ตาไพรนอนนิ่งอยู่บนฟากไม้ ข้างกายมีห่อผ้าแดงซุกยันต์เก่า ขันน้ำมนต์ และมีดหมอวางเรียงอย่างเงียบสงบ ตาเรืองเดินเข้ามาเงียบๆ มือข้างหนึ่งถือสายสิญจน์ อีกข้างถือเทียนเล่มยาว เขาหย่อนตัวลงข้างศพตาไพร ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตาเรืองจุดเทียน ปักลงกลางขันน้ำมนต์ แล้วพันสายสิญจน์วนรอบร่างตาไพร ท่องบทถอนวิชาด้วยเสียงสั่นแต่มั่นคง สายลมวูบหนึ่งพัดวาบเข้ามา ทั้งที่ไม่มีเหตุควร ลมหอบกลิ่นกำยานจากเตาไฟจนฟุ้งไปทั่ว
“ขอถอนคุณ ถอนเวท ถอนมนต์คาถา และอาคมทั้งปวง ที่บักไพรได้เรียนมาแต่ปางก่อน ให้คืนแก่ครูบาอาจารย์ต้นทาง อย่าให้ตกค้างในร่าง ในวิญญาณ อย่าให้ผู้ใดนำไปใช้โดยมิสมควร…” เมื่อลมสงบ เทียนในขันน้ำมนต์ก็ดับวูบลงเอง น้ำในขันขุ่นคล้ายหม่นเศร้า ตาเรืองลูบหน้าตาไพรเบาๆ ก่อนเอ่ยคำสุดท้าย "ถ้าบ่มีมึง กะสิบ่เหลือผุได๋อยู่จนฮอดทุกมื้อนี่ มึงไปซะบ่ต้องห่วงทางพี่ จักสิฮอดมื้อกูยามได๋ดอก ถ้าฮอดมื้อกู มึงมาฮับกูแนเด้อ" (ถ้าไม่มีมึง ก็ไม่เหลือใครอยู่จนถึงทุกวันนี้ มึงไปเถอะไม่ต้องห่วงทางนี้ ไม่รู้ว่าจะถึงวันของกูวันไหน ถ้าถึงวันของกู มึงมารับกูหน่อยนะ) เขาโน้มตัวไหว้ศพตาไพร ก่อนลุกขึ้นอย่างคนที่แบกบางสิ่งไว้เต็มหัวใจ เหลือไว้เพียงร่างแก่ผู้ไร้วิชา กับเงาสลัวกลางป่าที่เงียบกริบราวกับทุกสรรพสิ่งรับรู้ "ธรขอโทษที่เทือนี่บ่ได้ฟังที่ตาเว้า ทั้งที่ตาบอกธรมามื้ออื่น...ตาบ่ต้องห่วงธรเด้อ ธรสิดูแลเจ้าของให้ดี" (ธรขอโทษที่ครั้งนี้ไม่ได้ฟังที่ตาพูด ทั้งที่ตาบอกให้ธรมาพรุ่งนี้...ตาไม่ต้องห่วงธรนะ ธรจะดูแลตัวเองให้ดี) แววตาไหววูบคล้ายคนกำลังกลั้นบางสิ่งไว้แน่นข้างใน ริมฝีปากเม้มสนิท คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนคนที่พยายามจะไม่สั่นไหว แต่เปลือกตาล่างเริ่มมีหยดใสๆ ไหว้ศพตาของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่ทุกคนไปพูดกับศพตาไพรเป็นครั้งสุดท้าย ชาวบ้านที่ได้รู้ข่าวเรื่องตาไพร รีบมาด้วยความรู้สึกผิด มีชาวบ้านจำนวนมากไหว้ศพตาไพร ทุกคนพึ่งรู้เรื่องที่ตาไพรยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องทุกคน ศพของตาไพรได้นำไปไว้ที่วัดเพื่อไปทำฌาปนกิจ พระที่วัดท่านแนะนำให้เผาศพอีก 3 วัน ต้องเป็นช่วงบ่ายโมงและก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เช้าวันต่อมา แม่ของธรทรุดตัวลงข้างโลง เสียงร้องไห้นั้น ไม่ใช่เสียงสะอื้นเบาๆแต่มันดังลั่น เหมือนหัวใจของคนๆ หนึ่งแตกออกตรงหน้าเสียง "ฮือๆๆ" สลับกับเสียงร้องคำรามจากลำคอ กลั้นไม่ได้ หยุดไม่อยู่ พ่อไม่พูดอะไรเลย เขาแค่นั่งลงข้างๆ แล้วค่อยๆ เอาแขนโอบร่างของแม่ไว้ "เป็นหยังพ่อคือบ่บอกขวัญ" (ทำไมพ่อไม่บอกขวัญ) "ขวัญขอโทษฮือออ...ฮืออ...ออ...ขวัญผิดเอง พ่อตื่นมาคุยนำขวัญก่อนฮืออ..อออ" (ขวัญขอโทษฮือออ...ฮืออ...ออ...ขวัญผิดเอง พ่อตื่นมาคุยกับขวัญก่อนฮืออ..อออ) ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ "ขวัญมึงสิเฮ็ดแนวนี่กับพ่อมึงติ มึงสิบ่ไปไหว้ศพพ่อมึงเป็นเทือสุดท้ายอิหลีเบาะ" (ขวัญมึงจะทำแบบนี้กับพ่อตัวเองหรอ มึงจะไม่ไปไหว้ศพพ่อตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายจริงหรอ) "เจ้าสิไปฮู้หยังลุง เลานั่นล่ะเป็นคนที่ถิ่มข่อยไป แม่ข่อยตายกะหย่อนเลา" (ลุงจะไปรู้อะไรล่ะ พ่อนั่นแหละเป็นคนที่ทิ้งฉันไป แม่ตายก็เพราะพ่อ) "บักไพรมันพยายามปกป้องพวกมึงจากบักแสน แต่มื้อนั่นเป็นมื้อเดียวที่เปลี่ยนซีวิตของมัน บักแสนมันใซ่วิซาอาคมกับมึง มันเฮ็ดให่มึงเห็นว่าบักไพรเป็นผุฆ่าเมียเจ้าของแล้วหนีไป พอยามมันมาฮอดเฮือนมันกะเห็นว่าเมียเจ้าของตาย ส่วนมึงกะคึดแต่ว่ามันเป็นผุฆ่า มันยอมให่มึงด่ามัน ทั้งที่มันกะเสียใจบ่น้อยไปจากมึง พอมึงหนีไปมีผัวแล้วถิ่มลูกมึงไว่ให้พ่อมึงเลี้ยง มึงกะบ่กลับมาหาพ่อมึงอีกเลย ถึงแม้มันบ่อยากให่มึงไป เเต่เพื่อความปลอดภัยของมึง มันยอมถิ่มเบิดทุกอย่างเพื่อปกป้องมึง เพราะมันเหลือแค่มึงที่เป็นแก้วตาดวงใจของมัน หลังจากนั่นอาจารย์พวกกูกะตายจากฝีมือบักแสน บักไพรมันเลยตัดสินใจเข่าวิซาสายดำ เพื่อไปทำลายบักแสน จนโตมันเองกะทรมานมาหลายปี พลังไสยศาสตร์ค่อยๆไปกัดกินพลังพุทธคุณในโตของมัน ยามได๋ที่มันต้องใซ่พลัง ธาตุในโตของมันกะระเบิดออก ถึงมันได้กลายเป็นตำนานของวงการไสยศาสตร์ มันกะบ่เคยมีความสุขจักเทือ" (ไพรมันพยายามปกป้องพวกมึงจากแสน แต่วันนั้นเป็นวันเดียวที่เปลี่ยนชีวิตของมันไปตลอดกาล แสนใช้วิชาอาคมกับมึง มันทำให้มึงเห็นภาพลวงตาว่าไพรเป็นคนฆ่าเมียของตัวเองแล้วหนีไป ไพรมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าเมียตัวเองตาย ส่วนมึงก็เข้าใจผิด คิดว่ามันเป็นคนฆ่า มันยอมให้มึงด่าทอ ทั้งที่มันเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่ามึงเลย พอมึงหนีไปมีสามีมึงก็ทิ้งลูกให้พ่อมึงเลี้ยง มึงไม่กลับมาหาพ่อของมึงอีกเลย ถึงแม้มันไม่ได้อยากให้มึงหนีไป แต่เพื่อความปลอดภัยของมึง มันยอมทิ้งหมดทุกอย่างเพื่อปกป้องมึง เพราะเหลือมึงคนเดียวที่เป็นแก้วตาดวงใจของมัน หลังจากนั้นอาจารย์ของพวกกูก็ตาย ไพรเลยตัดสินใจเข้าสู่สายวิชาไสยศาสตร์สายดำ เพื่อไปจัดการกับแสน แต่มันก็ต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี พลังไสยศาสตร์ค่อยๆ กัดกินพลังแห่งพุทธคุณในตัวของมัน ทุกครั้งที่มันต้องใช้พลัง ธาตุในร่างมันก็จะระเบิดออก ถึงมันได้กลายเป็นตำนานของวงการไสยศาสตร์ในที่สุด มันก็ไม่เคยมีความสุขเลย) 3 วันหลังจากนี้ แดดบ่ายส่องลอดเรือนยอดไม้ ทาบลงบนลานวัดอย่างเงียบงัน ร่างของตาไพรนอนนิ่งอยู่ในโลงไม้เก่า มีเพียงผ้าขาวผืนเดียวคลุมร่าง กับตะกรุดเส้นสุดท้ายที่ถูกวางบนอก ก่อนจะถอดออกแล้ววางบนใบตองแยกไว้ต่างหาก เสียงพระสวดเป็นเพียงเสียงเดียวที่ข่มความเงียบเมื่อลูกไฟดวงแรกจุดขึ้นใต้เชิงตะกอน เปลวไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นแทบจะทันที จนในที่สุดเปลวไฟสงบลง เหลือเพียงเถ้าดำกับกระดูกบางส่วน ตำนานของชายชราชื่อ "ตาไพร" ได้จบลง ณ ตอนนี้ "ขอบคุณหลายๆเด้อจ้าลุง ดูแลเจ้าของกันนำเด้อจ้าป้าจันทร์ลุงเรือง" (ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะลุง ดูแลตัวเองกันด้วยนะจ๊ะป้าจันทร์ตาเรือง) "ผมกลับก่อนนะครับ ขอบคุณครับ" พ่อกับแม่เดินเงียบๆ ไปรอธรในรถ "ธรนี่ตะกรุดใส่คอของบักไพรเก็บไว้ให่ดี ส่วนมีดกะเก็บไว่.." (ธรนี่ตะกรุดใส่คอของตาไพรเก็บไว้ให้ดี ส่วนมีดก็เก็บไว้..) ชายชราก้มหน้าช้าๆ หยิบตะกรุดเก่าจากผ้าแดงในมือ มันเป็นตะกรุดเล็กๆ สีทองหม่น เด็กชายยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าสายตาสบตากับชายชราสั้นๆ ก่อนจะก้มหน้ารับ "ขอบคุณตากับยายที่คอยซอยเหลือตาของผมล่ะกะผมมาโดยตลอดเด้อครับ" (ขอบคุณตากับยายที่คอยช่วยเหลือตาของผมแล้วก็ผมมาโดยตลอดนะครับ) เด็กชายค่อยๆพนมมือยกมือขึ้นไว้เพื่อเป็นการขอบคุณ "ธร" เสียงยายเอ่ยขึ้น "ฝากเบิงเทียนให่ตากับยายแนเด้อ ถึงหลานยายมันสิดื้อแดแต่เทียนกะเป็นเด็กดี" (ฝากดูแลเทียนให้ตากับยายหน่อยนะ ถึงหลานยายมันจะดื้อบ้างแต่เทียนก็เป็นเด็กที่ดี) "ครับ ผมสัญญาณว่าสิเบิงให้ดีที่สุด ตากับยายดูแลโตเองดีๆเด้อครับ" (ครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ตากับยายดูแลตัวเองดีๆนะครับ) ยายมองหน้าเด็กชายเงียบๆ ริมฝีปากของยายยกขึ้นช้าๆ กลายเป็นรอยยิ้มบางๆ มองดูเด็กชายค่อยๆเดินไปยังรถที่จอดรอ จนในที่สุดรถคันนั้นก็ขับห่างออกไปเหลือเพียงตากับยายคู่หนึ่ง บักไพรมึงตัดสินใจเลือกสืบทอดวิซาให้หลานมึงเพราะหยัง ลวดลายอักขระโบราณบนผิวกายเด็กน้อยปรากฏอยู่ตรงต้นแขน ไล่ลงไปจนเกือบถึงข้อศอกมันไม่ใช่รอยสักเล่นๆ ลายวิชาลึกลับที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวซ่อนอยู่แม้ว่าบนผิวกายของธรจะมีอักขระที่ซีดจาง เขาไม่พูด ไม่ถาม ไม่ทัก ไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าใดๆออกมามีเพียงสายตาที่นิ่งลึก มือเขาแนบข้างลำตัวแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยลมหายใจช้าๆ แล้วหันขึ้นไปมองท้องฟ้า ซึ่งตอนนี้ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางวัน เข้ามาคุยกันได้นะคะ เพื่อให้นักเขียนได้มีกำลังใจในการเขียนต่อ:)แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ
"เมื่อคืนเรื่องมันเป็นงี้..."เกือบสิบคนภายในห้อง ต่างพากันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขานั่งนิ่ง สบตากับทุกคนทีละคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกกลางความเงียบทุกคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียง เป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรีบล้วงกระเป๋ากางเกงรายชื่อที่ไม่รู้จักแสงหน้าจอสว่างวาบ เขากดปัดสายทิ้งทันที"โทษๆๆ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรมา"สายตาหลายคู่ที่หันกลับไปจับจ้องที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง"ระหว่างที่กูกำลั..."เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ทุกคนสะดุ้งเฮือก เบนสายตาไปที่ประตูพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเล แววตาหลายคู่ฉายแววระแวงเล็กน้อย"มึงไปเปิดดิ ไอ้ปอ""มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เบียร์""เป็นพี่มึง""Xวย"หลังจากสิ้นเสียง ปอตัดสินใจลุกขึ้น เดินช้าๆไปยังประตูโดยมีสายตาทุกคู่ติดตามเขาไปอย่างเงียบงัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้า มือจับลูกบิดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตสีเขียว ถือถุงอาหารพลาสติกไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มเก้อ
เทียนค่อยๆลืมตาขึ้นกลางดึก ความเงียบงันอบอวลทั่วห้อง เขาค่อยๆหันไปยังปลายเตียงภายในห้องนอน มุมกลางห้อง ปรากฏเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ร่างเล็กในเสื้อยืดสีดำ ยืนนิ่งจ้องมาทางเขา ด้วยแววตาว่างเปล่าแต่กลับทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆเทียนขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเทียนจ้องเด็กคนนั้นกลับโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ 'ธร'ชื่อผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนสมัยเด็กของเขา คนที่เคยสัญญาจะมาส่งเขาในวันนั้น แต่ก็หายไปตลอดกาล แม้แต่ในงานศพตาของเทียนก็ไม่เห็นแม้เงาเด็กคนนั้นยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ชี้ไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยไม่เปล่งเสียงใดๆไม่พูดสักคำเขามองตามปลายนิ้วนั้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนหายไป"ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายเดะ...จุกสิอยู่นำไผ..ฮือออ..อออ" (ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายนะ..จุกจะอยู่กับใคร..ฮือออ..อออ) เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้องเทียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีจุกนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มกลมๆอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กๆเอื้อมไปแตะปลายแขนของเทียนแ