Beranda / รักโบราณ / อัปลักษณ์จวนเดียวดาย / ตอนที่ 5 ของขวัญปริศนา 1.5

Share

ตอนที่ 5 ของขวัญปริศนา 1.5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-05 09:06:17

วันรุ่งขึ้น

รถยนต์คันหรูของโรงแรมชื่อดังที่สองพี่น้องเลือกเข้าพักในเมืองลั่วหยาง วิ่งตรงเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูซึ่งในอดีตผู้คนในสมัยโบราณจะเรียกที่พักอาศัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งว่าจวน

ครั้นเมื่อกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปจากการเรียกขานเช่นนั้น แปรเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์เข้ามาแทนที่ในยุคสมัยปัจจุบันและมีการสร้างบ้านเลียนแบบในยุคโบราณพบเห็นมากมายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานะทางสังคมที่ดีไม่ต่างอะไรไปจากยุคอดีตแม้แต่น้อย

“โอโห่! นี่นะเหรอจวนโบราณทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ บรรยากาศก็ดูขลังเป็นบ้าเลย” นักร้องสาวพูดพึมพำอยู่คนเดียวสายตามองประตูทางเข้าจวนขนาดมหึมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

“มองผ่านแว่นกันแดดแบบนั้นจะเห็นอะไรชัดไหมนะ” หลี่ยู่บอกน้องสาวของเธอทั้งๆ ที่ยังวุ่นวายหาของในกระเป๋าของน้องสาวอยู่ในขณะนี้

หยางเฟยอี้กระดกแว่นกันแดดให้ขยับลงต่ำพลางมองพี่สาวของเธอกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเธอช่างดูวุ่นวายเสียจริง

“พี่ใหญ่หาอะไรนะ! อะไรหายเหรอ” หญิงสาวถามกลับไปอย่างสงสัย

“ก็เพราะหาไม่เจอนี่สิกำลังคิดอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำหาย ในเมื่อคืนก่อนพี่เป็นคนเอาม้วนภาพวาดนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าใบนี้ด้วยตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงหาไม่เจอแล้ว” หลี่ยู่บ่นพึมพำเป็นการใหญ่พลางยกมือเกาศีรษะตัวเองไปมา

และนั่นทำให้หยางเฟยอี้ขมวดคิ้วสวยเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินพี่สาวกล่าวออกมาเช่นนั้น

“ภาพวาดอะไรเหรอพี่ใหญ่แล้วไปเอามาจากไหน หนูเพิ่งรู้นะว่าพี่ใหญ่มีเวลาไปเดินซื้อของด้วย” หญิงสาวถามกลับไป

“ใครบอกเล่าว่าฉันมีเวลาไปเดินซื้อ แกก็เห็นว่าพี่ใหญ่อยู่ติดตัวแกตลอดไม่ได้ไปไหน ภาพวาดนั้นแฟนเพลงเขาให้เป็นของขวัญในวันแรกที่แกมาถึงสนามบิน พี่ใหญ่เพิ่งแกะออกดูเมื่อคืนก่อนก็เลยรู้ว่าเป็นภาพวาด และที่ค้นหาเพราะว่าเป็นภาพของจวนที่นี่แหละ มีเส้นทางบอกอย่างละเอียดว่าจะต้องไปจุดไหนของจวนคล้ายแผนที่เลย แตกต่างตรงที่เจ้าภาพนั้นเหมือนมีชีวิตเลยนะขนาดปลายังรู้สึกว่ามันกำลังว่ายน้ำเลย”

หยางเฟยอี้ยืนฟังอ้าปากหวอเมื่อได้ยินพี่สาวอธิบายสรรพคุณของภาพวาดปริศนาให้เธอล่วงรู้

“แหม! เวอร์อะไรปานนี้พี่ใหญ่ พูดราวกับว่าภาพวาดนั้นมีชีวิตเป็นไปไม่ได้หรอก จริงอยู่ที่จิตรกรสมัยนี้เขามีพรสวรรค์และมีฝีมือมากแต่จะวาดอะไรก็ตามให้มันมีชีวิตขึ้นมาเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน อย่าไปสนใจเลยเลิกหาเถอะคงหลงลืมที่เก็บกระมังถ้าใส่เอาไว้ในกระเป๋าจริงๆ ป่านนี้ก็ต้องหาเจอแล้วสิกระเป๋าก็ใบแค่นั้นเอง ทางที่ดีไปติดต่อคนนำทางพาเราเที่ยวชมจวนโบราณดีกว่าจะมาเสียเวลาค้นหาแบบนี้” หญิงสาวพูดพร้อมชี้มือไปทางหน้าประตูทางเข้าของจวน ซึ่งมีโต๊ะวางอยู่ด้านหน้าคอยให้บริการ

หลี่ยู่หยุดค้นหาทันทีเมื่อได้ยินน้องสาวบอกกลับมาเช่นนั้น

“เออใช่! ก็จริงอย่างที่พูดนะมัวมาเสียเวลาค้นหาอยู่ทำไม ใช่ว่าหาเจอจะเดินเที่ยวจวนได้ถูกเสียที่ไหน อย่างไงก็ต้องติดต่อคนนำเที่ยวพาเราเดินชมจวนอยู่ดี ลี่ลี่เอ๊ยลี่ลี่เธอนี่นะคงจะแก่แล้วจริงๆ”

พี่สาวจอมเฮี้ยบบ่นให้กับตัวเองพลางรูดซิปปิดกระเป๋าเอาไว้ตามเดิมก่อนจะเดินนำหน้าไปบริเวนหน้าประตูเพื่อติดต่อเข้าเยี่ยมชมจวนโบราณ

เพียงไม่นานหลังจากเสียค่าธรรมเนียมเข้าเยี่ยมชมสถานที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจ่ายค่าบริการจ้างเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่ที่จวนโบราณดังกล่าวนำทางสองคนพี่น้องเข้าเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งถูกสร้างเลียนแบบมาจากจวนของเชื้อพระวงศ์ในยุคชุนชิว แต่ละจุดที่เข้าเยี่ยมชมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่สองพี่น้องชาวฮ่องกงเป็นอันมาก

สองพี่น้องเดินเที่ยวชมจวนโบราณอย่างเพลิดเพลินจนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องพร้อมเสียงของนักร้องสาวดังแทรกขึ้น

“พี่ใหญ่ถิงถิงหิวน้ำจังเลย!” หญิงสาวบอกพี่สาวพลางกวาดสายตามองหาคนเดินขายน้ำดื่มที่จะเห็นเป็นระยะๆ เพื่อคอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

หลี่ยู่พยักหน้าขึ้นลงเมื่อได้ยินน้องสาวบอกกลับมา พร้อมหันไปถามเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้นำทางพาเธอและน้องสาวเดินชมจวนมาหลายชั่วโมงแล้ว

“ทานน้ำอะไรดีค่ะ เดี๋ยวจะได้ซื้อมาให้ด้วยเพราะคุณใช้เสียงอธิบายติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้ว เสียงได้แหบกันพอดี” หลี่ยู่ถามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกลับไป

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับพอดีว่าผมดื่มชามากาหนึ่งแล้ว สามารถอธิบายให้พวกคุณฟังได้อีกนานไม่ต้องห่วงครับ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบกลับมา

หลี่ยู่ส่งยิ้มกลับไปเมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้นพร้อมหันกลับไปมองน้องสาว

“เดี๋ยวพี่ใหญ่กลับมา ยืนรอตรงนี้นะพอดีเห็นคนเดินขายน้ำอยู่ตรงประตูถัดไปแล้ว” หลี่ยู่บอกน้องสาวพร้อมหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่จากทางรัฐบาลที่ถูกส่งมาให้คอยดูและบริการนักท่องเที่ยว

“ช่วยดูแลน้องสาวสักสิบนาทีนะคะ ไปแปบเดียวเดี๋ยวมาค่ะ” หลี่ยู่เอ่ยฝากฝังคนตรงหน้า

“ไม่ต้องห่วงครับที่นี่ปลอดภัย มีกล้องวงจรปิดติดทุกมุมสบายใจได้เลย” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนยันกลับไป

ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของหลี่ยู่ส่งกลับมาให้พร้อมเสียงของนักร้องดังชาวฮ่องกงเอ่ยขึ้นเมื่อเธอพบกับความแปลกใจ

เมื่อหยางเฟยอี้รูดซิปดเปิดกระเป๋าที่พลัดกันสะพายกับพี่สาวอยู่เป็นระยะ ซึ่งตอนนี้กระเป๋าใบดังกล่าวอยู่ที่เธอ

หญิงสาวล้วงมือเข้าไปภายในเพื่อควานหาเพาเวอร์แบงค์มาเสียบชาร์จเข้ากับมือถือของเธอ หลังจากใช้ถ่ายภาพของตัวเองและพี่สาวในขณะที่เดินชมจวนนับได้เป็นร้อยๆ ภาพเลยทีเดียว

“อะไรกันนี่!” หญิงสาวพูดพลางหยิบกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดยาวซึ่งบรรจุม้วนภาพวาดอยู่ภายในนั้น ก่อนจะดึงออกมาจากกระเป๋าพลางพลิกไปมาด้วยความแปลกใจ

“นี่กระมังคงจะภาพวาดที่พี่ใหญ่หาอยู่เมื่อสามชั่วโมงก่อน ก็ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยยังอยู่เหมือนเดิมทำไมพี่ใหญ่หาไม่เห็นนะแปลกจังเลยสงสัยจะแก่ตัวแล้วจริงๆ” หญิงสาวพูดพลางเปิดฝากล่องด้านบนก่อนจะเทม้วนภาพออกมาพร้อมยื่นส่งให้เจ้าหน้าที่ตรงหน้าเธอ

“พี่คะรบกวนช่วยหนูคลี่ภาพวาดนี่หน่อยค่ะ เห็นพี่สาวบอกว่าเป็นภาพวาดของจวนโบราณแห่งนี้ รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นภาพสามมิติด้วยนะเพราะวาดแม้กระทั่งปลายังเหมือนมีชีวิตเลยละคะ”

หยางเฟยอี้บอกอีกฝ่ายกลับไปพร้อมยืนม้วนภาพวาดให้เขาช่วยจับเพื่อคลี่ออกมาดูว่าจะเป็นจริงตามที่หลี่ยู่บอกหรือไม่

“ภาพวาดของจวนนี้เหรอครับ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“แต่จวนนี้ไม่เคยอนุญาตให้ใครวาดภาพเลยนะครับ”

และประโยคดังกล่าวทำให้หยางเฟยอี้หยุดชะงักขึ้นมาทันทีพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่ประจำจวนโบราณ ก่อนจะก้มมองม้วนภาพวาดที่อยู่ในมือของเธอด้วยความแปลกใจ

“แต่ว่าพี่สาวของถิงถิงบอกมาแบบนั้นจริงๆ นะคะ ยังบอกเลยว่าจวนนี้เป็นจวนอุปราช แต่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมตรงหน้าประตูจวนติดป้ายชื่อเป็นจวนสกุลอิน” หญิงสาวบอกอีกฝ่ายกลับไป

ใบหน้าพยักขึ้นลงติดต่อกันเมื่อได้ยินนักร้องสาวชื่อดังบอกกลับมาเช่นนั้น

“ออ! จวนนี้มีความเป็นมาค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควร ข้อมูลบางอย่างก็เหมือนตำนาน บางอย่างก็มีบันทึกหลักฐานว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ถ้าจะพูดกันตามตรงจวนนี้สร้างลอกเลียนแบบมาจากจวนของชนชั้นเชื้อพระวงศ์ในยุคชุนชิว”

“ยุคชุนชิวเหรอคะ!” หยางเฟยอี้สวนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินต้นตอย้อนไปไกลถึงยุคชุนชิวเลยทีเดียว พร้อมเสียงของเจ้าหน้าที่คนเดิมอธิบายกลับมา

“ถูกต้องแล้วครับสร้างลอกเลียนแบบมาจากยุคชุนชิวก็น่าจะสองพันกว่าปีแล้ว ซึ่งว่ากันว่าเป็นจวนขององค์ชายอุปราชจากแคว้นหยวนเป่ยในสมัยนั้น แต่ก็มีข้อมูลบอกมาว่าจวนอุปราชสร้างเลียนแบบมาจากจวนใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเทือกเขาสูง แต่ก็เป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมาครับ แต่ที่แน่ๆ จวนนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคหบดีใหญ่ของเมืองลั่วหยาง ซึ่งสกุลอินได้ลอกเลียนแบบนำมาสร้างในยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งในสมัยนั้นกล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่าจวนนี้งดงามเสียยิ่งกว่าจวนอ๋องของเชื้อพระวงศ์ในยุคหมิงเสียอีก”

นักร้องคนดังยืนฟังพลางพยักหน้าขึ้นลง มือของเธอก็พยายามคลี่ภาพวาดดังกล่าวออกมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งเห็นภาพวาดของจวนซึ่งทุกอย่าลงรายละเอียดราวกับว่าถ่ายภาพเอาไว้ไม่มีมีผิด พร้อมเสียงของเจ้าหน้าที่อธิบายอย่างต่อเนื่อง

“แล้วคุณถิงถิงรู้ไหมครับว่าจวนนี้ยังมีชื่อเรียกที่คนทั่วไปพอได้ยินแล้วต่างพากันสงสัยไปตามๆ กันเลย ว่ากันว่าชื่อดังกล่าวเป็นชื่อของจวนที่เป็นต้นแบบซึ่งสร้างขึ้นกลางเทือกเขาสูง เห็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาบอกว่าจวนนั้นใช้เป็นสถานที่กักขังพระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราช”

คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทำให้หยางเฟยอี้เงยหน้าขึ้นมาจากภาพวาดตรงหน้าทันที เมื่อได้ยินคำว่าพระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราชตามเรื่องเล่า

“พระชายาหน้าผีเหรอคะ เขาขี้เหร่มากเลยเหรอจนถึงกับต้องเรียกกันแบบนั้น” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความสงสัย

“จะหน้าผีหรือขี้เหร่มากแค่ไหน เรื่องนี้ก็คือตำนานและเรื่องเล่าที่เขาพูดต่อๆ กันมาครับคุณถิงถิง แต่ก็คงจะเป็นความจริงอยู่บ้างเพราะมีบันทึกเอาไว้ว่า พระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราชจากแคว้นหยวนเป่ยสร้างความหวาดกลัวต่อผู้คนที่ได้พบเห็นจนขวัญหนีดีฟ่อไปหมด บางคนพอได้เห็นหน้าหัวใจวายตายไปเลยก็มากครับ”

“อะไรนะ! ถึงกับหัวใจวายตายเลยเหรอคะไม่จริงมั้งอะไรจะขนาดนั้น” หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“แต่เรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ในตำราไม้ไผ่ของยุคนั้นเลยนะครับ มีหลักฐานยืนยันแบบนี้เรื่องที่เล่าขานกันมามีเค้าโครงว่าเป็นความจริง และก็เพราะเหตุนี้แหละครับทำให้ไม่มีใครอยู่ดูแลถวายการรับใช้พระชายาขององค์ชายอุปราชเลย จวนใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางเป็นพันไร่แต่ไม่มีใครกล้าอาศัยอยู่ จนผู้คนในยุคสมัยนั้นต่างพากันเรียกขานว่าจวนเดียวดาย! ซึ่งก็คือจวนนี้ที่ลอกเลียนแบบมาครับเพราะต้นสกุลอินคือองค์ชายอุปราช บางคนก็เลยเรียกจวนสกุลอินแห่งนี้ว่า จวนเดียวดาย” สิ้นเสียงคำอธิบายของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

“หา! จวนเดียวดายมีจริงๆ เหรอ!” หญิงสาวเอ่ยด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อล่วงรู้ว่า จวนเดียวดายที่เธอเคยได้ยินอยู่ในความฝันกลับมีจริงอย่างไม่คาดคิด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 9 อินอวิ๋นฉวี่ 1.3

    ฉาด!!!! พระหัตถ์ตบลงบนหน้าขาของพระองค์จนได้ยินเสียงดังอย่างชัดเจน ติดตามด้วยเสียงหัวเราะดักกึกก้องออกมาทันทีไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับวิธีการของขันทีคนสนิทหรือเห็นต่างกันแน่“ดี! เจ้าทำได้ดีมากเสี่ยวฉิงจื่อ! ความคิดของเจ้ายอดเยี่ยมช่างตรงกับความต้องการที่อยู่ในภายในใจของข้า! ข้าต้องการให้เสด็จอาตายไปเสียที! ยิ่งเร็วได้เท่าไรยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอยู่ขวางทางอำนาจของข้าอีกต่อไป”รับสั่งของฮ่องเต้น้อยทำให้ไส้ศึกจากสองแคว้นผ่อนลมหายใจของตนออกมาทันที รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในที่สุดฮ่องเต้โง่ผู้นี้ก็มีความเห็นคล้อยตามที่คิดจะกำจัดอุปราชอินอวิ๋นหยางเกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่เสียแรงที่เฝ้ายุแยงมานานหลายปีไม่ทำให้ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์“แต่ว่าแล้วจะเอามือสังหารจากที่ไหนทำงานนี้ได้ ในเมื่อเสด็จอามีวรยุทธสูงมากขนาดนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้เลยส่งไปก็ถูกฆ่าดั่งใบไม้ร่วงหล่นโดยเปล่าประโยชน์ และเสด็จอาต้องล่วงรู้ว่าข้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ แบบนี้ข้าก็แย่สิดีไม่ดีจะกลายเป็นคนถูกฆ่าเสียเอง เกิดเสด็จอาฉวยโอกาสนี้หาข้ออ้างปลิดชีวิตข้าแล้วชิงบัลลังก์ขอ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 10 อินอวิ๋นฉวี่ 1.4

    “เจ้าให้ข้าพูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไงกันแน่! ข้าไม่เคยต้องการให้คนผู้นั้นแผ่ลูกหลานสายสกุลอินออกมาแม้แต่น้อยตรงกันข้ามจะฆ่าไม่ให้เหลือเสียด้วยซ้ำ! ลูกหลานสายสกุลอินจะต้องมาจากข้าเท่านั้นจึงจะถูกต้อง!” รับสั่งอย่างไม่พอพระทัย“โธ่! ฝ่าบาทไปกันใหญ่แล้ว! อย่าเพิ่งเข้าพระทัยผิดพ่ะย่ะค่ะ ทรงทำความเข้าใจเสียใหม่ว่านี้คือแผนหลอกล่อจึงต้องยกข้ออ้างเช่นนั้นออกมา หาไม่แล้วแผนต่อไปจะสำเร็จได้อย่างไร จะทำให้อุปราชไว้วางพระทัยว่าไม่มีอะไรแอบแฝงก็ต้องยกยอไปก่อนแล้วค่อยจัดการภายหลัง” เสี่ยวฉิงจื่ออธิบายกลับไปพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย“คนผู้นี้ช่างโง่เขลาเสียจริง! ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงทนได้มานานหลายปีเช่นนี้นะไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ” เสี่ยวฉิงจื่อรำพึงอยู่ภายในใจในขณะที่ฮ่องเต้หยวนเป่ยได้ยินคำอธิบายกลับมาเช่นนั้น พระองค์พยักพระพักตร์ขึ้นลงด้วยไม่เห็นต่างจากเสี่ยวฉิงจื่อ“จริงด้วย! จะสังหารเสด็จอาก็ต้องทำให้ไว้วางใจเสียก่อน หาไม่แล้วจะเสียแผนการทั้งหมด ดี! ใช้แผนนี้ดีที่สุดว่าแต่จะทำให้สตรีจากต้าซางและต้าเหลียงเป็นคนของเ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 8 อินอวิ๋นฉวี่ 1.2

    ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าตัวตนดั้งเดิมที่แท้จริงของขันทีผู้นี้หาใช่ชาวหยวนเป่ยโดยกำเนิด ในความเป็นจริงแล้วคือสายลับที่ถูกฮ่องเต้ต้าเหลียงและฮ่องเต้ต้าซางซึ่งจับมือผนึกกำลังหวังโค่นล้มหยวนเป่ย ถูกส่งตัวเข้ามาแทรกซึมคอยหาข่าวภายในราชสำนักหยวนเป่ย เป้าหมายเพื่อหาโอกาสลอบสังหารอุปราชอวิ๋นหยาง และถ้าหากลงมือกับอุปราชผู้นั้นสำเร็จมีหรือชีวิตของอินอวิ๋นฉวี่จะอยู่รอดต่อไปได้นาน ฮ่องเต้หนุ่มจะต้องถูกสังหารตายตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ทันทีที่ชีวิตของอินอวิ๋นหยางหลุดลอยออกจากร่างแต่ที่ไม่ลงมือปลงพระชนม์อินอวิ๋นฉวี่ด้วยเพราะ หากอวิ๋นฉวี่สวรรคตลงวันใดแน่นอนว่า แผ่นดินหยวนเป่ยจะต้องตกเป็นของอุปราชผู้กล้าอินอวิ๋นหยางโดยทันที และนั่นจะยิ่งยากกว่าอะไรทั้งหมดหากจะคิดเป็นอิสระและก้าวขึ้นมาครอบครองหยวนเป่ย แทนที่นั้นต้องสืบล่วงรู้จุดอ่อนของอุปราชลือชื่อผู้นี้ให้จงได้รวมไปถึงที่พำนักอันแท้จริงของพระองค์ด้วยไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วอุปราชผู้นี้ประทับอยู่แห่งหนใดและบริหารแผ่นดินโดยใช้อินทรีทองสื่อสารอันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ซึ่งต้าเหลียงและต้าซางรวมไปถึงหยวนเป่ยนั้นต่างรบพุ่งกันมานานเพื

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 7 อินอวิ๋นฉวี่ 1.1

    ยุคอดีตแคว้นหยวนเป่ยณ.พระราชวังหลวงภายในแคว้นหยวนเป่ยในเวลานี้อยู่ในสมัยการปกครองของสายสกุลอิน ซึ่งขึ้นมามีอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินฮ่องเต้แต่ละพระองค์มีทั้งเข้มแข็งและอ่อนแอสลับกันไป และได้นั่งบัลลังก์สืบทอดมานานกว่า 111 ปี จนถึงสมัยอินอวิ๋นฉวี่ขึ้นปกครองแคว้นในขณะที่มีพระชนม์มายุเพียงแค่ 10 พระชันษาเท่านั้นสืบเนื่องจากอดีตฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระราชบิดาเสด็จสวรรคตลงอย่างกะทันหัน ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 27 พระชันษาและขึ้นปกครองแคว้นได้เพียงห้าปีเท่านั้น ด้วยสาเหตุเลือดในพระวรกายเกิดเป็นพิษซึ่งหากเทียบในยุคปัจจุบันคือติดเชื้อในกระแสเลือดนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้องค์ชายอินอวิ๋นฉวี่ ที่ประสูติจากหยางฮองเฮาขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองแคว้นด้วยเพราะเป็นพระโอรสเพียงหนึ่งเดียว ส่วนอีกแปดพระองค์นอกนั้นเป็นพระราชธิดาทั้งสิ้นในขณะที่หยางฮองเฮาพระราชมารดา ก็สิ้นพระชนม์ตามพระสวามีไปด้วยเพราะทรงตรอมพระทัย เพียงแค่สามเดือนที่ฮ่องเต้อวิ๋นโฉสวรรคตพระนางก็จากไป จึงทำให้ฮ่องเต้น้อยผู้ครองแคว้นหยวนเป่ย ซึ่งยังเยาว์วัยยิ่งนักต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว พระองค์เหลือเพียงฮองไทเฮาเสด็จย่า แล

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 6 ของขวัญปริศนา 1.6

    ทันใดนั้นเอง“ข้ารอเจ้ามานานแสนนานแล้ว! มาหาข้า! ข้ารอเจ้าอยู่ที่จวนเดียวดาย! รอเจ้าที่จวนเดียวดาย” เสียงดังกล่าวกึกก้องออกมาจากภาพวาดที่อยู่ในมือของนักร้องสาวคนดังและเธอก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน“ไม่จริง! มันจะต้องไม่เป็นความจริง! ฉันต้องหูฝาดแน่ๆ ต้องไม่ใช่! ไม่ใช่!!!”ในขณะที่เสียงจากภาพวาดยังคงดังกึกก้องออกมาอย่างไม่ขาดสาย“มาหาข้า! ข้ารอเจ้าที่จวนเดียวดาย!” เสียงเรียกนั้นเริ่มดังขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหยางเฟยอี้ตุบ! ภาพวาดที่กำลังถืออยู่มือร่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนักร้องสาวมีอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน หยางเฟยอี้พยายามที่จะหายใจทางปากแต่กลับทำให้เจ็บแปลบเข้าที่หัวใจจนไม่สามารถทำให้เธอหายใจได้เป็นปกติอะ...โอ๊ยยยยย!!! มือเรียวสวยยกขึ้นจับศีรษะของเธอทันทีเมื่อเสียงร้องเรียกดังกล่าวทำให้นักร้องดังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงพร้อมเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกอย่างเฉียบพลัน“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย...หะ...หายใจ...ไม่ออก!!!” สิ้นเสียงตะกุกตะกักที่เธอพยายามสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ต

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 5 ของขวัญปริศนา 1.5

    วันรุ่งขึ้นรถยนต์คันหรูของโรงแรมชื่อดังที่สองพี่น้องเลือกเข้าพักในเมืองลั่วหยาง วิ่งตรงเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูซึ่งในอดีตผู้คนในสมัยโบราณจะเรียกที่พักอาศัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งว่าจวนครั้นเมื่อกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปจากการเรียกขานเช่นนั้น แปรเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์เข้ามาแทนที่ในยุคสมัยปัจจุบันและมีการสร้างบ้านเลียนแบบในยุคโบราณพบเห็นมากมายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานะทางสังคมที่ดีไม่ต่างอะไรไปจากยุคอดีตแม้แต่น้อย“โอโห่! นี่นะเหรอจวนโบราณทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ บรรยากาศก็ดูขลังเป็นบ้าเลย” นักร้องสาวพูดพึมพำอยู่คนเดียวสายตามองประตูทางเข้าจวนขนาดมหึมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด“มองผ่านแว่นกันแดดแบบนั้นจะเห็นอะไรชัดไหมนะ” หลี่ยู่บอกน้องสาวของเธอทั้งๆ ที่ยังวุ่นวายหาของในกระเป๋าของน้องสาวอยู่ในขณะนี้หยางเฟยอี้กระดกแว่นกันแดดให้ขยับลงต่ำพลางมองพี่สาวของเธอกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเธอช่างดูวุ่นวายเสียจริง“พี่ใหญ่หาอะไรนะ! อะไรหายเหรอ” หญิงสาวถามกลับ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status