“ถ้าเป็นคนอื่น ฉันสาบานว่าจะไม่เข้ามาเกี่ยว แต่พลับพลึงฉันขอห้ามเด็ดขาด แกอย่ามายุ่งกับพลับพลึงอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน เปรี้ยง!!!” พ่อเลี้ยงเบนปลายกระบอกปืนลงมาที่พื้นแล้วเหนี่ยวไกข่มขวัญซ้ำ
“โอ๊ย!!! มะ...ไม่แล้ว ผะ...ผมจะมะ...ไม่ยุ่งกับเธออีก”
“จำไว้ไอ้ลูกหมา ไม่ว่าแกจะเป็นใคร เป็นลูกเต้าเหล่าใครฉันไม่สน อย่าแหยมกับฉันอีก ไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกัน!!!”
ว่าแล้วดรัณก็ปลดกระสุนออกจากกระบอกปืนของนฤดลแล้วโยนใส่หน้าเขา ก่อนเดินอ้อมไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปโดยตั้งใจให้รถกระบะเกี่ยวรถคันโก้ให้พังยับ
“โธ่เว้ย!!! ไอ้ดรัณ ไอ้ดรัณ!!! มึง!!! อ๊ากส์!!! รถ...รถกู...” นฤดลโอดครวญยกมือกุมขมับเมื่อพลับพลึงหลุดลอยไปจากมือทั้งที่เกือบจะได้แล้วแท้ๆ รถก็อีก รถราคาแพงตอนนี้ฝากระโปรงหน้าพังยับ
“นี่มันคราวซวยของกูหรือไงวะ หนอย...ไอ้ดรัณ มึงกับกูจะต้องได้เห็นดีกันแน่!”
ดรัณปรายตามองหญิงสาวที่นั่งคอพับคออ่อนอยู่ข้างๆ เธอไม่มีสติดูไม่ดีพอๆ กับเซ็กซี่มากๆ มันช่างขัดแย้งกันจนเขาอยากเอาหัวโขกพวงมาลัยให้น็อก พลับพลึงนั่งกระสับกระส่ายอยู่ดีๆ ร่างกายของเธอก็ร้อนผ่าว เหงื่อเม็ดเป้งซึมออกมาทั่วร่าง ทั้งใบหน้าและลำคอเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
“เปิดแอร์...ร้อน” เธอบอกแล้วเอื้อมมามาที่ตัวปรับแอร์รถ
“ทีเมื่อกี้นั่งรถไม่เปิดแอร์ยังไม่ร้อน ทีอย่างนี้ล่ะร้อนขึ้นมาเชียวนะยัยเด็กแก่แดด” ชายหนุ่มบ่นแล้วตีมือบางแรงจนได้ยินเสียงหวานร้องลั่น
“เจ็บ ตีพลับทำไม”
ดรัณส่ายหัวแล้วปรับแอร์ให้เย็นที่สุดจนเขาหนาว แอบมองเหงื่อเม็ดโตบนลำคอขาวๆ ท่าเธอจะร้อนจริงๆ ไม่ได้แกล้ง
“ริอาจเที่ยวผับ ทำไมไม่ริจะรักษาตัวให้รอดปลอดภัยบ้างล่ะฮะ เธอโดนยาอะไรไม่รู้ ถ้าเป็นยานอนหลับก็หลับๆ ซะสิ” เขาผลักหัวคนที่กำลังจะตะเกียกตะกายเข้ามาหา “นี่เธอทำบ้าอะไร ออกไปให้ห่างๆ ฉันขับรถอยู่ไม่เห็นรึไง”
พลับพลึงไม่ตอบ ไม่ว่าเขาจะผลักจนหงายหลังหัวกระแทกประตูกี่ครั้ง เธอก็ยังลุกขึ้นคืบคลานเข้ามาหา ดรัณสงสัยนักว่านฤดลใส่ยาอะไรให้กิน ถ้าเป็นยานอนหลับ มันน่าจะออกฤทธิ์ได้แล้ว
“อารัณ...อารัณใช่หรือเปล่า”
เสียงใคร เขาได้ยินเสียงคุ้นๆ เหมือนเสียงของอิงฟ้า
“อารัณขา.../รัณขา...”
