บทนำ
ร่างสูงที่มีผู้ติดตามเช่นทุกวันกำลังเดินผ่านพนักงานนับสิบ ต่างรีบหลบทางอย่างพร้อมเพรียงให้กับนายใหญ่ก้าวตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวได้อย่างสะดวก เพียงไม่กี่อึดใจ จินณ์ รดิศไชยนันท์ ก็เข้ามาอยู่ในห้องทำงานประจำตำแหน่ง
รองประธานกรรมการ คือตำแหน่งของจินณ์ในเวลานี้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาคือบุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในบริษัท ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการเป็นของคุณอำนวยศักดิ์ ผู้เป็นลุงของเขานั่นเอง เมื่อภรรยามาด่วนจากไปจึงครองความโสดมาจนถึงอายุหกสิบห้าปีเต็มโดยไร้บุตรชายหญิง จินณ์จึงเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของท่านและเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของบริษัทอีสเทิร์น...
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ขณะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหาร เพียงอึดใจเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นร่างสูงของเลขาฯ หนุ่มก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับเอกสารห้าเล่ม
“วันนี้ดูล้าๆ นะครับ” กริชกวาดสายตามองเจ้านายของตน ขณะที่จินณ์เพียงยกยิ้มน้อยๆ
“เช้านี้มีแค่นี้เหรอ” เขาหลุบตามองเอกสาร แล้วหยิบออกมาหนึ่งเล่มพร้อมเปิดกว้าง เป็นอันตัดบทเรื่องก่อนหน้านี้
“ยังเหลืออีกห้าฉบับครับ”
คนฟังเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะขณะกวาดสายตาอ่านรายละเอียดบนเอกสารตรงหน้า แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ทว่ากริชรู้ดีว่าท่าทีเนือยๆ นั้นซ่อนความละเอียดถี่ถ้วนและจริงจังเต็มเปี่ยม
“แพลนวันนี้มีอะไรบ้าง”
กริชยกไอแพดขึ้นมาจิ้มสองสามครั้ง แล้วตอบอย่างรวดเร็ว
“ช่วงเก้าโมงเช้าประชุมคณะผู้บริหาร สิบเอ็ดโมงครึ่งมีนัดกับคุณสุทธิชัยจากเพอร์เฟกต์ กรุป ที่ห้องอาหารสาธร ส่วนบ่ายสองโมงมีนัดกับคุณเมตตาเรื่องร่วมทุนกับคู่ค้าใหม่ ส่วนบ่ายสี่โมงเย็นมีนัดกับคุณมุกตาภาครับ” กริชลดไอแพดลงอย่างบอกให้รู้ว่าจบรายงานของวันเพียงแค่นี้ จินณ์จึงพยักหน้าเบาๆ แต่ยังไม่ทันมีใครกล่าวอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นปรากฏร่างเล็กในชุดนักศึกษาพร้อมกับถาดเครื่องดื่มที่ก้าวตรงมา
สาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มวางแก้วเครื่องดื่มบนจานรองลงบนโต๊ะทำงานของรองประธาน หล่อนแทบไม่สบตาของเขาเลยสักนิด เพราะทุกครั้งที่ได้เห็นและแอบมองเขาอยู่ห่างๆ หัวใจของหล่อนจะสั่นคลอนจนแทบควบคุมไม่อยู่เสียทุกครั้งไป โดยเฉพาะเวลานี้ มีโอกาสได้ใกล้ชิดแม้เพียงไม่กี่วินาที หัวใจของหล่อนก็เต้นโครมครามจนแทบกระเด็นกระดอนออกมาข้างนอกเสียให้ได้ ยิ่งเห็นหน้าใกล้ๆ ก็ยิ่งรู้ว่าเขาทั้งดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว หล่อเหลากว่าตอนที่มองเห็นอยู่ไกลๆ เป็นร้อยเท่า ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพวกพี่ๆ พนักงานถึงได้แอบปลื้มและกรี๊ดกร๊าดท่านรองฯ กันขนาดนั้น
เวลาเดียวกัน หญิงสาวก็กำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้ชายสองคน จินณ์มองปลายนิ้วเรียวเล็กของสาวน้อยที่ประคองแก้วเครื่องดื่มวางลงบนโต๊ะของเขา ขณะที่กริชกำลังลอบสังเกตนักศึกษาสาวและเจ้านายเงียบๆ เมื่อเห็นสายตาคมปลาบที่มองสาวน้อยนิ่ง มุมปากได้รูปของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย เมื่อนักศึกษาสาวค้อมศีรษะแล้วก้าวออกไปจนพ้นห้อง จินณ์ก็หันไปมองคนสนิทของตน
“ใคร...นักศึกษาฝึกงาน?”
“ครับผม เพิ่งได้ตัวมาช่วยงานเมื่อวานนี้ แทนคุณสีที่ลาคลอดครับ” กริชหมายถึงผู้ช่วยเลขาฯ คนสนิทของเขา ที่ลาคลอดไปเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาจึงต้องหาผู้ช่วยมาทำหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ชั่วคราว เขาได้พบเด็กสาวคนนี้ฝึกงานอยู่ในแผนกเลขานุการ ดูท่าทางคล่องแคล่วหัวไว จึงขอยืมตัวมาเสียเลย เพราะเห็นแววหลายอย่าง
จินณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ จากนั้นจึงเลิกถามราวกับหมดความสนใจเพียงแค่นั้น แต่เมื่อเลขาฯ หนุ่มออกจากห้อง ริมฝีปากได้รูปคล้ายมีรอยยิ้มฉาบเคลือบเรียวปากสีเรื่ออย่างคนสุขภาพดี...
กริชเหลือบตามองสาวน้อยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ ข้างๆ โต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับยิ้มที่ถูกจุดขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นแก้มใสเป็นสีเรื่อ แน่นอนว่าทุกคนที่ได้เจอตัวจินณ์จังๆ ก็มักจะมีอาการนี้ออกมาให้เห็นเสมอ เขารู้ดีเพราะทำงานกับอีกฝ่ายมานาน พบเห็นมาแล้วหลายรูปแบบ แต่เจ้านายของเขาไม่ใช่ผู้ชายที่กินไม่เลือกหรือเข้าถึงง่าย คนระดับจินณ์เลือกเฟ้นผู้หญิงที่เขาจะยอมให้เข้าใกล้เสมอ แต่ละคนถ้าไม่สวยระดับดาราเซเลบ ก็จะต้องมีประวัติสะอาดไม่ด่างพร้อย หรือต้องสวยและโนเนม และทุกประเภทที่เขากล่าวมานี้ มีโอกาสเข้าใกล้ได้เพียงชั่วคราว ตามเวลาที่จินณ์เห็นสมควรเท่านั้น เรียกง่ายๆ คือ ถ้าเบื่อเร็วก็ไปเร็วนั่นเอง...
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองเด็กสาวหน้าใสดูไร้เดียงสาอีกครั้งด้วยสายตาครุ่นคิด วูบหนึ่งเขานึกเป็นห่วงเจ้าหล่อน เพราะเท่าที่ได้ตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด เด็กสาวตรงหน้าเป็นเด็กดีของพ่อแม่และตั้งใจเรียน ไม่ใช่เด็กเที่ยว หรือเป็นเด็กสาวใจแตก เวลาว่างหล่อนจะหางานพิเศษทำเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัวอีกทาง ที่สำคัญมีความเฉลียวฉลาดในเรื่องงาน เพราะแบบนี้เขาจึงรีบขอตัวหล่อนมาก่อนใครจะคว้าช้างเผือกตัวงามนี้ไป แต่เมื่อคิดถึงแววตานิ่งขรึมที่มองเด็กสาวของนายจ้าง เขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังสนใจและพอใจหล่อนอยู่เงียบๆ ท่าทางเรียบเฉย แต่มองนิ่งและนานแบบนั้น เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเช่นไรต่อเด็กสาวหน้าใสตรงหน้า
เมียสาวน้อยของเขาตัดมาเรื่องนี้เฉย ชายหนุ่มจึงหัวเราะขำ “ยกให้ไง แต่ถ้าอยากคืนนักก็ฝากธนาคารเอาไว้ให้ลูกของเราก็แล้วกันนะ” นารายิ้มหวานพลางผ่อนลมหายใจยาว หล่อนรู้ว่าจินณ์ไม่เคยอยากได้เงินคืน เพราะเงินที่หล่อนผ่อนจ่ายเขาก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มโอนคืนกลับมาให้หล่อนทั้งหมดหลังจากแต่งงานกันเพียงคืนเดียว “แต่ถ้ายังไม่สบายใจ ก็เปลี่ยนมาเอาใจฉันให้มากๆ แทนสิ หรือทำให้ฉันมีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว” “ทุกวันนี้ก็เอาใจมากอยู่แล้วนะคะ ขืนให้เอาใจมากกว่านี้ต้องมีใครบางคนเสียผู้เสียคนกันพอดี” หญิงสาวว่าพลางค้อนคม ตอนที่เป็นเด็กของเขาใหม่ๆ จินณ์ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่เรียกร้องมากเหลือเกิน เขากินดุ กินจุ แต่ก็ไม่เคยเอาเปรียบหรือปล่อยให้หล่อนอ้างว้าง เขาสุขหล่อนก็สุขด้วย แล้วถ้าจะให้พิจารณากันตามความเป็นจริง จินณ์เสียอีกที่เป็นฝ่ายดูแลหล่อนอย่างดี ก่อนนอนเขาจะห่มผ้าให้หล่อนอย่างมิดชิด จะดูจนเรียบร้อยว่าทุกอย่างโอเคแล้ว เวลานั้นเขาถึงจะสอดตัวนอนเคียงข้าง ไม่มีคืนไหนที่เขาไม่รั้งร่างของหล่อนเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ต่อให้ต้องแยกจากกันบ้างในช่วงหลับลึก แต่ส
งานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ของจินณ์และนาราผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น แต่เพราะเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการจึงไม่อาจพาภรรยาเดินทางไปฮันนีมูนยังที่ไกลๆ ได้ เขาจึงให้หล่อนเป็นคนเลือกสถานที่ภายในประเทศแทน นารานอนหนุนตักสามีมองเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวก่อนถูกดูดกลับไปแล้วซัดสาดเข้าหาฝั่งอีกครั้งด้วยความเพลิดเพลินภายในบ้านพัก มือหนึ่งลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมาน้อยๆ จนแทบมองไม่เห็นถ้าไม่สังเกต จินณ์ที่กำลังอ่านหนังสือหลุบตามองคนตัวเล็กแล้วเอ่ยถาม “หิวไหม” “ยังเลยค่ะ คุณจินณ์หิวหรือเปล่า” “ไม่” เขาปิดหนังสือ แล้ววางลงบนโต๊ะข้างๆ ตรงจุดนี้ ชุดโซฟาหันหน้าเข้าหาทะเล ทำให้มองเห็นวิวน้ำและท้องฟ้าอย่างชัดเจน เสียงลม เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดได้ดีทีเดียว “คุณจินณ์อยากให้ลูกของเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” นาราถามความเห็นของสามีขณะคิดถึงอนาคต ชายหนุ่มวางมือเรียวใหญ่ของตัวเองลงบนหน้าท้องที่ยังไม่เติบโตชัดเจนเบาๆ หญิงสาวจึงวางมือทาบทับบนหลังมือแกร่งเอาไว้ แล้วสบตาคมโตของชายหนุ่ม “อยากได้ทั้งหญิงทั้งชายนั่นแหละ” นารายิ
บทส่งท้ายภายในบริษัทอีสเทิร์นวันนี้ เกิดความโกลาหลจากข่าวล่ามาแรง เรื่องแรกคือดาริกาควงชายหนุ่มรูปหล่อเข้ามาในบริษัทพร้อมกัน และประกาศว่าเป็นคนรักที่เพิ่งหมั้นหมายไปหมาดๆ ทำให้คนที่เคยคาดเดาและป่าวประกาศไปต่างๆ นานาว่าดาริกากับจินณ์จะต้องใช้ชีวิตคู่กันหน้าแตกยับเยิน ในวันเดียวกันแต่เป็นช่วงเที่ยง เกิดข่าวฮือฮายิ่งกว่า เมื่อหลานชายคนเดียวของท่านประธานซึ่งก็คือท่านรองประธานคนปัจจุบัน จูงมือผู้ช่วยเลขาฯ สาวที่เคยตกเป็นข่าวกุ๊กกิ๊กเข้ามาในบริษัทพร้อมกัน วันนี้จินณ์เลือกที่จะพานารากลับเข้าบริษัทหลังจากออกไปพักเที่ยงด้วยกันโดยใช้ลิฟต์ส่วนรวม พนักงานของบริษัทอีสเทิร์นต่างตื่นเต้นที่ได้ใกล้ชิดจินณ์เป็นครั้งแรก เขาพยักหน้าและรับไหว้พนักงานของตัวเอง แล้วกุมมือของนาราเอาไว้อีกครั้งท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็น จินณ์ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้า ส่วนนาราก้มหน้านิดๆ หลุบตาลงมองแค่พื้นพลางคิดถึงก่อนหน้านี้ ‘เดี๋ยวค่ะ คุณจะไปไหน’ ‘ไปกับเธอไง’ นารานิ่วหน้า จินณ์จึงกุมมือหล่อนแล้วพาเดินตรงไปยังลิฟต์ส่วนรวม หญิงสาวพยายามขืนตัว แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้า ‘ถึงเวลาท
“หนูดีเป็นเมียฉันไง แล้วฉันก็เป็นสามีของหนูดี เป็นมาจะครบปีแล้วมั้ง หรือต้องให้ย้ำอีกครั้ง?” เขาทำท่าจะจูบอีกรอบแต่หญิงสาวดันหน้าเขาเอาไว้ แก้มนุ่มเป็นสีแดงเรื่อ หัวใจเต้นโครมคราม น้ำตาออกมาคลอหน่วยตา แล้วในที่สุดหญิงสาวก็สะอื้นออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าระหว่างดีใจกับตกใจอันไหนมากกว่ากัน “ร้องอีกแล้ว ว่าที่คุณแม่ทำไมใจน้อยแบบนี้ล่ะ” เขาปลอบเสียงอ่อนโยน ซ้ำยังรั้งหล่อนเข้าไปกอด หญิงสาวยังร้องอยู่อีกพักใหญ่ ทั้งสับสนและงุนงงไม่เลิก “แล้วคุณดาวล่ะคะ จะคิดยังไง” “ดาวไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ คนชอบเอาไปลือผิดๆ กันเอง อันที่จริงดาวมีคนรักของเธออยู่แล้ว” นาราอึ้งไปอีกครั้ง มองเขาราวกับไม่เชื่อ แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้วระหว่างจินณ์กับดาริกา ไม่เคยมีอะไรที่บ่งชี้ว่าทั้งสองมีใจให้กัน นอกจากข่าวโคมลอยเท่านั้น “จริงเหรอคะ” จินณ์พยักหน้ายิ้ม “ถามดาวเองแล้วกัน” พูดจบเขาก็บุ้ยปากไปยังหน้าห้อง ดาริกากับกริชเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม มีผู้ชายหน้าตาดีเดินตามมาเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวได้แต่งงงัน ทว่าทุกอย่างคลี่คลายลงเมื่อผู้ชายคนนั้นเข้ามาหยุดยืนเ
“ดาวต้องอยู่จัดการบางอย่างที่บริษัท สักพักคงตามมา” หญิงสาวพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ถูกชายหนุ่มห้ามเอาไว้ “ยังไปไหนตอนนี้ไม่ได้ ต้องพักผ่อน” “ไม่ค่ะ หนูดีจะกลับ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ดื้อ ตัวเองป่วยจะแย่อยู่แล้วยังจะฝืน” “หนูดีไม่ได้เป็นอะไร” หญิงสาวโต้ แม้หน้าจะซีดจนแทบไร้สีเลือด “แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” สายตาที่มองมาทำให้ลมหายใจของนาราติดขัด หลบตาเป็นพัลวัน “จริงสิคะ” คำตอบไม่เต็มเสียงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความปากแข็ง “ตอนเธอหมดสติ หมอเอาเลือดไปตรวจ แล้วรู้ไหมว่าผลออกมาว่ายังไง” นารากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หล่อนหวังเหลือเกินว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนั้น “เธอคิดจะบอกเรื่องเด็กในท้องกับฉันเมื่อไร” หญิงสาวใจกระตุกวูบ ใบหน้างามตะลึงงัน มืออีกข้างที่เป็นอิสระกำแน่น ก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา “คือ...” “ทำไมต้องปิดบัง ที่ชอบทำตัวแปลกๆ เป็นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม” นาราน้ำตาไหลออกมา ทำให้จินณ์ลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงแล้วรั้งร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้
๒๑วันนี้จินณ์ค่อนข้างเงียบขรึมกว่าทุกวัน เขาพยายามหาสาเหตุที่ทำให้นาราไม่สดใส ถ้าเป็นเพราะเรื่องข่าวลือระหว่างเขากับดาริกาเขาก็จะปัดเป่า เพราะยิ่งนานวันเขายิ่งได้รู้ว่านารามีค่ากับตนเองมากแค่ไหน หล่อนไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงเอาไว้เพื่อระบายอารมณ์อีกต่อไป เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของหล่อนเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจที่อ้างว้าง จากที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องครอบครัว แต่เมื่อรู้จักหญิงสาวเขากลับคิดถึง พอหล่อนเศร้า ใบหน้างามไร้รอยยิ้ม เขาจึงทุกข์ตามไปด้วย และคงไม่มีความสุขอีกเลยหากไม่ได้เห็นรอยยิ้มของสาวน้อยอีกครั้ง “ดาว รบกวนมาที่ห้องผมหน่อย” ชายหนุ่มวางสายจากดาริกา หลังจากนั้นสิบนาทีหญิงสาวก็มาหาเขา “มีอะไรให้ดาวรับใช้คะคุณพี่” ดาริกานั่งลงพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเขาอาการล้อเล่นก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะบอกออกมา “ผมจะแต่งงาน” คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาดาริกานิ่งงัน สตันไปหลายวินาทีก่อนจะเรียกสติคืนมา “แต่งงาน? แต่งกับใครคะ อย่าบอกนะว่าอยากจะแต่งกับดาวน่ะ ว้าย ไม่เอาหรอก”