“เธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องเรียนคนละที่กับไมร่า” เมสันยกกาแฟที่มีควันลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมขึ้นจิบก่อนจะหันมาคุยกับไพลินต่อหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างแอบพิจารณากันและเงียบไปพักใหญ่ และคนที่ทำลายความเงียบนั้นก็ไม่ใช่ทั้งเมสันและไพลินแต่เป็นมีอาที่ยกกาแฟเข้ามาให้เจ้านาย
“ค่ะ” ไพลินตอบเสียงเบา เธอพอจะรู้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาที่อเมริกาแล้วว่าเธอและไมร่าไม่ได้เรียนที่เดียวกัน และเพราะไมร่ายืนยันว่าจะกลับอเมริกาพร้อมกับเธอถ้าหากจะรอให้เธอเดินเรื่องเรียนตามขั้นตอนก็คงจะทำให้ไมร่าพลาดการเรียนเทอมแรกในมหาวิทยาลัย เพราะเทอมการศึกษาของที่ไทยและอเมริกานั้นต่างกัน
ไพลินคิดว่าคนเป็นพี่ชายอย่างเมสันคงไม่อยากให้น้องสาวของเขาต้องเสียเวลาโดยใช่เหตุจึงยอมที่จะจัดการเรื่องที่เรียนให้เธอแบบรวบรัดโดยใช้อำนาจและเส้นสายที่มีเพื่อให้เธอได้เอกสารรับรองจากมหาวิทยาลัยสำหรับขอวีซ่า ทั้งที่ปกติการมาเรียนต่อที่อเมริกาจะต้องมีการประสานกับมหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียนล่วงหน้าเป็นปี ๆ โดยเฉพาะเอกสารรับรองสถานะทางการเงินของผู้ปกครองซึ่งหากจะเรียกดูจากพี่สาวของเธอแล้วยังไงก็ไมมีทางผ่าน แต่เมสันก็ส่งเจเดนมาจัดการให้ทุกเรื่องจนผ่าน ไพลินไม่มีปัญหาว่าจะต้องเรียนที่ไหนเพราะเชื่อมั่นว่ามหาวิทยาลัยทุกที่ของที่นี่ดีพอกันที่จะสร้างความรู้ให้กับเธอ
“พรุ่งนี้เจเดนจะพาเธอไปจัดการเรื่องเรียน ไมร่าคงไม่ได้ไปด้วยเพราะรายนั้นก็ต้องไปจัดการของตัวเองเหมือนกัน”
“หนูขอบคุณคุณเมสันมากนะคะที่ช่วยเหลือหนูทุกอย่างจนหนูได้มาเรียนที่นี่” ไพลินรวบรวมความกล้าพูดในสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่าอยากจะขอบคุณผู้ให้ทุนเธอด้วยตัวเองสักครั้งแม้ว่าการเจอหน้าเมสันแบบจัง ๆ แบบนี้จะเร็วจนเธอไมทันตั้งตัวก็ตาม แต่อย่างน้อยเธอก็คิดว่ามันเป็นโอกาสที่จะได้ขอบคุณเขา หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเขาบ่อยแค่ไหนเพราะไมร่าเคยบอกว่าเมสันงานยุ่งคงไม่บ่อยนักที่จะได้มานั่งคุยกับเธอแบบนี้
“ทำไมถึงอยากเรียนด้านบัญชีและการเงินล่ะ” คำถามของชายหนุ่มทำให้ไพลินรู้สึกคลายความประหม่าลงได้บ้างเมื่อเมสันไม่ได้เอาแต่นั่งจ้องเธอด้วยสายตาและอารมณ์ที่เหมือนแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อ่านยากเหมือนกับตอนแรก และยังชวนเธอคุยเกี่ยวกับเรื่องการเรียนซึ่งเป็นจุดหมายหลักที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่
“ที่ประเทศไทยคนที่จบด้านบัญชีมาสามารถหางานทำได้ง่ายค่ะ อีกอย่างด้านบัญชีและการเงินยุคนี้ค่อนข้างสำคัญไม่ได้เฉพาะแต่บริษัทหรือองค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่มันสำคัญในระดับครอบครัวด้วย ถ้าเราสามารถวางแผนการเงินและจัดการบัญชีครัวเรือนได้ดี ความยากจนในครอบครัวก็จะลดน้อยลง” ความคิดของหญิงสาววัย 18 ปี ถูกถ่ายทอดให้ผู้อุปการะทุนของเธอได้ทราบ สายตานิ่ง ๆ ของคนฟังกำลังแฝงไปด้วยความพึงพอใจเล็กน้อยกับความคิดและทัศนคติของผู้หญิงตรงหน้าที่เขากำลังจะให้ทุนเรียนแก่เธอ
“อ้าว..ไมร่าตื่นสายเหรอวันนี้ แต่นี่ก็กำลังเจ็ดโมงเช้านะทำไมทั้งลินและพี่เมสันถึงลงมาเร็วกันจัง แล้วทำไมพี่เมสันถึงยังไมแต่งตัววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” ไมร่ามีท่าทางแปลกใจเมื่อเจอทั้งเพื่อนสาวและพี่ชายนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว และพี่ชายของเธอก็ยังอยู่ในชุดนอนแบบเสื้อยืดและกางเกงวอร์มเนื้อดีที่เขาชอบใส่
“กำลังจะขึ้นไปอาบน้ำ เดี๋ยวเราก็นั่งทานข้าวกับเพื่อนไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ พรุ่งนี้พี่จะให้เจเดนพาไพลินไปจัดการเรื่องเรียนที่มหาลัยส่วนเราก็ต้องไปจัดการเรื่องเรียนของตัวเองด้วย” ชายหนุ่มบอกน้องสาว เมสันเลือกที่จะให้ผู้ช่วยเลขาของเขาอย่างเจเดนไปคอยช่วยดูแลเรื่องเข้าเรียนของไพลินมากกว่าที่จะไปจัดการให้ไมร่า เพราะไมร่ารู้ขั้นตอนรู้สถานที่เรียนและจัดการตัวเองได้ทุกอย่าง และน้องสาวของเขาก็ไม่ชอบให้ใครไปคอยตามติดหรือทำอะไรให้โดยไม่จำเป็น แต่หญิงสาวอีกคนคงต้องมีคนคอยช่วยเหลือ เพราะดูแล้วถึงภาษาจะพอใช้ได้แต่เธอยังใหม่มากสำหรับการใช้ชีวิตที่นี่
“ขอบคุณค่ะพี่เมสัน ขอบคุณที่เมตตาเพื่อนไมร่านะคะ” เมสันมองน้องสาวและไม่ได้พูดอะไรก่อนจะสลับสายตาไปมองไพลินแล้วลุกเดินออกจากโต๊ะไป
“ลินลงมานานแล้วเหรอทำไมไม่เรียกไมร่าล่ะ” ทันทีที่พี่ชายเดินลับสายตาไมร่าก็หันมาถามเพื่อนสาว
“พึ่งลงมาสักครึ่งชั่วโมงนี่แหละ ลินไม่อยากรบกวนไมร่าคิดว่าคงยังไม่ตื่นเลยเดินลงมาข้างล่าง”
“ไมร่าลืมบอกว่าอาหารเช้าบ้านไมร่าจะตั้งโต๊ะตอนเจ็ดโมงเช้านะลินจะได้ไม่ต้องรีบ”
“มีอาบอกกับลินเมื่อครู่แล้วล่ะ เอ่อ… แล้วที่ลินถามไมร่าเรื่องงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนล่ะ” เมื่ออยู่กันสองคนไพลินก็ไมลืมที่จะถามย้ำเพื่อนเพราะต้องการหางานทำให้เร็วที่สุดสำหรับไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยเฉพาะค่าเช่าห้องหากว่าเธอออกไปอยู่ข้างนอก
“ลินพึ่งมาถึงอเมริกาได้วันเดียวเองนะยังไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก รอจัดการเรื่องเรียนอะไรให้เสร็จก่อนก็ได้ ลินไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น พี่เมสันบอกจะให้ทุนทุกอย่างแก่ลินอยู่แล้วทั้งทุนเรียนและค่าใช้จ่ายส่วนตัว” ไมร่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับไพลินที่ต้องการออกไปหางานทำเพราะพี่ชายเธอคงไมชอบใจแน่ ไมร่ารู้ว่าพี่ชายเธอไม่ชอบให้คนในความดูแลของตนเองทุกคนไปรับงานเล็กงานน้อยที่อื่น เพราะตระกูลเดวาลอฟสามารถดูและบริวารทุกคนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีได้อย่างไม่เดือดร้อน
“แต่ลินไม่อยากรบกวนพี่ชายไมร่าไปมากกว่านี้ ไมร่าก็รู้ว่าการที่ลินได้มาที่นี่คุณเมสันหมดเงินกับลินไปไม่น้อยแล้ว และไหนจะต้องจ่ายค่าเรียนให้ลินอีกตั้งหลายปี” ไพลินผิดหวังเล็กน้อยที่ไมร่าไม่สนับสนุนเธอ ถึงจะไม่รู้จำนวนเงินแต่เธอก็พอรู้ว่าเมสันจ่ายเงินไปไม่น้อยเพื่อให้เธอได้มาอเมริกาในเวลาที่กระชั้นชิด มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไพลินเผลอได้ยินเจเดนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนเรื่องเอกสารของเธอโดยมีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้องและอีกหลายเหตุการณ์ที่ไพลินรู้ดีว่าต้องใช้เงินเป็นใบเบิกทางเพื่อให้ได้มา
“กำลังจะไปหาที่ห้องพอดี เป็นไงบ้างตื่นเต้นหรือเปล่าวันนี้ลินจะได้ไปเห็นบรรยากาศที่มหาลัยครั้งแรก” ไมร่าที่เห็นไพลินกำลังเดินออกจากห้องมาเหมือนกันทักขึ้น เมื่อต่างก็กำลังจะลงไปทานอาหารเช้า “ตื่นเต้นมากนอนแทบไม่หลับ” “มีอะไรก็โทรบอกไมร่านะลิน เอ่อ..จริงสิลินยังไม่มีโทรศัพท์ใช้นี่นาไมร่าลืมไปเลย” ไมร่าทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ “ไม่เป็นไรหรอกไมร่า คุณเจเดนไปด้วยทั้งคนไว้เดี๋ยวลินได้งานพาร์ทไทม์ทำลินค่อยเก็บเงินซื้อ” ไพลินบอกเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “ไม่ได้นะลิน เจเดนไม่ได้คอยตามติดลินตลอดเวลาเสียเมื่อไหร่ เกิดพลัดหลงกันหรือเวลาไมร่าจะโทรหาล่ะจะทำยังไง เดี๋ยวไมร่าหาซื้อให้” “อย่าเลยไมร่า ลินเกรงใจ” ไพลินรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “มีอะไรกัน” เสียงเรียบถามเมื่อเห็นน้องสาวและเพื่อนของเธอที่กำลังเดินมายังห้องอาหารคุยกันเหมือนถกเถียงอะไรบางอย่าง “ก็ลินน่ะสิคะยังไม่มีโทรศัพท์ใช้เลย ไมร่าจะซื้อให้ก็ไม่ยอม บอกแต่จะหางานพาร์ทไทม์ทำแล้วซื้อเอง แล้วระหว่างนี้จะติดต่อกันยังไง" ไมร่าบ่นกับพี่ชายก่อนจะนั่งลงฝั่งซ้
เจเดนพาไพลินมาหาเมสันที่บริษัทตามที่ดีแลนโทรบอกว่าเจ้านายสั่ง หญิงสาวยืนมองดูตึกที่สูงตระหง่านตาใจกลางกรุงวอชิงตันด้วยความรู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยสักครั้งที่จะได้สัมผัสสถานที่แบบนี้แม้แต่ที่ประเทศไทยก็ตามไพลินเดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ที่ด้านในพลุกพล่านไปด้วยพนักงานและต่างก็ทักทายเจเดนในฐานะคนใกล้ชิดเจ้านายพร้อมทั้งมองเลยมายังเธอด้วยสายตาเป็นคำถามแต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรเจเดนเกี่ยวกับเธอ“นายรออยู่ในห้อง” ดีแลนบอกทันทีที่เห็นเจเดนเดินนำไพลินมาถึงหน้าห้องทำงานของเมสัน เจเดนจึงพาไพลินเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังรออยู่ด้านใน“คุณไพลินมาแล้วครับ” เมสันเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังดูอยู่ขึ้นมามองเมื่อได้ยินเสียงลูกน้อง“ไปหาของว่างมาให้ไพลินด้วย”“เอ่อ ไม่เป็นไร...”“ฉันจะทานด้วย” เมสันดักคอเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธ“นายรับอาหารว่างเหมือนเดิมนะครับ” เมื่อเจ้านายพยักหน้าตอบเจเดนก็รีบหมุนตัวกลับออกไปจัดการตามคำสั่ง“นั่งลงสิ จัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” เสียงทุ้มบอกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าและถามไถ่ถึงธุระเรื่องเรียนที่หญิงสาวพึ่งไปจัดการมา“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“ชอบมหาลัยที่ฉันเลือกให้หรือเปล่
“มาพอดีเลย ไมร่ากำลังจะโทรหาพี่เมสันอยู่พอดีว่าเมื่อไหร่จะพาลินกลับ” เมื่อเห็นพี่ชายเดินนำหน้าเพื่อนสาวเข้ามาในบ้านจากที่กำลังจะกดโทรศัพท์หา ไมร่าก็เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปหาคนทั้งสองแทน“เย็นนี้ลูคัสจะมาทานข้าวเย็นด้วยนะ” เมสันบอกน้องสาวชื่อของลูคัสทำให้ไมร่ามีท่าทีแปลกไปทันทีจนเมสันสังเกตได้แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรไปมากกว่าการบอกน้องสาวให้ทราบถึงการมาของเพื่อนตนเอง“บ้านเขาไม่มีข้าวกินหรือยังไงคะถึงต้องมากินบ้านเรา” ไมร่าบ่นอุบอิบไม่กล้าสบตาพี่ชาย “เราเป็นเจ้าของบ้าน อย่าแสดงอาการแบบนี้ต่อหน้าแขกนะไมร่า” เมสันปรามน้องสาว“ไมร่ารู้ค่ะไม่ได้พูดให้เขาได้ยินสักหน่อย”“แล้วเรื่องเรียนของเราจัดการเรียบร้อยหรือยัง” เมสันเปลี่ยนเรื่องคุย“เรียบร้อยค่ะไม่ต้องห่วง ว่าแต่ทำไมพี่เมสันถึงพาเพื่อนไมร่าไปอยู่ที่บริษัทตั้งครึ่งค่อนวัน ปกติไม่ชอบให้ผู้หญิงไปวุ่นวายที่ทำงานไม่ใช่เหรอคะ” คำถามและท่าทางเหมือนแปลกใจของน้องสาวทำให้เมสันต้องเหลือบมองไปทางไพลินที่กำลังมองมาทางเขาเช่นกันก่อนจะตอบน้องสาวสั้น ๆ“มีงานด่วนที่ต้องให้เจเดนทำ”“แบบนี้นี่เอง นึกว่าเพื่อนไมร่าได้รับสิทธิ์พิเศษเสียอีกที่ได้ย่างกรายไ
เมื่อวันแรกของการเปิดภาคเรียนมาถึงไพลินรู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่อยากทานอาหารมื้อเช้าเลยสักนิด เพราะกังวลเกี่ยวกับสังคมใหม่ที่เธอกำลังจะเจอถึงแม้จะศึกษาวัฒนธรรมและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมที่นี่มาจากไมร่าบ้างแล้วแต่พอจะต้องฉายเดี่ยวเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นออกจะค่อนไปทางกลัวเสียด้วยซ้ำ“ลิน…เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้ากังวลจัง” ไมร่าที่สังเกตเห็นความผิดปกติจากสีหน้าของเพื่อนสาวถามขึ้นมา“ลินแค่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้ไปเรียนวันแรกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกเดี๋ยวพอเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่และเพื่อนร่วมคลาสก็จะชินเอง มีอะไรโทรหาไมร่าได้เลยนะ”“ขอบใจนะไมร่า” เสียงเบาเอ่ยขอบคุณยิ้ม ๆ แม้จะอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยหากมีอะไรก็ยังมีไมร่าให้นึกถึงแต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี ไพลินคิดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมสันเดินเข้ามาในห้องอาหารและเห็นท่าทางคล้ายหนักใจของเธอ“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาที่มุ่งตรงมายังเธอทำให้ไพลินรู้ว่าคนที่ต้องตอบคำถามเขาไม่ใช่ไมร่าแต่เป็นเธอต่างหาก“เอ่อ…เปล่าค่ะ” เมสันหรี่ตามองรู้ดีว่าเธอปดเขา“ฉันไม่ชอบคนโกหก”“คือลินเขาตื่นเต้นน่ะค่ะที่ต
เมสันยอมปล่อยไพลินให้ลงจากรถหลังเธอเริ่มคลายความตื่นกลัวจากการกระทำของเขาเพราะคิดว่าไม่ควรรุกเธอไปมากกว่านี้ เขาอยากให้เธอได้เรียนรู้เขาในหลาย ๆ มุมเหมือนกับที่เขาอยากจะลองค้นหาเธอเช่นกัน ชายหนุ่มยอมรับว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้ถูกใจเขาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเป็นสาววัยแรกแย้มหรือเป็นเพราะใบหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัวและท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวของเธอที่เขาไม่เคยเจอจากผู้หญิงอื่นกันแน่ ที่ทำให้คนอย่างเขาอยากค้นหาหากจะเทียบกับคู่ควงของเขาที่ผ่านมาแล้วไพลินคือผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดที่เขาคิดอยากสานสัมพันธ์ เมสันมีกฎว่าเขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงวัยแตกเนื้อสาวหมาด ๆ หรือสาววัยมหาลัยเพราะรู้สึกว่าเป็นวัยที่ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเข้าใจในความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดแต่เมื่อเจอกับเพื่อนของน้องสาวที่มาจากประเทศไทยคนนี้กลับทำให้เขาอยากลองแหกกฎที่รักษามานานโดยยังไม่ได้คิดว่าความสัมพันธ์จะสั้นหรือยาวแค่ไหน เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกถูกชะตาและถูกใจอยากจะเอามาไว้ใกล้ตัวแบบไม่ให้ห่างตาก็เท่านั้น สิ่งเดียวที่มั่นใจตอนนี้ก็คือผู้หญิงคนนี้คือข้อยกเว้นทุกกฎที่เขาเคยมีหลังจากรถที่บ้านเดวาลอฟเคลื่อนตัวห่าง
เจเดนไปรับไพลินมาหาเมสันที่บริษัท ความรู้สึกประหม่ากลับมาอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงบริษัทของเมสัน เรื่องราวเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าเริ่มกลับมาทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอีกรอบระหว่างที่เดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ ขาทั้งสองข้างของไพลินสั่นจนแทบก้าวไม่ออกแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าห้องทำงานของคนที่เป็นเจ้าของบริษัทและเจ้าของตึกสไตล์โมเดริ์นที่สูงตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงวอชิงตัน“เชิญคุณไพลินด้านในเลยครับ” ดีแลนพูดพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ไพลินมองเจเดนคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินนำเธอเข้าไปด้านในเหมือนครั้งก่อนแต่เจเดนที่ยืนหันข้างให้เธอกลับถอยหลังเหมือนเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปคนเดียว“ให้หนูเข้าไปคนเดียวเหรอคะ?” ท่าทีไม่มั่นใจมองหน้าเลขาของเมสันและผู้ช่วยของเขา“ครับ คุณเมสันบอกให้คุณไพลินเข้าไปหาถ้ามาถึงครับ” ดีแลนและเจเดนแอบมองหน้ากันด้วยสงสารหญิงสาวที่สีหน้าดูกังวลเมื่อต้องเข้าไปหาเจ้านายพวกตนคนเดียวระหว่างที่ไพลินกำลังยืนทำใจอยู่นั้นประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาจากด้านใน ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกำลังมองเอกสารบางอย่างในมือที่ถือออกมาให้ดีแลน แต่จั
“พอดีเป็นเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักวันนี้ ในคลาสก็มีการแลกเบอร์กันเผื่อว่าต้องติดต่อกันเรื่องเรียน ลินก็เลยแลกกับเพื่อน ๆ ไปหลายคน ขอโทษนะคะถ้าหากว่าทำให้คุณไม่พอใจ” “พึ่งไปเรียนวันแรกฉันนึกไม่ออกว่ามีเรื่องเรียนที่สำคัญอะไรที่ต้องโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาส” หญิงสาวไม่ตอบ เพราะก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ไรอันโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาสอย่างที่เมสันว่าไพลินรู้สึกว่าเค้กตรงหน้าที่ดูจะอร่อยในตอนแรกกร่อยไปทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ชิมเพราะอารมณ์ของผู้อุปถัมภ์ที่ตึงจนเธอรู้สึกได้เมสันไม่ได้โกรธหญิงสาวเพียงแต่เขาหงุดหงิดตัวเองที่กำลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลควบคุมอารมณ์ไม่ได้ยามเมื่อมีชายอื่นเข้ามาพัวพันในชีวิตไพลิน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะตีกรอบไม่ให้เธอคุยกับผู้ชายอื่นไพลินเรียนมหาลัยและมหาลัยก็ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงเรียน เธอยังต้องมีสังคม..เมสันเตือนตัวเองใจใน“ถ้าคุณไม่พอใจเดี๋ยวลินจะนั่งลบเบอร์ของเพื่อน ๆ ในวันนี้ออกให้หมดเหลือแต่เบอร์ของคุณกับไมร่าเหมือนเดิมค่ะ”“ไม่เป็นไร…เธอยังต้องมีสังคม ฉันเป็นแค่ผู้ให้ทุนเรียน ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ” เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามและบังคับให
เกือบปีที่ไพลินมาอยู่ที่อเมริกาเธอเรียนรู้วิถีชีวิตต่างแดนและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตทุกด้านของอเมริกาจนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น มีเพียงปัญหาเล็กน้อยที่เกิดจากผู้ให้ทุนเธอเท่านั้นที่ไพลินยังแก้ไม่ตก เพราะจนถึงวันนี้เมสันก็ยังไม่เคยให้เธอได้ลองใช้ขนส่งสาธารณะของอเมริกาเลยสักครั้งสมาชิกทุกคนของบ้านเดวาลอฟให้ความเป็นมิตรแก่เธอเป็นอย่างดีไม่เคยมีสักครั้งที่ใครจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้บางครั้งไมร่าเองจะมีกิจกรรมที่มหาลัยและไพลินเองก็มีกิจกรรมที่มหาลัย จนบางทีหลายวันกว่าจะเจอกันครั้งหนึ่งแม้จะอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อเจอกันไมร่าก็ยังคงใส่ใจและเป็นห่วงเธอไม่เปลี่ยน“วันมะรืนนี้วันเกิดของลินใช่หรือเปล่า เราไปฉลองกันข้างนอกหรือฉลองที่บ้านกันดี” ไมร่าพูดขึ้นบนโต๊ะอาหารเช้า“อย่าเลยไมร่าเปลืองเปล่า ๆ แค่นี้ลินก็เกรงใจจะแย่”“เกรงใจอะไรกันวันเกิดมีแค่ปีละครั้งไม่ใช่มีทุกวันเสียหน่อย ที่นี่ไมร่าจะเลี้ยงฉลองกันทุกปีนะไม่ว่าจะวันเกิดไมร่าหรือวันเกิดพี่เมสัน แต่รายนั้นไม่ค่อยจัดที่บ้านหรอก ไมร่าห้ามไม่ให้พี่เมสันพาคู่ควงคนไหนมาบ้านเพราะงานวันเกิดพี่เมสันต้องมี ดารานางแบบที่หมายมั่น
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา