Home / แฟนตาซี / อาศิรวิษ / 7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 1/4

Share

7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 1/4

last update Last Updated: 2025-04-30 09:00:03

((“เจ้านางน้อย!”))

“มีอะไรทำไมหน้าตาตื่นกันเชียว กาลัด กลีบบัว”

“พระองค์ไปไหนมาเพคะ ในวังเกิดเรี่องใหญ่แล้วเพคะ”

“เกิดอะไรขึ้น?”

เพียงเดินเข้ามาในเขตตำหนักได้ไม่กี่ก้าว หลังจากที่ตรีภพมาส่งหน้าเขตตำหนัก เขาก็จากไปทันที กาลัดและกลีบบัวก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาประชิดตัวของฉันทันที ด้วยสีหน้าตระหนกมีความกังวล จนฉันตั้งเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้

“เจ้านางอัปสราน่ะสิเพคะ กล่าวหาว่าเจ้านางน้อยทรงขโมยบ่วงนาคบาศ และลอบหนีไปพบบุรุษคนรักบนเมืองมนุษย์” กลีบบัวพูดขึ้น

“จะบ้าเหรอ! ข้าไม่ได้ขโมยไปนะ แล้วคนรักที่เมืองมนุษย์บ้าบออะไรกัน...ยัยนี่หาเรื่องตอนที่ฉันไม่อยู่” สิ่งที่ได้ยินทำฉันตะเบ็งเสียงดัง ก่อนจะสบถกับเบา ๆ กับตัวเองด้วยความคับแค้นใจ

“พวกหม่อมฉันทราบดีเพคะ เจ้านางอัปสราให้ร้ายเจ้านางน้อย” กาลัดที่ยืนขนาบข้างพูดปลอบฉัน

“เหล่าขุนนางตกใจกันจ้าละหวั่น เพราะนั่นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องพวกเรา ต่างกล่าวโทษเจ้านางน้อยกันใหญ่ให้รับโทษหนักเพคะ” กลีบบัวเสริมต่อ

“จะรับมือยังไงดีนะ...ข้าขอคิดสักครู่...ถ้ามีอาศิรวิษอยู่ด้วย เขาคงจะหาทางออกให้ข้าได้โดยไว” ฉันเดินเข้าไปด้านในตำหนัก หัวสมองก็คิดหาวิธีรับมือกับปัญหานี้

“ว่าแต่ท่านอาศิรวิษหายไปไหนหรือเพคะเจ้านางน้อย” กาลัดถาม เพราะปกติอาศิรวิษจะติดตามฉันตลอดทุกครั้งที่ออกจากตำหนัก

“เขาติดภารกิจน่ะ” ฉันทำได้เพียงบอกปัด เพราะไม่อยากให้เรื่องบาดเจ็บของเขาแพร่งพราย ให้คำตอบทั้งสองคนก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอีกให้มากความ

“หิวหรือไม่เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันสองคนจะไปเตรียมสำรับให้” กลีบบัวถามขึ้น

“อืม ก็ดีเหมือนกัน”

“เยี่ยงนั้นเจ้านางน้อยสรงน้ำรอหม่อมฉันนะเพคะ จะได้สบายพระวรกาย”

“อืม”

ทั้งกาลัดและกลีบบัวก็เตรียมเครื่องอาบน้ำ และไปส่งฉันยังที่อาบน้ำประจำตัว ก่อนจะจากไปเพื่อเตรียมสำรับอาหารให้ ยกเว้นกาลัดที่ยังคงอยู่เป็นเพื่อนระหว่างนั้น

“ยัยอัปสราตัวแสบ...ฉันจะถลกหนังเธอมาทำกระเป๋าซะดีไหมเนี่ย”

“จักทำเยี่ยงไรดีเพคะเจ้านางน้อย” กาลัดพูดขึ้นในระหว่างที่กำลังถูหลังให้ฉัน

“ก็บอกไปตามความจริง...ข้าไม่ได้ขโมย”

“เกรงว่าเรื่องคงไม่จบง่าย ๆ เพคะ...เพราะเรื่องนี้สำคัญนัก เหล่าขุนนางก็เหมือนจะเห็นพ้องไปกับเจ้านางอัปสราเสียยกใหญ่” กาลัดพูดต่อด้วยสีหน้ากังวล

“ถ้าอาศิรวิษอยู่ด้วยก็คงจะดี” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จู่ ๆ ก็นึกถึงเขาขึ้นมาทันที การมีอาศิรวิษอยู่เคียงข้าง มันทำให้ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันย่อมคลี่คลายได้ง่าย เหมือนกับว่าได้รับการปกป้อง รู้สึกว่าปลอดภัยหากมีเขาอยู่ใกล้ ๆ

“นั่นสิเพคะ หากท่านอาศิรวิษอยู่ด้วยคงจักช่วยคิดและหาทางออกให้เจ้านางน้อยได้” กาลัดพูดเสริม นี่ฉันพูดเบาแล้วนะ ไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน

“ปัญหานี้จะรับมือยังไงดีนะ?” ฉันครุ่นคิด

หลังจากที่ฉันจัดการชำระร่างกายและทานอาหารเสร็จเรียบร้อย จึงรีบเข้านอนแต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถข่มเปลือกตาให้หลับลงได้ ใจหนึ่งกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาที่แสนยากเย็นเรื่องบ่วงนาคบาศ อีกใจหนึ่งก็ห่วงคนที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

เตียงนอนเสนกว้างฉันนอนมือก่ายหน้าผาก พยายามคิดหากทางออกที่ต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ การที่อัปสราใส่ร้ายป้ายสีใส่ฉัน เธอต้องการอะไรกันแน่ จริงอยู่ที่ฉันกับเธอไม่ต้องชะตากัน แต่มันทำให้เธอคิดร้ายได้เพียงนี้เชียวหรือ

//วันรุ่งขึ้น ณ ท้องพระโรง//

“หึ” ระหว่างที่ฉันเดินเข้ามาในท้องพระโรง เสียงเย้ยหยันของอัปสรา พร้อมสายตาไม่เป็นมิตรจ้องมองมาที่ฉัน

เหล่าขุนนางมากมายหลายตำแหน่ง ผู้คนรายล้อมต่างจดจ้องมองฉันด้วยแววตาเคืองโกรธ ทั้งที่ฉันไม่รู้เรื่องราวการสูญหายของบ่วงนาคบาศเลยสักนิด

“ในเมื่อมากันครบแล้ว...เอาล่ะ ทุกท่าน ณ ที่นี้คงจักรู้กันดีแล้ว ว่าบัดนี้ของสำคัญของเผ่าพันธุ์พวกเราได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่รู้ได้ว่าหายไปได้เช่นไร ทั้งที่อยู่ในที่ปลอดภัยยากที่ใครจักสามารถเอาไปได้ นอกเสียจาก.....” เจ้าหลวงพูดเปิดประเด็นขึ้น กวาดสายตามองโดยรอบทั้งท้องพระโรง

“คนที่รู้จักวิธีขโมยไปเพคะ” อัปสราพูดแทรกทั้งที่เจ้าหลวงยังพูดไม่จบ สายตาของหล่อนยังมองมาที่ฉันอีก พลอยทำให้สายตาคู่อื่น ๆ จดจ้องมองฉันเป็นสายตาเดียว อย่างกับฉันเป็นหัวขโมยอย่างนั้นแหละ

“เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้ใดขโมยไป จึงได้เรียกทุกท่านเพื่อนปรึกษาหารือ” เจ้าหลวงมองไปยังอัปสราชั่วครู่จึงพูดต่อ

“บ่วงนาคบาศเป็นสิ่งสำคัญและอยู่ในที่ปลอดภัย แถมยังป้องกันด้วยอาคมแข็งแกร่ง ผู้ที่เอาไปจักต้องรู้จักวิธีแก้อาคมป้องกันเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางท่านหนึ่งเอ่ย

“แล้วผู้ใดกัน?” ขุนนางระดับสูงท่านหนึ่งเอ่ยเสริม

“มีเพียงไม่กี่คนที่รู้มิใช่หรือเพคะ” อัปสราว่าขึ้นพร้อมกับทอดสายตามองมาที่ฉัน นั่นทำให้ทุกคู่สายตาเพ่งมองฉันด้วยสายตาที่เจาะจงและสงสัย

“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมยัยอัปสรา” ฉันมองไปที่อัปสราพลางพูดในใจด้วยความคับแค้นใจ

“พระองค์ตรัสเหมือนกับรู้ว่าผู้ใดขโมยบ่วงนาคบาศไป” ขุนนางผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น ซึ่งฉันก็ทำได้แค่มอง

“ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกท่านผู้อาวุโสวิเชียรนาคราช เพียงแค่...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 2/4

    “ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกท่านผู้อาวุโสวิเชียรนาคราช เพียงแค่...” อัปสราพูดพลางชายตามาที่ฉันชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองหน้าท่านผู้อาวุโสวิเชียร“แค่กระไรอย่างนั้นหรือ”“สงสัยเจ้านางน้อยผณินทร ที่ไม่อยู่ในเขตตำหนักตั้งหลายวัน...ไปที่ใดมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะท่านพี่” อัปสราพูดและมองมาที่ฉัน“ท่านพี่...ตอแหลฉิบหายเลยยัยตัวแสบ” ฉันพูดในใจ“ไปธุระมาสิ” ฉันตอบตรง ๆ ตามนิสัยที่เป็น(!?) แต่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกับผู้คนในนี้จะงวยงงไปกันหมด นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยอยู่ จึงดึงสติกลับมา“ข้าไป เอ่อ ไป ไป...ไปเที่ยวเล่นกับท่านพี่ตรีภพมา” ฉันตะกุกตะกักด้วยความกดดัน ไม่กล้าบอกความจริง เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าหลวงสั่งห้าม สายตามองไปเห็นตรีภพกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ฉันจึงพลันนึกได้และแอบอ้าง เนื่องจากไม่สามารถบอกความจริงที่หายไปหลายวันได้“นางโป้ปดเพคะ!” อัปสรารีบแย้งเสียงแข็ง“ไม่เชื่อก็ถามท่านพี่ตรีภพดูสิ” ฉันท้าทายอัปสรา ก่อนจะส่งสายตามองไปยังตรีภพด้วยแววตาอ้อนวอน“เงียบก่อนเถิดอัปสรา ไถ่ถามจากตรีภพเสียก่อนว่าเป็นดั่งที่เจ้านางน้อยผณินทรว่าหรือไม่” เจ้าหลวงบอกกล่าว นั่นจึงทำให้อัปสราเงียบสงบลง“ว่า

    Last Updated : 2025-04-30
  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 3/4

    “ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว นับว่ามีแต่คนในครอบครัว พ่อจักไม่ยื้อถามให้มากความ...อัปสรา”“เพคะ”“ครั้นก่อนหน้าไยเจ้าจึงได้บอกว่าผณินทรเป็นผู้ขโมยบ่วงนาคบาศไป” เจ้าหลวงเอ่ยอย่างตรงประเด็น ฉันเห็นสีหน้าของอัปสราสลดลงทันตา ทุกคนจ้องมองไปยังเธออย่างเฝ้ารอการโต้ตอบ เธอดูประหม่ากำมือแน่น แขนสั่นเทา ฉันเห็นความกลัวในแววตาของเธอชัดเจน“เช้ามืดของวันนั้นลูกตื่นแต่เช้า เพราะนอนไม่หลับ ลูกเห็นเจ้าพี่ผณินทรออกมาจากวิหารอาคมเพคะ ต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าบ่วงนาคบาศหายไป จึงไปกราบทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบ หากไม่ใช่ท่านพี่จักเป็นผู้ใดได้เล่าเพคะ ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในวิหารอาคมนี้ได้”อัปสราเล่าเรื่องราว ทำเอาฉันถึงกับกำมือแน่นด้วยความโมโห แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ รอดูต่อไปว่าเธอจะใส่ร้ายฉันยังไงอีก จากที่เธอเล่ามามันย้อนแย้งกันมาก เพราะเป็นวันที่ฉันไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวัง เรื่องนี้มันชักจะไม่

    Last Updated : 2025-05-01
  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 4/4

    ประตูท้องพระโรงเปิดออกอย่างฉับพลัน“หัวหน้ายามวิหารอาคมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ชายชราร่างผอม ผมเผ้าขาวโพลน เดินเข้ามาพร้อมกับก้มกราบเจ้าหลวงอย่างเคารพ“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”“เราต้องการให้เจ้าตอบความหนึ่ง” เจ้าหลวงเอ่ย “คืนก่อนบ่วงนาคบาศจะหาย เจ้าได้อนุญาตให้ผู้ใดเข้าวิหารหรือไม่?”“ไม่ได้มีผู้ใดเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี” เขาขมวดคิ้ว “เว้นแต่...”“เว้นแต่?” เจ้าหลวงถามเสียงเข้ม“เว้นแต่มีข้ารับใช้คนหนึ่งมาขอเข้าไปตรวจตราตอนก่อนรุ่งสาง พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนในท้องพระโรงตกใจ ฉันหันขวับไปมองตรีภพ ดวงตาของเขาฉายแววคาดเดาออกมาแล้ว“เป็นใคร?” ฉันถามเสียงดังหัวหน้ายามนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าแพรผืนเล็กออกจากอกเสื้อ ยื่นให้เจ้าหลวง“ข้ารับใช้ผู้นั้นลืมผ้าไว้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเก็บไว้ยังไม่ได้ส่งคืน ในผ้ามีลายปักรูปดอกบุนนาค...ข้าน้อยจำได้ดี”ฉันกับตรีภพสบตากันทันที“ดอกบุนนาค

    Last Updated : 2025-05-01
  • อาศิรวิษ   บทนำ

    เรื่องเล่าที่ชาวบ้านกล่าวขานกันมาปากต่อปาก เกล็ดแห่งนาคา ที่ผู้คนต้องการครอบครองเพื่อความเป็นอมตะนิรันดร์กาล เชื่อกันว่าเกล็ดพญานาคหากได้ผสมน้ำดื่มกินคนผู้นั้นจะมีชีวิตอมตะ ฉันได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนปัจจุบันเรื่องเล่านี้ก็ยังถูกพูดถึง มันคือสิ่งที่มนุษย์กิเลสหนาอยากได้ไว้เคียงกาย ด้วยอำนาจและอิทธิฤทธิ์ประหนึ่งเทวาสถิต เสริมให้ผู้ที่ได้ครอบครองอยู่เหนือสุดของมนุษย์ทั้งปวง ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า แต่อีกอย่างที่ฉันเคยได้ยินมาเช่นกันร่างตัวแทนแห่งนาคาที่แอบซ่อนในกายหยาบของมนุษย์ แต่คนผู้นั้นคือใครกัน? มีจริงเหมือนที่คนเฒ่าโบราณลือกันจริงหรือ?...ฉันก็ได้แต่ฟังเพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้หลบหลู่แต่อย่างใด"นั่นสินะ ในโลกนี้ย่อมมีคนดีและไม่ดีปะปนกันไป เฮ้อ~~ แต่ฉันก็อยากให้โลกใบนี้มีแต่คนดีละนะ""บ่นอะไรของแกยัยณิน อะนี่น้ำที่แกฝากซื้อ""ขอบใจจ้าเพื่อนคนสวย...ไม่ได้บ่นอะไรหรอก อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคิดเฉย ๆ น่ะ""อ่านเรื่องอะไรอะ""อาศิรวิษ""เออชื่อเรื่องแปลกแต่น่าสนใจดี ขอยืมอ่านบ้างดิ""ได้...แต่แกต้องทะนุถนอมหนังสือฉันให้ดี ๆ ห้ามยับเยินเด็ดขาดไม่งั้นฉันจะตีมือ

    Last Updated : 2025-04-25
  • อาศิรวิษ   1-เรื่องจริงหรือความฝัน(1/4)

    “ที่นี่ที่ไหนกันไม่คุ้นเลย”“แล้วนั่นอะไร?”“จะไปไหนกันเหรอคะคุณยาย”“.....”ฉันมาอยู่สถานที่นี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ เป็นเหมือนปราสาทขอมสมัยโบราณ ทางเดินก็ค่อนข้างจะชัน ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ พร้อมกับผู้คนมากมาย ถามยายคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนไปท่านก็ไม่ตอบ ฉันเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกว่าเดินไม่ไหว ทางมันชันเกินไปเหมือนจะกลิ้ง แต่“จับเชือกไว้สิโยม”มีพระสงฆ์สองรูปยื่นเชือกมาให้ แล้วบอกให้ฉันจับไว้ ก็เลยทำตามเพราะกลัวว่าจะกลิ้งตกลงไป แล้วพระสงฆ์สองรูปก็ดึงพาฉันขึ้นไปจนสำเร็จ มองรอบ ๆ เป็นภูเขาสูงตระหง่าน และมียอดปราสาทอยู่บนนั้น“ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ?”“.....”ฉันพนมมือแนบอกแล้วถามพระสงฆ์ทั้งสองรูปที่พาฉันขึ้นมา แต่ว่าท่านไม่ตอบและเดินหนีฉันไปเฉยเลย ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียว ผู้คนก็เดินผ่านไปผ่านมา แต่เหมือนกับว่าไม่มีใครสนใจหรือตอบอะไรฉันเลย ฉันเดินไปถามก็เหมือนกับว่าไม่มีใครได้ยิน นี่มันคืออะไรกัน?“คุณป้าคะ ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ?”“...” ไม่ตอบฉันอีกแล้ว ฉันจึงวิ่งไปหาอีกคนที่กำลังเดิน“นั่นมัน...คุณยายคนนั้นนี่นา” ฉันตกใจเมื่อเห็นคนยายที่มาคุยกับฉันและเนยหวาน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่

    Last Updated : 2025-04-25
  • อาศิรวิษ   1-เรื่องจริงหรือความฝัน 2/4

    “นะ นะ นั่นมันอะไร?”และฉันต้องผงะจนขายืนทรงตัวไม่อยู่ ล้มก้นกระแทกกับพื้นหิน ดวงตาเบิกโต กับภาพตรงหน้าคุณตาคนนั้นกลายเป็นงูที่มีรูปร่างใหญ่มาก ส่วนหัวและลำคอดูแปลกประหลาด จะว่างูก็ไม่ใช่ แต่เลื้อยเหมือนงู นั่นเรียกว่าอะไร? ฉันตกใจกลัวแทบหยุดหายใจ และรู้สึกว่าตอนนี้ฉันกำลังครองสติไม่อยู่ ท้ายที่สุดจนก็ล้มฟุบกับพื้นพร้อมความมืดในดวงตาเสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วเข้ามาในหู การรับรู้ถ้อยคำของผู้คนที่พูดคุยกัน ทำให้ฉันรู้สึกตัว และลืมตาตื่นในถัดมา ฉันมองเพดานและรอบด้าน ทุกอย่างที่เห็นมันแปลกตาไปหมด ทั้งการตบแต่ง ข้าวของเครื่องใช้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งที่ฉันเคยเจอมา และที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ก่อนหน้าที่ฉันพบเจอ“??” ฉันงงและสงสัย พลันคิดในใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉันอีก ทุกอย่างมันแปลกประหลาดไปเสียหมด รวมทั้งผู้คนที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้“เจ้านางน้อย” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันพยายามลุกนั่งและมองหาคนที่เธอคนนั้นเรียก“รู้สึกกระไรบ้างเพคะ” เธอยังคงถามและมองหน้าฉัน“ใครเหรอเจ้านางน้อย” ฉันงงเลยเลือกที่จะถามออกไป“พระนางอย่างไรเล่าเพคะ” เธอคนนั้นย้ำว่าเป็นฉัน นี่มันอะไรอีกล่ะเนี่ย“ฉันเหรอ?” ชี้นิ้วเข

    Last Updated : 2025-04-25
  • อาศิรวิษ   1-เรื่องจริงหรือความฝัน 3/4

    “เจ้านางน้อยพูดสำเนียงกระไรรึเพคะ?” ผู้หญิงที่ชื่อกาลัดถามขึ้น“สำเนียงไทยนี่แหละ อะไรของพวกเธอละเนี่ย” ฉันก็งงกับพวกนางทั้งที่ฉันก็พูดภาษาไทย ทำไมถึงบอกมันแปลก“สำเนียงไทยฟังดูพิลึกชอบกลเพคะ”“เออ ช่างเถอะน่าแค่ฟังออกไม่ใช่ไง?”“ไม่ใช่ไง? แปลว่ากระไรรึเพคะ?”“พอ! เลิกถามเลิกสงสัยเพราะฉันปวดหัวกับพวกเธอมาก”ฉันต้องรีบยกมือห้ามก่อนที่จะปวดหัวไปมากกว่านี้ นี่มันคือที่ไหนกันนะ ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน“นี่พวกเธอ”(“เพคะ”) ทั้งสองคนก็ตอบฉันพร้อมกัน“นี่มันที่ไหนกันทำไมดูแปลกประหลาด สถานที่ก็แปลก คนก็ยังจะแปลกอีก” ฉันนึกได้จึงถามตามที่สงสัย“นครมคธอย่างไรเพคะเจ้านางน้อยทรงลืมไปแล้วหรือ” กลีบบัวเป็นคนให้คำตอบแก่ฉัน“นครมคธ?”“เพคะ”ฉันงงไปกันใหญ่ นี่ฉันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วนครมคธมันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย ไม่เคยได้ยินชื่อแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน นี่ต้องเป็นความฝันซ้อนฝันแน่ ๆ ฉันว่ามันต้องใช่ เพราะฉันจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง มันไม่ใช่ความจริงกับชีวิตของฉันสักอย่างเพี๊ยะ!(“เจ้านางน้อย!!!”)เพื่อพิสูจน์ว่าทุกอย่างนั้นเพียงแค่ฉันแค่ฝันไป จึงตบเข้าใบหน้าตัวเองเ

    Last Updated : 2025-04-25
  • อาศิรวิษ   1-เรื่องจริงหรือความฝัน 4/4

    “ท่านอาศิรวิษองครักษ์ประจำกายเจ้านางน้อยเพคะ”“หล่อจัง”คนที่ฉันเห็นทำให้ฉันเผลอลั่นปากพูดออกมา ก็ใบหน้าสมส่วนมีเสน่ห์ ใครเห็นก็ต้องทักแบบฉันนี่แหละ เขาหล่อจริง ๆ ล่ำสั่นสมชายชาตรี ฉันไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็หาที่ติในความหล่อเหลาของเขาไม่ได้เลย นี่คนหรือเทพบุตรกันแน่นะ“เจ้านางน้อยเพคะ...เจ้านางน้อย”“ห ห๊ะ”“ทรงเป็นกระไรหรือเพคะหม่อมฉันสะกิดอยู่นานก็ไม่ขานรับ”“ม ไม่มีอะไร กลีบบัวว่าอะไรนะ ขออีกที”ฉันรู้สึกตัวจากการจ้องหน้าผู้ชายที่เป็นองครักษ์เมื่อกลีบบัวเขย่าแขนแรง มันอดไม่ได้ที่จะมอง ครุ่นคิดในหัวเขาเหมือนกับผู้ชายที่อยู่ในหนังสือเรื่องที่เพิ่งอ่านจบไป ภาพจินตนาการของฉันจากการบรรยายในหนังสือบอกว่าเป็นเขา แต่มันคงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเราออกไปกันเสียก่อน ให้เจ้านางน้อยได้พักผ่อน” เป็นเจ้าหลวงที่พูดขึ้น(พ่ะย่ะค่ะ)(“กราบลาเจ้าหลวงเพคะ”)กลีบบัวและกาลัดน้อมตัวแล้วกราบลาผู้สูงศักดิ์ จากนั้นทุกคนก็ออกจากห้องไป มีเพียงกาลัดกับกลีบบัวที่อยู่เหมือนเดิม พวกเธอคงไม่ห่างจากฉันเป็นแน่ เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นมาก็เห็นทั้งสองคนอยู่เคียงข้าง คงเป็นคนสนิทของเจ้าของร่างนี้

    Last Updated : 2025-04-25

Latest chapter

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 4/4

    ประตูท้องพระโรงเปิดออกอย่างฉับพลัน“หัวหน้ายามวิหารอาคมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ชายชราร่างผอม ผมเผ้าขาวโพลน เดินเข้ามาพร้อมกับก้มกราบเจ้าหลวงอย่างเคารพ“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”“เราต้องการให้เจ้าตอบความหนึ่ง” เจ้าหลวงเอ่ย “คืนก่อนบ่วงนาคบาศจะหาย เจ้าได้อนุญาตให้ผู้ใดเข้าวิหารหรือไม่?”“ไม่ได้มีผู้ใดเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี” เขาขมวดคิ้ว “เว้นแต่...”“เว้นแต่?” เจ้าหลวงถามเสียงเข้ม“เว้นแต่มีข้ารับใช้คนหนึ่งมาขอเข้าไปตรวจตราตอนก่อนรุ่งสาง พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนในท้องพระโรงตกใจ ฉันหันขวับไปมองตรีภพ ดวงตาของเขาฉายแววคาดเดาออกมาแล้ว“เป็นใคร?” ฉันถามเสียงดังหัวหน้ายามนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าแพรผืนเล็กออกจากอกเสื้อ ยื่นให้เจ้าหลวง“ข้ารับใช้ผู้นั้นลืมผ้าไว้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเก็บไว้ยังไม่ได้ส่งคืน ในผ้ามีลายปักรูปดอกบุนนาค...ข้าน้อยจำได้ดี”ฉันกับตรีภพสบตากันทันที“ดอกบุนนาค

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 3/4

    “ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว นับว่ามีแต่คนในครอบครัว พ่อจักไม่ยื้อถามให้มากความ...อัปสรา”“เพคะ”“ครั้นก่อนหน้าไยเจ้าจึงได้บอกว่าผณินทรเป็นผู้ขโมยบ่วงนาคบาศไป” เจ้าหลวงเอ่ยอย่างตรงประเด็น ฉันเห็นสีหน้าของอัปสราสลดลงทันตา ทุกคนจ้องมองไปยังเธออย่างเฝ้ารอการโต้ตอบ เธอดูประหม่ากำมือแน่น แขนสั่นเทา ฉันเห็นความกลัวในแววตาของเธอชัดเจน“เช้ามืดของวันนั้นลูกตื่นแต่เช้า เพราะนอนไม่หลับ ลูกเห็นเจ้าพี่ผณินทรออกมาจากวิหารอาคมเพคะ ต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าบ่วงนาคบาศหายไป จึงไปกราบทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบ หากไม่ใช่ท่านพี่จักเป็นผู้ใดได้เล่าเพคะ ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในวิหารอาคมนี้ได้”อัปสราเล่าเรื่องราว ทำเอาฉันถึงกับกำมือแน่นด้วยความโมโห แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ รอดูต่อไปว่าเธอจะใส่ร้ายฉันยังไงอีก จากที่เธอเล่ามามันย้อนแย้งกันมาก เพราะเป็นวันที่ฉันไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวัง เรื่องนี้มันชักจะไม่

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 2/4

    “ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกท่านผู้อาวุโสวิเชียรนาคราช เพียงแค่...” อัปสราพูดพลางชายตามาที่ฉันชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองหน้าท่านผู้อาวุโสวิเชียร“แค่กระไรอย่างนั้นหรือ”“สงสัยเจ้านางน้อยผณินทร ที่ไม่อยู่ในเขตตำหนักตั้งหลายวัน...ไปที่ใดมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะท่านพี่” อัปสราพูดและมองมาที่ฉัน“ท่านพี่...ตอแหลฉิบหายเลยยัยตัวแสบ” ฉันพูดในใจ“ไปธุระมาสิ” ฉันตอบตรง ๆ ตามนิสัยที่เป็น(!?) แต่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกับผู้คนในนี้จะงวยงงไปกันหมด นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยอยู่ จึงดึงสติกลับมา“ข้าไป เอ่อ ไป ไป...ไปเที่ยวเล่นกับท่านพี่ตรีภพมา” ฉันตะกุกตะกักด้วยความกดดัน ไม่กล้าบอกความจริง เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าหลวงสั่งห้าม สายตามองไปเห็นตรีภพกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ฉันจึงพลันนึกได้และแอบอ้าง เนื่องจากไม่สามารถบอกความจริงที่หายไปหลายวันได้“นางโป้ปดเพคะ!” อัปสรารีบแย้งเสียงแข็ง“ไม่เชื่อก็ถามท่านพี่ตรีภพดูสิ” ฉันท้าทายอัปสรา ก่อนจะส่งสายตามองไปยังตรีภพด้วยแววตาอ้อนวอน“เงียบก่อนเถิดอัปสรา ไถ่ถามจากตรีภพเสียก่อนว่าเป็นดั่งที่เจ้านางน้อยผณินทรว่าหรือไม่” เจ้าหลวงบอกกล่าว นั่นจึงทำให้อัปสราเงียบสงบลง“ว่า

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 1/4

    ((“เจ้านางน้อย!”))“มีอะไรทำไมหน้าตาตื่นกันเชียว กาลัด กลีบบัว”“พระองค์ไปไหนมาเพคะ ในวังเกิดเรี่องใหญ่แล้วเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”เพียงเดินเข้ามาในเขตตำหนักได้ไม่กี่ก้าว หลังจากที่ตรีภพมาส่งหน้าเขตตำหนัก เขาก็จากไปทันที กาลัดและกลีบบัวก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาประชิดตัวของฉันทันที ด้วยสีหน้าตระหนกมีความกังวล จนฉันตั้งเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้“เจ้านางอัปสราน่ะสิเพคะ กล่าวหาว่าเจ้านางน้อยทรงขโมยบ่วงนาคบาศ และลอบหนีไปพบบุรุษคนรักบนเมืองมนุษย์” กลีบบัวพูดขึ้น“จะบ้าเหรอ! ข้าไม่ได้ขโมยไปนะ แล้วคนรักที่เมืองมนุษย์บ้าบออะไรกัน...ยัยนี่หาเรื่องตอนที่ฉันไม่อยู่” สิ่งที่ได้ยินทำฉันตะเบ็งเสียงดัง ก่อนจะสบถกับเบา ๆ กับตัวเองด้วยความคับแค้นใจ“พวกหม่

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร4/4

    ผ่านไปสักระยะหนึ่งฉันและตรีภพเดินทางมาได้ไกลจากจุดเดิมมากโข ในใจของฉันพะวงเหลือเกินทำไมอาศิรวิษถึงยังไม่มา ทั้งที่ท่านอาจารย์บอกเองว่าเขาจะตามหาฉัน“ตรีภพเราควรจะรออาศิรวิษอยู่ตรงนี้ดีไหม เผื่อว่าเขากำลังตามหาฉันข้า หนีห่างไปแบบนี้อาจจะคลาดกันได้”“หากรอตะวันคงจะหมดแสงเสียก่อน ยิ่งจะทำให้กลับลำบาก อาศิรวิษเก่งกาจเยี่ยงนั้น คงไม่เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่านี่ก็นานมากแล้วนะ เขายังไม่โผล่มาเลย”“เยี่ยงนั้นเราลงเดินบนพื้นดินดีหรือไม่ เพื่อชะลอการเดินให้อาศิรวิษตามได้ทัน”“อืม”“ทรงระวังนะพ่ะย่ะค่ะ”“ค่ะ”เมื่อตกลงกับตรีภพได้ก็ทำตามอย่างว่า ฉันเดินตามหลังของผู้ชายตัวสูง พลางหันมองรอบ ๆ เผื่อจะเจอ

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร3/4

    ฉันเดินวนไปเวียนมาอยู่ในเขตแดนอาคมอยู่นาน แต่สายตาดันมองไกลเห็นบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหว ระยะทางที่ห่างไกลสายตาเห็นเพียงเลือนรางไม่ชัดเจน แต่รับรู้รูปร่างได้ว่าคือสิ่งใด หัวใจดวงน้อยของฉันเต้นระทึกด้วยความดีใจ รอยยิ้มของฉันมีความหวังว่าผู้นั้นจะเป็นอาศิรวิษที่คงตามหาฉันอยู่เป็นแน่ แต่...“ไม่ใช่อาศิรวิษ แล้วคือใครกัน?” ฉันมองเห็นรูปร่างสูงโปรงล่ำสัน แต่ดันไม่ใช่คนในความคิด“เขามาทางฉันแล้ว ทำยังไงดี...มาดีหรือมาร้ายกันนะ?”ฉันมองทุกการเคลื่อนไหวของคนที่มาใหม่อย่างพินิจ คิดวิเคราะห์พฤติการณ์ตามสิ่งที่เห็น เริ่มมีความกังวลขึ้นมามากกว่าเดิม เพราะฉันไม่รู้เลยว่าคนมาใหม่เป็นมิตรหรือศัตรู แต่จากที่ฉันมองดูเขาเหมือนไร้พิษภัย แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้“เขาเป็นใครกันนะ? ... ดูไปดูมาทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจัง” ฉันจ้องคนที่กำลังเข้ามาใกล้ ๆ จนเห็นใบหน้าชัดขึ้นเหมือนกับว่าฉันเคยเห็นใบหน้าแบบ

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร2/4

    ฉันหนีเวนไตยมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายเพราะความกลัวว่าเขาจะตามมาทัน ผ่านไปนานจนฉันต้องหันหลังกลับไปมอง อาณาบริเวณโดยรอบที่ไม่คุ้นตา สถานที่อันไม่คุ้นชิน ทำให้ฉันเริ่มกังวลใจ“ที่ไหนอีกละเนี่ย ซวยจริง ๆ เลย...แล้วจะต้องกลับทางไหนล่ะ ฉันอยากจะร้องไห้ โอ๊ย!!!” ฉันมองโดยรอบแล้วบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย“ซวยหนักแล้วยัยณินเอ๊ย” ฉันไม่รู้จะหาทางกลับบ้านยังไง มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย“มโนมยิทธิ...ใช่แล้ว ต้องสื่อหาท่านอาจารย์”นึกได้ดังนั้นฉันจึงดิ่งลงสู่พื้นดิน แล้วอยู่ในฌานสมาธิด้วยความสงบ แล้วรวบรวมพลังจิตเพื่อสื่อถึงท่านอาจารย์ วิชาขั้นพื้นฐานที่ได้ฝึกฝนปฏิบัติมา จึงไม่ยากต่อการใช้วิชานี้ เพียงแต่บางครั้งสถานการฉุกเฉินทำให้ฉันคิดไม่ค่อยทัน ว่าต้องลำดับความสำคัญยังไง อันนี้ฉันยังต้องฝึกตัวเองให้มีสติมากกว่านี้ รับรู้ตัวเองดีว่ามันคือจุดบกพร่อง(“ท่านอาจารย์ช่วยศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ...ช่วยศิษย์ด้วย ท่านอาจารย์”)ฉันเพ่งกระแสจิตด้วยคำพูดเพื่อสื่อขอความช่วยเหลือ ท่านอาจารย์เป็นคนที่ผุดเข้ามาในหัวของฉันตอนนี้ ท่านมีวิชาแก่กล้าน่าจะช่วยเหลือฉันได้มากที่สุด((“ข้ารับรู้แล้ว”))(“ศิษย์ไม่รู้อยู่

  • อาศิรวิษ   6-ผู้เป็นดั่งเจ้ากรรมนายเวร1/4

    “เจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ” ฉันเอ่ยด้วยความเอือมระอา กับการที่พบเวนไตยด้วยความบังเอิญแบบนี้“เวรกรรมอะไรของเจ้านางน้อยที่ต้องมาเจอท่านอยู่ร่ำไป” อาศิรวิษพูดได้ตรงใจฉันมาก“ใช่เลยค่ะ น้องก็คิดแบบนั้นแหละ” ฉันกระซิบเขา พร้อมกับเงยหน้าแล้วส่งยิ้มให้ด้วยความพอใจ ส่วนเขาไม่ตอบอะไรก้มมองด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองทางเวนไตย ที่อยู่ในระยะห่างออกไปพอสมควร“สงสัยเราสองคนจักเป็นเนื้อคู่กันกระมังเจ้านางน้อยผณินทร” เวนไตยพูดออกมาด้วยสีหน้ายียวน ทำให้ฉันกรอกสายตามองบนทันทีด้วยความหมั่นไส้“ใครอยากเป็นเนื้อคู่ของคุณไม่ทราบ” ฉันที่ยืนหลบด้านหลัง โผล่หน้าออกมาแล้วตะเบ็งเสียงต่อต้าน“บางอย่างก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อย่าเพิ่งตรัสเยี่ยงนั้นสิเจ้านางน้อยของกระหม่อม” เวนไตยพูดออกมาอย่างไม่อายปาก“แหวะ”“หลีกไปเสียเถิด กระหม่อมไม่อยากจะประมือกับท่าน” อาศิรวิษพูดหลบเลี่ยง เขายังคงใช้ร่างกายบดบังปกป้องฉัน“กลัวหรืออย่างไร”“หาใช่เกรงกลัวไม่ เพียงแต่ไม่อยากออกแรงสู้รบอย่างอันธพาล”“สามหาวไปเถิด เพราะถ้าเกิดว่าข้าได้ตบแต่งกับเจ้านางน้อย องครักษ์ต่ำต้อยอย่างเจ้าจะไม่มีวันได้เข้าใกล้นางอีกต่อไป”“ใครจะแต่งกับนายไม่

  • อาศิรวิษ   5-ภุชคะวิษธรนาคราช 4/4

    การฝึกฝนแสนหนักหน่วงสะสมมานานนับหลายเดือนทำให้ฉันเหนื่อยล้าและเปลืองแรงมหาศาลแทบทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันฉันฝึกวิชามาจนลึกล้ำถึงขั้นเปลี่ยนร่าง เหาะเหินเดินอากาศ และการใช้เวทย์ต่าง ๆ ตามที่ท่านอาจารย์สอนให้ ฉันรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่คิดเชื่อเลยว่า คนธรรมดาแบบฉันสามารถฝึกวิชาโบราณได้มากถึงเพียงนี้ เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงเลย แม้กระทั่งความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปกับใครบางคน“ทำได้ดีมากทีเดียวเจ้านางน้อย” ท่านอาจารย์เอ่ยเมื่อสิ้นสุดการฝึกในวันนี้“ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกันเจ้าค่ะ”“สิ่งที่ติดตัวมา ต่อให้ลืมเลือนก็ย่อมรื้อฟื้นได้ไม่ยาก”“แต่หนูไม่เคยรู้วิชาพวกนี้ก่อนนะเจ้าคะ”“.....”“ท่านอาจารย์มองหน้าแบบนั้น รู้สึกแปลก ๆ เจ้าค่ะ มีอะไรเหรือเปล่าเจ้าคะ?”ระหว่างการพูดคุยกับท่านอาจารย์อยู่ในถ้ำ คำพูดบางประโยคทำให้ฉันแปลกใจ แถมสายตาที่ท่านอาจารย์มองมาที่ฉันยิ่งทำให้มีความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับว่าท่านอาจารย์รับรู้อะไรบางอย่างในตัวของฉัน หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง“ไม่มีกระไรหรอก วันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ เสด็จกลับตำหนักเถิดเจ้านางน้อย พรุ่งนี้ค่อยมาฝึกวิชาขั้นสูงสุด”“เจ้าค่ะ ศิษย์ของลา”แม้ท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status