หางโจว

หลังจากที่จูหยวนจางสิ้นพระชนม์ไปแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะให้พระราชนัดดาสืบทอดราชบัลลังก์โดยตรง

ตอนนี้การได้เป็นพระนัดดารัชทายาท คือสิ่งที่สำคัญที่สุด!

และท่าทีที่ผิดปกติของฝ่าบาทที่มีต่อจูอวิ่นเทิงเมื่อหนึ่งเดือนก่อน พอคิดขึ้นมาทีไรก็ใจหายใจคว่ำ

เรื่องนี้ทำให้มารดาของเขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นกัน

ทุกครั้งที่จูอวิ่นเทิงนอนหลับในห้องเรียนเสร็จ ก็จะรีบเผ่นออกจากวังให้เร็วที่สุด

กลัวว่าจะไปเจอจูหยวนจาง แล้วจูหยวนจางจะให้เขาเข้าประชุมเช้าอีก นั่นคงจะไม่ดีอย่างยิ่งยวดแน่

“อวิ่นเทิง อวิ่นเทิง” เสียงทุบประตูดังมาจากหน้าเรือน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นลุงรองฉางเซิง เรี่ยวแรงเยอะเกินไปแล้ว สงสัยอย่างยิ่งว่าถ้าเขาเคาะอีกไม่กี่ครั้ง คงจะต้องเปลี่ยนประตูบานใหม่

จูอวิ่นเทิงรีบเก็บถาดผลไม้ที่มีองุ่นและคุกกี้เข้าไปในพื้นที่เก็บในระบบอย่างรวดเร็ว

เหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์คุ้นชินกับการกระทำนี้ของจูอวิ่นเทิงแล้ว

เจ้านายที่พวกนางพึ่งพิงนั้นคือผู้ที่มีสติปัญญาอย่างยิ่งและมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

เขาซ่อนเร้นตัวเองมาโดยตลอด เปิดเผยความลับให้เพียงพวกนางสองคนเท่านั้น!

จูอวิ่นเทิงรู้ดีว่า ของพวกนี้เป็นของที่ล้ำสมัย ไม่สามารถให้ผู้อื่นเห็นได้

โดยเฉพาะพวกฉางเซิง ฉางเซิน และหลานโซ่วที่มักจะมาที่นี่บ่อยๆ

ต่อให้เป็นสายเลือดเดียวกันก็ไม่ได้

เพราะคนพวกนี้ล้วนเป็นคนอารมณ์ร้อนและปากสว่าง เผลอทีเดียวอาจจะเปิดเผยความลับออกไป

นั่นจะขัดกับหลักการพัฒนาตนเองอย่างเงียบๆ ของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังถูกจูอวิ่นเหวินจับตามองอยู่!

จูอวิ่นเหวินนั้นไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือนางหลี่ว์ มารดาที่อยู่เบื้องหลังเขา

ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาสักนิด!

บิดาของนางหลี่ว์ชื่อว่าหลี่ว์เปิ่น เป็นชาวโซ่วโจว เคยเป็นขุนนางในราชวงศ์หยวน

ด้วยประวัติครอบครัวที่ดำมืดเช่นนี้ นางหลี่ว์กลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายารัชทายาทได้ ก็เพราะความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ และความสามารถในการเข้ากับผู้คนได้ทุกระดับของนาง

ตอนนี้เขาได้แลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์พืชมาไม่น้อย แต่ทำได้เพียงแอบปลูกไว้ในเรือนเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

ตอนนี้ทำได้เพียงรอให้จูหยวนจางแต่งตั้งเขาเป็นอ๋อง แล้วรีบไปยังเมืองของตนเอง หนีไปให้ไกล

เมื่อมีดินแดนและกองกำลังของตนเองแล้ว ก็จะสามารถค่อยๆ สะสมกำลังได้

ตอนที่จูอวิ่นเหวินกับจูตี้สู้รบกัน ก็ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ความวุ่นวายนี้ได้

ดังนั้น อย่างน้อยที่สุดก่อนที่จะไปยังเขตศักดินาของตน ทุกอย่างจะต้องไม่ถูกเปิดเผย

“หลานผู้แสนดีของข้าเอ๋ย ข่าวดี ข่าวดีมากๆ!”

