تسجيل الدخولฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงบ่าย กว่าสุพิชฌาย์จะกลับมาถึงคอนโดก็เกือบค่ำทั้งที่ปกติใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานแต่เพราะฝนตกรถก็เลยเคลื่อนตัวได้ช้ากว่าทุกวัน
หญิงสาวมองหยาดน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างเหม่อลอย ตอนนี้ก็ผ่านมานานเกือบสองเดือนแล้วที่เธอย้ายมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้
ตอนนี้ความสนิทสนมระหว่างเธอกับปณัยกรก็เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ในฐานะเพื่อนบ้านและนักศึกษากับอาจารย์เท่านั้น สุพิชฌาย์เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนเธอก็จะเรียนจบและจากนั้นก็ต้องไปเรียนภาษาก่อนที่จะเริ่มเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ
เธอคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่คงจะจีบอาจารย์ปณัยกรมาเป็นแฟนก่อนไปเรียนต่อไม่ได้แน่ๆ หญิงสาวคิดว่าการรอให้เขารู้เองว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขามันคงช้าไป
สุพิชฌาย์หยิบโทรศัพท์มือถือที่แล้วกดเบอร์โทรของชายหนุ่มห้องตรงกันข้ามโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
“อาจารย์กลับมาถึงห้องหรือยังคะ” เพราะตอนมองออกไปนอกหน้าต่างเธอเห็นรถติดมากก็เลยไม่แน่ใจว่าเขากลับมาถึงหรือยัง
“มาถึงได้สักพักหนึ่งแล้ว เปียโนอยู่ที่ห้องใช่ไหม”
“ค่ะอาจารย์ ข้างนอกฝนตกหนักมากเลยค่ะหนูดูพยากรณ์อากาศแล้ว คืนนี้ฝนน่าจะตกหนักไปอีกนาน เราสั่งอะไรมากินดีไหมคะ หนูไม่อยากออกไปข้างนอกเลย”
“แล้วเปียโนอยากกินอะไรล่ะ”
“อากาศดีแบบนี้กินพิซซ่ากันไหมคะเขาน่าจะส่งให้เราได้”
“ก็ดีนะ”
“หนูสั่งเองนะคะถ้าอาหารมาถึงแล้วหนูขอไปกินที่ห้องอาจารย์ได้ไหม”
“ได้สิ ถ้าเขามาส่งก็บอกผมนะ ผมจะลงไปเอาเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูลงไปเอาเองดีกว่าหนูมีพัสดุที่ต้องรับด้วยค่ะ เมื่อกี้นิติโทรขึ้นมาบอก”
“เอานั้นก็ได้”
สุพิชฌาย์รีบสั่งพิซซ่าและไก่เกาหลีมาเพิ่มอีกอย่างระหว่างนั้นก็นั้นก็นั่งรอให้ของมาส่ง เมื่อถึงเวลาหญิงสาวก็เดินลงไปอาหารก่อนจะกลับขึ้นมาเคาะประตูห้องของปณัยกร
ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาแล้วยิ้มเห็นว่าในมือของหญิงสาวไม่ได้มีแค่พิซซ่าอย่างที่เธอบอก
“ซื้ออะไรมาเพิ่มเหรอเปียโน ส่งมาสิผมช่วยถือ”
“หนูสั่งไก่เกาหลีมาด้วยค่ะ พิซซ่าอย่างเดียวกลัวไม่อิ่ม” สุพิชฌาย์หัวเราะก่อนจะเดินตามอาจารย์หนุ่มเข้าไปด้านใน
“อยากจะนั่งที่โต๊ะในห้องครัวหรือนั่งดูทีวีไปด้วยกินไปด้วยล่ะ”
“ขอนั่งดูทีวีดีกว่านะคะ” เธอยกถาดพิซซ่ามาวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าโซฟา
ทั้งสองคนนั่งทานพิซซ่าด้วยกันในห้องรับแขกสายตาจับจ้องไปบนทีวีจอยักษ์ที่ปณัยกรเปิดค้างเอาไว้
“อาจารย์ชอบดูซีรีส์แนวนี้เหรอคะ”
“อือ ถ้าเปียโนกลัวก็เปลี่ยนช่องนะ” เขาพูดแล้วส่งรีโมทให้กับหญิงสาว
“หนูไม่กลัวหรอกค่ะ ที่หนูถามก็เพราะหนูเองก็ชอบซีรีส์แนวสืบสวนเหมือนกัน หนูว่ามันมีอะไรให้คิดตามดูแล้วมาน่าเบื่อค่ะ”
“ผมก็คิดอย่างนั้น” ปณัยกรรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่สุพิชฌาย์ชอบดูอะไรแบบนี้
หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะเริ่มคุยในสิ่งที่ตัวเองคิดมาอย่างดีแล้ว
“อาจารย์เหงาไหมคะ”
“ไม่นะ” เขาตอบและมองหน้าเธอเพราะแปลกใจกับคำถาม
“อาจารย์เคยมีแฟนไหมคะ” เธอถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“เคยมีครับ” ปณัยกรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างช้าๆ
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะคะ” สุพิชฌาย์ถามด้วยความสนใจ
“ผมไม่มีเวลาให้เธอน่ะ”
“เธอเป็นอาจารย์เหมือนกันไหมคะ”
“ใช่ครับ”
“แปลกนะคะ เป็นอาจารย์เหมือนกันน่าจะเข้าใจกัน” สุพิชฌาย์แสดงความคิดเห็น
“มันพูดยากครับ”
“แสดงว่าตอนนี้อาจารย์ไนท์โสดเหรอคะ”
“ครับ”
“หนูว่าอาจารย์น่าจะหาใครสักคนมาอยู่ด้วยนะคะ อยู่คนเดียวแบบนี้หนูว่ามันเหงา”
“แต่ผมไม่เหงานะ กลับมาเตรียมการสอน ตรวจรายงานเวลาก็หมดไปเยอะแล้ว”
“แล้วอาจารย์ชอบผู้หญิงแบบไหนคะ” สุพิชฌาย์เปลี่ยนคำถาม
“อยากจะรู้ไปทำไม”
“เผื่อว่าหนูจะหาผู้หญิงที่ถูกใจให้อาจารย์”
“อย่าเลย ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเสียเวลากับผม ผมเป็นมันเป็นพวกอินโทรเวิร์ดแล้วยังเย็นชาอีกคงยากที่จะมีใครสนใจ”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะคะ อย่างน้อยก็มีหนูคนหนึ่งที่ชอบอาจารย์”
ปณัยกรชะงักมือที่กำลังจะหยิบพิซซ่าขึ้นมาทาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจ
“ล้อกันเล่นใช่ไหมล่ะ” ปณัยกรหัวเราะเพราะติดว่าสุพิชฌาย์น่าจะกำลังล้อเขาเล่น
“ไม่นะคะอาจารย์หนูพูดจริง”
“คุณยังเด็กมากนะเปียโนจะมาชอบผมได้ยัง”
“หนูไม่เด็กแล้วนะคะอาจารย์ หนูอายุยี่สิบสองแล้วค่ะ” สุพิชฌาย์โต้แย้งอย่างรวดเร็ว
“แต่คุณก็ยังเรียนอยู่”
“แต่หนูอยู่ปีสี่แล้วนะคะ อาจารย์เป็นแฟนกับหนูได้ไหม”
“เปียโน....” ปณัยกรตกใจเป็นครั้งที่สอง
“หนูพูดจริงนะคะอาจารย์ หนูชอบอาจารย์มากๆ แต่หนูยังไม่เร่งรัดคำตอบอาจารย์ตอนนี้ก็ได้หนูให้เวลาอาจารย์คิดค่ะ”
“บอกได้ไหมทำไมถึงอยากเป็นแฟนกับผม”
“ก็หนูชอบอาจารย์เลยอยากเป็นแฟนอาจารย์”
“เหตุผลมีแค่นี้เองเหรอเปียโน”
“ค่ะไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากมายเลย”
“แต่คุณเคยเป็นนักศึกษาของผม มันไม่เหมาะสมหรอกครับ”
สุพิชฌาย์เงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาคือความจริง แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
“แต่ตอนนี้หนูไม่ได้เรียนกับอาจารย์แล้วนะคะ”
“แต่ผมว่าคุณยังเด็กนะ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้คุณสนิทกับผมมากก็เลยอยากจะเป็นแฟนผม ลองคุณได้ไปสนิทกับคนอื่นมากๆ ความคิดของคุณก็อาจจะเปลี่ยน”
“หนูไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอกค่ะ คนมันชอบไปแล้วจะให้เปลี่ยนใจก็ยาก” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มเหมือนเรื่องที่เราพูดไม่ได้มีความสำคัญอะไรแต่ในใจกับเต้นแรงเพราะกลัวว่าปณัยกรจะโกรธ
บทสนทนาเงียบไปอีกครั้ง สุพิชฌาย์จ้องมองซีรีส์บนทีวีจอยักษ์ขณะที่ปณัยกรจมอยู่กับความคิดและคำสารภาพของหญิงสาว
ปณัยกรไม่แน่ใจว่าที่เธอบอกว่าชอบเขานั้นเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงหรือเป็นเพราะตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่สนิทกับเธอกันแน่ แต่สำหรับเขาแล้วการสนิทกับสุพิชฌาย์มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรแต่ถ้าจะให้คบกับเธอเป็นแฟนมันก็ยากเพราะมองไม่เห็นอนาคตระหว่างเขากับเธอเลย
หลังจากทานพิซซ่าเสร็จสุพิชฌาย์ก็อยากให้เวลาปณัยกรได้ใช้ความคิดหญิงสาวจึงขอตัวกลับ
“อาจารย์คะหนูกลับก่อนหวังว่าสิ่งที่หนูพูดกับอาจารย์วันนี้อาจารย์จะเก็บไปคิดนะคะ หนูไม่เร่งรัดคำตอบเลย” เธอยังคงยิ้มสดใสอย่างเดิม
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปส่งเธอที่หน้าประตู
เธอเดินออกจากห้องของเขาไป ปณัยกรปิดประตูลงอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความลังเลใจ เขารู้ว่าความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสุพิชฌาย์มันมากกว่าเพื่อนบ้าน มากกว่าอาจารย์กับนักศึกษาแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง
ปณัยกรวางสายจากสุพิชฌาย์แล้วก็รีบตรงไปยังผับที่หญิงสาวบอก เขารู้สึกเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเมาและกลับไปพร้อมกับรุ่นพี่ ตอนนี้ชายหนุ่มยอมรับแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวนั้นไม่ใช่แค่เพื่อนบ้านหรือลูกศิษย์อย่างที่พยายามจะคิดแบบนั้นมาตลอด และเขาไม่สนใจแล้วว่าเธอจะเป็นลูกสาวของใคร เขาจะยอมทำตามหัวใจตัวเองสักครั้งจะทำทุกอย่างให้เต็มที่แล้วยอมรับผลที่จะตามมาอย่างไม่มีข้อแม้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในผับและกวาดสายตาไปทั่วเมื่อเห็นสุพิชฌาย์กำลังยืนเต้นอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนมก็รีบตรงเข้าไปหาทันที“อาจารย์....” สุพิชฌาย์ทั้งดีใจและตกใจที่เห็นเขามาที่นี่“กลับเถอะเปียโน”“แต่หนูยังสนุกอยู่เลยนะคะ หนูยังไม่อยากกลับ”“แต่ผมบอกให้กลับก็ต้องกลับ”“นี่คุณ ผู้หญิงเขาไม่อยากกลับจะมาบังคับกันได้ยังไงแล้วคุณเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาบังคับเปียโนแบบนี้” เพื่อนชายของสุพิชฌาย์พูดไปตามบทที่หญิงสาวเตี๊ยมเอาไว้“ผมเป็นแฟนเธอ คงจะพอบังคับได้นะ” ปณัยกรตอบกลับก่อนจะจูงมือสุพิชฌาย์ออกไปจากผับ“อาจารย์ปล่อยหนูได้แล้ว” หญิงสาวสะบัดมือออกเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าผับ“ปล่อยเพื่อให้กลับเข้าไปเต้นยั่วผู้ชายข้างในอีกน่ะ
เช้าวันใหม่สุพิชฌาย์ยังไม่ยอมลุกจากที่นอนทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว หญิงสาวอยากรู้ว่าถ้าปณัยกรเห็นว่าเธอยังนอนอยู่บนเตียงของเขาแล้วชายหนุ่มจะทำหน้ายังไงเธอยิ้มเมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน การที่เขาจูบเธอแบบนั้นมันก็แน่ชัดแล้วว่าเขาต้องมีใจให้กับเธออย่างแน่นอนแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมตอบตกลง หญิงสาวคิดว่าวันนี้จะเธอต้องคุยกับปณัยกรเรื่องนี้ให้รู้เรื่องเพราะไม่อยากจะอยู่กับความอึดอัดนี้ได้อีกต่อไปขณะที่กำลังนอนคิดอยู่บนเตียงเสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้น“เปียโน คุณตื่นหรือยังผมขอเข้าไปนะ วันนี้ผมต้องไปทำงาน” ปณัยกรตื่นนอนตั้งแต่เช้าแต่รอให้สุพิชฌาย์ออกมาก่อนแต่แล้วก็ทนรอไม่ไหวเพราะถ้าช้ากว่านี้เขาคงต้องไปทำงานสายอย่างแน่นอน“ตื่นแล้วค่ะ อาจารย์เข้ามาได้เลย” หญิงสาวตะโกนตอบแต่ยังไม่ยอมลุกจากเตียง“สายแล้วนะเปียโน” ชายหนุ่มมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วพูดขึ้น“หนูไม่ต้องไปเรียนแล้วนี่คะหนูสอบเสร็จแล้ว”“งั้นก็กลับห้องได้แล้ว ผมจะอาบน้ำแต่งตัว”“หนูก็ไม่ได้ห้ามอาจารย์สักหน่อย อาจารย์อายเหรอคะ”“ผมเป็นผู้ชายจะอายทำไม คุณมากกว่ามั้งที่ต้องอาย”“หนูไม่อายหรอกค่ะ
เสียงดนตรีในผับดังเป็นจังหวะเร้าใจ สุพิชฌาย์กับเพื่อนๆ สนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง หญิงสาวดื่มไปหลายแก้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอเมาเพราะที่ผ่านมาก็เป็นสายปาร์ตี้และดื่มจนชินแล้ว“แกจะไม่กลับไปนอนหอฉันจริงๆ เหรอรถแกก็อยู่ที่นั่นนะ”“ฝากไว้ที่นั่นก่อน พรุ่งนี้ฉันค่อยกลับไปเอานะ”“แล้วแกจะไม่ให้ฉันสองคนนั่งรถส่งเหรอกลับคนเดียวมันอันตรายนะยิ่งเมาอยู่ด้วย” เจนิตาพูดด้วยความเป็นห่วง“ฉันเมาที่ไหนล่ะแก”“เปียโนฉันอยากรู้ว่าทำไมถึงอยากกลับคอนโดถ้าเดาไม่ผิดเพราะอยากจะไปหาอาจารย์ไนท์ใช่ไหม”“แกนี่สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันจริงๆ นะใบตอง”“แต่แกบอกว่าไม่อยากให้อาจารย์เขาเห็นตอนแกเมานี่”“นั่นสิ หรือแกกำลังคิดจะทำอะไรอยู่”“ฉันมีแผนนิดหน่อยน่ะเจน”“บอกฉันสองคนได้ไหม” ณัฐมลอยากรู้ว่าเพื่อนกำลังจะทำอะไรและถ้ามันเสี่ยงเกินไปเธอจะได้เตือน“ฉันจะไปขอนอนห้องอาจารย์ไนท์”“อย่านะเปียโนแกเมาแบบนี้ถ้าเกิดอาจารย์เขาฉวยโอกาสกับแกขึ้นมาล่ะ” เจนิตารีบร้องห้าม“แต่ฉันว่าอาจารย์ไม่ใช่คนแบบนั้น”“แต่เขาก็เป็นผู้ชายนะแก แล้วดูชุดที่แกใส่วันนี้สิ มันใช่ชุดธรรมดาที่ไหน” ณัฐมลเตือนอีกคนเพราะวันนี้สุพิชฌาย์ใส่นั้นมันเซ็กซี่มาก
สุพิชฌาย์ยังคงมาอ่านหนังสือที่ห้องของปณัยกรทุกวัน มันกลายเป็นความเคยชินอีกอย่างนอกจากการทานอาหารเย็นด้วยกัน การได้นั่งมองหน้าชายหนุ่มและอ่านหนังสือไปด้วยก็เป็นความสุขอีกอย่างของหญิงสาวส่วนปณัยกรเองนั้นการได้มองหน้าสุพิชฌาย์ขณะที่นั่งทำงานไปด้วยมันทำให้กำแพงในใจของชายหนุ่มละลายลงไปอย่างช้าๆ แต่ก็ยังไม่กล้าจะบอกความรู้สึกของตนเองออกไป เพราะมันมีอุปสรรคหลายอย่างเหลือเกินที่เขาไม่รู้ว่าจะสามารถจับมือหญิงสาวก้าวข้ามมันไปได้หรือเปล่า“พรุ่งนี้ก็สอบวันสุดท้ายแล้วใช่ไหมเปียโน”“ใช่ค่ะ”“แล้วที่ผ่านมาคิดว่าตัวเองทำข้อสอบได้ดีหรือเปล่า” เขาชวนคุยเพื่อให้เธอได้พักสายตาบ้าง“หนูคิดว่าหนูทำเต็มที่ทุกวิชานะคะ ส่วนคะแนนจะได้มากจะได้น้อยมันเป็นเรื่องของอาจารย์ที่จะต้องจัดการเองค่ะ” หญิงสาวหัวเราเพราะมั่นใจในระดับหนึ่งว่าตนเองทำข้อสอบได้“ปกติแล้วผลการเรียนคุณเป็นยังไงบ้าง”“ที่ผ่านมาก็ได้ประมาณสามกว่าๆ ค่ะ หนูหัวขี้เลื่อยมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ไม่เคยหวังเรื่องเกียรตินิยมเลย” สุพิชฌาย์ตอบแบบไม่เครียด“ทำไมไปว่าตัวเองแบบนั้นล่ะ เกรดเฉลี่ยมันไม่ได้วัดนะว่าเราเก่งหรือเปล่ามันอยู่ที่การนำเอาความรู้นั้นมาใช
หลังจากทานข้าวกับเพื่อนอาจารย์ในคณะเสร็จแล้วปณัยกรก็ขับรถกลับคอนโดมิเนียมในเวลาเกือบจะห้าทุ่ม เมื่อมาถึงที่จอดรถก็เห็นไม่เห็นรถของสุพิชฌาย์ ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเพราะปกติเวลานี้หญิงสาวควรจะกลับมาถึงที่พักแล้ว เขาเดินดูทั้งลานจอดรถเพราะคิดว่าเธอจะเอาไปจอดที่อื่นแต่เดินดูจนทั่วก็ไม่เห็นชายหนุ่มรีบเดินขึ้นมาบนห้องแล้วเคาะประตูห้องตรงข้ามและยืนรออยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูปณัยกรรู้สึกเป็นห่วงเขาจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาเธอทันที แม้รู้ว่าสุพิชฌาย์โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง ชายหนุ่มมองว่าเธอเป็นคนน่ารัก สดใส และเข้ากับคนอื่นง่ายและบางครั้งหญิงสาวก็เหมือนเด็กในร่างของผู้ใหญ่คนหนึ่งชายหนุ่มรอไม่นานนักปลายสายก็กดรับพร้อมกับเสียงที่เต็มไปด้วยความสดใสเหมือนกับทุกครั้ง“สวัสดีค่ะอาจารย์”“คุณอยู่ไหนเปียโน ทำไมผมถึงไม่เห็นรถคุณอยู่ที่คอนโดเลย” ปณัยกรถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“หนูอยู่หอพักเพื่อนค่ะอาจารย์ พอดีว่าอ่านหนังสือสอบกับเพื่อนแต่ก็กำลังจะกลับแล้วค่ะ”“จะกลับตอนนี้เลยเหรอ มันดึกมากแล้วนะขับรถกลับคนเดียวได้หรือเปล่า” เขาเหลือบมองนาฬิกา
สุพิชฌาย์ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของปณัยกรในเช้าของวันใหม่หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขถึง แม้เขาจะไม่ได้นอนกับเธอในห้องนี้แต่ก็เห็นถึงความมีน้ำใจและเขาก็ไม่ได้รังเกียจที่ถึงขั้นไล่กลับให้ไปนอนที่ห้องของตัวเองหญิงสาวค่อยๆ ย่องออกจากห้องของเขาอย่างเบาที่สุดเพื่อกลับมาที่ห้องของตนเอง เธออาบน้ำแต่งตัวและไปเรียนโดยลืมไปว่าแท็ปเล็ต โทรศัพท์มือถือและหนังสือยังอยู่ในห้องของเขาเมื่อมาถึงที่มหาวิทยาลัยและเดินไปหาเพื่อนที่โรงอาหารสุพิชฌาย์เปิดสะพายข้างขึ้นมาแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้หยิบของออกมาจากห้องของอาจารย์ปณัยกรเลยสักอย่าง“เป็นอะไรเปียโนทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ฉันลืมโทรศัพท์มือถือ”“อ้าวแล้วแกไปลืมทิ้งไว้ที่ไหน ลืมไว้ในรถหรือเปล่า ไม่เป็นไรจะกินอะไรเอาโทรศัพท์ฉันไปสแกนจ่ายก็ได้” ณัฐมลเสนออย่างใจดี“ฉันลืมไว้ในห้องอาจารย์ไนท์”“อะไรนะเปียโนแกไปลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องเขาได้ยังไง ปกติแกเป็นคนติดมือถือจะตาย เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้นะ” เจนิตาตกใจเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับอาจารย์หนุ่มจะไปไกลเกินกว่าที่พวกเธอคิดไว้“แกไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นหรอกน่าเจน เมื่อคืนฉันไปอ่านหนัง




![จิรัติพันประดับ [เซตเกี่ยวรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


