อากาศยามเช้าที่ควรจะสดใส ถูกปกคลุมด้วยเหล่าก้อนเมฆสีดำ ที่มืดครึ้มตั้งเค้าว่าฝนจะตกมาแต่ไกล เช้านี้เลยทำให้อากาศเย็นสบายกว่าทุกวัน
“ออเดอร์ A045 รายการของลูกค้าเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” นิศรายิ้มหวานรับแก้วกาแฟและถุงขนมจากพนักงาน ก่อนเดินไปเปิดประตูเพื่อออกจากร้าน
“ขอบคุณที่ใช้บริการ ทานให้อร่อยนะคะ” เสียงพนักงานกล่าวลาลูกค้า
..ติ๊ง ต่อง..เสียงเปิดประตูดังขึ้น
“ว้าย.ย....ขอโทษค่ะ”
นิศราร้องอุทานด้วยความตกใจ เธอชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของคนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา ทำให้กาแฟหกใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวเป็นคราบสีน้ำตาลเข้มเลอะเต็มเสื้อ โชคดีที่เธอสั่งเป็นกาแฟเย็น หากเป็นกาแฟร้อนเธอคงถูกลวกอย่างหลบไม่ได้
“เดินประสาอะไร ทำไมถึงไม่ดูตาม้าตาเรือ” เสียงดุเข้มของคนที่เปิดประตูมาชนเธอเอ่ยขึ้น
“อ้าวนี่...คุณมั้ย!ที่เปิดประตูไม่ระวัง ไม่เห็นคนหรือไง พุ่งเข้ามาได้...แล้วดูนี่ป้าย” เธอชี้ไปที่ป้ายที่ติดด้านหน้าประตูอย่างเอาเรื่อง “อ่านออกมั้ย ดึงอะดึง ผลักมาได้ ขอโทษสักคำก็ไม่มี ยังจะมาว่าคนอื่นอีก”
เสียงใสโวยวายอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สำนึกผิดแถมยังมากล่าวโทษว่าเป็นความผิดเธออีกต่างหาก -ไอ้ขยะเปียก- ประโยคนี้เธอด่าเขาในใจ
“เธอรู้มั้ย ว่าเสื้อตัวนี้มันราคาเท่าไหร่” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ไม่สนใจคำพูดของเธอด้วยซ้ำ วันนี้เขามีประชุมสำคัญกับต้องมาเจอเหตุการณ์นี้
“ให้ตายสิ! จะราคาเท่าไหร่มันก็เรื่องของคุณมั้ย ตอนจ่ายเงินซื้อไม่ได้ดูราคารึไง ถึงต้องมาถามจากคนอื่นเนี่ย”เธอก็เริ่มจะหัวเสียกับคำพูดของเขาเช่นกัน
“พูดแบบนี้คือจะไม่รับผิดชอบ” แววตาคมกริบตวัดมอง อย่างไม่ยอมเช่นกัน
“จะให้ฉันรับผิดชอบอะไร ในเมื่อคุณเป็นคนผิด คุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ ชุดฉันเลอะเนี่ยถ่างตาดูด้วย สติค่ะสติ! หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดูดี ไม่น่าเป็นคนนิสัยไม่ดีเลย วันซวยของฉันจริง ๆ เลย”
หญิงสาวตะเบ็งเสียงต่อว่า ชี้ให้เขาดูสภาพเธอ ด้วยความไม่พอใจ เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ถลึงตามองอย่างไม่พอใจ วินาทีนั้นเองที่เขาได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน
คิ้วบางเลิกสูงขมวดเข้าหากัน ดวงตาโตกลมถลึงตามองอย่างไม่พอใจ ใบหน้าหวานมีสีแดงระรื่นเพราะความโกรธ ปากน้อย ๆ ขยับบ่นเขาไม่หยุด ดวงตาคู่คมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ แล้วต้องชะงักเมื่อเสียงแจ๋ว ๆ ของเธอเงียบลง เปลี่ยนเป็นตะโกนเรียกเขาแทน
“นี่ นี่คุณ ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“งั้นถือว่าหายกัน ก็แล้วกัน” เมื่อได้สติชายหนุ่มจึงปรับน้ำเสียงให้นุ่มลง
“อะไรนะ หายกัน” นิศราถามย้ำเสียงดังก่อนบ่นต่อ
“ชุดฉันเลอะนะ ฉันต้องรีบไปส่งงานอาจารย์ด้วย”
“แล้วคุณต้องการเท่าไหร่”
“อะไร” เธอได้ยินชัดแหละแต่ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ
“ที่พูดมาทั้งหมด คืออยากได้เงินไม่ใช่หรือไง จะเอาเท่าไหร่” เขาเน้นเสียงพร้อมส่งสายตาเหยียดใส่เธอ มันยิ่งทำให้หญิงสาวไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
“เท่าไหร่เหรอ พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ก็อยากได้เงิน ผมก็จะรับผิดชอบให้นี่ไงอยากได้เท่าไหร่จะได้แยกย้ายกัน ผมมีธุระสำคัญรออยู่”
“ธุระของคุณมันสำคัญมากกว่าธุระของคนอื่นสินะ จะบอกให้นะ ว่าเงินของคุณน่ะ มันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างหรอก”
“อ่าว! เฮ้อ ...แล้วจะเอายังไงล่ะครับคุณผู้หญิง”
ธีรวัฒน์ถอนหายใจยาว รู้สึกเริ่มเหนื่อยหน่ายที่เรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว
ไม่ต่างกันหญิงสาวตรงหน้า เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทำสมาธิ พร้อมทำท่าทางจริงจัง
“ฉัน ไม่ ต้อง การ เงิน ของ คุณ! แต่ขอให้คุณรับผิดชอบแบบนี้แล้วกัน”
นิศราเน้นคำพูดช้า ๆ ชัด ๆ เมื่อพูดจบหญิงสาวก็สาดกาแฟในแก้วที่เหลือ ใส่กลางลำตัวของคนตรงหน้าทันที
“เฮ้ยย! ทำอะไร เด็กบ้านี่”
ธีรวัฒน์อุทานออกมาด้วยความตกใจ ในการกระทำของเธอ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำเช่นนี้ มือหยาบปัดกาแฟออกจากเสื้อพร้อมเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มเยาะกับผลงานของตัวเอง
“โอเค แบบนี้ค่อยยุติธรรมหน่อย หายกันแล้วนะ ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว อีกอย่างถ้ารวยมากนักก็ช่วยเคลียร์ที่ทำร้านเขาเลอะเทอะด้วยก็แล้วกัน หวังว่าเราคงจะไม่ต้องเจอกันอีกนะ เพราะคุณมันเฮงซวย!”
‘ขอโทษสักคำก็ไม่มีไอ้ขยะเปียกนี่ โตมาแบบไหนกันนะ’
เธอบ่นในใจ พร้อมมองเขาด้วยสายตาเหยียดกลับ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปเลย ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอึ้งกับการกระทำของเธออยู่อย่างนั้น ไม่นึกเลยว่าเธอจะกล้าทำถึงขนาดนี้
'เหนือความคาดหมายจริง ๆ' เขาคิดในใจ ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“เด็กบ้า! อย่าให้เจออีกนะพ่อจะสั่งสอนให้”
เขามองตามร่างบางที่เดินจากไปจนลับสายตา ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายบอกไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาชีวิตเขามีแต่ผู้หญิงมาเอาอกเอาใจ ยอมเขาไปเสียทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าขัดใจเขาเลยสักคนแต่เธอคนนี้ ช่างแตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น
ธีร์ ธีรวัฒน์ เลิศกิจเจริญ นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรง ประธานบริษัทธีรวัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแผนขยายโครงการไปตามจังหวัดอื่น ๆ ด้วย เป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เขาเป็นคนที่ทำงานเก่ง เด็ดขาด จริงจังกับการทำงาน พูดได้ว่าชีวิตของเขามีแต่งาน สนใจแต่เรื่องงาน เป็นคนหล่อและรวยมาก ทำให้มีสาว ๆ เข้าแถวมาขายขนมจีบไม่ขาดสาย
แต่ที่เข้ามาก็เพื่อหวังเงินและผลประโยชน์จากเขาทั้งนั้น ทำให้เขามีกำแพงต่อผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ปัจจุบันสถานะจึงยังโสดสนิท
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมมาสภาพนี้” วรวิทย์เลขาคนสนิทถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสภาพเจ้านายหนุ่มที่เลอะเทอะ หรือเรียกได้ว่าเละไปทั้งตัวก็ว่าได้ เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานสภาพที่ไม่เหลือมาดประธานบริษัทเลย
“เฮ่อ! อุบัติเหตุนะ จะไปซื้อกาแฟ เปิดประตูร้านผิดฝั่งป้ายให้ดึง แต่ฉันผลักเปิดเข้าไปด้วยความเคยชินอะนะ เลยไปชนเข้ากับนักศึกษาที่กำลังเดินออกจากร้านพอดี กาแฟเลยหกใส่เสื้อเธอ”
ธีรวัฒน์เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนถอนลมหายใจยาวออกมา อย่างรู้สึกเหนื่อยใจ
“กาแฟร้อนหรือเย็นครับ”
“เฮ้อ โชคดีที่เป็นกาแฟเย็น” เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตอบ
“ว่าแต่ กาแฟหกใส่เสื้อเธอคนนั้นแล้วทำไม ท่านถึง..”
วรวิทย์ถามเพราะสงสัยในสภาพของเจ้านายหนุ่ม ก่อนชี้ไปที่เสื้อของเขา
“เถียงกันไม่ลงตัวนะ ฉันเองก็ไม่ยอมรับผิด เธอคงโกรธมากเลยสาดกาแฟที่เหลือใส่” เขาเอ่ยพร้อมถอดสูท โยนพาดไปที่พนักพิงเก้าอี้
“แล้วไปทำอีท่าไหนครับ ถึงโดนสาดกาแฟใส่เนี่ย”
คนอยากรู้ยังคงถามต่อเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายตัวเองอยู่ในสภาพนี้มาก่อน ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา เห็นแต่งตัวเป๊ะตลอดเวลา
“ก็..เถียงกันไปมานั่นแหละ ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้รับผิดชอบเป็นเงิน เลยถามไปว่าจะเอาเท่าไหร่..”
“เธอ...โกรธ”
“อืม โกรธ ไม่พอใจมากด้วย บอกไม่ต้องการเงินของฉัน เสียงดังฟังชัดเชียวแหละ ก่อนจะต่อด้วยประโยคที่ว่า ‘ขอให้คุณรับผิดชอบแบบนี้แล้วกัน’ แล้วกาแฟก็ลอยมาใส่ สภาพก็อย่างที่เห็น แถมบอกอีกว่า ‘แบบนี้ค่อยยุติธรรมหน่อย หายกันแล้วนะ’ จากนั้นก็เดินสะบัดก้นออกจากร้านไปเลย”
เขาเล่าซะละเอียดจนคนฟังนึกภาพตามออก เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“ฮ่าๆๆ” วรวิทย์หลุดหัวเราะเสียงดังเมื่อฟังจนจบ
“หัวเราะอะไรวะ” คนถูกหัวเราะขึงตามองอย่างคาดโทษเพราะเรื่องที่เขาเล่ามันไม่ตลกเลยสักนิด
“ขอโทษครับท่าน มันตลกท่านเจอคนจริงเข้าให้แล้ว ผมเดาว่าท่านคงไม่ได้พูดขอโทษเธอด้วย”
“อืม”
“เธอคงแค่อยากได้ยินคำว่าขอโทษมากกว่าอยากได้เงินของท่านน่ะครับ แค่ชุดเลอะเธอก็คงรู้สึกแย่มากแล้ว ยังต้องมาเจอคนไม่ยอมใครแบบท่านด้วย เลยทำให้อารมณ์เสียไปอีก แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บมั้ยครับ”
“ไม่มี แค่สภาพเละดูไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่ แต่ร้านเขาน่ะสิ พื้นเลอะไปหมด”
“ไปล้างตัวก่อนเถอะครับ ผมจะเตรียมชุดใหม่ให้สิบโมง เรามีคุยสรุปแบบโครงการบ้านเดี่ยวที่จะสร้างที่สมุทรสาครครับ”
“อืม” ว่าแล้วเขาก็ไปจัดการกับตัวเองให้พร้อมสำหรับการประชุมในวันนี้
เย็นวันนี้ธีรวัฒน์ให้ทุกคนในบ้านเลิกงานไว เพื่อเขาจะได้มีเวลาอยู่กับนิศราลำพัง เขาอยากใช้เวลากับเธอให้มากขึ้น“ทุกคนไปไหนกันหมดคะ” ถามเพราะสงสัยเธอไม่เจอใครเลยตั้งแต่กลับมา ปกติบ้านก็เงียบอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีแม่บ้านอยู่ในบ้านยิ่งดูเงียบมากกว่าเดิม“พี่ให้เลิกงานแล้ว”“อ่าวแล้วมื้อเย็นล่ะคะ”“มื้อนี้ พี่จะทำให้ภรรยาพี่ทานเอง” เขาพูดแบบหน้าตาเฉยพร้อมส่งยิ้มหวานให้“พี่ธีร์” เรียกเขาเสียงดังด้วยความตกใจที่เขาเรียกเธอว่าภรรยา ก่อนจะหันไปมองซ้ายขวาว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า กลัวว่าใครจะมาได้ยินเอา“ครับคุณภรรยา” เขาเน้นคำเดิมขานรับเธอด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทีกลัวคนอื่นจะรู้“เดี๋ยวก็มีใครมาได้ยินเข้าหรอกค่ะ”“ได้ยินก็ได้ยินสิ ไม่เห็นเป็นอะไรนิเรื่องจริงทั้งนั้น”“ไปทำอาหารได้แล้วค่ะดาวหิวแล้ว” เธอส่งสายตาดุใส่เขาก่อนจะไล่ให้เขาไปทำอาหารเสียเลย“แต่พี่ต้องมีผู้ช่วย จะได้เสร็จไว ๆไง&r
ธีรวัฒน์เริ่มขยับปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ พร้อมกับร่างกายของเธอที่เด้งแอ่นรับสัมผัสเขาอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาดันเข้าไปจนสุด ความคับแน่นของเธอแทบทำเขาคลั่ง ร่างกายเธอบิดเร้าด้วยความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น รู้สึกทรมานแต่สุขสมอย่างบอกไม่ถูก“อ๊ะ อืม” นิศราร้องคางเสียงหลง เมื่อเขาเร่งจังหวะนิ้วให้เร็วขึ้น ใบหน้าของเธอตอนนี้ช่างเซ็กซี่ ยั่วยวนเขาเสียเหลือเกิน“พี่ธีร์..ดาว...มะไม่เคย” เสียงหวานคางกระเส่าเมื่อรู้สึกกลัว“อือมม พี่รู้จ้ะคนดี สัญญาว่าจะนุ่มนวล”คำพูดของเขาทำเธอรู้สึกร้อนวูบวาบ บวกกับปลายนิ้วซุกซนของเขา ที่ตอนนี้กรีดขึ้นลงกลางรอยแยก และเริ่มมีน้ำหวานเปียกชุ่มไหลออกมาเพิ่ม มันทำให้สติของเธอเตลิดจนควบคุมไม่ได้ ร่างกายแอ่นรับสัมผัสเขาทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอต้องการเขามากเพียงใดชายหนุ่มจึงไม่รอช้าเขาใช้ลิ้นร้อนรากเลียปลายถันสลับกับดูดดึงหยอกล้อ ทำให้เธอรู้สึกเสียวสะท้านมากกว่าเดิม ตอนนี้เธอเหมือนกำลังจะขาดใจ เขาเองก็ไม่ต่างกันตอนนี้อารมณ์ปรารถนาของเขาได้พุ่งทะยานไปไกลเกินกว่าจะหยุดได้เสียแล้ว
ส่วนเขานึกโทษตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ และทำแบบนั้นกับเธอไป เธอคงโกรธเขามาก แล้วเขาควรทำอย่างไร ครุ่นคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก่อนกลับไปนั่งทำงานต่อด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว กลัวว่าเธอจะโกรธเขาจนหนีไปแต่ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เดินกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะของตนเอง โดยไม่พูดไม่จาหรือแม้จะหันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำธีรวัฒน์เงยหน้ามองเธอเป็นระยะ ทั้งสองต่างนั่งทำงานไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาต่างคนต่างเงียบล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกงาน นิศราเงยหน้าขึ้นไปมองเขาที่นั่งเครียดอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เพราะเขายังไม่หายดีในเมื่อเป็นแฟนกันเรื่องแบบนี้ก็คงต้องเกิดขึ้นบ้างเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่ใช่ความผิดของใคร เธอจึงเป็นฝ่ายพูดก่อน เพราะไม่อยากให้เขาหักโหมมากเกินไป“ห้าโมงแล้วค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”“พี่ขอเคลียร์เอกสารกองนี้ก่อนนะ”“งานด่วนเหรอคะ”“ไม่ด่วนครับ แต่พี่อยากทำให้เสร็จก่อน”“ถ้าไม่ด่วนงั้นก็กลับกันเถอะค่ะ ดาวหิวข้าวแล้ว” พูดพร้อมเอาม
เมื่อลูกค้ากลับไปแล้วนิศราจึงเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่เธอรวบรวมไว้มาให้ เขาเปิดอ่านเอกสารที่เธอส่งมาให้ระหว่างรอทุกคน เปิดดูไปก็มองหน้าหญิงสาวไปด้วยความประหลาดใจ ไม่นานพนักงานแผนกต่าง ๆก็พากันทยอยเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นทุกคนนั่งประจำที่พร้อมแล้ว เขาก็เริ่มประชุมต่อ“สินค้าที่เสียหายไป ใครมีปัญหาเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าล็อตใหม่ไหมครับ” เปิดประชุมโดยการยิงคำถามทันที พนักงานคนหนึ่งยกมือขึ้นหลังจบคำถาม“งานตกแต่งภายในตอนนี้มีปัญหาเรื่องคิิวเข้าติดตั้งครับ อยู่ในช่วงเจรจากับซัพพลายเออร์”“เรื่องนี้ต้องรอช่างอาคารทำงานให้เรียบร้อยก่อน อาจต้องขอความร่วมมือกับเขาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นหากคุยไม่ได้ ให้รีบแจ้งผมทันที” ธีรวัฒน์เสริมก่อนถามต่อ“เรื่องประตูไม้ของโครงการT403 สองพันบาน สี่ร้อยหลังติดปัญหาอะไรครับ”“คือแบบที่ลูกค้าเลือก สินค้าไม่พอส่งครับ ทางบริษัทต้องผลิตใหม่ถึง 80% ซึ่งจากจำนวนดังกล่าวระยะเวลาในการผลิตรวมกับระยะเวลาในการจัดส่งมายังประเทศไทยอาจไม่ทันวันติดตั้ง และอาจมีผลกับการส่งมอบงานใ
ธีรวัฒน์เดินตามหญิงสาวลงมารับประทานอาหารด้านล่าง เขาพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่ก็ปิดไม่มิดเพราะอารมณ์ดีจนเผลอยิ้มออกมาตลอดเวลา“อะไรทำให้อารมณ์ดีจนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ได้ขนาดนี้คะ” นมบัวแสร้งถาม ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วเพราะก่อนที่เขาจะลงมา มีคนที่มีอาการเขินจัดเดินหน้าแดงรีบเดินลงมาก่อนแล้ว“ได้กลับมานอนพักที่บ้านแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นครับ” เขาตอบท่าทางสบายอารมณ์“หรือคะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะจะได้หายป่วยเร็ว ๆ” นมบัวยิ้มหวานให้อย่างรู้ทันให้“อ่าว ธีร์ลงมาแล้วหรือมาทานข้าวกัน” ประภาสที่นั่งรออยู่ก่อน เอ่ยเรียกคนมาที่พึ่งมา“ครับคุณอา แล้วนี่ดินละครับไม่มาทานด้วยกันหรือ”“วันนี้ดินกลับบ้าน ไปดูความเรียบร้อย อาคิดว่าถึงเวลาที่อาจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”“ที่จริงอยู่ต่อที่นี่เลยก็ได้นะครับคุณอา ผมยินดี”“เฮ้อ! อาก็อยากอยู่ด้วยนะ แต่บ้านหลังใหญ่เกินไปมันเหงา อีกอย่างอาก็คิดถึงบ้านด้วย อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านตัวเอง ยังไงอาก็ต้องขอบใจธ
หลายวันต่อมาธีรวัฒน์ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน อาการของเขาดีขึ้นมากจนเรียกได้ว่าเกือบหายสนิทถ้าไม่ยืดแขนมากอาการก็จะเป็นปกติ และเขาเองยังอยากอ้อนพยาบาลส่วนตัวเลยต้องแกล้งเจ็บอยู่“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณท่าน” นมบัวผู้ดูแลบ้านระหว่างที่เขาไม่อยู่เป็นผู้กล่าวต้อนรับเช่นเคย“ขอบคุณครับนม”“เข้าบ้านกันก่อนเถอะค่ะ ไปคุยกันด้านในดีกว่า”“ทานอะไรมารึยังคะ”“ทานมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ ขอขึ้นไปพักข้างบนก่อนแล้วจะลงมาทานมื้อค่ำทีเดียว” เจ้านายพูดเช่นนั้นลูกน้องคนสนิทจึงรีบตรงเข้ามา หมายจะช่วยพยุงขึ้นไปส่งยังห้องนอนแต่กลับถูกสายตาคมไล่ให้พวกเขาออกไปวรวิทย์เห็นดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นมีธุระเพื่อที่จะปล่อยให้เจ้านายหนุ่มได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพัง“คุณดาวครับผมมีงานด่วนต้องไปจัดการแทนเจ้านาย ผมฝากเจ้านายไว้กับคุณดาวก่อนได้มั้ยครับ” วรวิทย์ทำหน้าขอร้องเธอ ทำราวกับว่ามีธุระสำคัญ“ได้ค่ะพี่วิทย์ไปเถอะ ทางนี้ดาวดูแลให้เอง”