LOGINฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงบ่าย กว่าสุพิชฌาย์จะกลับมาถึงคอนโดก็เกือบค่ำทั้งที่ปกติใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานแต่เพราะฝนตกรถก็เลยเคลื่อนตัวได้ช้ากว่าทุกวัน
หญิงสาวมองหยาดน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างเหม่อลอย ตอนนี้ก็ผ่านมานานเกือบสองเดือนแล้วที่เธอย้ายมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้
ตอนนี้ความสนิทสนมระหว่างเธอกับปณัยกรก็เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ในฐานะเพื่อนบ้านและนักศึกษากับอาจารย์เท่านั้น สุพิชฌาย์เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนเธอก็จะเรียนจบและจากนั้นก็ต้องไปเรียนภาษาก่อนที่จะเริ่มเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ
เธอคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่คงจะจีบอาจารย์ปณัยกรมาเป็นแฟนก่อนไปเรียนต่อไม่ได้แน่ๆ หญิงสาวคิดว่าการรอให้เขารู้เองว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขามันคงช้าไป
สุพิชฌาย์หยิบโทรศัพท์มือถือที่แล้วกดเบอร์โทรของชายหนุ่มห้องตรงกันข้ามโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
“อาจารย์กลับมาถึงห้องหรือยังคะ” เพราะตอนมองออกไปนอกหน้าต่างเธอเห็นรถติดมากก็เลยไม่แน่ใจว่าเขากลับมาถึงหรือยัง
“มาถึงได้สักพักหนึ่งแล้ว เปียโนอยู่ที่ห้องใช่ไหม”
“ค่ะอาจารย์ ข้างนอกฝนตกหนักมากเลยค่ะหนูดูพยากรณ์อากาศแล้ว คืนนี้ฝนน่าจะตกหนักไปอีกนาน เราสั่งอะไรมากินดีไหมคะ หนูไม่อยากออกไปข้างนอกเลย”
“แล้วเปียโนอยากกินอะไรล่ะ”
“อากาศดีแบบนี้กินพิซซ่ากันไหมคะเขาน่าจะส่งให้เราได้”
“ก็ดีนะ”
“หนูสั่งเองนะคะถ้าอาหารมาถึงแล้วหนูขอไปกินที่ห้องอาจารย์ได้ไหม”
“ได้สิ ถ้าเขามาส่งก็บอกผมนะ ผมจะลงไปเอาเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูลงไปเอาเองดีกว่าหนูมีพัสดุที่ต้องรับด้วยค่ะ เมื่อกี้นิติโทรขึ้นมาบอก”
“เอานั้นก็ได้”
สุพิชฌาย์รีบสั่งพิซซ่าและไก่เกาหลีมาเพิ่มอีกอย่างระหว่างนั้นก็นั้นก็นั่งรอให้ของมาส่ง เมื่อถึงเวลาหญิงสาวก็เดินลงไปอาหารก่อนจะกลับขึ้นมาเคาะประตูห้องของปณัยกร
ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาแล้วยิ้มเห็นว่าในมือของหญิงสาวไม่ได้มีแค่พิซซ่าอย่างที่เธอบอก
“ซื้ออะไรมาเพิ่มเหรอเปียโน ส่งมาสิผมช่วยถือ”
“หนูสั่งไก่เกาหลีมาด้วยค่ะ พิซซ่าอย่างเดียวกลัวไม่อิ่ม” สุพิชฌาย์หัวเราะก่อนจะเดินตามอาจารย์หนุ่มเข้าไปด้านใน
“อยากจะนั่งที่โต๊ะในห้องครัวหรือนั่งดูทีวีไปด้วยกินไปด้วยล่ะ”
“ขอนั่งดูทีวีดีกว่านะคะ” เธอยกถาดพิซซ่ามาวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าโซฟา
ทั้งสองคนนั่งทานพิซซ่าด้วยกันในห้องรับแขกสายตาจับจ้องไปบนทีวีจอยักษ์ที่ปณัยกรเปิดค้างเอาไว้
“อาจารย์ชอบดูซีรีส์แนวนี้เหรอคะ”
“อือ ถ้าเปียโนกลัวก็เปลี่ยนช่องนะ” เขาพูดแล้วส่งรีโมทให้กับหญิงสาว
“หนูไม่กลัวหรอกค่ะ ที่หนูถามก็เพราะหนูเองก็ชอบซีรีส์แนวสืบสวนเหมือนกัน หนูว่ามันมีอะไรให้คิดตามดูแล้วมาน่าเบื่อค่ะ”
“ผมก็คิดอย่างนั้น” ปณัยกรรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่สุพิชฌาย์ชอบดูอะไรแบบนี้
หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะเริ่มคุยในสิ่งที่ตัวเองคิดมาอย่างดีแล้ว
“อาจารย์เหงาไหมคะ”
“ไม่นะ” เขาตอบและมองหน้าเธอเพราะแปลกใจกับคำถาม
“อาจารย์เคยมีแฟนไหมคะ” เธอถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“เคยมีครับ” ปณัยกรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างช้าๆ
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะคะ” สุพิชฌาย์ถามด้วยความสนใจ
“ผมไม่มีเวลาให้เธอน่ะ”
“เธอเป็นอาจารย์เหมือนกันไหมคะ”
“ใช่ครับ”
“แปลกนะคะ เป็นอาจารย์เหมือนกันน่าจะเข้าใจกัน” สุพิชฌาย์แสดงความคิดเห็น
“มันพูดยากครับ”
“แสดงว่าตอนนี้อาจารย์ไนท์โสดเหรอคะ”
“ครับ”
“หนูว่าอาจารย์น่าจะหาใครสักคนมาอยู่ด้วยนะคะ อยู่คนเดียวแบบนี้หนูว่ามันเหงา”
“แต่ผมไม่เหงานะ กลับมาเตรียมการสอน ตรวจรายงานเวลาก็หมดไปเยอะแล้ว”
“แล้วอาจารย์ชอบผู้หญิงแบบไหนคะ” สุพิชฌาย์เปลี่ยนคำถาม
“อยากจะรู้ไปทำไม”
“เผื่อว่าหนูจะหาผู้หญิงที่ถูกใจให้อาจารย์”
“อย่าเลย ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเสียเวลากับผม ผมเป็นมันเป็นพวกอินโทรเวิร์ดแล้วยังเย็นชาอีกคงยากที่จะมีใครสนใจ”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะคะ อย่างน้อยก็มีหนูคนหนึ่งที่ชอบอาจารย์”
ปณัยกรชะงักมือที่กำลังจะหยิบพิซซ่าขึ้นมาทาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจ
“ล้อกันเล่นใช่ไหมล่ะ” ปณัยกรหัวเราะเพราะติดว่าสุพิชฌาย์น่าจะกำลังล้อเขาเล่น
“ไม่นะคะอาจารย์หนูพูดจริง”
“คุณยังเด็กมากนะเปียโนจะมาชอบผมได้ยัง”
“หนูไม่เด็กแล้วนะคะอาจารย์ หนูอายุยี่สิบสองแล้วค่ะ” สุพิชฌาย์โต้แย้งอย่างรวดเร็ว
“แต่คุณก็ยังเรียนอยู่”
“แต่หนูอยู่ปีสี่แล้วนะคะ อาจารย์เป็นแฟนกับหนูได้ไหม”
“เปียโน....” ปณัยกรตกใจเป็นครั้งที่สอง
“หนูพูดจริงนะคะอาจารย์ หนูชอบอาจารย์มากๆ แต่หนูยังไม่เร่งรัดคำตอบอาจารย์ตอนนี้ก็ได้หนูให้เวลาอาจารย์คิดค่ะ”
“บอกได้ไหมทำไมถึงอยากเป็นแฟนกับผม”
“ก็หนูชอบอาจารย์เลยอยากเป็นแฟนอาจารย์”
“เหตุผลมีแค่นี้เองเหรอเปียโน”
“ค่ะไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากมายเลย”
“แต่คุณเคยเป็นนักศึกษาของผม มันไม่เหมาะสมหรอกครับ”
สุพิชฌาย์เงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาคือความจริง แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
“แต่ตอนนี้หนูไม่ได้เรียนกับอาจารย์แล้วนะคะ”
“แต่ผมว่าคุณยังเด็กนะ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้คุณสนิทกับผมมากก็เลยอยากจะเป็นแฟนผม ลองคุณได้ไปสนิทกับคนอื่นมากๆ ความคิดของคุณก็อาจจะเปลี่ยน”
“หนูไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอกค่ะ คนมันชอบไปแล้วจะให้เปลี่ยนใจก็ยาก” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มเหมือนเรื่องที่เราพูดไม่ได้มีความสำคัญอะไรแต่ในใจกับเต้นแรงเพราะกลัวว่าปณัยกรจะโกรธ
บทสนทนาเงียบไปอีกครั้ง สุพิชฌาย์จ้องมองซีรีส์บนทีวีจอยักษ์ขณะที่ปณัยกรจมอยู่กับความคิดและคำสารภาพของหญิงสาว
ปณัยกรไม่แน่ใจว่าที่เธอบอกว่าชอบเขานั้นเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงหรือเป็นเพราะตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่สนิทกับเธอกันแน่ แต่สำหรับเขาแล้วการสนิทกับสุพิชฌาย์มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรแต่ถ้าจะให้คบกับเธอเป็นแฟนมันก็ยากเพราะมองไม่เห็นอนาคตระหว่างเขากับเธอเลย
หลังจากทานพิซซ่าเสร็จสุพิชฌาย์ก็อยากให้เวลาปณัยกรได้ใช้ความคิดหญิงสาวจึงขอตัวกลับ
“อาจารย์คะหนูกลับก่อนหวังว่าสิ่งที่หนูพูดกับอาจารย์วันนี้อาจารย์จะเก็บไปคิดนะคะ หนูไม่เร่งรัดคำตอบเลย” เธอยังคงยิ้มสดใสอย่างเดิม
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปส่งเธอที่หน้าประตู
เธอเดินออกจากห้องของเขาไป ปณัยกรปิดประตูลงอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความลังเลใจ เขารู้ว่าความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสุพิชฌาย์มันมากกว่าเพื่อนบ้าน มากกว่าอาจารย์กับนักศึกษาแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง
หลังจากเคลียร์งานทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยปณัยกรก็เดินทางมาที่ประเทศอังกฤษเขาเข้าพักที่อพาร์ตเมนต์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของสุพิชฌาย์มากนักปณัยกรมาถึงที่นี่ตั้งแต่กลางดึกแต่ไม่อยากจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของสุพิชฌาย์ วันนี้เข้าจึงรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้วไปดักรอหญิงสาวที่หน้ามหาวิทยาลัย เขารู้ว่าวันนี้สุพิชฌาย์ไม่มีเรียนแต่เธอมีนัดอ่านหนังสือกับเพื่อนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคนที่เขาคิดถึงสุดหัวใจก็กำลังเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวไม่ทันสังเกตเพราะคนที่พิงกำแพงและก้มหน้าอยู่นั้นคือคนรักของตัวเอง“เปียโน” ปณัยกรเรียกชื่อคนรักเบาๆสุพิชฌาย์หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ หญิงสาวรู้สึกคุ้นหูกับเสียงที่เรียกและมันฟังดูไม่ใช่เพื่อนชาวต่างชาติของเธอเธอหันมองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนยืนอยู่นั้นคือคนที่เธอกำลังคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ สุพิชฌาย์โผกอดด้วยความดีใจและไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมา“พี่ไนท์ มาได้ยังไง” สุพิชฌาย์ร้องไห้ด้วยความดีใจเพราะก่อนหน้านี้ปณัยกรโทรมาบอกว่าพวกเขามาหาเธอตามนัดไม่ได้ทำให้เธอน้อยใจและงอนอยู่หลายวันแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ก่อนเวลาที่นัดไว้“คิดถึงก็เลย
ช่วงปิดเทอมใหญ่ปณัยกรไม่มีสอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาล ชายหนุ่มจึงมีเวลาเรียนรู้งานกับคุณสุชาติอย่างเต็มที่ ส่วนช่วงเปิดเทอมนั้นเขาก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะสอนนักศึกษาวันจันทร์ถึงวันพุธเต็มวันส่วนวันพฤหัสกับวันศุกร์เขาจะสอนแค่ครึ่งวันเพื่อจะปลีกตัวมาทำงานที่มหาวิทยาลัยของคุณสุชาติชายหนุ่มปรึกษาเรื่องนี้กับรุ่นพี่และเขาก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ถ้าออกมาทำงานข้างนอกมันไม่ได้กระทบกับการสอน ปณัยกรไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้เนื่องจากยังมีอาจารย์อีกหลายท่านที่ทำงานอื่นแต่ต้องรับผิดชอบในวิชาของตนเองให้ครบถ้วนตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนที่เขาเรียนรู้งานกับคุณสุชาติได้มากแล้ว ชายหนุ่มวางแผนเอาไว้ว่าก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดภาคเรียนที่หนึ่งเขาจะบินไปหาสุพิชฌาย์ที่อังกฤษ ซึ่งเรื่องนี้เขายังไม่ได้แจ้งคุณสุชาติแต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะที่ผ่านมาเขาก็รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีมาตลอดอีกทั้งช่วงที่จะบินไปนั้นก็เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยของคุณสุชาติ ปิดภาคเรียนซัมเมอร์เพื่อให้นักศึกษาพักก่อนจะเริ่มเรียนในภาคเรียนต่อไปเมื่อคิดว่าจะได้เจอกับคนรักปณัยกรก็ยิ้มอย่างมีความสุขเขานั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเองจนกร
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สุพิชฌาย์จะต้องเดินทางไปเรียนต่อประเทศอังกฤษแล้ว แม้ในใจไม่อยากจะจากคนรักไปแต่เธอก็ยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาและเมื่อคิดว่ากลับมาแล้วจะได้ทำงานร่วมกับปณัยกรหญิงสาวก็เลยใช้ตรงนี้เป็นแรงผลักดันส่วนตัวปณัยกรก็รู้สึกใจหายเพราะตั้งแต่รู้จักกับสุพิชฌาย์มานานหลายเดือนเขากับเธอแทบไม่เคยอยู่ห่างกันเลย ครั้งนี้จึงเป็นการห่างกันเป็นครั้งแรกแต่เขาก็ต้องยอมให้หญิงสาวไปเรียนเพราะนั่นคืออนาคตของเธอก่อนวันเดินทางเขาและเธอต่างก็พากันไปรู้จักเพื่อนของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งซึ่งดูเหมือนว่าสุพิชฌาย์จะเข้ากับเพื่อนของเขาได้ดี ส่วนเขากับเพื่อนสุพิชฌาย์นั้นเคยเจอกันใยฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์มาบ้างแล้วแต่พอได้มารู้จักกันอีกครั้งก็รู้สึกแปลกไปบ้างแต่พอคุยไม่นานก็เริ่มปรับตัวได้วันนี้สุพิชฌาย์จะต้องเดินทางไปเรียนแล้ว ปณัยกรมาส่งเธอที่สนามบินและแยกตัวออกมาคุยกันตามลำพังส่วนบิดามารดาของเธอก็ยืนรออยู่ซึ่งทั้งสองคนจะตามไปส่งสุพิชฌาย์ที่อังกฤษด้วย “เปียโนต้องคิดถึงพี่ไนท์มากๆ แน่เลยค่ะ” สุพิชฌาย์เริ่มจะงอแงเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ“เราวิดีโอคอลหากันไ
“พ่อว่ายังไงบ้างคะพี่ไนท์” หญิงสาวถามเมื่อปณัยกรเปิดประตูเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับ“ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร”“พี่ไนท์คะตอบให้มันละเอียดหน่อยสิคะ”“พ่อของเปียโนไม่ว่าอะไรหรอกครับ”“หมายความว่าพ่อยอมให้เราคบกันใช่ไหม”“ครับ”“พ่อพูดอะไรกับพี่บ้างพี่หายไปนานเปียโนใจคอไม่ดีเลยนะคะ”ปณัยกรหันมายิ้มก่อนจะขับรถออกจากมหาวิทยาลัยระหว่างทางเขาก็เรื่องที่ตัวเองคุยกับบิดาของสุพิชฌาย์ให้เธอฟังทั้งหมด“โล่งอกไปทีค่ะ เปียโนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ”“พี่ก็เหมือนกันครับ เย็นนี้พ่อของเปียโนให้พี่พาเปียโนไปที่บ้าน”“ไปทำไมคะ”“ท่านก็คงอยากเจอลูกสาว”“เปียโนว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ เลยค่ะ”“อย่าคิดมากไปเลยนะ ตอนนี้เราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่ายังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดเปียโนอยากไปไหนล่ะ”“ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังสักเรื่องดีไหมคะ”“ครับ”ทั้งสองทานอาหารกลางวัน ดูหนังและเดินเล่นจนถึงเย็นจากนั้นปณัยกรก็ขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าเพื่อนตรงไปยังบ้านของคุณสุชาติตามที่นัดไว้ระหว่างทางสีหน้าของสุพิชฌาย์ดูเป็นกังวล ปณัยกรเอื้อมมือมาจับไว้เพื่อหวังให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น“พี่ไนท์ว่าพ่อกับแม่จะคุยอะไรกับ
ปณัยกรมีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยเอกชนที่คุณสุชาติบิดาของคนรักเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มแจ้งกับเลขาที่หน้าห้องว่าเขานัดคุณสุชาติไว้แล้วเลขาของคุณสุชาติโทรเข้าไปแจ้งเจ้านายจากนั้นปณัยกรก็เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป“สวัสดีครับคุณสุชาติ”“สวัสดีครับอาจารย์ปณัยกร เชิญนั่งก่อน”“ขอบคุณครับคุณสุชาติเรียกผมว่าอาจารย์ไนท์ก็ได้นะครับเรียกเต็มยศแบบนี้ผมรู้สึกเกร็งๆ ยังไงก็ไม่รู้”“ได้สิว่าแต่วันนี้อาจารย์ไนท์เข้ามาพบผมมีอะไรจะคุยเหรอ ใช่เรื่องที่จะเริ่มสอนนักศึกษาช่วงซัมเมอร์นี้หรือเปล่าติดปัญหาตรงไหนแจ้งผมได้ตลอดเลยนะ” คุณสุชาติถามอย่างใจดี“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ”“อ้าวแล้วมีเรื่องอะไรล่ะอย่าบอกนะครับว่าเปลี่ยนใจจะไม่มาสอนที่นี่แล้ว ผมเสียดายอาจารย์ที่สอนเก่งๆ อย่างคุณแย่เลย”“คือคุณสุชาติครับ....” ชายหนุ่มมีท่าทางอึดอัดเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงถึงเรื่องที่ตนเองตั้งใจมาหาคุณสุชาติในวันนี้“อาจารย์ไนท์มีอะไรก็พูดกับผมตรงๆ เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจหรอก”“คือเรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณสุชาติวันนี้ก็คือเรื่องที่ผมกับเปียโนคบกันอยู่ครับ”“อะไรนะ....คบกันเหรอ” คุณสุชาติทำทีเป็นตกใจ
ระยะเวลาที่อยู่ปราณบุรีสามวันสี่คืนเป็นช่วงเวลาที่สุพิชฌาย์และปณัยกรมีความสุขมากๆ ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่แม้จะไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนไกลจากที่พักแต่สุพิชฌาย์ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเขาตามลำพังและเมื่อถึงวันที่จะต้องเดินทางกลับหญิงสาวก็แทบไม่อยากจะขึ้นรถเลย“เปียโนครับ พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะนะยืนอยู่ตรงนี้นานๆ ผิวเสียไม่รู้ด้วยนะ”“ก็เปียโนยังไม่อยากกลับนี่คะ เราอยู่ต่อไม่ได้เหรอคะ”“พี่ก็อยากจะอยู่ต่อนะแต่วันนี้พ่อกับแม่ของเปียโนกลับมาแล้วพรุ่งนี้พี่โดยจะเข้าไปคุยกับท่านที่มหาวิทยาลัย พี่โทรแจ้งกับเลขาของท่านไว้แล้ว”“พี่ไนท์คะ เปียโนว่ายังไม่ต้องบอกพ่อกับแม่ได้ไหมคะ” สุพิชฌาย์เริ่มเป็นกังวลเพราะกลัวจะถูกบิดาห้าม“ทำไมล่ะครับเปียโน เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ ว่าพี่จะต้องบอกพ่อกับแม่ของเปียโน”“เปียโนกลัวค่ะว่าถ้าบอกแล้วพ่อจะให้เปียโนย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเปียโนคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่ได้อยู่กับพี่แบบนี้”“อย่าเพิ่งกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยพี่เชื่อว่าพ่อกับแม่ของเปียโนเป็นผู้ใหญ่มากพอ แล้วที่ผ่านมาเปียโนก็ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังทั้งเรื่องเรียนจบได้เรื่องที่กำลังจะไปเรียนต่







