เสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ในสนามบินดังขึ้นรอบทิศทาง ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเดินสวนกันไปมาในสนามบินแห่งนี้ สองขายาวก้าวเดินไปตามทางเมื่อเจอเข้ากับคนที่มายืนรอรับ เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่มารอรับ ‘คีรัน’ ทักทายเพื่อนด้วยความคิดถึงเพราะไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานหลายปี
“เป็นไงบ้างมึงกว่าจะกลับมาให้กูเจอหน้า” ‘ศิลา’ เพื่อนของคีรันเอ่ยทักขึ้นเมื่อคีรันเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“สบายดีมึงละ”
“ก็โอเคดี”
“อืม งั้นกลับกันเถอะกูง่วงมากตอนนี้”
สองเพื่อนรักเดินคู่กันไป ก่อนสายตาของคีรันจะหันไปสบเข้ากับร่างของใครสักคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แม้เวลาจะผ่านมานานแต่เขาก็ยังจำคนคนนั้นได้ ผู้ชายในชุดสูทสีน้ำเงินที่กำลังยืนมองซ้ายมองขวาเหมือนรอใครสักคนอยู่ตรงนั้น
“มึงเดี๋ยวยืนรอกูอยู่นี่นะ”
“มึงจะไปไหน”
“ทักทายคนรู้จัก” คีรันปล่อยให้ศิลายืนเคว้งอยู่ตรงนั้นก่อนจะเดินไปหาใครบางคน
“อ๊ะ!!”
“sorry!คุณเจ็บตรงไหนมั้ยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกันคนตัวเล็กที่ตัวเองเดินชนเข้าเมื่อสักครู่
‘อลินตา’ ที่กำลังยืนรอคนมารับจู่ๆ ก็โดนใครที่ไหนก็ไม่รู้เดินมาชนไหล่เขาจนตัวของลินเซไปด้านหลังเล็กน้อยเพราะมัวแต่มองหาเพื่อนโดยไม่ได้สังเกตว่ามึงคนเดินมาทางด้านหลัง
“ไม่เป็นไรมากครับ”
“ขอโทษอีกรอบนะครับ” อีกฝ่ายก้มหัวให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
อลินตาที่ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรก็เลิกสนใจและหันไปมองหาคนที่จะมารับเขาต่อ พลางดวงตาเล็กก็ก้มมองมองเวลาบนข้อมือตัวเองไปด้วย
นี่มันจะดึกแล้วนะทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย
“ลิน! ลินกูมาแล้วมาแล้ววว” ร่างใครบางคนวิ่งเข้ามาปะทะกับตัวของอลินตาจนเกือบจะเสียหลักล้มลงไปนอนกับพื้นทั้งคู่ โชคดีที่เขาทรงตัวรับเพื่อนได้ทันไม่งั้นละก็ได้ลงไปนอนที่พื้นด้วยกันทั้งคู่แน่ๆ
“เบาๆ ไอ้สกาย”
“ก็กูคิดถึงมึงนี่นา ไปเรียนต่อที่เมืองนอกตั้งนานกว่าจะกลับมาหาเพื่อนได้” สกายพูดพร้อมทำปากยื่นใส่เพื่อนพร้อมกอดอลินตาไม่ปล่อยเพราะไม่ได้เจอกันนาน
“ก็กลับมาแล้วนี่ไง คราวนี้จะอยู่ให้มึงเบื่อหน้ากูไปเลย”
“ฮ่าๆ ดีเลยกูจะได้ไม่เหงา”
“ทำอย่างกับตัวเองอยู่ตัวคนเดียวอย่างนั้นแหละ แล้วนี่แฟนมึงไปไหนไม่ใช่ว่าหนีไปอยู่กับสาวที่ไหนนะ” ลินพูดเย้าเพื่อนก่อนที่มันจะทำหน้างอนใส่ลิน
“นั่นปากหรืออะไร พูดแบบนี้กูให้เดินกลับบ้านเองแล้วนะ”
“เอ๊ยย! กูล้อเล่นมึงก็นะ งอนเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ก็ถ้ากูพูดว่าแฟนมึงไปมีคนใหม่มึงจะ… อุ๊ปส์” สกายยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้เมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป
“กูอยากกลับบ้านแล้วไปกันเถอะ” ลินพูดตัดบทเพื่อนขึ้นก่อนจะลากกระเป๋าเดินนำเพื่อนออกไป
นั่งรถมาได้สักพักสายฝนก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับฟ้ากำลังร้องไห้ พลันอลินตาก็นึกไปถึงวันที่ทำให้ชีวิตของเขาถึงกับไม่อยากมีความรักอีกเลย
ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนตากฝนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนราวกับหุ่นรูปปั้น มองผ่านหลังไปไม่ไกลก็เจอกับชายอีกคนที่กำลังยืนกอดกับผู้หญิงอยู่หน้าตึกพร้อมใบหน้าที่จุดแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
มือทั้งสองข้างกำแน่นจนคิดว่าเล็บจะฝังเข้าไปกับฝ่ามือ พร้อมดวงตาทั้งสองข้างที่กำลังร้องไห้ออกมาแข่งกับสายฝน เขายืนดูเหตุการณ์ทุกอย่างจนกระทั่งคนทั้งคู่เดินขึ้นรถไปด้วยกันและขับรถหายลับตาเขาไป
ลินไม่ชอบสายฝน เขาไม่ชอบเพราะมันทำให้เขาหมดศรัทธาในเรื่องของความรักความไว้ใจที่เขามอบให้กับคนคนนั้นไป และสายฝนก็พาเขาคนนั้นหายไปจากชีวิตของลินด้วยเช่นกัน
แม้เวลาจะผ่านมานานนับหลายปีแล้วแต่ชื่อของคนคนนั้นก็ยังติดอยู่ในความทรงจำของลินไม่จางหายไปไหน ผู้ชายที่ทำให้ลินยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาอยู่กับเขา ยอมแม้กระทั่งทะเลาะกับพ่อเพราะไม่อยากไปเรียนต่อที่อิตาลีเพื่อที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่กับผู้ชายที่อลินตารัก
แต่สุดท้ายเขาคนนั้นก็หายไปกับสายฝน ไม่มีแม้แต่คำบอกลาสักคำผู้ชายคนนั้นทิ้งไว้แค่เพียงความทรงจำที่ติดอยู่ในใจของลินไม่จางหายไปไหน
สกายขับรถเข้ามาจอดไว้ใต้คอนโดของลินก่อนจะมีชายในชุดสูทสีดำเดินมาเปิดประตูให้ลินกับเพื่อน
สกายมองชายหนุ่มหุ่นกำยำในชุดสูทสีดำอย่างไม่วางตาเพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนด้วยความกลัวเล็กน้อย
หรือที่ไอ้ลินบอกว่าเป็นลูกมาเฟียจะเป็นเรื่องจริงวะ
“เดี๋ยวพี่กันต์ช่วยยกกระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องให้ลินด้วยนะครับ” ชายในชุดสูทสีดำก้มหัวให้เจ้านายตรงหน้าก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังรถเพื่อยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บ
“มึงหิวหรือเปล่า” สกายเอ่ยถามเพื่อน
“ไม่ล่ะตอนนี้กูอยากพักผ่อนมากกว่า”
“งั้นคืนนี้กูนอนที่นี่กับมึงด้วยแล้วกันนะ”
“อื้ม”
อลินตา พิชยพัฒน์ ลูกครึ่งไทย อิตาลี แต่อลินตาเลือกที่จะใช้นามสกุลแม่เพราะไม่อยากให้เพื่อนมองว่าเป็นฝรั่งจ๋าไป ลินเป็นลูกคนที่สองของครอบครัวและเป็นคนที่ถูกทุกคนในบ้านตามใจมากที่สุด แถมทุกคนยังยอมรับเรื่องที่ลินมีคนรักเป็นผู้ชายได้อีกต่างหาก และถึงจะโดนตามใจยังไงแด๊ดก็ยังเป็นคนเดียวที่กล้าขัดใจลินในเรื่องที่ลินขอเรียนต่ออยู่ที่ไทย จนทั้งแด๊ดและลินเกือบจะเข้าหากันไม่ติด
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปอลินตาก็ตัดสินใจดร็อปเรียนที่ไทยแล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่อิตาลีตามที่แด๊ดบอก ลินเริ่มต้นทุกอย่างที่อิตาลีใหม่หมดและหาอะไรทำระหว่างที่เรียนอยู่ที่นั่นเพื่อไม่ให้ตัวเองมีเวลาว่างมานั่งร้องไห้คิดถึงใครคนนั้น
รุ่งเช้าอลินตาได้พักผ่อนเต็มที่หลังจากที่เหนื่อยจากการเดินทางนั่งเครื่องมาจากอิตาลีเพื่อกลับมาที่ไทย ตอนนี้อาการเหนื่อยล้าก็ได้รับการผ่อนคลายเป็นที่เรียบร้อย เมื่อตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาได้รับในทุกๆ วันนั่นก็คือกาแฟที่พี่กันต์บอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาเป็นคนจัดการชงมาให้ดื่มทุกเช้า
“ขอบคุณครับ” ลินพูดพร้อมเอื้อมมือไปรับกาแฟที่พี่กันต์ชงมาให้
“วันนี้ลินต้องทำอะไรบ้างครับพี่กันต์”
“วันนี้คุณหนูต้องเข้าไปที่บริษัทเพื่อเข้าประชุมกับผู้ถือหุ้นโรงแรมครับ” กันต์เอ่ยบอกกับลูกของเจ้านาย
“ครับ” ลินนั่งจิบกาแฟพร้อมกับอ่านข่าวในไอแพดไปได้สักพักสกายที่นอนอยู่ในห้องก็เดินออกมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับลินพร้อมกับสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงจากการตื่นนอน
“มึงตื่นนานยังเนี่ย ห๊าววว~” สกายถามเพื่อนตรงหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
“ก่อนมึงจะตื่น 20 นาที”
“ตื่นเช้าอะไรขนาดนั้นวะ ขอบคุณครับ” พี่กันต์เดินเอากาแฟมาให้สกายก่อนเพื่อนพูดมากของลินจะเอ่ยขอบคุณกลับไป
“ก็วันนี้ฉันมีประชุมที่บริษัท แล้วแกจะแยกกลับเลยมั้ย”
“โห่ อะไรอะเพิ่งกลับมาเองนะ จะเริ่มทำงานตั้งวันแรกเลยหรอ” สกายพูดเสียงอ่อยกับเพื่อน เขาเพิ่งจะได้เจอเพื่อนในรอบหลายปีที่ลินไปเรียนอยู่อิตาลีพอกลับมาที่ไทยก็เข้าไปทำงานเลยมันน่าน้อยใจนัก
“ก็แค่วันนี้วันเดียวเองแกจะบ่นทำไม” อลินตาพูดขึ้นหน้านิ่งๆ
“ก็ฉันว่าจะชวนแกไปเที่ยวทะเลสักหน่อยอะ”
“แล้วจะไปเที่ยวไหน ไปเกาะที่มีโรงแรมฉันมั้ยละ จะได้ให้พี่กันต์จัดการเรื่องโรงแรมให้”
“อื้มๆ ดีๆ อยากไปที่นั่นแหละ” สกายพยักหน้าจนหัวโยกเหมือนหมาโกเด้นดีใจเวลาเจ้าของพาไปเที่ยว
“แล้วสรุปมึงเป็นลูกมาเฟียจริงๆ หรอวะ”
“ก็กูเคยบอกไปแล้วมึงจะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของมึง” ลินพูดพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย ความขมของกาแฟที่พี่กันต์ชงมาให้ ทำให้ลินตื่นเต็มตาหลังจากร่างกายได้รับหารพักผ่อน
“กูเชื่อมึงเพราะเห็นว่าพี่คนนั้นมาคอยดูแลมึงเนี่ยแหละ ดูจากหน้าตาแล้วใครเข้ามาใกล้มึงคงโดนจับหักกระดูกเป็นว่าเล่นแน่ๆ” สกายพูดพร้อมเหลือบไปมองบอดี้การ์ดของเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงที่พวกเขานั่งเท่าไร
ทั้งสองคนนั่งดื่มกาแฟด้วยกันเสร็จสกายก็กลับบ้านไป ส่วนลินก็เตรียมตัวไปเข้าประชุมที่บริษัท
ขาเรียวยาวก้าวเดินเข้าไปในบริษัท พนักงานที่เดินผ่านไปมาถึงกับหยุดเดินพร้อมกับยกมือไหว้เจ้าของบริษัท อลินตาที่อยู่ในชุดสูทสีเขียวเข้มเดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่กันต์บอดี้การ์ดส่วนตัว
เมื่อถึงเวลาประชุมผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาในห้องประชุม แต่ก่อนที่จะได้เริ่มประชุมประตูห้องก็เปิดขึ้นเสียก่อนพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่ปรากฏตัวขึ้นหลังประตูห้อง
“ขอโทษที่สายนะครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำกล่าวเอ่ยขอโทษคนในห้องก่อนจะเดินไปนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามไม่ไกลจากอลินตามากนัก
สองสายตาสอดประสานจ้องกันไปมาอย่างไม่ลดละ ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ของอลินตายากที่จะเดาได้ว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งเริ่มประชุมลินจึงเป็นฝ่ายละสายตาออกไปก่อน พร้อมกับหันไปโฟกัสกับการประชุมตรงหน้าแม้จะรู้สึกตัวว่ากำลังมีคนจ้องตัวเองอยู่ก็ตาม
เมื่อการประชุมจบผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็เดินเข้ามาทักทายอลินตา เพราะรู้ดีว่าเขาคือลูกของเจ้าของบริษัทและเป็นประธานบริษัทคนใหม่ที่คนเป็นพ่อเพิ่งจะแต่งตั้งเขาขึ้นมาแทนพี่ชายของเขาที่บินไปรับตำแหน่งแทนเขาที่อิตาลี
แต่ก่อนที่จะได้เดินออกไปจากห้องประชุมคนที่นั่งอยู่ในห้องเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ลุกออกจากห้องไป ก็ลุกขึ้นเดินมาหาลินร่างสูงดันตัวของอลินตาให้แผ่นหลังชิดไปกับผนังห้อง พร้อมกับใช้แขนแกร่งกักตัวของเขาเอาไว้ ดวงตาคมคล้ายเหยี่ยวของอีกฝ่ายจ้องมองลินอย่างไม่ละสายตาไปไหน
อลินตาจ้องมองใบหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบแปดปี มีแค่เพียงรอยสักบนต้นคอของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นที่ดูแปลกตาไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ลินเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน พร้อมจ้องมองอีกคนด้วยใบหน้านิ่ง
“ไม่เจอกันตั้งนานยังจำกันได้อยู่หรือ”
“ผมจำคุณไม่ได้ขอโทษทีนะครับ”
“จริงหรอครับ” ใบหน้าหน้าคมโน้มลงมาใกล้จนจมูกของทั้งสองคนเกือบจะชนกัน
อลินตาเอ่ยบางอย่างขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะชะงักนิ่ง
“ผมลืมคุณไปตั้งนานแล้วไม่อยากจะจำด้วยว่าคุณเป็นใคร”
“หนูลืมป๊าแล้วจริงๆ หรอครับ”
อลินตาเดินออกมาจากห้องด้วยประชุมใบหน้านิ่งที่ไม่แสดงอาการใดๆ ให้ใครเห็นก่อนจะเดินมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของตัวเองพร้อมกับล็อกประตูเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนแม้แต่พี่กันต์ที่เดินตามหลังเขามาก็ตามประตูห้องปิดลงพร้อมกับร่างบางทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าประตูบานใหญ่อย่างหมดภาพลักษณ์ของประธานบริษัท น้ำตาสีใสที่อลินตากักเก็บเอาไว้ข้างใน ส่วนลึกของร่างกายตอนนี้มันกำลังเอ่อคลอรอบดวงตาของเขา พลันในที่สุดน้ำตาหยดแรกก็หยดแหมะลงบนกางเกงอันแสนแพงของเขาและหยดต่อๆ ไปก็ร่วงรินไหลออกมาตามๆ กัน“ฮึก อะ อึก” เสียงร้องไห้ดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ พร้อมกับน้ำตาเจ้ากรรมที่ไหลออกมาไม่หยุด ความในใจที่มีมากจนเอ่อล้นออกมาเป็นน้ำตาที่ตนไม่สามารถพูดออกมาได้เมื่อเจอคนที่ตัวเองไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจอ อลินตานั่งร้องไห้อยู่หน้าประตูห้องสักพักใหญ่จนคลายสะอื้นลง จึงค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์ทางฝั่งของคีรันหลังจากที่อลินตาพูดประโยคนั้นใส่หน้าเต็มๆ ขาแกร่งที่ยืนอยู่ก็แทบทรุดลงตรงนั้น แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้เพราะเขาเป็นคนเลือกให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เอง แม้ตอนนี้เขาอยากจะอ
ดวงตาคมคล้ายเหยี่ยวเหลือบมองขึ้นไปยังหน้าห้องวีไอพีที่อลินตาหายเข้าไปในห้องนั้นกันแค่สองคน คีรันมองไปที่ชายหนุ่มใส่สูทที่ยืนอยู่หน้าห้องวีไอพีก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพยักหน้าส่งให้คีรัน บอดี้การ์ดหนุ่มหันไปกระซิบบอกกับเพื่อนอีกคนก่อนจะเดินลงมาและเดินไปทางประตูด้านหลังของร้านเมื่อเดินมาถึงบอดี้การ์ดหนุ่ม ก็เจอกับคีรันที่ยืนอัดนิโคตินเข้าปอดระหว่างที่รอเขาเดินไปหา“จับตาดูไอ้เหี้ยราเชนนั่นให้ดีๆ กูขายกับมันมาหลายปีกูรู้ว่ามันนิสัยเหี้ยขนาดไหน” คีรันพูดบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ครับ”“แล้วนัดมันมาคุยเรื่องอะไรกันที่นี่” คีรันอัดนิโคตินเขาปอดอีกรอบพร้อมถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า“เรื่องซื้อขายอาวุธครับ”“นี่เขาคิดจะมาขายอาวุธกับลูกค้าประจำป๊ากูเพื่อตัดราคากันหรือไง” คีรันพูดขึ้นอย่างไม่จริงจังนักเมื่อรู้ว่าอลินตาคิดจะขายอาวุธให้กับลูกค้าประจำขอ
ผลั๊ว!!“อึ่ก! ถุ๊ย!” ใบหน้าของชายหนุ่มหันไปตามแรงของหมัดที่ต่อยลงมาที่ใบหน้าของตัวเองก่อนจะพ่นของเหลวสีแดงออกมาจากริมฝีปาก ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้านายของพวกมันที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงหน้ามองมาที่ตัวเอง“ซ้อมกูให้ตายแม่มึงก็ไม่มีทางฟื้นกลับมาหามึงได้หรอกนะไอ้รัน หึหึ” ราเชนพูดขึ้นอย่างไม่แยแสว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะที่จะตายอยู่รอมร่อ“ปากดีไอสัตว์! เดี๋ยวมึงจะได้ตายตามแม่กูไป”“ก็เอาสิถ้ากูตายไปแก๊งมึงก็คงจะได้ตายตามกูไปด้วย หึ”“แล้วมึงคิดว่าคนอย่างกูจะยอมตายตามมึงไปมั้ยละ คนอย่างมึงก็เก่งแต่เห่าขู่คนนั้นคนนี้ไปทั่วแต่เดี๋ยวมึงก็จะไม่ได้เห่าขู่ใครไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ” ราเชนที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าหวั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกน้องของคีรันเดินมาพร้อมอุปกรณ์อะไรสักอย่างบนถาดสเตนเลส
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงขาสั้นเสมอเข่าสีดำเดินเข้ามาในผับพร้อมกับพี่กันต์ที่เดินตามหลังมา ทั้งสองคนตกเป็นเป้าสายตาของคนในผับคนหนึ่งตัวเล็กหน้าหวาน อีกคนตัวสูงใหญ่หน้านิ่งพร้อมเชือดทุกคนที่เข้ามายุ่งกับคนตรงหน้า“พี่กันต์เข้าไปนั่งด้วยกันข้างในก็ได้นะครับ” ลินเอ่ยบอกพี่กันต์หลังจากที่เดินมาส่งเขาถึงหน้าห้องวีไอพี“ไม่เป็นไรครับคุณหนู”“ถ้างั้นพี่กันต์อยากนั่งดื่มก็เต็มที่เลยนะครับ” พี่กันต์ก้มหัวให้คนเป็นนายเล็กน้อยก่อนลินจะเดินเข้าไปในห้องลินเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าตัวเองมาเป็นคนสุดท้าย คนที่อยู่ในห้องจ้องมองมาที่อลินตาเป็นจุดเดียวก่อนสกายจะเดินมาหาเขาแล้วลากไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน“สวัสดีครับน้องลินไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ศิลาเอ่ยทักทายเพื่อนของน้องชายที่ไม่ได้เจอกันนาน“ครับ
ดวงตาสีน้ำตาลกะพริบตาถี่ๆปรับสายตา เมื่อลืมตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลพร้อมขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บแผลตรงหน้าท้อง“อ่า เจ็บฉิบหาย” เสียงแหบแห้งพูดขึ้นก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้องเพราะรู้สึกไม่คุ้นเคยกับห้องที่ตัวเองนอนอยู่ ก่อนดวงตาจะไปสะดุดเข้ากับร่างของใครสักคนที่นอนขดเหมือนลูกแมวอยู่ข้างๆ ตนมือหนาเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเนียนขาว เผลอยกยิ้มให้กับภาพตรงหน้า คีรันนอนมองใบหน้าของร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะนึกไปถึงตอนที่คนตัวเล็กพูดความในใจของตัวเองออกมาตอนอยู่ที่ผับคีรันอยากจะพูดขอโทษคนตัวเล็กเป็นพันๆ ครั้งแต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถหักล้างความผิดของตัวเองไปได้มากแค่ไหนเพราะเขาได้สร้างบาดแผลที่ยากจะรักษาให้มันหายขาดได้ง่ายๆ ให้กับคนตรงหน้าคีรันค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้อลินตาอย่างอยากลำบาก จนใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกับไม่ถึงคืบรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของคนตรงหน้าใบหน้าห
คีรันมาอยู่ที่ฮ่องกงได้สองวันแล้ว นับตั้งแต่วันที่เขากอดลาคนตัวเล็กรันก็ไม่ได้ติดต่อไปหาคนตัวเล็กอีกเลย เพราะอยากจะตามสืบเรื่องที่ยังค้างคาในใจของตัวเองทั้งอยากจะสะสางเรื่องลูกค้าที่กู้เงินยังไม่ยอมจ่ายอีกเป็นสิบๆ คน“เดี๋ยววันนี้กูจะไปเยี่ยมคุณเซียวที่บ้านใหญ่เขา พวกมึงเตรียมของฝากไว้ให้เขาหรือยัง”“เตรียมแล้วครับ” คีรันสั่งลูกน้องให้หาของฝากไปฝากคนที่เขากำลังจะไปเยี่ยมที่บ้าน เมื่อถึงเวลารันก็ให้ลูกน้องขับรถพาไปที่บ้านของคุณเซียวทันที“อารัน ดีๆ มาๆ เข้ามานั่งข้างในก่อน” ชายหนุ่มสูงวัยอายุราวๆ หกสิบต้นๆ เรียกให้แขกคนสำคัญเข้ามานั่งดื่มน้ำชาในห้องรับแขก ชายหนุ่มเดินตามเข้าไปข้างในพร้อมกับถือของฝากในมือเข้าไปในห้องด้วย“สวัสดีครับคุณเซียว ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีนะครับ” รันเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้ม และเดาว่าอีกฝ่ายก็
ถึงวันที่อลินตาต้องเดินทางไปเที่ยวกับสกายที่เกาะแห่งหนึ่งทางใต้ที่มีโรงแรมของเขาตั้งอยู่ที่นั่นด้วย อลินตากับสกายใช้เวลาเดินทางครึ่งค่อนวันก็ถึงโรงแรมของลิน มาถึงเขากับสกายก็แยกกันพักคนละห้องก่อนจะพากันออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดร่างบางในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีครีมเดินตามหลังเพื่อนลงมาที่ริมหาดหลังจากที่เดินไปบอกให้พนักงานเตรียมอาหารมื้อค่ำให้ และบอกให้พี่กันต์กับบรู๊คพักผ่อนได้ตามสบาย“อ่าา ไม่ได้มาเดินเล่นอยู่ที่ริมทะเลแบบนี้ก็นานแล้วนะ” สกายพูดขึ้น“กูก็ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้นานแล้วเหมือนกัน” สกายหันไปมองเพื่อนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างตัวเองก่อนจะยิ้มออกมา แล้วหันไปมองทะเลตรงหน้า“เล่นน้ำกันมั้ยมึง” อลินตาหันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะส่ายหน้าออกมา ชวนเล่นน้ำไม่ได้ดูแดดประเทศไทยเลยสักนิดอีกนิดเขาเกรียมเหมือนไก่ย่างได้แล้วมั้ง“มึงดูแดดก่อนสิไอ้กาย ร้อนจะตายมึงจะเล่นก็เล่น
แผ่นหลังของอลินตาแตะลงบนเตียงพร้อมกับร่างของคีรันโน้มลงมาทาบทับอย่างไม่เต็มตัวนักเพราะกลัวอีกคนจะรับน้ำหนักของตัวเองไม่ไหว ริมฝีปากหนาบดจูบริมฝีปากบางอย่างกระหาย ลิ้นร้อนไล่กวาดชิมความหวานของริมฝีปากบางพร้อมดูดดึงปลายลิ้นของอีกฝ่ายจุ๊บ จ๊วบเสียงบดจูบ เสียงน้ำลายดังคละคลุ้งไปทั้งห้อง สองร่างนอนกอดเกี่ยวกันเมื่อทั้งสองต่างก็โหยหายกันและกันทั้งอีกฝ่ายยังมีแอลกอฮอล์ในร่างกายที่ดื่มมาเยอะพอสมควรอีกจึงมีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาอย่างไม่คิดอายคีรันผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อยก่อนจะไล่จมูกลงบนซอกคอขาว อลินตาร้องขึ้นเบาๆ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ร่างหนามองรอยสีกุหลาบที่ตัวเองทำเมื่อกี้พร้อมยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจก่อนจะเริ่มปลดกระดุมของคนใต้ร่างออกจนร่างขาวโพลนปรากฏต่อหน้าคีรันพลิกให้อลินตานอนคว่ำยกตัวขึ้นในท่าคลานเข่า ก่อนจะไล้ริมฝีปากกดจูบไปทั่วแผ่นลงมาจนถึงสะโพกงอนที่ยังมีกางเกงขาสั้นปกปิดความ
เวลาล่วงเลยผ่านมาจนตอนนี้อาทิตย์หน้าอลินตาก็ต้องเตรียมของใช้ไปที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยเพราะถึงเดือนที่เขาใกล้จะคลอดแล้ว ตอนนี้ว่าที่คุณพ่อลูกสองก็เริ่มยุ่งๆ อยู่กับงานที่บริษัทเพราะเขาต้องมอบหมายหน้าที่ให้กับอีกคนเพราะคีรันอยากจะหยุดทำงาน 3 เดือนเพื่อออกมาดูแลลูกแฝดช่วยอลินตาตอนแรกที่ลินรู้ก็ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้คีรันหยุดงานนานเกินไปเผื่อมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นที่บริษัท คีรันก็บอกกับเขาว่าคนที่ตัวเองมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นประธานบริษัทแทนคีรันในช่วงที่คีรันหยุดงานเป็นคนที่อยู่กับเขามานานและไว้ใจได้ แล้วคีรันก็ไม่ได้ให้คนนั้นมาดูแลแค่คนเดียวแต่จะมีป๊าของเขาเข้ามาดูแลช่วยด้วยอีกคนคนตัวสูงบดจมูกลงบนแก้มจ้ำม่ำของคุณแม่ลูกสองที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเด็กแรกเกิดอยู่ที่เตียงนอนเพื่อรอคีรันอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนพร้อมกัน“อื้ออ!!”“หอมจัง” พูดจบก็เดินมาอ้อมเตียงมาฝั่งที่ตัวเองนอนก่อนจะขึ้น
เข้าสู่เดือนที่ 5 ร่างกายของคุณแม่ลูกแฝดก็เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้น หน้าท้องที่เคยแบนราบตอนนี้กลับเริ่มนูนยื่นออกมาเพราะในท้องของคุณแม่มีเด็กๆ อยู่ด้วยกันตั้งสองคน“หนูระวังครับ!” คีรันสาวเท้ารีบเดินไปประคองคุณแม่ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับโดนอลินตาเหวใส่เพราะเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้งตกใจ“พี่รันจะเสียงดังทำไมครับ”“ก็ลินจะเดินลงมาจากชั้นบนทำไมไม่เรียกพี่ละครับพี่จะได้เดินขึ้นไปรับ”“แค่นี้เองลินเดินลงมาเองได้สบายมากครับ”“ดื้อ!!” คีรันดุคนรักอย่างไม่จริงจังมากนักพร้อมกับยกมือขึ้นบีบจมูกรั้นของอลินตาอย่างมันเขี้ยวคีรันพาอลินตาเดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอสกายกับสายฟ้าที่โทรมาบอกเมื่อช่วงเช้าว่าจะเข้ามาหา อลินตานั่งกินมะม่วงกับคีรันรออยู่ไม่นานคนที
สกายเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ที่โรงจอดรถของบ้านสายฟ้า เมื่อเขากำลังปิดประตูก็มีมือหนามาจับเอาไว้ไม่ให้สกายปิดประตูรถได้“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” สายฟ้าเอ่ยกับสกายด้วยน้ำเสียงเรียบ“ไปส่งทำไมครับผมเอารถมา” สรรพนามที่เรียกผมแทนชื่อตัวเองบ่งบอกว่าเจ้าตัวดูจะไม่พอใจเอามากๆ จนสายฟ้ารู้สึกเจ็บจื๊ดๆ ที่อกข้างซ้ายเสียอย่างนั้น“พี่ขอโทษครับ”“ขอโทษทำไมครับพี่ฟ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ปล่อยด้วยครับผมจะกลับบ้าน”“ให้พี่ไปส่งนะครับคนดี พี่ฟ้าขอโทษต่อไปนี้พี่ฟ้าจะไม่แกล้งหนูแล้ว” สายฟ้าพูดพร้อมจับที่ข้อมือของสกายพร้อมออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลงมาจากรถ“พี่ฟ้าจะพาผมไปไหนครับ”“ไปหาแด๊ดกับแม่พี่ครับ” พูดจบก็ลากคนตัวเล็กเดินกลับเข้าไปในบ้าน พอดีกับคีรันและอล
คุณหมออนุญาตให้คีรันออกจากโรงพยาบาลได้แต่ก็ต้องกลับไปให้หมอล้างแผลและรักษาบาดแผลที่เหลือให้หายต่อ คีรันเลือกกลับมาฟื้นฟูร่างกายที่บ้านแทนคอนโดเพราะอลินตาเสนอจะมาดูแลเขาหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล แม้จะค้านแต่คุณแม่ท้องอ่อนก็ดื้อดึงที่จะมาคีรันไม่อยากให้อีกฝ่ายเดินเหินเยอะเพราะท้องอ่อนอยู่จึงเลือกมาที่บ้านดีกว่าเพราะที่บ้านยังมีแม่บ้านที่พอจะเรียกใช้ได้“ค่อยๆ เดินนะครับ” คนตัวเล็กบอกคนเจ็บที่กำลังช่วยกันพยุงตัวมานั่งที่เก้าอี้อยู่ที่สวนหน้าบ้านในยามเช้าของวัน“หนูทำไมไม่หาผ้ามาคลุมด้วยครับอากาศเย็นๆ แบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”“เดี๋ยวลินให้พี่แป้งไปหยิบให้ก็ได้ครับ” อลินตาหันไปบอกกับพี่เลี้ยงที่ตามมาดูแลเขาที่นี่ตามคำสั่งของแด๊ดให้พี่แป้งไปหยิบผ้าคลุมมาให้ตามที่คีรันบอก เมื่อได้ผ้าคลุมตัวเองแล้วอลินตาก็ถูกคนตัวสูงบังคับให้ไปนั่งข้างๆ กันก่อนที่แขนแกร่งจะกอดเขาไว้แน่น&ldq
“ไม่จริง…พ่อโกหก พ่อพูดโกหกไอ้รันเป็นคนบอกผมเองว่าเกาะนั่นเป็นชื่อของมันไม่ใช่ชื่อผม ไม่จริง! พ่อโกหก พ่อโกหกผม!!!”ภายในห้องเงียบสงัดเมื่อสิ้นประโยคที่พายุตะโกนออกมาทั้งน้ำตา ขาทั้งสองข้างก็พลันทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างแรงตรงหน้าผู้เป็นบิดาที่ยืนน้ำตาไหลด้วยความเสียใจที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคนคนเดียว“พะ อึก พ่อโกหก”“ทุกอย่างที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”“อึก”“ยอมรับผิดเถอะนะพายุเรื่องทุกอย่างจะได้ทุเลาลง”“ผะ ผมขอโทษ พ่อผมขอโทษ” ณรงค์เดินเข้าไปหาลูกชายพลางทรุดตัวนั่งคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้นพร้อมเอื้อมมือไปแตะลงบนไหล่อันสั่นเทาของลูกชาย“ฉันไม่เคยโกรธเคยเกลียดแกเลยเพราะแกเป็นล
"ถ้าหนูไม่พูดพี่ฟ้าจะไม่ใจดีแล้วนะครับ"“....” สกายนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรใด ๆ ออกมาเมื่อได้ยินที่คนตัวสูงพูดแบบนั้น“หมดฤทธิ์แล้วเหรอครับ” สายฟ้าพูดยิ้มๆ โดยที่คนบนตักไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังถูกเขาต้อนให้จนมุมอยู่“เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้กับผมสักทีครับ”“พี่ทำอะไรเหรอครับ”“ก็ที่ทำอยู่นี่ไงครับ ผมไม่อยากรู้สึกกับพี่ไปมากกว่านี้แล้วพี่ฟ้าปล่อยผมไปได้มั้ยครับแล้วผมสัญญาว่าจะไม่มาให้พี่ฟ้าเจอหน้าผมอีกเลย” คนพูดพยายามเก็บอาการไม่ให้อีกฝ่ายจับน้ำเสียงของเขาได้ว่ามันกำลังสั่นแค่ไหน“พูดเหมือนจะไปที่ไหนเลยนะครับ” สายฟ้าเอ่ยถามคนบนตัก“ผมกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผมกำลังจะตัดใจจากพี่ฟ้าและไปเริ่มต้นใหม่ที
ช่วงสายของวันอลินตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวเล็กน้อยเพราะเมื่อวานร้องไห้ไปเยอะ เปลือกตาสีไข่กะพริบตาขึ้นลงเพื่อปรับสายตากับแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในห้อง ภาพตรงหน้าของเขาตอนนี้คือฝ้าเพดานสีขาวสว่างก่อนที่รอบดวงตาจะรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา หยดน้ำตาร่วงรินไหลลงมาข้างหางตาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้เบาๆเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับหมอและพยาบาลที่เข้ามาตรวจอาการของลิน สายฟ้าที่นอนหลับอยู่ที่โซฟาในห้องพักกับสกายก็สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงหมอและพยาบาลพูดคุยกับคนไข้บนเตียง“ตอนนี้คนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วถ้ายังไงหมออยากให้คุณระวังตัวให้มากขึ้นด้วยนะครับเพื่อตัวคุณแล้วก็เด็กในท้องครับ”“ครับ?” คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงนั่งมึนอยู่กับคำพูดของหมอเมื่อครู่เขาท้องอย่างนั้นเหรอ?“อะไรนะครับหมอ” สายฟ้าที่ได้ยินหมอพูดเมื่อกี้ก
ปัง!!เสียงปืนดังขึ้นมาจากทิศทางหน้าประตูห้องพร้อมกับการปรากฏร่างของสายฟ้ากับสกายและลูกน้อง ฝั่งของเสี่ยสิงห์เมื่อได้ยินเสียงปืนที่มาจากทิศทางอื่นลูกน้องก็รีบวิ่งไปคุ้มกันพร้อมทั้งยังพาไปหลบในมุมคีรันเมื่อเห็นว่าทุกคนวิ่งหาที่หลบก็รีบพาอลินตาวิ่งไปหาสายฟ้า“หลบ!” เสียงของสายฟ้าร้องขึ้นเมื่อเห็นพายุที่หลบอยู่หลังโซฟาตัวใหญ่เล็งปืนมาคีรัน คีรันดันให้คนรักก้มลงพร้อมทั้งใช้ตัวเองบังเอาไว้ ก่อนที่สายฟ้าจะส่งสัญญาณให้รีบวิ่งออกไปปัง!กระสุนจากพายุยิงมาโดนแขนของคีรันจนเลือดไหลย้อยลงมาตามแขนซึ่งเป็นช่วงที่ลูกน้องของสายฟ้ายิงสะกดพวกเสี่ยสิงห์เอาไว้ให้คีรันกับอลินตารีบหนีไปขณะที่กำลังจะวิ่งไปถึงหน้าลิฟต์ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมกับลูกน้องของเสี่ยสิงห์ที่ผู้เป็นนายเรียกให้ขึ้นม
คีรันตื่นขึ้นมาด้วยอาการเจ็บบริเวณท้ายทอยตรงที่โดนลูกน้องของเสี่ยสิงห์ใช้กระบอกปืนทุบเขา คีรันอยากจะเอื้อมมือไปจับตรงที่ปวดแต่ก็เหมือนจะยากยิ่งเพราะทั้งแขนและขาของเขาตอนนี้ถูกมัดติดกับเก้าอี้เอาไว้ดวงตาสีเปลือกไข่กะพริบตาถี่เพื่อปรับสายตาก่อนจะเห็นภาพเบื้องหน้าของตัวเอง เตียงนอนหลังใหญ่สีขาวตอนนี้มีร่างเล็กของอลินตานอนหลับอยู่พร้อมทั้งแขนทั้งสองข้างยังถูกมัดติดกันเอาไว้อีก“ฟื้นแล้วเหรอคุณคีรัน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอยู่เบื้องหลังของคีรัน พร้อมกับเสียงฝีเท้าของเสี่ยสิงห์เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขา“ปล่อยเมียกู!” คีรันเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่ๆ ข้างๆ เขาด้วยน้ำเสียงเรียบโดยไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิดว่าตัวเองจะถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้ง“อ่า อย่าเพิ่งรีบร้อนสิครับ ผมยังไม่ได้เล่นอะไรสนุกๆ ให้คุณรันดูเลยนะครับ” ร่างสูงเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีอลินต