เสียงใบไม้ที่เสียดสีจากการเคลื่อนตัวของร่างยักษ์ ทำให้สัตว์ในบริเวณนั้นรู้ได้ทันทีว่าท่านผู้นำกำลังมาเยือน สัตว์ทั้งหลายพากันหลบอย่างรวดเร็ว ภายในความมืดกับเรือนร่างยักษ์สีดำขลับที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติทำให้ยากต่อการมองเห็น เมื่อใกล้ถึงที่หมายจึงลดความเร็วลงจนกลายเป็นเงียบสงัดเมื่อพบสิ่งที่เป็นต้นตอของเสียงที่ได้ยิน
หยุดและเฝ้าดู อย่าให้ศัตรูรู้ตัว
ร่างยักษ์ส่งสัญญาณภายในจิตให้กับเหล่าทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบบ่อน้ำแห่งกาลเวลานี้เพื่อเฝ้าดูสิ่งตรงหน้าร่างของหญิงสาวที่กำลังผุดขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเลอยู่ในสายตาของร่างยักษ์ เธอนั้นดูอ่อนแรงและไม่เหมือนกับศัตรู แต่ก็ไม่สามารถชะล่าใจไปได้เพราะศัตรูนั้นสามารถมาได้ในทุกรูปแบบ เสียงหายใจหอบของเธอดังเข้ามาในโสตประสาทของเขาอย่างชัดเจน สายตาคมยังคงจ้องมองไปที่ร่างบางอย่างไม่ละสายตา
เหล่าทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบไม่กล้าขยับไปไหน ตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย และทำได้เพียงเฝ้าดูร่างของหญิงสาวที่กำลังขึ้นมาจากผืนน้ำเบื้องหน้าด้วยความยากลำบาก เสียงกิ่งไม้ขยับจากการเคลื่อนตัวของทหารนายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากหญิงสาว ทำให้ผู้เป็นนายถึงกับส่งสายตาดุดันไปให้ และทหารนายนั้นก็รู้ตัวทันทีว่าต้องโดนทำโทษอย่างแน่นอน
นะ…นั่น…สะ..เสียงอะไร…
ร่างบางที่กำลังนอนอยู่บนพื้นโคลนเบื้องหน้าได้ยินเสียงผิดปกติจึงลุกเดินเข้ามาเพื่อตามหาเสียงนั้น แต่เหล่าทหารที่อยู่ในทิศทางนั้น กลับต้องหนีเธอเพราะกลัวว่าเธอจะมาเห็นเข้า เหล่าทหารพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลบร่างเล็ก และขยับไปทิศตรงข้ามของเธอเสมอ จนเธอนั้นเดินไปอีกฝั่งที่ผู้เป็นนายของพวกเขาอยู่
ร่างบางที่กำลังเดินไปทางร่างยักษ์โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไรในเบื้องหน้า ทำเอาเหล่าทหารทุกนายนั้นลุ้นจนตัวเกร็ง เพราะทางที่มืดไร้แสงอาทิตย์นั้น ทำให้ยากต่อการมองเห็น
เสียงป่าที่เงียบสงัดทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้าของร่างบางอย่างชัดเจนในใจของสายตาหลายคู่ที่ต่างลุ้นระทึกกับภาพที่เห็น ยิ่งร่างบางเดินเข้าไปใกล้จุดนั้นมากเท่าไหร่พวกเขาก็แทบหยุดหายใจในทุกก้าวเดินของเธอ
แสงจากดวงจันทร์ส่องนำทางให้เธอถึงแม้มันจะมีเพียงน้อยนิดแต่ก็พอที่จะให้เธอนั้นเดินไปตามทางได้ ร่างบางหยุดเดินอย่างกะทันหันก่อนที่จะเงยหน้ามองไปยังบางสิ่งที่ทำให้เธอนั้นช็อคจนหมดสติไป
สายตาคมดุดันที่กำลังสบตาเข้ากับร่างเล็ก เขามองทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับเธอ ท่าทีหวาดกลัวเนื้อตัวสั่นเทาเสียงหัวใจของเธอที่เต้นอย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสมันได้หมดในความเงียบนี้ ร่างบางที่หมดสติไปบนพื้นอันหนาวเย็น เหล่าทหารจึงพากันออกมาดูแล้วกลับกลายร่างมาเป็นมนุยษ์ดังเดิม
“ท่านครับ จะเอายังไงต่อ” วิลล์ที่เดินเข้ามายังร่างบางที่สลบไปก่อนจะหันไปมองผู้เป็นนายในร่างของอสรพิษยักษ์
บาบารัสที่ได้เห็นเธอแล้วกลับรู้สึกบางอย่างเมื่อได้สบตากัน แต่เขาก็ทำได้แค่เก็บมันไว้ในใจจนกว่าจะหาคำตอบได้ เขากลับมาอยู่ในร่างของมนุษย์อีกครั้ง ร่างกายกำยำสวมใส่เพียงกางเกงแค่ตัวเดียว
“พานางกลับไปที่คฤหาสน์ อุ้มนางมาให้ข้า” เสียงทรงพลังเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะรับร่างเรียวบางขึ้นมาอยู่ในอ้อมอก
“นายท่าน...เอ่อ...” เบลนเดอร์เอ่ยขึ้นเมื่อผู้เป็นนายนั้นรับร่างไปอยู่ในอ้อมกอดเรียบร้อยแล้ว ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือนายของเขานั้นไม่เคยแตะต้องหญิงสาวคนใดมานานมากแล้ว
“ไม่ต้องพูดมาก กลับคฤหาสน์ แล้วพาทหารคนนั้นไปรอข้าที่ลานประลอง” บาบารัสเอ่ยขึ้นด้วยสายตาเรียบนิ่งพร้อมกับชี้ไปที่ทหารคนที่ทำให้เกิดเสียงอย่างคาดโทษ
“ครับท่าน” เบลนเดอร์เอ่ยก่อนจะถอยออกมาเพื่อให้ผู้เป็นนายได้ออกเดินทาง
สายตาคมมองไปยังทางข้างหน้าสลับมองใบหน้าสวยที่อยู่ในอ้อมกอด ความสงสัยที่มีมาตลอดทางมันกวนใจเขาจนน่าหงุดหงิด เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาเสียเลย…
เสียงอาชาเคลื่อนตัวมายังคฤหาสน์ที่มีทหารยืนรอต้อนรับมากกว่าสิบนาย รวมไปถึงสาวใช้ที่ยืนเรียงรายเตรียมเอาเสื้อผ้ามารอสวมใส่ให้ด้วยความเกร็งเพราะสีหน้าของเจ้านายนั้นดูไม่ค่อยสบอารมณ์
ร่างหนาอุ้มหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนพร้อมกระโดดลงจากหลังม้าด้วยความแข็งแกร่ง ก่อนจะเดินเข้าคฤหาสน์ไปอย่างไม่สนใจสาวใช้ที่ยืนมองเขาด้วยสายตาที่ตกใจในสิ่งที่เห็น เหล่าสาวใช้ต่างตกใจเมื่อเห็นว่า ผู้เป็นนายอุ้มหญิงสาวร่างบางเข้ามาในคฤหาสน์เพราะผู้เป็นนายนั้น
ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนใดเลยหลังจากเกิดเรื่องนั้น…“เตรียมเสื้อผ้าให้เธอ และพาเธอไปจัดการให้เรียบร้อย”
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