ดรัณหันไปมองพลับพลึง ทำไมเสียงของเธอจึงกลายเป็นเสียงอิงฟ้า
“อารัณ พลับร้อน/รัณคะ อิงร้อน”
นี่เขาเป็นอะไรไป ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น หรือเขาเมาขนาดเห็นพลับพลึงเป็นอิงฟ้า ได้ยินเสียงของพลับพลึงก็เหมือนได้ยินเสียงของอิงฟ้า
“ช่วยพลับด้วย ทำไมพลับร้อนขนาดนี้/ช่วยอิงด้วยค่ะ ทำไมอิงร้อนขนาดนี้”
ภาพของพลับพลึงที่กลายเป็นอิงฟ้า ทำให้ดรัณต้องเบรกรถตัวโก่ง เธอกำลังข้ามเกียร์เข้ามาหาเขา เรือนร่างอันเย้ายวนเต่งตึงและหอมกรุ่นไปทุกสัดส่วนกำลังอยู่ตรงหน้าเขา บนตักเขา
“อิงฟ้า!”
“อารัณขา ถอดเถอะ/รัณคะ ถอดเถอะ”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ตอนนี้เขากำลังรุมร้อนทั้งที่แอร์รถเปิดจนเย็นยะเยือก ร่างนุ่มที่เบียดกระแซะเข้ามาอยู่บนหน้าขาทำให้เขาตื่นเต้นจนระงับใจกายไว้ไม่อยู่ ผู้หญิงที่อยู่บนตักก็คือ...อิงฟ้า
“อิงจ๋า”
มือหนาเริ่มไต่ไปทั่วร่างบางอย่างสำรวจ ดรัณไม่เคยลืมความรู้สึกนี้ เขาโหยหาเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อิงฟ้า...ยอดรัก ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ เวลานี้เธอกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว แถมสัดส่วนของเธอยังอวบใหญ่กว่าที่จำได้
“ถอดนะอารัณ/ถอดให้อิงสิคะ”
พลับพลึงไร้สติจะต้านทานความปรารถนา เธอรู้แต่ว่าต้องการแนบชิด ไอร้อนจากร่างของดรัณเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเธอให้หายจากความทรมานนี้ได้ มือบางเกี่ยวลำคอแกร่งแล้วตวัดขาคร่อมหน้าตักของเขาเอาไว้ อะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ร่างและกำลังเปลี่ยนแปลงขยายใหญ่อยู่ใต้กางเกงยีนสีเข้ม ผ้าหนาๆ ของมันทำให้ต้นขาอวบนวลนุ่มระคาย เธอจึงลดมือลงแล้วรูดซิปแข็งๆ ให้ผ้าหยาบกระด้างแยกออกจากกัน
“อิงฟ้า...ผม...”
ไฟหน้ารถที่สวนกันไปมานอกกระจกด้านขวาของลำตัว เรียกให้ดรัณครองสติแล้วใส่เกียร์รถเหยียบคันเร่ง มองข้ามบ่าคนตัวเล็กเห็นซอยเปลี่ยวอยู่ข้างซ้าย เขาไม่รอช้ารีบเลี้ยวรถเข้าไปในซอย ในตอนนั้นอะไรต่อมิอะไรที่ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงมาแสนนานก็ลุกพรวดออกมาจากแนวซิป
พลับพลึงเบียดคลึงทรวงอวบอัดเข้ากับอกล่ำๆ แข็งไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างทรมาน ก่อนจะชูแขนทั้งสองขึ้นให้ชายหนุ่มถอดชุดสวยออกจากร่าง
“พลับร้อน/อิงร้อน”
“ผมก็ร้อนอิง”
เพราะสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้ดรัณลืมตัวไปไกล เขาเห็นพลับพลึงเป็นอิงฟ้า จึงไม่ลังเลที่จะมอบตัวตนให้เธอ และเพราะพลับพลึงเป็นสาวบริสุทธิ์ต่างจากอิงฟ้า การแทรกตัวตนเข้าไปอย่างลึกล้ำก็ทำให้เธอก็กรีดร้องจนเสียงเล็ดลอดตัวรถออกมา
“กรี๊ด!!! เจ็บ พลับเจ็บ”
ตอนนี้ทำไมไม่ใช่เสียงอิงฟ้า ดรัณเงยหน้าจากทรวงอกอวบใหญ่ละลานตาที่กำลังฝังใบหน้าลงไปคลุกเคล้า เห็นอิงฟ้ากลายเป็นพลับพลึงก็ตกใจ
“พลับ!!! ทำไม!” เขาครวญเอาคำตอบ ทว่าได้ยินแต่เสียงครางรวดร้าวอย่างเจ็บปวด
“ฮือๆ เจ็บ พลับเจ็บ อา...” เจ็บจนครวญครางแทบไม่เป็นภาษา
“อย่า...อย่าขยับสิอิง เอ่อ...พลับ” ดรัณอยากจะยกร่างน้อยออกถ้าเธอจะไม่ทำให้เขาสูญเสียความควบคุม และเสียกำลังใจจะต่อต้าน ความคับแน่นและเยื่อบางๆ ที่กำลังรับรู้ว่าเป็นคนแรกได้ฝ่าด่านสำคัญนี้ ชายหนุ่มบอกตัวเองไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร เธอทำให้เขาหลงลืมแม้กระทั่งความถูกต้อง
พลับพลึงหยุดนิ่งไม่ได้ เธอส่ายร่อนทั้งที่ยังเจ็บแปลบ สะโพกสาวลอยคว้างทุกรุกล้ำกลางอากาศ อาการเกร็งสะท้านยังคงมีให้เห็นตลอดเวลา
“โธ่เว้ย!!! ถ้าเธอไม่หยุดร่อนสะโพกงามๆ ของเธอล่ะก็นะ ทั้งฉันและเธอจะต้องเจ็บแบบนี้ไปอีกนาน”
“ผัวคิดถึงเมียจัง เมียจ๋า” พอกล้าหน่อยความคิดถึงก็ล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นก่อนโน้มหน้าลงจูบปากเมียรักด้วยความคะนึงหา “ฤาษีตนนั้นหายไปแล้วหรือคะ” พลับพลึงยิ้มแก้มปริ ลูกช่วยรักษาพ่อได้จริงๆ สามีของเธอหายจากอาการหวาดกลัวแล้วสินะ “หายไปแล้วเพราะคิดถึงเมียรัก ให้ผัวรักเมียนะ ให้พ่อบอกรักแม่ ได้มั้ยลูก” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากลูกในท้อง แต่ดรัณและพลับพลึงก็แน่ใจว่าลูกต้องยินดี “ท้องพลับ 6 เดือนแล้ว ใหญ่พอจะไม่เป็นอันตรายแล้วนะ ถ้าจะรักพลับบ้าง” “ได้สิคะ ช่วยนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ คุณหมอว่าอย่างนั้น” ร่างสูงช้อนภรรยาขึ้นแล้วพาไปวางไว้บนเตียง ก่อนจะช่วยปลดชุดคลุมท้องออกจากร่างอิ่มเปลือยเปล่า แม้ขณะท้องโตๆ พลับพลึงของเขาก็ยังสวย ผิวพรรณอิ่มเอิบนวลเนียนน่าสัมผัส ชายหนุ่มเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองแล้วทิ้งตัวนอนเคียงข้าง เขาจูบเมียสาวอย่างดูดดื่มโหยหา มือฟอนเฟ้นร่างอิ่มนวดคลึงทรวงงามอวบใหญ่มากขึ้นหนักๆ คิดถึงปานขาดใจ หญิงสาวจูบตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ลูบมือไปตามลำตัวหนาแกร่งของสามีอย่างรักใคร่ ล
เอากับเขาสิ เปลี่ยนเรื่องจริงจังให้กลายเป็นเรื่องชวนหัวไปได้หน้าตาเฉย แล้วพลับพลึงก็ยิ้มออกเสียด้วย คราวนี้เธอเป็นฝ่ายกอดเขา จูบปลายคางของเขาแล้วแถมด้วยแก้มทั้งสองข้าง แต่พอสามีจะกอดให้บ้างเธอกลับดันตัวออก “อย่ากอดแน่นนักนะคะ พลับอึดอัดและขี้ร้อนจริงๆ” “ทำไม เกิดอะไรขึ้น บอกอาซิ” พลับพลึงตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย เธอถอนใจแล้วสูดลมกระตุ้นกำลังใจให้ตัวเองเต็มปอด เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต “พลับ...ท้องค่ะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะคะ” สามีของเธอเงียบกริบ สีหน้ายิ้มๆ ดีใจก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดราวกระดาษขาว เขาทิ้งมือลงสองข้างแล้วเซถอยหลังไปชนตู้กับข้าว พลับพลึงเห็นอาการนั้นก็หน้าเสีย ไม่คิดว่าสามีจะออกอาการขนาดนี้ให้เห็น ร่างของเขาสั่นเทิ้มคล้ายคนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง เป็นผลให้เธอต้องพุ่งตัวเข้าไปประคองกลัวเขาจะล้มหงายตึงไปต่อหน้าต่อตา “อารัณ!!! เป็นอะไรไปคะ อารัณได้ยินพลับมั้ยคะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ อารัณขา...ได้ยินพลับมั้ยคะ” “ปล่อย ปล่อยอา” เพียงแค่เธอยอมปล่อยมือจากเขา ดรัณก็วิ่งหาห้องน้ำทันควัน เส
‘ฉันตอบเมล์พี่ชายสุดที่รักของฉันเมื่อหลายวันก่อน ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง และวันนี้เขาก็บินมาหาฉัน ฉันอับอายมากที่มีสภาพเหมือนผีให้พี่ชายเห็น ฉันไม่มีเงินมากพอจะเช่าอพาร์ตเม้นท์ดีๆ อยู่ แต่พพี่ชายของฉันก็ยังอุตส่าห์ให้เงินจำนวนมาก ฉันขอร้องให้เขาช่วยปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับ เขาจึงขอร้องให้ฉันกลับบ้าน แลกกัน ฉันขอเวลารักษาตัวเองให้เป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้สักระยะ ซึ่งพี่ชายที่รักของฉันไม่ว่าอะไร ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อสักระยะ ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน กลับไปกราบคุณแม่ กลับไปหาหลาน พลับพลึงหลานตัวน้อยโตขึ้นแค่ไหนแล้วนะ พี่ชายฉันหล่อ หลานฉันคงต้องสวยมากแน่ๆ เลย ฉันจะกลับไปหาทุกคน รอหน่อยนะครอบครัวที่รักของฉัน’ พลับพลึงปิดสมุดไดอารี่แค่นั้น เธอไม่อ่านอีกแล้ว เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นยังไงไม่อยากรับรู้อีกแล้ว พอกันที! การอ่านไดอารี่อันเต็มไปด้วยความรู้สึกของอาสาว ทำให้หญิงสาวฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง ถ้าอารัณไม่อยากมีลูกเพราะการตายของอาอิง เธอจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ อดีตจะถูกลบเลือน แม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม เธอจะทำให้ได้ ไม่มีวันที่เธอจะคิดสั้นๆ
หญิงสาวถอนหายใจเอื่อยเฉื่อย เธอกำลังตัดสินใจว่าควรกลับไปบอกเรื่องลูกดีหรือไม่ เขาเคยบอกยังไม่พร้อมจะมีลูก สาเหตุเพราะอะไรเธอก็คิดว่ารู้แล้ว อารัณเผชิญกับความสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วน การสูญเสียเมียและลูกไปพร้อมกันก็เป็นเรื่องยากจะทำใจให้ลืม เธอเข้าใจดีทุกอย่างถึงต้องมานั่งถอนใจอยู่นี่ไง ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปในห้องหนังสือของคุณย่า เธอตั้งใจจะหาหนังสือธรรมะมาอ่านเป็นที่พึ่งของจิตใจ มือบางไล้ไปตามสันหนังสือหาเล่มที่อยากอ่าน แต่แล้วสายตาก็เหลือบขึ้นไปเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่งวางอยู่ข้างบนสุดของชั้นหนังสือ ร่างอวบอิ่มเอื้อมมือหยิบกล่องใบนั้นลงมาอย่างทุลักทุเลเนื่องจากความสูงที่ต้องเขย่งปลายเท้าแล้วเหยียดแขนให้ตรงถึงจะหยิบได้ กล่องใบนั้นขนาดไม่ใหญ่และไม่หนักถูกยกลงมาปัดฝุ่นออกแล้วเปิดดูข้างใน ภายในมีรูปของอาอิงฟ้าหลายรูป เป็นรูปที่ถ่ายในต่างประเทศทั้งหมด ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทอดสายตามองรูปถ่ายแต่ละรูปอย่างสังเกต อาอิงเป็นคนสวยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รูปหลังๆ ก็เหมือนอาอิงจะสวยขึ้น อวบขึ้นด้วย อวบเหมือน...เธอในตอนนี้ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อสายตาปะทะ
แม่เลี้ยงกาญจนาเคยคิดจะบอกลูกสาวเพราะถึงยังไงอิงฟ้าก็เป็นอาแท้ๆ ของเธอ ลูกในท้องของอิงฟ้าก็คือหลานแท้ๆ ของเธอ แต่สามีสั่งห้ามด้วยเห็นใจอดีตน้องเขยของตน ดังนั้นทุกคนจึงพากันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอยู่ในใจ เวลาผ่านพ้นไปก็ยังไม่มีใครพลั้งปากพูดให้พลับพลึงได้ยิน “เห็นทีคงต้องบอกแดนนี่แล้วล่ะ ผมคิดว่าแดนนี่แข็งแกร่งพอจะรับเรื่องนี้ไหว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม” “น่าเห็นใจนายรัณนะคะ เขาตามหาเมียไม่เจอเสียที นี่ก็เห็นว่ากินแต่เหล้าจนเมาไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ร่างกายผ่ายผอมจนน่าเป็นห่วงว่าจะทรุดเอาดื้อๆ” แม่เลี้ยงกาญจนาเห็นใจลูกเขยมาก ทั้งสงสารและเห็นใจ แต่ยังต้องลุ้นว่าหากดรัณรู้จะเป็นยังไงต่อ “ถ้างั้นเดี๋ยวรอแดนนี่ลงมา พวกเราก็บอกแกพร้อมกันดีมั้ยคะ” คุณดวงหทัยตัดสินใจ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ทว่า...ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยขวดเหล้า ร่างสูงผ่ายผอมซูบลงไปมากกำลังสร่างเมาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.หานักสืบเอกชนที่เขาจ้างวานให้ตามหาเมียรักให้เจอ “ได้เรื่องหรือยัง” “อ้อ...พ่อเลี้ยงโทร.มาพอด
“เมื่อเช้าดิฉันได้ยินเสียงคุณหนูอาเจียนนะคะคุณท่าน อาการเหมือนคนท้องเลยค่ะ” ทิพามารดาของกรรชัยตั้งข้อสังเกต คุณย่าขมวดคิ้ว คนแต่งงานมีครอบครัวจะตั้งครรภ์ก็ไม่เห็นแปลก แต่ตอนนี้พ่อของเด็กยังไม่รู้เลยว่าเมียอยู่ไหน ถ้าพลับพลึงท้องจริงๆ เรื่องที่คิดจะปิดบังจนกว่าหลานเขยจะตามหาเมียเจอ ก็คงต้องมีคนยื่นมือเข้าช่วยเสียแล้ว ไม่งั้นจะเป็นการพรากลูกพรากพ่อเสียเปล่าๆ ทว่า...คุณย่ายังไม่ลืมอดีตของหลานเขย ท่านจึงไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาดีใจหรือเสียใจกัน “พายัยพลับไปโรงพยาบาลที ไปทั้งๆ ไม่มีแรงอย่างนี้แหละดี ยัยพลับกลัวโรงพยาบาลจะได้ดื้อไม่ออก” สิ้นคำสั่งคุณย่า กรรชัยก็เป็นคนขับรถพาหญิงสาวและคุณย่าไปโรงพยาบาล ผลการตรวจออกมาเป็นไปตามที่คิด พลับพลึงท้อง!!!พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เดินตามหาภรรยาทั่วไร่เพื่อจะบอกข่าวสำคัญข่าวด่วนของบุคคลอันเป็นที่รักคนหนึ่งให้บุคคลอันเป็นที่รักอีกคนได้ฟัง ร่างสูงหนาก้าวยาวๆ เร่งรีบเท่าที่จะทำได้ถามหาภรรยาสุดที่รักกับทุกคนที่เจอหน้า เกือบทุกคนชี้บอกไปในทิศทางเดียวกัน พ่อเลี้ยงก็แทบจะวิ่งตรงไปหาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี