“เฮ! น้องสาว ไหวรึเปล่า จะไปไหนให้เพ่ช่วยมั้ย” ชายหนุ่มแปลกหน้าที่น่าจะเมาไม่แพ้เธอเช่นกันเอ่ยถามนิศราที่เดินเซออกมาจากห้องน้ำ
“ไม่ต้องค่ะ เดินเองได้”
“มาเถอะน่า ยืนตรงยังไม่ไหวเลยเดี๋ยวพี่ช่วย” มือของคนแปลกหน้าสอดเข้าไปที่เอวคอดของเธออย่างถือวิสาสะ ทำนิศราที่ไม่ทันตั้งตัวถูกดึงร่างเซไปหา
“นี่ทำอะไรนะ ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องพร้อมพยายามสะบัดตัวหนีออกจากมือใหญ่ แต่ไม่เป็นผลเพราะชายแปลกหน้ารัดเอวบางของเธอไว้แน่น แถมไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือจากเธอด้วย
“จะดิ้นทำไม พี่ก็กำลังจะช่วยน้องอยู่นี่ไง” ชายคนเดิมพูดพร้อมกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอหมายจะฉกจูบ หญิงสาวที่มีสติเหลือน้อยนิด รีบใช้มือดันใบหน้าชายผู้นั้นให้ออกห่างทันที พร้อมกับพยายามดันตัวถอยหนี
“ว้าย.. ถอยไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ” หญิงสาวร้องเสียงดังให้คนช่วยเมื่อชายตรงหน้าพยายามเข้ามาใกล้และทำมิดีมิร้ายเธอ
“เฮ้ย! ทำอะไรนะ ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้” เสียงเข้มเอ่ยห้ามพร้อมกระชากไหล่ชายคนนั้นให้ออกจากตัวหญิงสาวทันที
ธีรวัฒน์เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ที่ไม่ได้เข้ามาช่วยตั้งแต่แรก เพราะนี่อาจเป็นความต้องการของเธอก็เป็นได้ในการหาเหยื่อ แต่เขาคิดผิดเมื่อสิ่งที่เห็น ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เธอมีอาการขัดขืนไม่ยอมและกำลังจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขาจึงรีบเดินเข้ามาช่วย
“อย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย” ชายแปลกหน้าบอก
“ไม่ ไม่ใช่นะ” เธอปฏิเสธทันควันพยายามสะบัดตัวหนีแต่ไม่หลุด
“ดูท่าแล้วคุณผู้หญิงจะไม่ได้คิดแบบคุณ งั้นผมคงต้องโทรแจ้งตำรวจก่อน” เขาขู่เสียงเรียบจริงจัง พร้อมกับดึงแขนเธอเข้ามาหาตัว อีกมือก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาตำรวจ ชายแปลกหน้าเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินหนีไปทันที
“ไม่ต้องโทรฉันไปแล้ว” พูดจบมันก็รีบเดินหายออกไปจากตรงนั้น
“ขอบ.. คุณค่ะ...” หญิงสาวที่ตอนนี้ยืนพิงที่อกกว้างของเขาอยู่ กล่าวขอบคุณโดยที่ยังไม่ทันเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ เมื่อพยายามหรี่ตามองเธอก็รู้สึกคุ้นหน้า
“เอ๊ะ คุณหน้าคุ้นจัง”
คำพูดชะงักเมื่อใบหน้าสวยเงยขึ้นพยายามหรี่ตาจ้องมองอย่างพินิจอีกครั้ง ใบหน้าคมของคนที่อยู่เบื้องหน้า จากภาพที่เบลออยู่เมื่อสักครู่ บัดนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาที่หรี่เล็กเมื่อครู่ กายเป็นเบิกโตกว้างขึ้นมาในทันที
ด้วยความตกใจก่อนจะอึ้งไปชั่วครู่ แล้วผลักหน้าอกเขาออกอย่างแรง แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่เซถลาถอยหลังไป จนเขาต้องเดินเข้าไปคว้าเอวบางเข้ามาหาตัวอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะล้มไปกองที่พื้น
“นี่ปล่อยเลยนะ คุณมันคนนิสัยไม่ดี” พูดพร้อมกับพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากอกแกร่งของเขา
“คุณพูดกับคนที่พึ่งช่วยคุณไว้ แบบนี้ได้ยังไง” ธีรวัฒน์ต่อว่าคนเมา
“คุณ..ไม่ใช่คุณ..แต่เป็น ไอ้ขยะเปียก คนเมื่อวาน คุณมันก็ไม่ต่างจากไอ้คนเมื่อกี้หรอก ฉวยโอกาสอยู่เนี่ย”
คนเมาต่อว่าด้วยสติอันน้อยนิดที่มี แต่ยังอุตส่าห์จำเขาได้เขายกยิ้มที่มุมปากอย่างเอ็นดู
-นี่เธอว่าเขาเป็นขยะเปียกอย่างนั้นหรือ- เขาคิด
สายตาคู่คมจ้องมองใบหน้าสวยที่อยู่ตรงหน้าอย่างพินิจ เธอมีผิวพรรณที่เนียนใสละมุนอย่างกับผิวเด็ก ซึ่งน่าจะเป็นลูกของคนที่มีฐานะพอสมควร ไม่น่าจะใช่ลูกตาสีตาสาทั่วไป
“ใช่! คุณเป็นขยะเปียกชนิดที่ไม่สามารถเอาไปรีไซเคิลได้ด้วย”
เสียงใสของคนเมาเอ่ยตอบกลับทันที พร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าอกเขา ให้รู้ไปเลยว่าเธอกำลังว่าเขาอยู่ ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ที่แทบจะพยุงตัวเองไม่อยู่ด้วยซ้ำตอนนี้ทำเป็นปากเก่ง แถมจ้องเขาด้วยสายตาดุอย่างเอาเรื่อง
-เขาควรกลัวใช่มั้ย แล้วเธอตอบแทนคนที่ช่วยเธอแบบนี้อย่างนั้นหรือ- เขาคิดในใจโดยไม่ได้พูดออกไป
“ผมฉวยโอกาสคุณหรือ” เขาถามอีกครั้ง
“...” คนเมาไม่ตอบแต่พยักหน้า ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระ ให้เธอเซไปตามแรงโน้มถ่วงโลก ก่อนที่เขาจะยืดตัวเต็มความสูง ยกสองมือขึ้นมากอดอก จ้องมองคนเมาตรงหน้าที่อยากจะมีเรื่องกับเขาตอนนี้
“โอ๊ย คุณนี่มัน..” เธอร้องด้วยความเจ็บเมื่อเซจนสะโพกไปกระแทกกับผนังทางเดินอย่างแรง
“มันอะไร” เขาถามเธออีกครั้ง
“คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอถามเขาจริงจัง ยังไม่ทันได้คำตอบก็พูดต่อทันที “หรือจะมาขอโทษเรื่องเมื่อวาน หุหุ สายไปแล้ว” คนเมาบอกอย่างมาดมั่น
“เปล่า ผมมาช่วยคุณนะ เห็นสามีคุณจะปล้ำคุณเมื่อกี้”
“เขาไม่ใช่สามีฉัน นั่นนะ ใครก็ไม่รู้อย่ามากล่าวหากัน” เธอว่าเขาเข้าให้
“งั้นผมก็เป็นคน ที่มาช่วยคุณจากผู้ชายคนนั้น”
“อืม ใช่” คนเมาตอบตามความจริงและลืมไปว่ายังโกรธเขาเรื่องเมื่อวานอยู่
“ดังนั้น...คุณก็แค่ขอบคุณผมมา”
คนตัวสูงโค้งตัวลงยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนเมา จนจมูกแทบจะชนกันก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบที่ข้างหูของเธอ แล้วยิ้มมุมปากเล็ก ๆ อย่างคนที่ได้เปรียบ การกระทำนั้นของเขาทำเธอหน้าเห่อแดง ขนลุกไปทั้งตัวเลยทีเดียว
“นี่พูดไกล ๆก็ได้ จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำไม” คนเมาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ โวยวายดันร่างใหญ่ออกแต่เขากลับไม่ขยับเลยสักนิด
“ว่าไง ผมรอฟังอยู่” คนตัวใหญ่บอกขณะที่ใบหน้ายังคลอเคลียอยู่ข้าง ๆใบหูเธอ
“ได้ ถ้าจะให้ฉันขอบคุณ นายต้องขอโทษฉันเรื่องเมื่อวันก่อน” คนเมายื่นข้อเสนอ
“เมื่อวานคุณก็สาดกาแฟใส่ผมคืนแล้วไง เราหายกันไปแล้ว คุณเป็นคนพูดเองจำไม่ได้หรือไง” คนตัวใหญ่ทวนความจำให้ เมื่อหญิงสาวตรงหน้ามีทีท่าจะไม่ยอมพูดง่าย ๆ
“จำได้ใช่ฉันพูดเอง แต่ฉันก็ยังไม่หายโกรธนี่ ฉันต้องเดินตัวเหนียวตากฝนในสภาพนั้นทั้งวันเลยนายรู้มั้ย”
คนเมาเสียงหม่นลงเธอโกรธเขาจริง ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้จึงเป็นความโกรธที่สะสมไว้ในใจรอการระบายออก
“แบบนี้ก็ได้เหรอ” เขาถามด้วยความหมั่นไส้ เมื่อคนที่เหมือนจะใจกล้าแต่พอเมาดันเล่าทุกอย่างออกมาหมด -เธอยังโกรธเขาอยู่จริง ๆสินะ- เขาคิด
“ได้สิแบบนี้แหละทำไมจะไม่ได้ ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว” คนเมาเริ่มพูดไม่รู้เรื่องพยายามดันร่างเขาออกให้พ้นทาง
“งั้นก็ช่างมัน ถือซะว่าผมช่วยลูกหมาตกทุกข์ได้ยากอยู่ก็แล้วกัน” เขายอมอ่อนลงให้เธอ ก่อนจะประชดกลับที่เธอว่าเขาเป็นขยะเปียก จากนั้นจึงดันไหล่คนเมาให้ยืนตัวตรงแผ่นหลังชิดผนัง
“ลูกหมาเหรอ ไอ้ขยะเปียกกล้ามาว่าฉันเป็นลูกหมาเหรอ ปล่อยเลย เอามือออกไปจากตัวฉันเลย ฉันไม่อยากคุยกับขยะเปียกแล้ว”
เธอเริ่มโวยวายเป็นเด็ก เมื่อรับไม่ได้ที่เขาเปรียบเธอเป็นลูกหมา ก่อนจะสะบัดตัวจนหลุดจากมือเขา เธอหมุนตัวจะเดินหนี แต่กลับถูกเขารั้งแขนไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก” คนถูกรั้งทำท่าไม่พอใจแถมย่นจมูกใส่เป็นการขู่อีกต่างหาก
“คุณชื่ออะไร”
“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย” ไม่มีคำตอบจากเธอ แถมหญิงสาวยังสะบัดแขนอย่างแรง จนแขนหลุดจากมือเขาก่อนจะเดินเซออกไปเลย
การที่ได้พูดคุยกับเธอตอนเมาในวันนี้ ทำให้อคติที่มีก่อนหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นโดยทันที กิริยาของเธอเมื่อสักครู่มันช่างดูน่ารัก น่าเอ็นดูในสายตาเขาเหลือเกิน เธอไม่ใช่เด็กเสี่ยอย่างที่เขาคิดแน่นอน ทำเอาเขาต้องอมยิ้มกับตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ธีรวัฒน์มองตามหลังหญิงสาวจนเธอเดินลับสายตาไป แล้วสายตาก็หันไปเห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่มองตามเธอไปเช่นกัน
'เหมือนเธอกำลังถูกสะกดรอยตาม' เขาคิดในใจและมองตามชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเดินตามเธอไปอีกที
“ไปนานจังดาว”
“มีเรื่องนิดหน่อย ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่ารู้สึกปวดหัว” นิศราบอกเพื่อน ๆ
“แล้วแกจะกลับยังไง”
“ฉันโทรให้พี่ดินมารับแล้ว อีกสักพักน่าจะถึง ฉันจะไปนั่งรอที่ล็อบบี้นะ รู้สึกหายใจไม่อิ่ม”
“แกเป็นอะไรมั้ยเนี่ยยัยดาว” เชอร์รี่ ถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนอาการไม่ค่อยดี
“ไม่ได้เป็นอะไรแค่ปวดหัวนิดหน่อย พวกแกสนุกต่อเถอะ” พูดจบคนเมาก็เดินออกไปนอกร้านทันทีปล่อยให้เพื่อน ๆ ยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“เดี๋ยวดาวงั้นพวกเราก็กลับพร้อมกันหมดเนี่ยแหละ จะทิ้งให้แกกลับคนเดียวได้ไง แล้วค่อยนัดกันมาใหม่วันหลัง พวกแกว่าไง” แพรใหม่หันไปถามความคิดเห็นเพื่อนคนอื่นต่อ
“ฉันเห็นด้วย ดูท่ายัยดาวน่าจะเมาหนักด้วยเนี่ย” นุ่นเสริม
“งั้นเราไปรอพี่ดินข้างล่างเป็นเพื่อนยัยดาวแล้วกัน”
แล้วทุกคนก็ลงไปนั่งรอนคินทร์ที่ล็อบบี้เป็นเพื่อนนิศรา ไม่นานชายหนุ่มก็มา จากนั้นทุกคนจึงพากันแยกย้ายกลับบ้าน ตลอดเวลาที่ทุกคนอยู่ที่ล็อบบี้ ไม่มีใครรู้เลยว่ามีสายตาของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง เฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวของพวกเธออยู่
“ไม่มีโอกาสเลยครับนาย มีพวกเพื่อนของมันอยู่ด้วยตลอดเวลา” เสียงชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอ่ยผ่านโทรศัพท์เพื่อแจ้งคนที่อยู่ปลายสาย
“ตามมันไป มีโอกาสเมื่อไหร่จับตัวมันมาให้ได้” เสียงหนักแน่นของคนปลายสายออกคำสั่งทิ้งท้ายก่อนกดวางสายไป
เย็นวันนี้ธีรวัฒน์ให้ทุกคนในบ้านเลิกงานไว เพื่อเขาจะได้มีเวลาอยู่กับนิศราลำพัง เขาอยากใช้เวลากับเธอให้มากขึ้น“ทุกคนไปไหนกันหมดคะ” ถามเพราะสงสัยเธอไม่เจอใครเลยตั้งแต่กลับมา ปกติบ้านก็เงียบอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีแม่บ้านอยู่ในบ้านยิ่งดูเงียบมากกว่าเดิม“พี่ให้เลิกงานแล้ว”“อ่าวแล้วมื้อเย็นล่ะคะ”“มื้อนี้ พี่จะทำให้ภรรยาพี่ทานเอง” เขาพูดแบบหน้าตาเฉยพร้อมส่งยิ้มหวานให้“พี่ธีร์” เรียกเขาเสียงดังด้วยความตกใจที่เขาเรียกเธอว่าภรรยา ก่อนจะหันไปมองซ้ายขวาว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า กลัวว่าใครจะมาได้ยินเอา“ครับคุณภรรยา” เขาเน้นคำเดิมขานรับเธอด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทีกลัวคนอื่นจะรู้“เดี๋ยวก็มีใครมาได้ยินเข้าหรอกค่ะ”“ได้ยินก็ได้ยินสิ ไม่เห็นเป็นอะไรนิเรื่องจริงทั้งนั้น”“ไปทำอาหารได้แล้วค่ะดาวหิวแล้ว” เธอส่งสายตาดุใส่เขาก่อนจะไล่ให้เขาไปทำอาหารเสียเลย“แต่พี่ต้องมีผู้ช่วย จะได้เสร็จไว ๆไง&r
ธีรวัฒน์เริ่มขยับปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ พร้อมกับร่างกายของเธอที่เด้งแอ่นรับสัมผัสเขาอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาดันเข้าไปจนสุด ความคับแน่นของเธอแทบทำเขาคลั่ง ร่างกายเธอบิดเร้าด้วยความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น รู้สึกทรมานแต่สุขสมอย่างบอกไม่ถูก“อ๊ะ อืม” นิศราร้องคางเสียงหลง เมื่อเขาเร่งจังหวะนิ้วให้เร็วขึ้น ใบหน้าของเธอตอนนี้ช่างเซ็กซี่ ยั่วยวนเขาเสียเหลือเกิน“พี่ธีร์..ดาว...มะไม่เคย” เสียงหวานคางกระเส่าเมื่อรู้สึกกลัว“อือมม พี่รู้จ้ะคนดี สัญญาว่าจะนุ่มนวล”คำพูดของเขาทำเธอรู้สึกร้อนวูบวาบ บวกกับปลายนิ้วซุกซนของเขา ที่ตอนนี้กรีดขึ้นลงกลางรอยแยก และเริ่มมีน้ำหวานเปียกชุ่มไหลออกมาเพิ่ม มันทำให้สติของเธอเตลิดจนควบคุมไม่ได้ ร่างกายแอ่นรับสัมผัสเขาทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอต้องการเขามากเพียงใดชายหนุ่มจึงไม่รอช้าเขาใช้ลิ้นร้อนรากเลียปลายถันสลับกับดูดดึงหยอกล้อ ทำให้เธอรู้สึกเสียวสะท้านมากกว่าเดิม ตอนนี้เธอเหมือนกำลังจะขาดใจ เขาเองก็ไม่ต่างกันตอนนี้อารมณ์ปรารถนาของเขาได้พุ่งทะยานไปไกลเกินกว่าจะหยุดได้เสียแล้ว
ส่วนเขานึกโทษตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ และทำแบบนั้นกับเธอไป เธอคงโกรธเขามาก แล้วเขาควรทำอย่างไร ครุ่นคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก่อนกลับไปนั่งทำงานต่อด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว กลัวว่าเธอจะโกรธเขาจนหนีไปแต่ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เดินกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะของตนเอง โดยไม่พูดไม่จาหรือแม้จะหันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำธีรวัฒน์เงยหน้ามองเธอเป็นระยะ ทั้งสองต่างนั่งทำงานไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาต่างคนต่างเงียบล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกงาน นิศราเงยหน้าขึ้นไปมองเขาที่นั่งเครียดอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เพราะเขายังไม่หายดีในเมื่อเป็นแฟนกันเรื่องแบบนี้ก็คงต้องเกิดขึ้นบ้างเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่ใช่ความผิดของใคร เธอจึงเป็นฝ่ายพูดก่อน เพราะไม่อยากให้เขาหักโหมมากเกินไป“ห้าโมงแล้วค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”“พี่ขอเคลียร์เอกสารกองนี้ก่อนนะ”“งานด่วนเหรอคะ”“ไม่ด่วนครับ แต่พี่อยากทำให้เสร็จก่อน”“ถ้าไม่ด่วนงั้นก็กลับกันเถอะค่ะ ดาวหิวข้าวแล้ว” พูดพร้อมเอาม
เมื่อลูกค้ากลับไปแล้วนิศราจึงเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่เธอรวบรวมไว้มาให้ เขาเปิดอ่านเอกสารที่เธอส่งมาให้ระหว่างรอทุกคน เปิดดูไปก็มองหน้าหญิงสาวไปด้วยความประหลาดใจ ไม่นานพนักงานแผนกต่าง ๆก็พากันทยอยเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นทุกคนนั่งประจำที่พร้อมแล้ว เขาก็เริ่มประชุมต่อ“สินค้าที่เสียหายไป ใครมีปัญหาเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าล็อตใหม่ไหมครับ” เปิดประชุมโดยการยิงคำถามทันที พนักงานคนหนึ่งยกมือขึ้นหลังจบคำถาม“งานตกแต่งภายในตอนนี้มีปัญหาเรื่องคิิวเข้าติดตั้งครับ อยู่ในช่วงเจรจากับซัพพลายเออร์”“เรื่องนี้ต้องรอช่างอาคารทำงานให้เรียบร้อยก่อน อาจต้องขอความร่วมมือกับเขาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นหากคุยไม่ได้ ให้รีบแจ้งผมทันที” ธีรวัฒน์เสริมก่อนถามต่อ“เรื่องประตูไม้ของโครงการT403 สองพันบาน สี่ร้อยหลังติดปัญหาอะไรครับ”“คือแบบที่ลูกค้าเลือก สินค้าไม่พอส่งครับ ทางบริษัทต้องผลิตใหม่ถึง 80% ซึ่งจากจำนวนดังกล่าวระยะเวลาในการผลิตรวมกับระยะเวลาในการจัดส่งมายังประเทศไทยอาจไม่ทันวันติดตั้ง และอาจมีผลกับการส่งมอบงานใ
ธีรวัฒน์เดินตามหญิงสาวลงมารับประทานอาหารด้านล่าง เขาพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่ก็ปิดไม่มิดเพราะอารมณ์ดีจนเผลอยิ้มออกมาตลอดเวลา“อะไรทำให้อารมณ์ดีจนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ได้ขนาดนี้คะ” นมบัวแสร้งถาม ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วเพราะก่อนที่เขาจะลงมา มีคนที่มีอาการเขินจัดเดินหน้าแดงรีบเดินลงมาก่อนแล้ว“ได้กลับมานอนพักที่บ้านแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นครับ” เขาตอบท่าทางสบายอารมณ์“หรือคะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะจะได้หายป่วยเร็ว ๆ” นมบัวยิ้มหวานให้อย่างรู้ทันให้“อ่าว ธีร์ลงมาแล้วหรือมาทานข้าวกัน” ประภาสที่นั่งรออยู่ก่อน เอ่ยเรียกคนมาที่พึ่งมา“ครับคุณอา แล้วนี่ดินละครับไม่มาทานด้วยกันหรือ”“วันนี้ดินกลับบ้าน ไปดูความเรียบร้อย อาคิดว่าถึงเวลาที่อาจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”“ที่จริงอยู่ต่อที่นี่เลยก็ได้นะครับคุณอา ผมยินดี”“เฮ้อ! อาก็อยากอยู่ด้วยนะ แต่บ้านหลังใหญ่เกินไปมันเหงา อีกอย่างอาก็คิดถึงบ้านด้วย อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านตัวเอง ยังไงอาก็ต้องขอบใจธ
หลายวันต่อมาธีรวัฒน์ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน อาการของเขาดีขึ้นมากจนเรียกได้ว่าเกือบหายสนิทถ้าไม่ยืดแขนมากอาการก็จะเป็นปกติ และเขาเองยังอยากอ้อนพยาบาลส่วนตัวเลยต้องแกล้งเจ็บอยู่“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณท่าน” นมบัวผู้ดูแลบ้านระหว่างที่เขาไม่อยู่เป็นผู้กล่าวต้อนรับเช่นเคย“ขอบคุณครับนม”“เข้าบ้านกันก่อนเถอะค่ะ ไปคุยกันด้านในดีกว่า”“ทานอะไรมารึยังคะ”“ทานมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ ขอขึ้นไปพักข้างบนก่อนแล้วจะลงมาทานมื้อค่ำทีเดียว” เจ้านายพูดเช่นนั้นลูกน้องคนสนิทจึงรีบตรงเข้ามา หมายจะช่วยพยุงขึ้นไปส่งยังห้องนอนแต่กลับถูกสายตาคมไล่ให้พวกเขาออกไปวรวิทย์เห็นดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นมีธุระเพื่อที่จะปล่อยให้เจ้านายหนุ่มได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพัง“คุณดาวครับผมมีงานด่วนต้องไปจัดการแทนเจ้านาย ผมฝากเจ้านายไว้กับคุณดาวก่อนได้มั้ยครับ” วรวิทย์ทำหน้าขอร้องเธอ ทำราวกับว่ามีธุระสำคัญ“ได้ค่ะพี่วิทย์ไปเถอะ ทางนี้ดาวดูแลให้เอง”