"ฉันจะเอาคนนี้"
"แกจะบ้ารึไงเพ้นท์ คนนะเว้ยไม่ใช่หมูใช่หมาที่แกจะไปยืนชี้นิ้วเลือกๆ" ตันติกรเอ่ยเตือนสติเพื่อนรักเมื่อเห็นท่าทีหมายมั่นของมัน ใช่อยู่ที่ปกติเวลาเพื่อนมีแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะกรึ่มๆ และก๋ากั่นเป็นพิเศษ แต่ไม่เคยถึงขั้นจะร้องอยากได้ผู้ชายแบบนี้
ที่สำคัญ...ดูท่าผู้ชายที่มันอยากได้จะไม่ธรรมดา
"ก็คนไง คนที่ดูดีด้วย" รวีธารยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม สายตาจับจ้องไปยังคนที่เดินกลับมาโต๊ะที่เธอเพิ่งลุกออกมาไม่กี่นาทีก่อน
"นั่นไงมาแล้ว บอกแล้วไม่ธรรมดาแกดูรอบๆ ดิไม่ได้มีแค่แกที่อยากงาบ" ตันติกรสะกิดเพื่อนให้ดูรอบๆ เผื่อมันจะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง
"แล้วไง? มันก็ขึ้นอยู่ที่เขาจะอยากงาบใครรึเปล่า" ร่างบางมองคนที่เพิ่งนั่งบนโซฟากว้างโซนวีไอพีอย่างถูกใจ
เธอชอบ... ชอบที่เขาเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วไม่เห็นเธอ ก็กวาดตามองดูรอบๆ เมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนี้เพียงแค่ยกยิ้มบางๆ พยักหน้าเชิงให้รู้ว่าจะนั่งรออยู่ตรงนี้ ถึงอย่างนั้นเมื่อมีคนเข้ามาหาก็เพียงแค่ตอบรับเป็นมารยาท แต่ก็ปฏิเสธ เรื่องอื่น อย่างสุภาพ
"แหม! ไอ้เพ้นท์พูดจาเข้า อย่างกับช่ำชอง อาทิตย์ก่อนยังปักตะไคร้เป็นเพื่อนฉันอยู่เลย"
"เห้ยเหมย! เบาดิ เดี๋ยวเขาได้ยิน" รวีธารหันมาปิดปากเพื่อนทันทีเมื่อมันเล่นพูดความจริงออกมาเสียงดังด้วยความหมั่นไส้
"ใครจะไปได้ยินวะ นั่งอยู่ไกลขนาดนั้น"
"เออ! เดี๋ยวพลาด"
"เหอะ! อยากได้ขนาดนั้นเลย แกเป็นอะไรวะเพ้นท์ อย่าบอกนะว่าเสียใจเรื่องไอ้พี่ก้องจนเป็นบ้า" รวีธารเบ้ปากทันทีเมื่อเพื่อนสนิทเอ่ยถึงแฟนเก่าตนเอง แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะอ้วก
"ไม่ต้องพูดถึงมันได้ไหม คนแบบนั้นไม่มีอะไรให้เสียใจสักนิด"
"แล้วมันเรื่องอะไรวะที่ว้อนท์อยากจะเดบิวต์ขนาดนี้" ตันติกรถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ตัวเธอเองก็รู้จักเพื่อนดีพอ มั่นใจระดับหนึ่งว่ามันไม่มีทางเสียใจเรื่องเลิกกับคนชั่วๆ แบบนั้นแน่ ซึ่งเหตุผลควายมาก คือรวีธารไม่ยอมนอนกับมัน!
"ก็....ถึงเวลามั้ง" เธอหลบสายตาเพื่อนมองไปยังคนร่างสูงที่เพิ่งวางสมาร์ทโฟนคว่ำหน้าลงกับโต๊ะท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม ท่าทางธรรมชาติของเขาไม่อาจทำให้เธอละสายตาจากภาพตรงหน้า เขาจะรู้ตัวไหมนะว่าตัวเองมีออร่าขนาดไหน ใบหน้าของเขาโดดเด่นออกมาท่ามกลางคนจำนวนมาก ดูได้จากที่เธอไม่อาจละสายตาได้เลย
ไหนจะใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั่น เหมือนเชิญชวนให้คนเข้าหาตลอดเวลา
แล้วก็นั่นแหละ...มีคนเข้าหาเขาอีกแล้ว
"ไปก่อนนะ" เธอลุกขึ้นคว้ากระเป๋าข้างตัวทันที ถ้าขืนยังเล่นตัวแบบนี้ต่อ....ได้ชวดของแท้แน่
"เพ้นท์ เอาจริงดิ" ตันติกรถามย้ำเพื่อนสนิทอีกครั้ง ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเพื่อนมาก่อน
ปีกกล้าขาแข็งนักก็ออกจากบ้านไปเลย! เหลวแหลกอย่างแกจะไปทำอะไรได้ ไม่พ้นไปมั่วผู้ชายมีผัวไปเรื่อย ทำตัวไร้ค่า!
ก็ในเมื่อป๊าอุตส่าห์อวยพรแบบนั้นแล้วแท้ๆ เธอจะทำแบบที่ป๊าพูดบ้างมันจะเป็นไร และที่สำคัญ...เธอทำแบบนี้ใช่ว่าจะไม่มีคุณค่าสักหน่อย ป๊าเอาอะไรมาตัดสิน...
"อืม"
"ป้องกันด้วย"
"ค่าาาาแม่" ตันติกรมองตามหลังเพื่อนสนิทที่เดินย้อนกลับไปโต๊ะที่มีคนตัวสูงนั่งอยู่ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าที่มันทำแบบนี้เพราะอะไร ไม่พ้นประชดที่บ้านนั่นแหละ
แต่ความจริงมันก็โดนป๊าพูดแบบนี้มาตั้งนาน ไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อน แล้วทำไม....
ใช่อยู่เพื่อนเธอไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะร้องอยากได้ผู้ชายแบบนี้ คงจะมีเรื่องทางบ้านบวกกับคงจะถูกใจ คนนั้น มากจริงๆ
เมื่อเห็นเพื่อนนั่งลงเคียงข้างกับคนร่างสูงที่มีรอยยิ้มติดบนใบหน้าตลอดเวลาก็พอเข้าใจได้
ของบางอย่างมันก็ต้องถูกใจก่อน....
ได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนตัวเองโชคดี....ขอให้รวีธารมีความสุขจริงๆ สักที
"คุยกับเพื่อนเรียบร้อยแล้วเหรอครับ" คนที่เธอไม่รู้จักชื่อ และก็ไม่คิดจะถามเหมือนที่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามเธอเช่นกันพูดขึ้นท่าทางสบายๆ ยกมือส่งสัญญาณขอเครื่องดื่มให้เธออีกแก้ว
ทรีตผู้หญิงขนาดนี้ชักไม่มั่นใจแล้วว่าเธอเป็นเหยื่อหรือเขาเป็นเหยื่อ
"ค่ะ... ฉันกลัวเพื่อนจะรอเลยบอกให้กลับไปก่อน" คนตัวสูงยกยิ้มมุมปาก เลื่อนแก้วเครื่องดื่มมาให้เธอก่อนจะส่งบัตรสีดำให้พนักงานที่เพิ่งนำมาเสิร์ฟ
"ความจริงชวนมานั่งด้วยกันก็ได้นะครับ"
"ได้จริงเหรอคะ" เธอกอดอกเอนกายพิงหลังกับโซฟากว้าง สบตาเขาก่อนจะถามกลับ แววตาเขาเป็นประกายเล็กน้อย มุมปากยังคงยกยิ้มเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเขาเคยมีเรื่องเครียดบ้างรึเปล่า
"เอาคำตอบแบบไหนละครับ" เขาถามกลับน้ำเสียงสบายๆ เหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง
"เอาแบบที่ใจคุณคิดสิ"
"ผมคิดว่าที่นี่ชักจะเสียงดัง คุยไม่ค่อยสะดวก"
"ถ้าอย่างนั้นคุณน่าจะมีที่ดีๆ แนะนำ" เธอยกแก้วจัดการดื่มจนหมด แม้หัวใจจะสั่นไหวไม่น้อยที่หลังจากวางแก้ว พบว่าสายตาเขามองกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็แสร้งทำเฉย ไม่เห็นความต้องการที่ส่งมาทางแววตา
"ไปเลยไหมครับ" รวีธารหลุดหัวเราะเล็กน้อย ส่วนเขาเกาท้ายทอยเขินๆ เสียอาการอยู่เหมือนกัน เมื่อรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
"ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
"เชิญครับ"
รวีธารลุกขึ้นเดินไปยังโซนห้องน้ำด้านใน แอบเก็บอาการสั่นไหวของร่างกายกลัวจะแสดงออกมาให้เขาเห็นว่าเธอก็แอบรู้สึก กลัว และ ตื่นเต้น
คนมันไม่เคยทำแบบนี้..ใครจะไปช่ำชองแบบเขา
ร่างบางยืนมองตัวเองผ่านกระจกใบใหญ่ หลังจากที่จัดการเติมปากเล็กน้อยเรียกความมั่นใจ รู้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำต่อจากนี้คืออะไร และก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจแน่นอน
รวีธารเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปด้านใน แต่ปลายเท้าต้องหยุดชะงักขมวดคิ้วเป็นปม เพ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ร่างคุ้นตาที่เพิ่งจะแยกจากเขามายืนคุยกับผู้หญิงอีกคนที่เธอแอบเห็นว่าเจ้าตัวลอบมองคนที่คุยกับเธอมาสักพักแล้ว
ตามกันมาขนาดนี้เลย?
คนตัวเล็กหันหลังตั้งใจเดินย้อนไปอีกทางเมื่อสองร่างจู่โจมเข้าหากัน แม้จะเพิ่งรู้จักกันแต่ก็แอบหวิวๆ ในใจไม่น้อยเมื่อเห็นเขาแนบชิดสนิทสนมกับคนอื่น
"คุณ! เดี๋ยวก่อน!" แขนเธอถูกฉุดรั้งจากทางด้านหลัง เธอหันกลับไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเบนสายตามองมือร้อนที่รั้งกันไว้อยู่
"..."
"ขอโทษที ผมกลัวตามคุณไม่ทัน" เขารีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างทำท่าคล้ายยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าเผลอจับมือเธอ ก่อนจะรีบอธิบาย
"คะ? "
"คือ..เมื่อกี้ไม่มีอะไร เขาเข้ามาคุยด้วยเฉยๆ แล้วก็...ผมไม่ได้ทำอะไร" เธอมองสบตาเขาที่กำลังอธิบาย ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นว่าเขาไม่ได้ทำอะไรอย่างที่บอกจริงๆ มีแต่ฝั่งนั้นที่เป็นคนเริ่มทำก่อน แล้วที่เธอเดินหนีออกมาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่จะให้ไปยืนดูคนกอดกันก็ยังไงๆ อยู่
"ฉันก็ไม่ได้อะไรนี่คะ" เธอยกยิ้มตอบกลับเขาเช่นกัน
"ครับ" เขาจึงตอบรับเธอสั้นๆ อย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อ
"..."
"ถ้าคุณไม่โอเค เราแยกกันตรงนี้ก็ได้" คนตัวสูงตัดสินใจพูดขึ้นอย่างแฟร์ๆ พอเข้าใจได้ว่าเธอคงเสียอารมณ์ไม่น้อย
ส่วนเขาไม่ต้องพูดถึง....โคตรจะเสียอารมณ์! และก็โคตรมีอารมณ์ด้วย!
ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ จะโดนจู่โจมขนาดนั้น
"เพราะเธอเหรอคะ" รวีธารเพยิดหน้าไปยังคนด้านหลังเขาที่ยังยืนมองกันอยู่ ไม่ไปไหน ถึงแม้ฝ่ายชายจะรีบผละออกมาหาเธอก็ตาม
"ไม่...."
ร่างสูงที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ กลืนคำพูดลงลำคอทันทีเมื่อโดนจู่โจมจากคนตัวเล็ก เพียงเสี้ยวนาทีจากความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น
จูบแผ่วเบาราวกับลมพัดอ่อนๆ ที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นเมื่อร่างสูงทาบทับริมฝีปาก ดึงดูดเม้มปลายลิ้นอย่างลุ่มลึก เรียวนิ้วร้อนสอดเข้ามาตรงต้นคอ ไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือกับผิวอ่อนที่ไวต่อความสัมผัสระหว่างแนบจูบ
ในขณะที่มืออีกข้างเลื่อนลงมาแตะที่เอว สัมผัสร้อนผ่าวลากผ่านความนุ่มลื่นของต้นขาเรียวที่โผล่พ้นเดรสตัวสั้นออกมา ก่อนจะออกแรงกดสะโพกบางให้แนบชิด บีบเคล้นตามแรงอารมณ์ปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ภายใต้กางเกง
ริมฝีปากหนาบดแนบให้จูบยิ่งล้ำลึกขึ้นก่อนลิ้นจะค่อยๆ สอดเข้ามา เมื่อความอุ่นร้อนสัมผัสกัน การจูบยิ่งหนักหน่วงร้อนแรงไม่มีใครยอมใคร ราวกับเปลวไฟที่เผาผลาญทุกความรู้สึกให้ลุกโชน
ร่างบางเป็นฝ่ายออกแรงผลักคนตัวสูงออกเมื่อรู้สึกคล้ายขาดอากาศหายใจ เธอตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อบังเอิญได้สบสายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นแรงกระหน่ำจนแทบคลั่งกับรสจูบลึกซึ้งร้อนแรง
"ดะ...เดี๋ยว" รวีธารเบี่ยงใบหน้าหนีเมื่อเขาตั้งท่าจะจู่โจมอีกครั้ง กลายเป็นริมฝีปากร้อนสัมผัสตรงลำคอแทน ลมหายใจแผ่วเบารินรดที่ต้นคอของเธอทำขนลุกวาบ สัมผัสปลุกเร้าของเขาดึงความต้องการบางอย่างในตัวให้ลุกโชน
ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ จะมีเซกซ์แอพพีลสูงขนาดนี้!!
หัวใจเธอเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสถึงริมฝีปากร้อนของเขาขบเบาๆ ที่ติ่งหู ตามด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา
"ไปรถคุณหรือรถผม"
"คุณไทม์! เบาๆ สิคะ" เธอบ่นขึ้นเสียงดัง เมื่อเขาเอาแต่ออกแรงฉุดกระชากจนเธอจะเดินตามแทบไม่ทันเขาเหมือนไม่สนใจที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อย แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสความหงุดหงิดจากตัวเขาอยู่ดี"ขึ้นรถ" เขาเปิดประตูเพยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นรถ ในขณะที่คนตัวเล็กมองไปที่รถก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูง"คันนี้เหรอคะ" เธอชี้ไปที่รถคันหรูที่เขาเปิดประตูค้างอยู่อย่างไม่แน่ใจ"ทำไม?" รวีธารไม่ตอบอะไร มองไปที่รถอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่เขาหวง และปกติไม่ให้ใครขึ้นบรรยากาศในรถกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างจากวันแรกลิบลับ ที่เธอและเขาต่างหาเรื่องเพื่อคุยทำความรู้จักกัน รวีธารไม่รู้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร และยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าไอ้ที่โมโหลากเธอมาแบบนี้เพื่ออะไร แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆ ภาวนาให้ถึงคอนโดตัวเองเร็วที่สุดใช้เวลาไม่นานเขาก็เปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดตรงหน้า ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่คอนโดเขา!"คุณไทม์มาที่นี่ทำไมคะ?" รู้ว่าเป็นคำถาม
รวีธารไม่รู้แน่ชัด ถึงเจตนาของคนที่มานั่งอยู่ข้างกัน รู้แต่ว่าพอได้คุยด้วย เขาเป็นคนคุยสนุกเลยทีเดียว เธอเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเขาหลายรอบ จนไปๆ มาๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และคุยกับเขาอย่างสนิทสนม"คุณเขตต์นี่มีความแค้นส่วนตัวกับคุณไทม์รึเปล่าคะเนี่ย เผากันซะขนาดนี้" คนตัวเล็กอมยิ้มหยอกล้อกลับ เมื่อส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่เขามักจะเผาธารณ์ให้ฟัง"ผมแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหมั่นไส้""ทำไมละคะ" "ก็มันคงอยากจะเข้ามาหาคุณใจจะขาด" เขตต์ตอบกลับยิ้มๆ มองผ่านหลังเธอไป ส่วนเธอไม่คิดจะหันกลับไปมองตามที่เขาพูด"ไม่หรอกมั้งคะ" ปกติมีแต่จะหนีหน้ากัน ไม่มีทางหรอกที่เขาจะอยากเข้ามาหาเธอ"เชื่อผมสิครับ ไอ้หมอกการันตีมาขนาดนั้น" รวีธารเลือกที่จะมาคุยเรื่องเขาต่อ เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องทั่วไปแทน เพราะกลัวเขาจะเบื่อเหมือนกัน ลำพังการที่เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว สักพักข้อความจากเพื่อนสนิทก็แจ้งเตือนเข้ามา เธอเห็นว่าเลยเวลาที่รับปากกับเพื่อนมาสักพักแล้วจึงจัดการตอบแชทว่ากำลังจะกลับ แล้วหันมาเอ่ยลากับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีไม่ติดอะไร ก่อนจะแลกคอนแทกต์ก
คนที่มีคนรอต่อคิวเพียบยกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา หลังจากที่เขาบอกให้เธอมานั่งรอด้านในสักพัก คนตัวเล็กทยอยหยิบของออกจากถุงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"วันนี้ฉันเอาผลไม้มาเพิ่มให้คุณด้วย" เธอเอากล่องอาหารออกมาเรียงวางไว้"เอามาทำไมเยอะแยะ" คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากฟังคำพูดเพื่อนถามกลับตึงๆ"เผื่อช่วงบ่ายๆ คุณหิวไงคะ""ผมไม่ได้สั่งนี่ เมื่อไหร่จะเลิกเอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้สักที" คนที่มักจะส่งกาแฟมาให้เป็นประจำกะพริบตามองเขาอย่างมึนงง เมื่ออยู่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีโมโห"ถ้าอย่างนั้นคุณทานแค่นี้ก็ได้ค่ะ" เธอเก็บกล่องผลไม้กลับเข้าถุงตามเดิม ในขณะคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรแย่ๆ เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กทันที"คือ..ผมหมายถึงบางทีผมก็กินกาแฟมาแล้ว ส่วนช่วงบ่ายผมมีผ่าตัดคงไม่ได้กิน" เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ ธารณ์ถึงกับหลับตาถอนหายใจเมื่อตัวเองเผลอปากไม่ดีอีกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย"ค่ะ ขอโทษนะคะต่อไปฉันจะไม่เอาสิ่งที่คุณไม่ต้องการมาให้อีก" เธอเพิ่งรู้ว่าการที่เอากาแฟมาให้เขาทุกวันมันฝืนความรู้สึกขนาดนี้ บางทีใช่ว่าเขาจะชอบกาแฟร้านเธอสักหน่อยและสิ่งที
"พี่เพ็ญสวัสดีค่าาา""อ้าวน้องเพ้นท์หายไปนานเลย พี่นึกว่าตัดใจไม่อยากมาส่งข้าวให้หมอแถวนี้แล้ว" รวีธารยกยิ้มกว้างตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไร จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องสาวที่นั่งรถมาด้วยเป็นสาวคนสำคัญของเขา"เพ้นท์เอาขนมมาฝากพี่ๆ ด้วยค่ะ" ร่างบางยื่นขนมถุงใหญ่ให้เพ็ญนภาด้วยความสนิทสนม หลังจากที่ไม่ได้เฉียดมาที่วอร์ดนี้หลายอาทิตย์"ขอบใจนะน้องเพ้นท์ พี่ไปไม่เคยทันเค้กกล้วยหอมของคุณน้องสักที" เพ็ญนภายื่นมือรับด้วยความเต็มใจ โดยปกติใช่ว่าเธอจะรับของฟรีตลอด ตัวเธอเองรวมถึงพยาบาลในวอร์ดต่างติดใจขนมร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลกันหมด มักจะแวะเวียนไปอุดหนุนกันเป็นประจำ ถึงแม้หลังๆ มาหญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปก็ตาม แต่พอไปทีไรมักจะไม่ทันเค้กกล้วยหอมทุกที"นี่ไงคะ เพ้นท์แยกเอาไว้เลย ว่าแต่...หมอไทม์พักรึยังคะ" "พักแล้วจ้า เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เอง แหม ของหมอไทม์คนเดียวแต่ถุงใหญ่กว่าพวกพี่อีกนะ" รวีธารยกยิ้มเขินๆ กำลังจะคุยเล่นต่อระหว่างรอ แต่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังก่อน"คุณเพ้นท์""อ้าวหมอหมอก หมอพีร์ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายคนที่เดินยิ้มมาแต่ไกล แม้แต่หมอพีร์ที่ปกติจะเห็น
รับผิดชอบ?"ทำหน้าแบบนั้นคือจะไม่รับ?""ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ตกใจเฉยๆ" ทั้งงุนงง ทั้งตกใจเลยล่ะ จะให้ตอบยังไงละเนี่ย ที่ไปไล่ปล้ำผู้ชายแบบนั้น ดูแล้วตอบอะไรไปก็ผิด"...""คือ...ฉันปล้ำคุณสำเร็จไหม""!?""ฉันหมายถึง...เหมือนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย""ไม่รู้สึก!?" คนที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอ้าปากเหวอมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ไอ้ที่นัวเนียกันขนาดนั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วไอ้รอยแดงๆ นั่นอีก! เมื่อคืนครางรับเสียงสั่นขนาดนั้นเช้ามาบอกไม่รู้สึก!"คะ...คือฉันเมามาก" เธอรีบอธิบายเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา"ก็รู้ตัวนี่ว่าเมามาก""....""แล้วรู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนไปคนเดียว แถมเวลาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ไอ้ที่ที่คุณไปน่ะ ไม่มีใครเขาใสๆ คิดดีกันคุณหรอกนะ จ้องจะลากคุณกลับกันทั้งนั้นแหละ"พูดตรงๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน หนึ่งในนั้นที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียงก็คือตัวเขาเองนี่แหละรวีธารก้มน้างุดท่าทางสำนึกผิด นิ่งฟังคนมากประสบการณ์เทศนา"ระ...รู้""รู้แล้วยังไป?" เขาขึ้นเสียงสูงถามกลับทันที ทำไมถึงทำตัวได้น่าเป็นห่วงขนาดนี้นะ แล้วทำไมกูต้องห่วงด้วย! ธารณ์คิดอย่างหงุดหงิด"ขอโทษ..."
เสียงตั้งปลุกที่ตั้งอัตโนมัติดังแจ้งเตือนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ถึงแม้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าเพียงใดแต่ด้วยความเคยชินทำให้เจ้าของเตียงนอนกว้างต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นเหมือนทุกวัน เพื่อเตรียมตัวไปช่วยที่ร้าน เนื่องจากโดยปกติช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดรวีธารผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องที่ดูหนาวกว่าปกติ ไหนจะร่างกายที่ดูโล่งแปลกๆคนตัวเล็กก้มใบหน้ามองตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพร่างกายตนเองดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามหาสิ่งผิดปกติในร่างกายตนเองแต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ ตรงลำคอและเนินอก"เมื่อคืนไปนอนเมาให้ยุงกัดที่ไหนวะเนี่ย" คนที่รู้ว่าเมาแต่ไม่รู้ว่ากลับมายังไงเกาศีรษะอย่างมึนงง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพจำสุดท้ายคือเธอนั่งอยู่กับหมอไทม์..."หมอไทม์!" คนตัวเล็กอุทานเรียกชื่อคุณหมอหนุ่มเสียงดัง เมื่อเริ่มจะคิดอะไรบางอย่างออก คุ้นๆ ว่าเขาเป็นคนมาส่ง เธอขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟ ตามด้วยเธอเดินมึนๆ ไปหาน้ำให้เขากิน หลังจากนั้น....รวีธารมองสำรวจตัวเองอีกรอบ จำได้ว่าเธอกับเขานัวเนียกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก
"เสร็จแล้ว" ธารณ์มองผลงานตัวเองเมื่อเห็นว่าหลอดไฟที่เปลี่ยนไปไม่มีปัญหาอะไร จึงก้มบอกคนตัวเล็ก แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องที่เป็นคนขอให้เปลี่ยนหลอดไฟให้จึงก้าวขาลงจากเก้าอี้ทรงสูง ไม่รู้คนเมาจะไปป่วนที่ไหนอีกคนตัวสูงเดินเอาเก้าอี้บาร์ทรงสูงไปเก็บที่เดิม ก่อนจะเดินย้อนกลับมาตรงกลางห้อง ได้ยินเสียงกุกกักจากด้านหลังจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง เห็นคนตัวเล็กเดินถือแก้วน้ำมาให้ท่าทางมึนๆ จึงอดลอบหัวเราะในลำคอไม่ได้ ตัวเองเมาซะขนาดนั้นยังจะหาน้ำหาท่ามาให้อีก แล้วนี่ไม่รู้ว่าไปหาถึงไหน จนเขาเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะออกมา"น้ำค่ะ" เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี"ขอบคุ....เห้ย!" คนตัวสูงที่กำลังเอื้อมมือไปรับ ร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องสะดุดขาตัวเองพุ่งตัวมาหาเขาจนเสียหลัก พากันหงายหลังล้มตัวลงบนโซฟาทั้งคู่"คุณเป็นไรไหม" ธารณ์ขยับตัวจุกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่วงคนตัวเล็กที่นอนซบอยู่ด้านบน"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" รวีธารผละตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวไม่อยู่ทรุดตัวลงไปอีกรอบ"ไหวไหม" ธารณ์เอื้อมมือจับไหล่คนด้านบนช่วยประคองเธออีกแรง"หมอไทม์" คนตัวเล็กที่ทรงตัวได้แล้วแ
"นั่งดีๆ เพ้นท์" เสียงเข้มข้างหูทำให้เธอพยายามปรือตามอง เมื่อเห็นเป็นคนที่อยู่ในความคิดมาโดยตลอดก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ"หมอไทม์มาได้ไง" คนที่โดนถามคำถามนี้รอบที่สามถอนหายใจยาวหนักใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่ระวังตัวของคนที่นั่งข้างๆ ก็ยิ่งหงุดหงิด รู้ตัวไหมนั่น ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่ระวังตัวเอาซะเลย!"นั่งดีๆ ไม่งั้นจะปล่อยลงข้างทาง" คนตัวเล็กหน้างอบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนดุ ความรู้สึกที่โดนบิดาต่อว่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจปะทุในอก"จะว่าอะไรนักหนา คิดว่าจะทำอะไรกันก็ได้รึไง! อยากให้มีนักใช่ไหมผัวทียี่สิบคน""อะไรวะเนี่ย! เพ้นท์! ตื่นมาคุยกันก่อน" ธารณ์ยกมือกุมศีรษะอย่างอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ แล้วผัวยี่สิบคนนี่อะไรวะ?!ความจริงมันเริ่มจากการที่เธอโทรมาหา บอกว่าจะชวนมาดื่มด้วยกัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม โวยวายเสียงกรึ่มๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ใจแข็งไม่ยอมไปอยู่ดีจนได้รับสายอีกครั้ง คราวนี้เสียงเธอไม่ใช่แค่กรึ่มๆ แต่เมาเลยล่ะ ดูท่าจะเมาหนักซะด้วย! ความจริงเขาพยายามจะไม่สนใจ เพียงแต่ไม่บังเอิญไปได้ยินเสียงจากปลายสายคล้ายมีคนเข้ามาคุยด้วย'
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหญิงประจำบ้านดังออกมาจากห้องทำงาน รวีธารที่โดนตามตัวมาเช่นเดียวกันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปจึงเลือกที่จะหยุดตัวเอง ยืนรออยู่หน้าประตูแทนเสียงที่ดังออกมาใช่ว่าจะเบา เธอจึงได้ยินหมดว่าคนด้านในคุยอะไรกัน"พายไม่เอาเด็ดขาด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพายมาก่อน!""เขาอาจติดธุระก็ได้ ลองเจอกันอีกรอบไหม""ไม่! ป๊าไม่รู้หรอกว่าพายอายแค่ไหน มีแต่คนมองมาแปลกๆ""ไม่มีใครสนใจหรอก พายคิดมาก""ไม่คิดมากหรอกค่ะ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้พายนั่งรอเกือบชั่วโมง มาถึงก็ตัวเปล่า ไม่สนใจกันสักนิด ดอกไม้สักช่อมาขอโทษก็ไม่มี!""แล้วเขาได้พูดขอโทษไหม""พูด! แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ""ก็เขาขอโทษแล้วไง""ป๊า!""เขาอาจจะติดงานด่วนก็ได้ เลยมาถึงช้า""เขาก็ต้องบอกพายสิคะ!""ก็เราบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่ให้ป๊าบอกข้อมูล ถ้าเขาอยากรู้ต้องขอเอง""ป๊า! พายเป็นลูกป๊านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพายจะไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้น!" ปังรวีธารผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงเพรียวของพี่สาวที่เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง"แกมาทำไม?""ป๊าเรียก" เมื่อเรวิกาถามห้วนๆ เธอจึงตอบกลับห้วนๆ เช่นกัน