ฉางเซิงยังไม่ทันเข้ามา เสียงดังลั่นของเขาก็ตะโกนเข้ามาเสียก่อน

ข่าวดี?

ขมับของจูอวิ่นเทิงเต้นตุบๆ

เกรงว่าคงไม่ใช่ข่าวดีอะไร!

“ฝ่าบาทรับสั่งให้เจ้าเข้าวัง มีเรื่องสำคัญต้องหารือ” ฉางเซิงกล่าว “ม้าก็เตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว”

ครั้งนี้ฉางเซิงนำม้าเหงื่อโลหิตมาด้วย

จูอวิ่นเทิงจะไปเลี้ยงม้าเป็นที่ไหนกัน ม้าเหงื่อโลหิตล้วนเป็นฉางเซิงที่ให้คนเลี้ยงไว้

จูอวิ่นเทิงทำหน้าบูดบึ้ง “เสด็จปู่มีเรื่องด่วนอะไรหรือ? ถึงจำเป็นต้องให้ข้าไปด้วย? ข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่นา”

ฉางเซิงถึงกับหมดคำพูดกับหลานนอกคนนี้

เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจูอวิ่นเทิงอย่างชัดเจน ต้องเกิดความรู้แจ้งขึ้นแล้วแน่ๆ

แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สำหรับเรื่องการเข้าประชุมราชสำนักที่ใครๆ ต่างก็อิจฉา เขากลับไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย!

ฉางเซิงคว้าตัวจูอวิ่นเทิงไว้ “จะมีประโยชน์หรือไม่มี ไปก็รู้เอง จำไว้นะ ต้องเหนือกว่าเจ้าเด็กจูอวิ่นเหวินให้ได้!”

“พี่รองก็อยู่ในท้องพระโรงด้วยหรือ?”

“ใช่แล้ว จูอวิ่นเหวินก็อยู่ด้วย ฝ่าบาททรงเรียกเจ้าไปโดยเฉพาะ ต้องเป็นเพราะอยากให้เจ้าได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่แน่ๆ! ลุงเชื่อในตัวเจ้า!”

ฉางเซิงบอกว่าเชื่อในตัวจูอวิ่นเทิง สู้บอกว่าเชื่อในตัวจูหยวนจางจะดีกว่า

เมื่อเข้าไปในท้องพระโรง เหล่าขุนนางยืนกันอยู่อย่างหนาแน่น

ขุนนางที่กำลังหารือกันอยู่ก็พลันเงียบเสียงลง มองมาที่จูอวิ่นเทิงและฉางเซิงเป็นตาเดียว

จูอวิ่นเทิงยังคิดจะแอบไปอยู่แถวหลัง

“อวิ่นเทิง มายืนข้างหน้า ให้เราได้ดูเจ้าดีๆ หน่อย”

น้ำเสียงของจูหยวนจางดังมาก แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างยิ่ง

ด้วยความจำใจ จูอวิ่นเทิงทำได้เพียงแสดงสีหน้า “ซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล” เดินไปข้างหน้าสุด

จูอวิ่นเหวินยืนอกผายไหล่ผึ่งอยู่แถวหน้า

“น้องสาม มา มายืนตรงนี้” จูอวิ่นเหวินดูเป็นมิตรอย่างยิ่ง

จูหยวนจางกำลังจะเอ่ยขึ้น เสียงในใจของจูอวิ่นเทิงก็ดังเข้ามาในหัว [วันนี้มีเรื่องสำคัญอะไรอีกหรือ? หนึ่งเดือนแล้ว หลานอวี้ก็น่าจะทำลายระบบขุนนางของหยวนเหนือได้แล้ว ประมุขหยวนกับรัชทายาทหนีไปได้ ก็ไม่กระทบต่อสถานการณ์โดยรวม]

จูหยวนจางมองจูอวิ่นเทิงอย่างไม่วางตา

พระราชนัดดาคนนี้ คาดการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างได้อีกแล้ว!

หนึ่งเดือนก่อน จากเสียงในใจทำให้รู้ว่าประมุขหยวนซ่อนตัวอยู่ที่ทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์

จากการวิเคราะห์ในใจของจูอวิ่นเทิง ประกอบกับประสบการณ์ในสนามรบของพระองค์เอง จูหยวนจางปักธงว่าสถานที่แห่งนี้ถูกต้องอย่างแน่นอน!

จึงมีออกคำสั่งให้ส่งสาส์นด่วนแปดร้อยลี้ นำข่าวไปแจ้งแก่หลานอวี้

หลานอวี้ได้รับราชโองการ ก็เตรียมเสบียงแห้งให้พร้อม ทิ้งสัมภาระหนัก แล้วมุ่งตรงไปยังทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์ด้วยความเร็วสูงสุด

แทบจะกวาดล้างราชวงศ์หยวนได้ทั้งหมดในคราวเดียว!

น่าเสียดายที่ประมุขหยวนพารัชทายาทหนีไปได้

ขุนนางในราชสำนักต่างมองไปที่จูหยวนจาง ดูเหมือนฝ่าบาทจะทรงเหม่อลอยไปเล็กน้อย หรืออาจจะถึงขั้นเสียกิริยา

เดิมทีจูอวิ่นเหวินคิดว่าจูหยวนจางกำลังมองมาที่ตนเอง แต่กลับพบว่าไม่ใช่

ผู้ที่ทรงจ้องมองอย่างไม่วางตานั้น คือจูอวิ่นเทิงที่อยู่ข้างๆ

พอหันไปมองจูอวิ่นเทิงอีกครั้ง ไหนเลยจะมีท่าทีของพระราชนัดดา

ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเหลาะแหละ ไม่มีความสง่างาม!

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสด็จปู่จะทรงจ้องมองเขาเช่นนั้น

นี่เป็นการตำหนิอย่างเห็นได้ชัด หรืออาจจะเป็นการเตือน

เพียงแต่ว่า น้องชายไร้ประโยชน์ของตนเองคนนี้ไม่เข้าใจ

ในที่สุดจูหยวนจางก็ละสายตา แล้วกวาดตามองไปรอบๆ “วันนี้ มีข่าวหนึ่งที่เราจะแจ้งให้ทุกคนรู้ หลานอวี้พบตัวทัวกู่ซือเทียมู่เอ๋อร์แล้ว! ฉีไท่เจ้าอ่านรายงานชัยชนะ”

หลานอวี้ชนะศึกแล้วหรือ?

ในท้องพระโรงพลันเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที!

หนึ่งเดือนก่อนขุนนางฝ่ายบุ๋นและขุนนางฝ่ายบู๊ยังคงถกเถียงกันไม่เลิกเรื่องที่หลานอวี้จะถอยทัพหรือไม่

ดีล่ะ ตอนนี้ไม่ต้องเถียงกันแล้ว

ฉางเซิงและเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ในการต่อสู้กับขุนนางฝ่ายบุ๋นครั้งนี้ ขุนนางฝ่ายบู๊เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสมบูรณ์

ครั้งนี้หลานอวี้จับโอรสสามคนของประมุขหยวนได้ จับเชลยองค์หญิง ฮองเฮา สนม และขุนนางต่างๆ ได้กว่าสามพันคน พลเรือนเจ็ดหมื่นเจ็ดพันกว่าคน วัว แกะ ม้า รวมทั้งสิ้นกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นตัว ตราพระราชลัญจกร ทอง เงิน และสัมภาระนับไม่ถ้วน

จากนั้นกองทัพของหลานอวี้ยังบุกทะลวงค่ายทหารของฮาล่าจางขุนนางคนสำคัญของหยวนเหนือ จับเชลยได้หนึ่งหมื่นห้าพันกว่าคน ปศุสัตว์อีกสี่หมื่นกว่าตัว

ในตอนนี้ จูอวิ่นเหวินก็คุกเข่าลงเสียงดังตุบ “ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เรา! เสด็จปู่ทรงคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ แจ้งที่ซ่อนของประมุขหยวนแก่กองทัพ ในที่สุดจึงมีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในวันนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฉีไท่คุกเข่าเป็นคนที่สอง ขุนนางคนอื่นๆ ก็ได้สติ คุกเข่าลงกันพึ่บพั่บ เสียงโห่ร้องสรรเสริญดังกึกก้อง

เหลือเพียงจูอวิ่นเทิงคนเดียวที่ยังยืนอยู่

โดดเด่นเกินไปแล้ว!

จูอวิ่นเทิงจึงต้องคุกเข่าลงตาม ในกายมีสายเลือดตระกูลจูไหลเวียนอยู่ คุกเข่าสักหน่อยก็ไม่เป็นไร

[ตาเฒ่าจูนี่เก่งจริงๆ! แค่มองจากแผนที่ก็ดูออกว่าประมุขหยวนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน!]

คำชื่นชมของจูอวิ่นเทิง ทำให้ใบหน้าชราของจูหยวนจางแดงขึ้นมา

ตัวเองมองออกที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะได้ยินเสียงในใจของจูอวิ่นเทิงต่างหาก

จะว่าไปแล้ว ก็ยังเป็นพระราชนัดดาคนนี้ของตนที่เก่งกาจ!

น่าเสียดายที่พระราชนัดดาคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจตำแหน่งพระนัดดารัชทายาท!

เอาแต่ซ่อนเร้นตัวเอง!

จูหยวนจางโบกมือ “ลุกขึ้นเถิดทุกคน อย่าเอะอะก็คุกเข่า! ชัยชนะครั้งนี้ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง! ศึกครั้งนี้ของหลานอวี้ มีคุณูปการเทียบเท่าเว่ยหลี่!”

เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ได้ฟังก็ดีใจอย่างยิ่ง คุณงามความดีของหลานอวี้ สามารถเทียบได้กับแม่ทัพชื่อดังอย่างเว่ยชิงและหลี่จิ้ง!

“ฝ่าบาท” จูอวิ่นเหวินรอให้ทุกคนเงียบลงแล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลานเห็นว่า ในศึกครั้งนี้ของแม่ทัพหลาน ความผิดนั้นใหญ่หลวงกว่าคุณงามความดีพ่ะย่ะค่ะ!”

ความผิดใหญ่หลวงกว่าคุณงามความดี?

คำพูดนี้ของจูอวิ่นเหวินมีที่มาที่ไปอย่างไร?

นอกจากฉีไท่เสนาบดีกรมกลาโหมแล้ว คนอื่นๆ ต่างมองว่าที่พระนัดดารัชทายาทผู้นี้ด้วยสายตาแปลกประหลาด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 83

    “ท่านอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ!”ยิ่งมูเหยาขัดขืน จูอวิ่นเทิงก็ยิ่งเข้ามาแนบชิด“หม่อมฉันพูดแล้ว หม่อมฉันมีกายเป็นหญิง” มู่เหยาพูดจบ จูอวิ่นเทิงก็ปล่อยนางมู่เหยาไม่คิดว่าจูอวิ่นเทิงจะปล่อยมือในตอนนี้อดรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้“เจ้ามีกายเป็นหญิง เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมา ฟังดูเหลวไหลมาก บอกมาดีกว่า อย่ามาหลอกข้า”เสี้ยวอำมหิตฉายวาบในดวงตาของจูอวิ่นเทิงมู่เหยาแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร “อู๋อ๋อง หม่อมฉันเป็นคนอวิ๋นหนาน เมื่อราชวงศ์ต้าหมิงเริ่มก่อตั้ง จำนวนขันทีขาดแคลนมาก ทางการจึงยัดเยียดรายชื่อหนึ่งให้กับครอบครัวของหม่อมฉัน”“หม่อมฉันมีน้องชายเพียงคนเดียว พ่อแม่หม่อมฉันตัดใจไม่ลง”“ครอบครัวของหม่อมฉันในท้องถิ่นถือว่ามั่งคั่ง จึงใช้เงินเพื่อติดสินบนขุนนางทุกระดับ สุดท้ายก็ให้หม่อมฉันเข้าวังมา”“หม่อมฉันเป็นหญิง ฝ่าบาทก็ไม่รู้เช่นกัน”จูอวิ่นเทิงเดินวนรอบกายมู่เหยา เกรงว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นความจริงประการแรก ฝ่าบาทเป็นคนส่งมู่เหยามาจริง ๆ เรื่องนี้เจิ้งเหอสามารถเป็นพยานได้สุขภาพของตนเองอ่อนแอ เรื่องนี้ฝ่าบาทรู้ฝ่าบาทส่งขันทีคนหนึ่งมาเพื่อไม่ปล่อยให้วัน ๆ เขาเอาแต่จมดิ่งอยู่ในความเย้าย

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 82

    จูอวิ่นเทิงกลับมาถึงเรือน เจิ้งเหอ เหมยเอ๋อร์ และหลานเอ๋อร์ถูกแก้มัดเชือกกันหมดแล้ว“มู่เหยาไปไหนหรือ?”“มู่เหยาบอกว่า เขาจะเข้าวังเพคะ” เหมยเอ๋อร์กล่าวเอ๊ะ ฮ่า ๆ!มู่เหยาไม่อยู่!อย่างนั้นก็เข้าไปในห้องกับเหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์ ถ่ายทอดความรู้ทางร่างกายแก่พวกนางได้น่ะสิ?เจิ้งเหอรู้ว่าหัวใจวสันต์ของคุณชายเริ่มหวั่นไหวอีกแล้ว แอบอิจฉาเล็กน้อย ก่อนกลับไปยังห้องของตัวเอง“เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ข้าเข้าไปแล้วนะ”จูอวิ่นเทิงเพิ่งจะเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงของมู่เหยา “เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว!”ร่างของจูอวิ่นเทิงพลันชะงัก ขันทีน้อยผู้นี้กลับมาได้จังหวะพอดีจริง ๆ!ไม่ใช่สิ กลับมาได้ไม่ถูกจังหวะเลยต่างหาก!เหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์เห็นดังนั้น ก็เหมือนหนูเห็นแมว รีบถอยไปยังหลังเรือนมู่เหยาเข้ามาในเรือน จูอวิ่นเทิงได้โผเข้าหาทันทีสวมกอดมู่เหยาไว้ว้าย! มู่เหยาไม่ทันตั้งตัว จึงร้องออกมาเสียงดัง“อย่าร้อง ร้องไปก็เปล่าประโยชน์!”จูอวิ่นเทิงดันมู่เหยาไปชิดผนังอย่างดุดันมู่เหยาคิดขัดขืน แต่จูอวิ่นเทิงพลันยันผนังคร่อมไว้“ท่าน ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ?” มู่เหยาหน้าแดงก่ำ“ข

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 81

    [ตาเฒ่า ท่านจะเอาแต่ดื้อรั้นเช่นนี้ไม่ได้! อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลบ้าง]การบ่นของจูอวิ่นเทิงทำให้จูหยวนจางหมดคำพูด เราสามารถพูดเสียงในใจของเจ้าออกมาได้ไหม?[เหตุผลก็เห็นอยู่ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?][เจ้าเมืองคนหนึ่ง เก็บภาษีเงินและเสบียงได้เกินเป้าทุกปี! นี่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรอกหรือ?]จูหยวนจางคิดในใจว่า การเก็บภาษีได้เกินเป้ามันคือผลงาน เหตุใดถึงกลายเป็นปัญหาไปได้?ความคิดของหลานสามผู้นี้ มักจะพิลึกพิลั่นอยู่เสมอ![ตำแหน่งกำหนดความคิด เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นขุนนางสมัยหนึ่ง ก็ต้องสร้างคุณประโยชน์ให้ท้องถิ่นนั้น นี่คือจุดยืนและมุมมองอันเป็นพื้นฐานที่สุด!][ราชสำนักให้เจ้าเก็บเสบียงและภาษีเกินเป้าแล้วหรือ?][เมื่อไม่ได้ให้เจ้าเก็บภาษีเกินเป้า หวงจื่อซิ่น เจ้าหลอกลวงเบื้องบน!][ประชาชนคิดว่าราชสำนักให้เก็บเสบียงและภาษีเพิ่ม หวงจื่อซิ่น เจ้าปิดบังเบื้องล่าง!][เก็บเกินเป้าสองส่วน หนึ่งส่วนที่เพิ่มมามอบให้ราชสำนัก ได้รับชื่อเสียงในฐานะขุนนาง! อีกหนึ่งส่วนเก็บไว้กับตนเอง เบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัว!][เพิ่มภาระให้กับชาวนา! ทวีความคับแค้นของชาวนาที่มีต่อราชสำนัก! อาศัยเรื่องน

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 80

    ดวงพระเนตรของจูหยวนจางเบิกกว้างโดยพลัน มองไปทางจูอวิ่นเทิงการสิ้นพระชนม์ของรัชทายาท!!!เกี่ยวข้องกับหวงจื่อซิ่น?!จูอวิ่นเทิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่ราวกับจะฆ่าคนของจูหยวนจาง มันทำให้เขาสะดุ้งตกใจ[ไม่ใช่กระมัง ตาเฒ่าจู ทำเอาข้าตกอกตกใจหมด!][ตอนแรกข้าก็ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่พอถูกเขามองแบบนี้กลับทำให้ดูมีเงื่อนงำขึ้นมาได้!][พระทัยของฮ่องเต้ คาดเดาได้ยากจริง ๆ ด้วย]จูหยวนจางรีบละสายตามองไปที่หวงจื่อเฉิงหวงจื่อเฉิงลังเลเล็กน้อยเช่นกัน พระเนตรของฝ่าบาทสามารถฆ่าคนได้เลย!หวงจื่อซิ่นเป็นญาติผู้น้องของเขา!ที่หวงจื่อซิ่นสามารถเป็นเจ้าเมืองหางโจว ก็เพราะจูอวิ่นเหวินเป็นคนแนะนำให้จูเปียวฝ่าบาทรู้ว่าเขากับฉีไท่สนิทกัน การที่ฉีไท่เป็นคนแนะนำหวงจื่อซิ่นแบบนี้ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างไร[ช่วงนี้ฝ่าบาทอารมณ์แปรปรวนไม่มั่นคง แต่ก็ไม่แปลก การตายของรัชทายาทคงทำให้ไม่อาจสงบพระทัย][หวงจื่อซิ่น นึกออกแล้ว! เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้!][ชาวอุทัยกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาที่เมืองหางโจวภายใต้การนำของอันธพาลท้องถิ่น ทำการเผา สังหาร และปล้นสะดม จากนั้นเดินออกจากเมืองอย่างเปิดเผยไม่เกรงกล

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 79

    หวงจื่อเฉิงไม่ยอมแพ้!เพราะการกระทำของฮ่องเต้ครั้งนี้มันเหลวไหลมากจริง ๆ!สำนักโหรหลวง มันใช่ที่ที่ผู้ใดจะเข้าไปก็ได้หรือ?ต่อให้เจ้ามีความรู้มากมาย มีความสามารถเป็นเลิศ เข้าสำนักโหราศาสตร์ไปแล้วก็คงทำได้แค่มองตาปริบ ๆนอกจากนี้ คนด้านในก็หยิ่งผยองกันทั้งนั้น!อยู่ในถิ่นของพวกเขา อย่าหวังว่าจะเข้าไปยุ่งได้!หากส่งคนที่ไม่รู้เรื่องไปสั่งการ มันจะไม่วุ่นวายไปกันใหญ่หรือ?“ฝ่าบาท เรื่องสำคัญของบ้านเมืองมีสองประการ คือการบูชาและการสงคราม การบูชามีการแจกจ่ายเครื่องเซ่น การสงครามมีการแบ่งสรรอำนาจ ทั้งสองล้วนเป็นพิธีการสำคัญที่ใช้ติดต่อกับสวรรค์เบื้องบน”“แม้อู๋อ๋องจะมีความสามารถ แต่ในแง่ของการสังเกตดวงดาวและภูมิศาสตร์แล้ว เกรงว่าจะไม่ใช่ด้านที่ถนัด”“ฝ่าบาท กระหม่อมมองว่าการให้อู๋อ๋องดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสำนักโหราศาสตร์หลวง ไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”จูอวิ่นเทิงโมโหมาก หวงจื่อเฉิงชอบขัดขาเขาอยู่เรื่อย!ข้าก็แค่สั่งสอนหวงเฉิงอิ้นลูกชายเจ้าไปเพียงเล็กน้อยที่สำคัญคือ คนผู้นี้รนหาที่เอง สมควรโดนดี!มาเชิญข้าไปร่วมงานเลี้ยงแต่กลับวางท่าโอ้อวด!แต่ว่า คำคัดค้านของหวงจื่อเฉิงก็สามารถใช้ให้เกิ

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 78

    โหรหลวงคืออะไร หากเป็นคนปกติก็ไม่มีทางที่ผู้ใดจะอยากรับตำแหน่งนี้!โหรหลวงมีชื่อเดิมว่าผู้เฝ้ามองดวงดาว ทำหน้าที่สังเกตปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ คำนวณปฏิทิน สำนักโหรหลวงจะทำงานแค่เฉพาะเหตุการณ์สำคัญเท่านั้นหากมีภัยธรรมชาติ โหรหลวงจะต้องคำอธิบายที่สมเหตุสมผล มิเช่นนั้นฮ่องเต้จะพิโรธหากเกิดสงคราม โหรหลวงจะต้องทำนายสภาพอากาศ ถ้าทำนายผิดพลาด อาจมีภัยมาถึงตัว!ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก หนึ่งในหน้าที่ของไท่สื่อลิ่งก็ดูปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และประกอบพิธีบวงสรวง ซือหม่าเชียนที่ถูกตอนก็เคยดำรงตำแหน่งนี้[ครานี้ก็อยู่ที่ว่า ตาเฒ่าจูจะตอบตกลงหรือไม่!][โหลหลวงสบายจะตาย! ไม่ต้องทำงานตั้งแต่เก้าโมงถึงสามทุ่ม หกวันต่อสัปดาห์!][เวลาทำงานก็ยืดหยุ่น! ไม่ต้องตื่นเช้าทุกวัน!][หากมีคนถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ ขออภัย ฝ่าบาท ข้ากำลังสังเกตการณ์ท้องฟ้า!][อะไรนะ เข้าประชุมงั้นหรือ? ประชุมอะไร ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังสังเกตการณ์ท้องฟ้า?][ประชุมหรือ? ชู่ว อย่าเสียงดัง! ข้ากำลังคุยกับเง็กเซียนฮ่องเต้!][ตาเฒ่าจู ท่านไม่ให้ข้าออกจากเมืองอิ้งเทียนใช่หรือไม่? ท่านไม่รู้หรือว่าดาวจื่อเวยปรากฏที่เมืองซงเจี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status