Masukสุพิชฌาย์และครอบครัวนั่งรถมายังโรงพยาบาลที่อาจารย์ทรงวุฒิรักษาตัวอยู่คุณสุชาติและคุณวิมลวรรณเข้าไปสอบถามอาการขณะที่หญิงสาวก็นั่งอยู่ข้างๆ กับภรรยาของอาจารย์ทรงวุฒิ เธอชื่ออาจารย์กิ่งแก้วตอนนี้ท่านสอนอยู่ในมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่เดียวกับอาจารย์ปณัยกร
เธอแนะนำตัวกับสุพิชฌาย์และให้หญิงสาวเรียกว่าพี่แก้วแทนที่จะเรียกว่าอาจารย์
“เป็นยังไงบ้างคะน้องเปียโนอาจารย์ที่ไปสอนแทนอาจารย์ทรงวุฒิสอนดีไหม”
“ก็ดีค่ะแต่น้อยกว่าอาจารย์ทรงวุฒินิดหนึ่ง” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มให้อาจารย์ทรงวุฒิซึ่งตอนนี้ท่านนอนอยู่บนเตียงแล้วขายังใส่เฝือกอยู่
“แบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย”
“อาจารย์ไม่ต้องห่วงเรื่องสอนหรอกนะครับ ผมว่ารักษาตัวเองให้หายก่อนหายเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับไปสอน” คุณสุชาติรีบบอก
“หมอบอกไหมคะว่าอาจารย์จะออกจากโรงพยาบาลตอนไหน” สุพิชฌาย์ถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองมีโอกาสจะได้เจอกับอาจารย์ปณัยกรอีกกี่ครั้ง
“ก็น่าจะอีกไม่นานหรอกเปียโน”
“พวกหนูคงคิดถึงอาจารย์แย่เลย”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลยอาจารย์ว่าพวกหนูคงจะชอบอาจารย์คนใหม่จนลืมอาจารย์”
“ใครจะลืมได้ล่ะคะ พวกเรารอให้อาจารย์กลับไปสอนอยู่ อันนี้จริงอาจารย์ไนท์ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ติดอยู่อย่างเดียวค่ะ”
“ติดอะไรเหรอบอกอาจารย์มาได้เลยเดี๋ยวอาจารย์จะบอกอาจารย์ไนท์ให้ปรับการสอน”
“ไม่เกี่ยวกับการสอนหรอกค่ะ”
“มันยังไงกันเหรอเปียโน หนูพูดให้ชัดสิ แม่ฟังหนูพูดจนงงไปหมดแล้ว”
“ก็เรื่องที่พวกหนูไม่ค่อยชอบก็คือต้องตื่นเช้าวันเสาร์มาเรียนน่ะสิคะ”
“เรื่องนี้อาจารย์เองก็ช่วยไม่ได้นะเพราะปกติแล้วอาจารย์ไนท์เขาจะสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอื่นตารางการสอนแน่นมาก นี่อาจารย์ต้องไปขอร้องเลยนะเขาถึงยอมมาสอนแทน แต่ก็มาได้แค่วันเสาร์พวกหนูก็อดทนหน่อยนะ”
“ค่ะอาจารย์ หนูขอให้อาจารย์หายไวๆ นะคะ”
สุพิชฌาย์และครอบครัวคุยกับอาจารย์ทรงวุฒิและภรรยาอยู่ไม่นานก็ขอตัวกลับ
หญิงสาวเดินตามบิดามารดาออกมาจากห้องจากนั้นก็หยุดเดิน
“เป็นอะไรมีอะไรหรือเปล่าเปียโน”
“หนูมีอะไรจะถามอาจารย์ทรงวุฒินิดหน่อยค่ะ พ่อกับแม่ไปรอที่รถเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจะรีบตามไป” หญิงสาวบอกกับบิดามารดาก่อนจะรีบวิ่งกลับมาที่ห้องของอาจารย์อีกครั้ง
“อ้าว...เปียโนลืมอะไรหรือเปล่า” อาจารย์ทรงวุฒิถามลูกศิษย์ที่กลับเข้ามาในห้องพักอีกครั้ง
“เปล่าค่ะ หนูมีอะไรจะถามพี่แก้วนิดหน่อยค่ะ”
“จะถามอะไรพี่ก็ถามมาได้เลยค่ะ”
สุพิชฌาย์เดินไปนั่งข้างๆ ภรรยาของอาจารย์ทรงวุฒิก่อนจะกระซิบเบาๆ
“พี่แก้วคะพอดีเพื่อนหนูฝากถามว่าอาจารย์ไนท์ยังไม่มีแฟนหรือยังคะ”
“ท่าทางเขาเย็นชาแบบนั้นจะมีผู้หญิงที่ไหนชอบล่ะ”
“แล้วอาจารย์หรือนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยไม่มีใครชอบอาจารย์ไนท์เลยเหรอคะ”
“ก็มีหลายคนชอบและพยายามเข้าหาแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้กับความเย็นชาน่ะ พี่ฝากบอกเพื่อนหนูด้วยนะถ้าใครคิดที่จะจีบอาจารย์ไนท์ก็เตรียมตัวอกหักได้ เลยอาจารย์เขาไม่สนใจผู้หญิงหรอก”
“หมายความว่ายังไงคะหรืออาจารย์เขาชอบผู้ชาย”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะน้องเปียโนเพียงแต่อาจารย์ไนท์เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่พี่ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันนะหรือบางทีเขาคงยังไม่เจอคนที่ชอบมั้ง”
“แล้วเขาชอบผู้หญิงแบบไหนคะ พี่แก้วรู้ไหม”
“พี่ไม่รู้หรอกค่ะ พี่กับเขาสอนที่เดียวกันแต่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ถ้าน้องเปียโนอยากรู้ก็ลองถามอาจารย์วุฒิดูสิ”
“จะถามอะไรเหรอเปียโน กระซิบกันนานแล้วนะ”
“อาจารย์สัญญาก่อนว่าถ้าหนูถามแล้วอาจารย์จะตอบ”
“คำถามมันยากไหม”
“ไม่หรอกค่ะ”
“งั้นก็ถามมา”
“เพื่อนหนูอยากรู้ว่าอาจารย์ไนท์ชอบผู้หญิงแบบไหน” เธอรีบเอาเพื่อนมาอ้าง
“คำถามยากจัง อาจารย์เองก็ไม่รู้ด้วยสิ”
“ว้า....” หญิงสาวทำท่าทางผิดหวัง
“เปียโนอยากรู้หรือเพื่อนอยากรู้กันแน่” กิ่งแก้วเห็นท่าทางก็พอเดาออกแล้วว่าคนที่ถามเรื่องนี้น่าจะเป็นสุพิชฌาย์เองไม่ใช่เพื่อนอย่างที่เธออ้าง
“เพื่อนค่ะพี่แก้ว”
“พี่วุฒิคะ แก้วว่ายังไงก็ลองแอบถามอาจารย์ไนท์หน่อยก็แล้วกันนะคะว่าชอบผู้หญิงแบบไหน ลูกศิษย์ของพี่จะได้รู้ไว้”
“ถ้าอาจารย์เจอเขาแล้วจะถามให้ก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณมากค่ะอาจารย์”
“แล้วจะให้บอกไหมว่าใครถาม”
“อย่านะคะ หนูไม่อยากให้เขารู้ว่าพวกหนูในห้องกำลังสนใจเขา” สุพิชฌาย์รีบห้าม
“เอางั้นก็ได้อาจารย์จะไม่บอกว่าใครถาม”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะอาจารย์หนูขอตัวกลับก่อนค่ะ ไปนะคะพี่แก้ว”
“โชคดีจะ ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มโทรหาพี่นะ”
“ได้เลยค่ะ”
ปณัยกรวางสายจากสุพิชฌาย์แล้วก็รีบตรงไปยังผับที่หญิงสาวบอก เขารู้สึกเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเมาและกลับไปพร้อมกับรุ่นพี่ ตอนนี้ชายหนุ่มยอมรับแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวนั้นไม่ใช่แค่เพื่อนบ้านหรือลูกศิษย์อย่างที่พยายามจะคิดแบบนั้นมาตลอด และเขาไม่สนใจแล้วว่าเธอจะเป็นลูกสาวของใคร เขาจะยอมทำตามหัวใจตัวเองสักครั้งจะทำทุกอย่างให้เต็มที่แล้วยอมรับผลที่จะตามมาอย่างไม่มีข้อแม้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในผับและกวาดสายตาไปทั่วเมื่อเห็นสุพิชฌาย์กำลังยืนเต้นอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนมก็รีบตรงเข้าไปหาทันที“อาจารย์....” สุพิชฌาย์ทั้งดีใจและตกใจที่เห็นเขามาที่นี่“กลับเถอะเปียโน”“แต่หนูยังสนุกอยู่เลยนะคะ หนูยังไม่อยากกลับ”“แต่ผมบอกให้กลับก็ต้องกลับ”“นี่คุณ ผู้หญิงเขาไม่อยากกลับจะมาบังคับกันได้ยังไงแล้วคุณเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาบังคับเปียโนแบบนี้” เพื่อนชายของสุพิชฌาย์พูดไปตามบทที่หญิงสาวเตี๊ยมเอาไว้“ผมเป็นแฟนเธอ คงจะพอบังคับได้นะ” ปณัยกรตอบกลับก่อนจะจูงมือสุพิชฌาย์ออกไปจากผับ“อาจารย์ปล่อยหนูได้แล้ว” หญิงสาวสะบัดมือออกเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าผับ“ปล่อยเพื่อให้กลับเข้าไปเต้นยั่วผู้ชายข้างในอีกน่ะ
เช้าวันใหม่สุพิชฌาย์ยังไม่ยอมลุกจากที่นอนทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว หญิงสาวอยากรู้ว่าถ้าปณัยกรเห็นว่าเธอยังนอนอยู่บนเตียงของเขาแล้วชายหนุ่มจะทำหน้ายังไงเธอยิ้มเมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน การที่เขาจูบเธอแบบนั้นมันก็แน่ชัดแล้วว่าเขาต้องมีใจให้กับเธออย่างแน่นอนแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมตอบตกลง หญิงสาวคิดว่าวันนี้จะเธอต้องคุยกับปณัยกรเรื่องนี้ให้รู้เรื่องเพราะไม่อยากจะอยู่กับความอึดอัดนี้ได้อีกต่อไปขณะที่กำลังนอนคิดอยู่บนเตียงเสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้น“เปียโน คุณตื่นหรือยังผมขอเข้าไปนะ วันนี้ผมต้องไปทำงาน” ปณัยกรตื่นนอนตั้งแต่เช้าแต่รอให้สุพิชฌาย์ออกมาก่อนแต่แล้วก็ทนรอไม่ไหวเพราะถ้าช้ากว่านี้เขาคงต้องไปทำงานสายอย่างแน่นอน“ตื่นแล้วค่ะ อาจารย์เข้ามาได้เลย” หญิงสาวตะโกนตอบแต่ยังไม่ยอมลุกจากเตียง“สายแล้วนะเปียโน” ชายหนุ่มมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วพูดขึ้น“หนูไม่ต้องไปเรียนแล้วนี่คะหนูสอบเสร็จแล้ว”“งั้นก็กลับห้องได้แล้ว ผมจะอาบน้ำแต่งตัว”“หนูก็ไม่ได้ห้ามอาจารย์สักหน่อย อาจารย์อายเหรอคะ”“ผมเป็นผู้ชายจะอายทำไม คุณมากกว่ามั้งที่ต้องอาย”“หนูไม่อายหรอกค่ะ
เสียงดนตรีในผับดังเป็นจังหวะเร้าใจ สุพิชฌาย์กับเพื่อนๆ สนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง หญิงสาวดื่มไปหลายแก้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอเมาเพราะที่ผ่านมาก็เป็นสายปาร์ตี้และดื่มจนชินแล้ว“แกจะไม่กลับไปนอนหอฉันจริงๆ เหรอรถแกก็อยู่ที่นั่นนะ”“ฝากไว้ที่นั่นก่อน พรุ่งนี้ฉันค่อยกลับไปเอานะ”“แล้วแกจะไม่ให้ฉันสองคนนั่งรถส่งเหรอกลับคนเดียวมันอันตรายนะยิ่งเมาอยู่ด้วย” เจนิตาพูดด้วยความเป็นห่วง“ฉันเมาที่ไหนล่ะแก”“เปียโนฉันอยากรู้ว่าทำไมถึงอยากกลับคอนโดถ้าเดาไม่ผิดเพราะอยากจะไปหาอาจารย์ไนท์ใช่ไหม”“แกนี่สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันจริงๆ นะใบตอง”“แต่แกบอกว่าไม่อยากให้อาจารย์เขาเห็นตอนแกเมานี่”“นั่นสิ หรือแกกำลังคิดจะทำอะไรอยู่”“ฉันมีแผนนิดหน่อยน่ะเจน”“บอกฉันสองคนได้ไหม” ณัฐมลอยากรู้ว่าเพื่อนกำลังจะทำอะไรและถ้ามันเสี่ยงเกินไปเธอจะได้เตือน“ฉันจะไปขอนอนห้องอาจารย์ไนท์”“อย่านะเปียโนแกเมาแบบนี้ถ้าเกิดอาจารย์เขาฉวยโอกาสกับแกขึ้นมาล่ะ” เจนิตารีบร้องห้าม“แต่ฉันว่าอาจารย์ไม่ใช่คนแบบนั้น”“แต่เขาก็เป็นผู้ชายนะแก แล้วดูชุดที่แกใส่วันนี้สิ มันใช่ชุดธรรมดาที่ไหน” ณัฐมลเตือนอีกคนเพราะวันนี้สุพิชฌาย์ใส่นั้นมันเซ็กซี่มาก
สุพิชฌาย์ยังคงมาอ่านหนังสือที่ห้องของปณัยกรทุกวัน มันกลายเป็นความเคยชินอีกอย่างนอกจากการทานอาหารเย็นด้วยกัน การได้นั่งมองหน้าชายหนุ่มและอ่านหนังสือไปด้วยก็เป็นความสุขอีกอย่างของหญิงสาวส่วนปณัยกรเองนั้นการได้มองหน้าสุพิชฌาย์ขณะที่นั่งทำงานไปด้วยมันทำให้กำแพงในใจของชายหนุ่มละลายลงไปอย่างช้าๆ แต่ก็ยังไม่กล้าจะบอกความรู้สึกของตนเองออกไป เพราะมันมีอุปสรรคหลายอย่างเหลือเกินที่เขาไม่รู้ว่าจะสามารถจับมือหญิงสาวก้าวข้ามมันไปได้หรือเปล่า“พรุ่งนี้ก็สอบวันสุดท้ายแล้วใช่ไหมเปียโน”“ใช่ค่ะ”“แล้วที่ผ่านมาคิดว่าตัวเองทำข้อสอบได้ดีหรือเปล่า” เขาชวนคุยเพื่อให้เธอได้พักสายตาบ้าง“หนูคิดว่าหนูทำเต็มที่ทุกวิชานะคะ ส่วนคะแนนจะได้มากจะได้น้อยมันเป็นเรื่องของอาจารย์ที่จะต้องจัดการเองค่ะ” หญิงสาวหัวเราเพราะมั่นใจในระดับหนึ่งว่าตนเองทำข้อสอบได้“ปกติแล้วผลการเรียนคุณเป็นยังไงบ้าง”“ที่ผ่านมาก็ได้ประมาณสามกว่าๆ ค่ะ หนูหัวขี้เลื่อยมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ไม่เคยหวังเรื่องเกียรตินิยมเลย” สุพิชฌาย์ตอบแบบไม่เครียด“ทำไมไปว่าตัวเองแบบนั้นล่ะ เกรดเฉลี่ยมันไม่ได้วัดนะว่าเราเก่งหรือเปล่ามันอยู่ที่การนำเอาความรู้นั้นมาใช
หลังจากทานข้าวกับเพื่อนอาจารย์ในคณะเสร็จแล้วปณัยกรก็ขับรถกลับคอนโดมิเนียมในเวลาเกือบจะห้าทุ่ม เมื่อมาถึงที่จอดรถก็เห็นไม่เห็นรถของสุพิชฌาย์ ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเพราะปกติเวลานี้หญิงสาวควรจะกลับมาถึงที่พักแล้ว เขาเดินดูทั้งลานจอดรถเพราะคิดว่าเธอจะเอาไปจอดที่อื่นแต่เดินดูจนทั่วก็ไม่เห็นชายหนุ่มรีบเดินขึ้นมาบนห้องแล้วเคาะประตูห้องตรงข้ามและยืนรออยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูปณัยกรรู้สึกเป็นห่วงเขาจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาเธอทันที แม้รู้ว่าสุพิชฌาย์โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง ชายหนุ่มมองว่าเธอเป็นคนน่ารัก สดใส และเข้ากับคนอื่นง่ายและบางครั้งหญิงสาวก็เหมือนเด็กในร่างของผู้ใหญ่คนหนึ่งชายหนุ่มรอไม่นานนักปลายสายก็กดรับพร้อมกับเสียงที่เต็มไปด้วยความสดใสเหมือนกับทุกครั้ง“สวัสดีค่ะอาจารย์”“คุณอยู่ไหนเปียโน ทำไมผมถึงไม่เห็นรถคุณอยู่ที่คอนโดเลย” ปณัยกรถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“หนูอยู่หอพักเพื่อนค่ะอาจารย์ พอดีว่าอ่านหนังสือสอบกับเพื่อนแต่ก็กำลังจะกลับแล้วค่ะ”“จะกลับตอนนี้เลยเหรอ มันดึกมากแล้วนะขับรถกลับคนเดียวได้หรือเปล่า” เขาเหลือบมองนาฬิกา
สุพิชฌาย์ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของปณัยกรในเช้าของวันใหม่หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขถึง แม้เขาจะไม่ได้นอนกับเธอในห้องนี้แต่ก็เห็นถึงความมีน้ำใจและเขาก็ไม่ได้รังเกียจที่ถึงขั้นไล่กลับให้ไปนอนที่ห้องของตัวเองหญิงสาวค่อยๆ ย่องออกจากห้องของเขาอย่างเบาที่สุดเพื่อกลับมาที่ห้องของตนเอง เธออาบน้ำแต่งตัวและไปเรียนโดยลืมไปว่าแท็ปเล็ต โทรศัพท์มือถือและหนังสือยังอยู่ในห้องของเขาเมื่อมาถึงที่มหาวิทยาลัยและเดินไปหาเพื่อนที่โรงอาหารสุพิชฌาย์เปิดสะพายข้างขึ้นมาแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้หยิบของออกมาจากห้องของอาจารย์ปณัยกรเลยสักอย่าง“เป็นอะไรเปียโนทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ฉันลืมโทรศัพท์มือถือ”“อ้าวแล้วแกไปลืมทิ้งไว้ที่ไหน ลืมไว้ในรถหรือเปล่า ไม่เป็นไรจะกินอะไรเอาโทรศัพท์ฉันไปสแกนจ่ายก็ได้” ณัฐมลเสนออย่างใจดี“ฉันลืมไว้ในห้องอาจารย์ไนท์”“อะไรนะเปียโนแกไปลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องเขาได้ยังไง ปกติแกเป็นคนติดมือถือจะตาย เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้นะ” เจนิตาตกใจเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับอาจารย์หนุ่มจะไปไกลเกินกว่าที่พวกเธอคิดไว้“แกไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นหรอกน่าเจน เมื่อคืนฉันไปอ่านหนัง







