Masuk“พี่มอส^^”ฉันระบายยิ้มออกมาเมื่อเจอร่างสูงนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นที่ประจำของฉันส่วนมากคนเขาจะไม่มานั่งตรงนี้หรอกเพราะเคยมีข่าวว่ามีงูตัวใหญ่ตกลงมาแถมยังจับไม่ได้อีกแต่ตั้งแต่ฉันนั่งมาก็ยังไม่เจองูตกใส่เลยนะไว้ค่อยตกใส่จริงๆก่อนฉันถึงจะย้ายที่นั่งแล้วกัน
“มาแล้วเหรอ”ใบหน้าหล่อยิ้มรับอย่างอบอุ่นพี่มอสจัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีคนนึงเลยนะฉันถึงไม่เชื่อไงว่าเขาจะเข้ามาจีบฉันจริงๆแต่ทว่าพอได้ลองคุยเขาเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยแหละสุดท้ายพอเขามาขอฉันเป็นแฟนฉันก็เลยตอบตกลงไปในทันที
รักครั้งแรก แฟนคนแรก แค่คิดว่าจะได้ทำอะไรร่วมกันเป็นครั้งแรกมันก็มีความสุขมากเลยแหะ
“รอนานรึเปล่าคะ”ฉันเอ่ยถามพร้อมกับดันแว่นกรอบสีดำให้เข้าที่
“ไม่เลยครับข้าวกินข้าวมารึยัง?”เจ้าตัวเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“กินมาแล้วค่ะ”
“น่าเสียดายจังพี่ว่าจะชวนเราไปกินข้าวอยู่พอดี”อ๊ากเสียดายจังรู้งี้ไม่น่ากินข้าวมาดีกว่า
“งะงั้นตอนเที่ยงเราไปกินข้าวด้วยกันไหมคะพี่มอสว่างรึเปล่า?”ฉันเอ่ยถามที่จริงกะจะไปกินข้าวกับไอบ้าเซฟตอบแทนเรื่องที่ให้ติดรถมานั่นแหละแต่เอาไว้ก่อนแล้วกันยังไงแฟนฉันก็ต้องมาก่อน
“ได้ครับตอนเที่ยงก็ได้”รอยยิ้มอันอบอุ่นถูกส่งมาที่ฉันหลังจากนั้นเราสองคนก็นั่งคุยเล่นกันเรื่อยเปลื่อยพอใกล้เวลาขึ้นเรียนก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
“ข้าวมากินที่คณะพี่ได้รึเปล่า”
“คะ?”
“คือถ้าไม่สะดวก..”
“ไม่ค่ะ!สะดวกค่ะ!”ถึงจะไม่สะดวกก็ตามแต่ฉันไม่อยากปฏิเสธพี่เขาแล้วอ่ะเอาจริงๆโรงอาหารวิศวะนี่คนแน่นมากซึ่งฉันไม่ชอบเลยแน่นอนว่าไม่ใช่มีคนเด็กคณะวิศวะมากินหรอกไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต่างพากันไปกินข้าวที่คณะวิศวะกันทั้งนั้นเพราะอะไรล่ะ
ก็อาหารตามันดียังไงล่ะ!
โดยเฉพาะเซฟเบ้าหน้าสัญญาลักษณ์ของคณะวิศวะ
ติ๊ง~
ดูสิคิดปุ๊บก็ส่งข้อความมาหาฉันปั๊บ ตายยากซะจริง-.-
“ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะไว้เจอกันตอนพักเที่ยงนะคะ^^”ฉันกล่าวลาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหยิบมือถือมาอ่านข้อความของไอบ้าเซฟ
เซฟ(ไอคนไร้มารยาท) : ยัยข้าวบูดกินข้าวด้วยกันตอนไหน?
ทั้งๆที่ฉันบอกว่าจะทักไปเองแท้ๆนี่เขากลัวฉันไม่เลี้ยงข้าวขนาดนั้นเลยรึไงกัน
ข้าวเจ้า : ตอนเย็นว่างรึเปล่าตอนเที่ยงฉันมีนัดกับแฟนแล้ว
ฉันตอบกลับก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแต่ทว่าเสียงข้อความก็ดังขึ้นรัวๆ
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : ไม่ว่าง! เธอเลิกกับแฟนแล้วมากินข้าวกับฉันซะยัยข้าวบูด
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : ตอบสิ
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : บอกให้เลิกกันไง
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : ตอบฉันเดี๋ยวนี้!
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : ยัยแว่น ยัยข้าวเน่า เห้ยยัยข้าวบูด
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : ข้าวเจ้า!
ข้าวเจ้า : โอ้ยยเดี่ยวค่อยคุยกัน ฉันต้องไปเรียนแล้วปิดเสียงนะ
ฉันพิมพ์ตอบไปอย่างโมโหไอบ้านี่เอาแต่ใจเสียจริงและฉันก็ปิดเสียงจริงๆนะถ้าเปิดสั่นมือถือก็คงจะสั่นไม่หยุดอีกแน่ๆ
คาบเรียนตอนเช้าผ่านไปได้ด้วยดีตอนบ่ายฉันไม่มีเรียนแล้วเลยคิดว่าจะกลับไปนอนชดเชยให้หนำใจแต่ตอนนี้ขอไปกินข้าวกับแฟนก่อนแล้วกัน><
ว่าแล้วก็สาวเท้าเดินไปยังคณะวิศวะที่ไม่ไกลจากคณะบริหารที่ฉันเรียนอยู่เท่าไหร่นักพี่มอสทักมาว่าเขาจองโต๊ะไว้ให้แล้วดีจังแสนดีที่สุดไอฉันก็กังวลอยู่เลยว่าจะไม่มีโต๊ะเพราะตอนเที่ยงด้วยคนต้องเยอะมากแน่ๆ
ไม่ชอบเลยแหะ แต่ทำไงได้นี่มันการกินอาหารร่วมกันมื้อแรกของฉันกับพี่มอสเลยนี่หน่า
“น้องข้าว”ฉันมองไปยังร่างสูงของพี่มอสที่โบกมือให้ฉันฉันก็รีบฝ่าผู้คนอันยั้วเยี้ยไปหาพี่เขาทันที
“รอนานรึเปล่าคะ”ฉันเอ่ยถาม
“ไม่นะแต่พี่ซื้อข้าวมาให้แล้วไม่รู้เราจะชอบกินรึเปล่าพี่กลัวคนเยอะต้องไปต่อแถวนานๆอีก”ให้ตายสิทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแสนดีขนาดนี้กันนะรู้จักเอาใจใส่ฉันด้วย
ฮื่อรักนะคะT^T
“ขอบคุณค่ะข้าวทานได้ค่ะ”หลังจากนั้นฉันกับพี่มอสเราก็เริ่มทานข้าวกันภายในโรงอาหารก็ค่อนข้างเสียงดังเพราะอยู่ในช่วงพักเที่ยงด้วยโต๊ะที่ฉันนั่งก็เป็นโต๊ะยาวๆแน่นอนว่าข้างๆฉันก็เต็มไปด้วยหนุ่มๆเสื้อชอปเลือดหมูสีประจำคณะวิศวะพร้อมกับสร้อยเกียร์ที่เขาบอกว่าผู้หญิงคนไหนสวมสร้อยเกียร์อยู่ถ้าไม่ได้เรียนวิศวะก็แสดงว่าต้องมีแฟนเป็นหนุ่มวิศวะ
มันก็แอบเท่ห์ดีนะเหมือนตีตราเป็นเจ้าของเลยแหะ
“ว่าแต่พี่มอสเคยให้สร้อยกะ..”
ตุ้บ!
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจบจู่ๆก็มีใครบางคนวางจานข้าวลงข้างๆฉันอย่างแรงนี่ฉันยังจำเป็นต้องเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ป่ะเพราะคนที่ไร้มารยาทขนาดนี้มันมีแค่ไอบ้าเซฟคนเดียวนี่แหละ!
“ไงไอเซฟ”ฉันมองพี่มอสที่ทักทายคนที่ยืนช้อนหลังฉันอยู่ว่าแล้วเชียวว่าต้องรู้จักกันแน่ๆ
“ก็ว่าอยู่เห็นบอกว่ามีแฟน..แฟนที่ว่าคือยัยเฉิ่มนี่อ่ะเหรอ?”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นฉันรีบหันไปมองค้อนเขาทันทีเซฟยกยิ้มอย่างยียวนก่อนจะนั่งลงข้างฉันอย่างถือวิสาสะแล้วไม่ใช่อะไรไงเขานั่งใกล้ฉันมากจนไหล่ของเขาเราสองแนบชิดติดกันเป็นปาท่องโก๋เลยก็ว่าได้
“ไอเซฟมึงจะไปนั่งเบียดแฟนกูทำไมมานั่งข้างกูนี่”พี่มอสเอ่ยบอกกับเซฟแต่เจ้าตัวก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินอย่างสบายใจ
“ข้าวไม่เป็นไรค่ะ”ฉันบอกกับพี่มอสพร้อมกับส่งยิ้มแห้งแอบเหยียบเท้าหมอนั่นไปเล็กน้อยด้วย
หมั่นไส้!
“นี่ยัยข้าวบูด”ใบหน้าหล่อหันมาพูดกระซิบใส่ฉันดวงตาของเขามองฉันเหมือนอยากจะจับมาบีบคอเสียอย่างนั้นก็แค่เหยียบเท้าเองป่ะแต่ฉันก็ปั้นหน้ายิ้มแย้มเป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือนกันกับอีกฝ่ายที่ทำ
“เหอะ”เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆ ตายจริงนี่ฉันไปทำให้คุณชายอารมณ์เสียซะแล้วสิ
“เมื่อกี้ข้าวจะถามอะไรพี่นะ?”พี่มอสเอ่ยขึ้น
“อ๋อไม่มีอะไรค่ะเรารีบกินข้าวกันเถอะคนอื่นจะได้มีที่นั่ง^^”ฉันเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากรีบลุกออกจากตรงนี้จะแย่ไอบ้าเซฟก็เบียดมาอยู่ได้รู้ไหมว่าตอนนี้ผู้หญิงที่ผ่านไปผ่านมามองฉันด้วยสายตาของความอิจฉามากขนาดไหน
“งั้นกูไปก่อนนะเว้ย”พี่มอสเอ่ยบอกกับเซฟซึ่งฉันก็ลุกขึ้นด้วย
กินข้าวไม่อร่อยเลยแหะเหลือเต็มจานเลยเพราะไอบ้าเซฟคนเดียวเลยมาทำบรรยากาศเสียหมด หึ่ย!
“อืม”เซฟเอ่ยตอบสั้นๆแต่สายตาเขาก็มองมาทางฉันตลอดแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจรีบเดินตามพี่มอสไปทันที
“รู้จักกับไอเซฟด้วยเหรอ?”พี่มอสถามฉันเขาอาสาเดินมาส่งฉันที่หน้ามหาลัยเพราะฉันกำลังจะกลับบ้านแต่พี่เขามีเรียนต่อ
“ไม่นะคะ”ฉันเอ่ยปฏิเสธถ้าในมหาลัยฉันจะทำเป็นไม่รู้จักกับเซฟเพราะฉันไม่อยากเป็นที่สนใจของคนอื่นที่คนอย่างฉันไปสนิทกับผู้ชายที่หล่อและเป็นที่หมายปองของสาวๆขนาดนั้น
“งั้นสินะ..ปกติไอเซฟมันขยาดพวกผู้หญิงจะตายไม่ชอบนั่งใกล้ด้วยบอกว่าเหม็นกลิ่นน้ำหอมแรงๆน่ะ”ฉันพยักหน้ารับก็พอรู้อยู่บ้างว่าเขาไม่ชอบคนที่ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆโดยเฉพาะสาวๆบางคนที่ชอบฉีดมาเหมือนอาบมาทั้งตัวแบบนั้น
“อ๋อคงเพราะข้าวไม่ได้ฉีดน้ำหอมมั้งคะเขาเลยนั่งใกล้ได้^^”ฉันพูดไปเรื่อยพร้อมกับรอยยิ้มอยู่ด้วยกันสองคนแท้ๆพี่มอสจะเอาไปบ้านั่นมาเป็นหัวข้อสนทนากันทำไมนะ
“จริงเหรอ?แต่ข้าวตัวหอมมากเลยนะไม่ได้ฉีดน้ำหอมจริงดิ?”พี่มอสทำหน้าตกใจจนฉันตกใจตามไปด้วย
มันแปลกเหรอที่ผู้หญิงไม่ฉีดน้ำหอมแล้วจะตัวหอมไม่ได้อ่ะมันก็มีวิธีทำให้ตัวหอมตั้งหลายอย่างอย่างเช่นยาสระผมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือแม้แต่แป้งที่ใช้ทาตัวทาหน้า
“จริงค่ะ..ข้าวไม่ชอบอะไรที่กลิ่นฉุนๆเหมือนกัน”ฉันเอ่ยบอกเพราะฉันเองก็ไม่ชอบกลิ่นฉุนๆเหมือนกัน
“แล้วทำไมตัวถึงหอมจังครับ”จู่ๆใบหน้าของฉันมันก็ร้อนผ่าวขึ้นมากับประโยคของพี่มอสเหมือนประโยคจีบเลยแหะทำเอาใจเต้นตึกตักเลย
“กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มมั้งคะพอดีมันเป็นกลิ่นที่แม่ของข้าวชอบน่ะข้าวก็เลยติดใช้กลิ่นนี้มาตลอด”ฉันบอกออกไปพลันนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นแม่พอได้กลิ่นนี้มันก็ทำให้ฉันนึกถึงแม่นึกถึงครอบครัวของเขาขึ้นมาฉันเลยใช้กลิ่นนี้มาตลอด
“เป็นเด็กที่น่ารักจังเลยนะครับ”อึก!โดนโจมตีครั้งที่สองหรือนี่ ฮื่อเขินไม่ไหวแล้ว><
“อ๊ะนั่นรถเมล์สายที่เราต้องขึ้นรึเปล่า?”เดินไปเดินมาก็ถึงป้ายแล้วแหะแถมรถเมล์ที่ต้องขึ้นยังมาพอดีอีก
“ใช่ค่ะถ้างั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ^^”
“ครับเจอกันพรุ่งนี้นะเดี๋ยวคืนนี้พี่ทักไปหา^^”
“ค่ะตั้งใจเรียนนะคะ”
“ครับ”ฉันยิ้มรับรอยยิ้มสุดอ่อนโยนของพี่มอสก่อนจะขึ้นไปบนรถเมล์ที่โล่งมากผิดกับตอนเช้าลิบลับฉันนั่งลงก่อนจะโบกมือลาพี่มอส อย่างมีความสุข
หลังจากที่รถเมล์เคลื่อนตัวออกฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาพบว่ามีข้อความของเซฟที่ส่งมาอยู่
จริงสิฉันลืมกดเปิดเสียงเลยแหะเลยไม่รู้เลยว่าเขาทักมา
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : ส่งรูป
เซฟ (ไอคนไร้มารยาท) : เธอตายแน่
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่มองเซฟที่ส่งรูปรองเท้าของเขาที่มีรอยตีนของฉันประทับอยู่แล้วไอบ้านี่มันใส่รองเท้าสีขาวมาเรียนเพื่อ!แต่แค่เช็ดก็ออกแล้วไหมทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
ข้าวเจ้า : จ้าๆ
ข้าวเจ้า : ส่งสติ๊กเกอร์มองบน
หลังจากกดส่งไปนึกว่าเจ้าตัวจะทักมาด่าทันทีซะอีกแต่ทว่าก็เงียบไปเลยสงสัยกำลังเรียนอยู่มั้งแต่ก็ช่างเถอะฉันขอกลับบ้านไปนอนก่อนแล้วกันง่วงไม่ไหวแล้วว
จากคู่กัดระวังกลายมาเป็นคู่รักนะคะกิ้วๆ
อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้าา
หลายปีต่อมาฟอดดด“ตั้งใจทำงานนะ^^” ฉันหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองซึ่งโต๊ทำงานของฉันก็เพียงแค่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่จริงเคยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแล้วแหละแต่ตัดสินใจย้ายไปนั่งข้างนอกแทนก็จะอะไรซะอีกล่ะหมอนั่งอยู่ด้วยกันไอหื่นกามนี่ก็เล่นจับฉันกดเช้ากดเย็นจนงานการล่าช้าไปหมดสุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแทนบ้ากามจริงๆสามีใครก็ไม่รู้“สวัสดีครับพี่ข้าว”“อ่าวหวัดดี” ฉันมองพนักงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ร่างสูงส่งยิ้มให้กับพร้อมกับวางกล่องขนมลงตรงหน้าฉัน“ทานให้อร่อยนะครับ^^”“อะเอ่อ..ขอบใจนะ” ฉันพูดอย่างเกร็งๆคือทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าฉันกับเซฟเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่สำหรับน้องคนนี้คงยังไม่รู้สินะแกร้กฉันมองเซฟที่เปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดีใบหน้าหล่อจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรทันทีฉันพึ่งจะออกมาแท้ๆเขาจะออกมาทำไมเนี่ย“สวัสดีครับท่านประธาน”“มาทำอะไร”“เอาขนมมาให้พี่ข้าวเจ้าครับ^^”“จะจีบ?”“อะเอ่อจะว่างั้นก็ได้ครับ^^” ฉันได้แต่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆหนูลูกพึ่งมาทำงานแท้ๆจะโดนตาบ้านั่นไล่ออกมั้ยเนี่ยนิสัยหวงเมียใครๆก็รู้
2ปีต่อมาฉันกลายเป็นนักศึกษาปี4และที่สำคัญคือ…ฉันเรียนจบแล้วจ้าา!! ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาฉันเองแหละทุกคน>“ยินดีด้วยนะลูก”“ยินดีกับเกียรตินิยมอันดับ1ด้วยนะลูกสะใภ้” ฉันรับช่อดอกไม้มาด้วยความเขินอาย2ปีที่ผ่านมาฉันได้รับความรักจากพวกท่านทั้งสองเยอะมากๆพวกท่านเอ็นดูฉันสุดๆเดี๋ยวก็พาไปอวดคนนั้นคนนี้อ๊ะจริงสิฉันน่ะไม่ได้เป็นสาวเฉิ่มแล้วนะแว่นตาก็ไม่ได้ใส่แล้วเหตุเพราะฉันเองก็อยากปรับตัวให้เข้ากับเซฟด้วยเช่นกันแม้ว่าเจ้าตัวจะย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแต่ที่ฉันปรับเปลี่ยนตัวเองมันไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่ก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกันความจริงแล้วตาบ้านั่นก็แค่หึงน่ะเพราะฉันน่ะมันเป็นสาวสวยนี่“ยินดีด้วยนะข้าว” ฉันยิ้มรับอ้อมกอดจากป้าซึ่งก็ลาออกจากงานแม่บ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเพราะพ่อกับแม่บอกว่าป้าได้เข้ามาเป็นครอบครัวด้วยตั้งแต่วันที่ฉันกับเซฟหมั้นกันแล้วแต่ป้าก็มักจะทำงานตามที่เคยทำแม้จะน้อยลงก็ตามที“น่าเสียดายนะที่ตาเซฟไม่ได้อยู่ด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นพูดแล้วก็เศร้าเพราะหลังจากท่ีเซฟเรียนจบเขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและตอนนี้ก็ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศได
หลังเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้านน่าตกใจตรงที่พอฉันกลับมาถึงพ่อกับแม่ของเซฟก็เรียกฉันไปคุยทันทีพวกท่านขอโทษฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในมหาลัยและบอกว่าเรื่องของนิต้าพวกท่านจะจัดการให้เองซึ่งฉันก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณไปRrrr“อ๊ะเซฟ” ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเซฟโทรเข้ามา“เซฟ!”(เอ่อไม่ใช่ไอเซฟหรอกพวกพี่เป็นเพื่อนมันเอง) ฉันชะงักไป“อ่าค่ะ..”(ไอเซฟมันเป็นไข้จนน่าจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วน่ะน้องช่วยมารับมันหน่อยได้ไหม?) ฉันเบิกตาโตทันทีทั้งๆที่บอกแล้วว่าให้กลับมานอนพักก่อนแต่เซฟก็ยังดื้อดึงบอกงานใกล้เสร็จแล้วอยู่นั่น“ได้ค่ะจะรีบไปเลยค่ะ!” ฉันพูดก่อนจะตัดสายและรีบนั่งแท็กซี่ไปมหาลัยทันทีนี่เป็นครั้งแรกเลยแหะที่มามหาลัยช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าขนลุกชะมัด“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพวกเพื่อนๆของเซฟอย่างเกร็งๆกลิ่นน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาจนฉันย่นจมูกสภาพแต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปหมดพวกพี่ๆเขาพอเห็นฉันก็ตกใจทันทีอ่าพวกเขาคงไม่ชินกับที่ฉันไม่ใส่แว่นรึเปล่านะ แล้วก็พอรู้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆเขาฉันก็แอบแต่งหน้ามาเล็กน้อยด้วยก็นะมาหน้าสดๆก็เขินอยู่“มันนอนตายอยู่นู่นน่ะ”“เอ้าไอเวรไปแช่งเพื่อนอีก..มันแค่นอนห
เซฟ PARTปรื๊ดด!!“เวรเอ้ย” ผมสถบออกมาเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดหน้ารถผมถ้าตีนไม่ไวมีหวังร่างแหลกไปแล้ว“นิต้า?” ผมขมวดคิ้วเป็นเธอนั่นเองที่กระโดดมาตัดหน้ารถผม“ไม่อยากเจอเลยว่ะแม่ง” ผมสถบในใจกะจะรีบไปคุยกับข้าวเจ้าแท้ๆ“อะไรของเธออีก” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเอ่ยถาม“นิต้ามีเรื่องจะคุย”“พูดมา”“ตรงนี้น่ะหรอ” เวรเอ้ยลืมไปเลยว่าอยู่กลางถนน“ขึ้นมา” สุดท้ายผมก็ต้องให้นิต้าขึ้นมาบนรถสงสัยต้องขายรถนี้ทิ้งซะแล้วสิ“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะไม่สบายหรอ”“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และหันมาตั้งใจขับรถแทนไว้เดี๋ยวค่อยปล่อยเธอลงก่อนถึงมหาลัยก็ได้“จะคุยอะไรก็รีบๆพูดมา” ทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยแต่ก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้ผู้หญิงมันเป็นงี้หมดทุกคนเลยรึไงกันชอบยั่วให้โมโหอยู่ได้วันนี้สภาพร่างกายก็ไม่ดีสุดทั้งปวดหัวตัวร้อนจนแม่บอกให้พักผ่อนแต่เพราะผมต้องรีบทำโปรเจคจบให้เสร็จคืนนี้เพื่อที่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเกิดผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับข้าวเจ้าทั้งวัน“นี่นายจะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาอยู่ข้างกายนายจริงๆหรอ?” ผมขมวดคิ้วทันทีเปิดปากพูดออกมาก็ไม่เข้าหูสักนิด“แบบนั้นมันแบบไหน”“ก็ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ฐานะก็ไม่
เซฟ PART“เป็นอะไร”ผมเอ่ยถามข้าวเจ้าที่นั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง“แค่กๆ” นี่ไม่ใช่เสียงไอของเธอแต่เป็นของผมเองรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวหลังจากที่ได้กินข้าวตอนเข้าเรียนคาบบ่ายก็แถมจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยสักนิดสงสัยน่าจะเป็นไข้แต่ก็สมควรอยู่เล่นหามรุ่งหามค่ำทำโปรเจ็กจบจนโดนยุงกัดตัวลายก็ยอมเพราะว่าใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วและผมก็อยากใช้เวลาในช่วงวันเกิดกับคนที่ผมชอบโชคดีที่พวกเพื่อนๆ มันเข้าใจพร้อมหามรุ่งหามค่ำไปกับผมด้วย“หูตึงรึไงยังข้าวเน่าฉันถามว่าเธอเป็นอะไร” หลังจากจอดติดไฟแดงผมก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ทว่าในดวงตาของเธอกลับมีน้ำตาคลออยู่“เห้ยเป็นอะไรใครทำอะไรอีก” ผมใช้สองมือจับใบหน้าของเธอให้หันมามองผมตรงๆ รู้สึกกระวนกระวายกลัวว่าเธอจะโดนใครไม่รู้โจมตีอีก“ปะป่าวแค่ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ” ผมขมวดคิ้วแต่ทว่าก็ต้องรีบปล่อยมือออกเพราะไฟเขียวแล้วไว้ถึงบ้านค่อยคุยกันก็ได้วะ“ฉันไปช่วยป้าเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ” ผมมองข้าวเจ้าที่พูดขึ้นโดยไม่สบตาผม“เดี๋ยว” ผมรั้งแขนเธอไว้เพราะรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ“ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ..มีไรจะพูดก็พูดออกมาเลยฉันไม่ชอบที่เธอเป็นแบบนี้” ผมพูดตรงๆ ผมชอบที่เราสอง
“นี่เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” ฉันรีบดันใบหน้าหล่อให้ถอยออกมองริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เลอะลิปสติกของฉันเซฟในตอนนี้เขาหายใจแรงมากเหมือนพยายามควบคุมความต้องการของตัวเองอยู่แกร้กฉันกระพริบตาปริบๆมองเซฟที่ทำการปลดสร้อยเกรียร์ของเขาออกก่อนจะมาสวมให้กับฉันนี่มันหมายความว่ายังไงกัน..“เซฟ..” ฉันเอ่ยชื่อเขาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้การให้สร้อยเกรียร์ของคณะวิศวะเขาว่ากันว่ามันคือของแทนใจที่จะให้กับหญิงสาวที่รักไม่ใช่หรอร่างสูงเงียบไปแต่ทว่าใบหน้าของเขากลับขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดนี่เขาชอบฉันจริงๆสินะ“ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบฉันไง” ฉันเอ่ยถามมองเซฟที่หลบสายตาฉันเขาเขินแหละแต่เก๊กอยู่“ก็ไม่ได้ชอบ” เจ้าตัวตอบปฏิเสธกลับมาแต่ฉันดันคิดว่ามันน่าเอ็นดูมากที่ปากของเขาไม่ตรงกับใจถึงขนาดนี้“ไม่ได้ชอบแล้วให้สร้อยเกียร์กับฉันทำไม” ฉันถามพรางยื่นใบหน้าไปไกลๆจนอีกฝ่ายชะงักไป“นายรู้รึเปล่าว่าการให้นสร้อยนี่กับฉันมันหมายความว่าอะไร?“กะก็แค่สร้อยธรรมดาๆ” เซฟยังคงปากแข็ง“ถ้างั้นฉันถอดนะ” ฉันทำท่าจะถอด“ชอบ”“....”“ฉันชอบเธอข้าวเจ้า” ฉันได้แต่ยืนช็อกกับคำสารภาพรักของเซฟ“เพราะงั้น..” จู่ๆเซฟก็ดึงฉันไปกอดใบหน้าหล่อฝ







