เช้าแรกของการตื่นมาบนแผ่นดินที่ไมใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไพลินรู้สึกตื่นเต้นยังไม่หายกับการเข้ามาอาศัยที่บ้านของไมร่า เพราะสำหรับเธอแล้วมันคือคฤหาสน์ไมใช่บ้าน ความกว้างขวางของที่นี่ทำให้ทุกย่างก้าวที่เธอเดินไปนั้นให้ความรู้สึกแบบโหวง ๆ เพราะเคยอยู่แต่บ้านที่เปิดประตูห้องนอนมาก็เจอโต๊ะกับข้าว ทีวี ตู้เย็นเบียดเสียดกันอยู่ในพื้นที่อันจำกัด
ไพลินรีบลุกอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะลงไปดูว่ามีอะไรที่เธอพอจะช่วยงานแม่บ้านที่นี่ได้บ้างแม้ไมร่าจะบอกว่าเธอไม่ต้องทำอะไรเพราะที่นี่มีคนดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างแต่ไพลินคิดว่าเธอไม่ควรทำแบบนั้น ไมร่าคือเจ้านายคือเจ้าของบ้านของที่นี่แต่เธอคือผู้อาศัยจะทำตัวเหมือนเจ้าของบ้านก็คงจะไม่เหมาะนัก
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จไพลินก็เดินลงมายังชั้นล่างของบ้านเดวาลอฟ เวลานี้ไมร่ายังไม่ตื่นส่วนเมสันเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่หรือไม่อยู่บ้านในตอนนี้ ตั้งแต่มาถึงอเมริกาเธอก็ยังไม่มีโอกาสเจอหน้าพี่ชายของเพื่อน
“มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่กำลังตรวจดูความสะอาดของโต๊ะก่อนจะถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารเช้าให้กับเจ้านาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่เช็คความสะอาดของโต๊ะอาหารเท่านั้น ทำไมคุณตื่นเช้าจังคะหิวหรือเปล่า อาหารเช้าของที่นี่จะขึ้นโต๊ะตอน 7 โมงเช้าก่อนเจ้านายจะลงมาสิบนาที นี่พึ่งจะหกโมงครึ่งรอสักนิดนะคะ” มีอาหัวหน้าแม่บ้านบอกกับไพลินอย่างเป็นมิตร
“หนูยังไม่หิวหรอกค่ะ ที่ตื่นเช้าเพราะอยากช่วยงานเท่านั้น มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะคะหนูชื่อลินค่ะ” ไพลินบอกความตั้งใจพร้อมแนะนำตัวกับมีอา
“ฉันชื่อมีอาเป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ คุณไม่ต้องช่วยอะไรหรอกค่ะ คุณเป็นเพื่อนคุณไมร่าเป็นแขกของเจ้านาย อีกอย่างที่นี่ก็มีคนจัดการทุกอย่างอยู่แล้ว”
“อย่าเกรงใจหนูเลยนะมีอา หนูเป็นแค่ผู้อาศัยชั่วคราวเทานั้น เดี๋ยวหนูก็ย้ายออกไปพักข้างนอกแล้ว” มีอามองหญิงสาวเพื่อนเจ้านายแล้วยิ้มบาง ๆ อย่างเอ็นดู รู้สึกถูกชะตาสาวไทยคนนี้ยิ่งนัก และก่อนที่มีอาจะได้พูดอะไรกับเธอต่อเสียงทรงอำนาจของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้น
“มีอาขอกาแฟหน่อย” เมสันเดินลงบันไดมาช้า ๆ สายตามองมายังหัวหน้าแม่บ้านและเพื่อนของน้องสาวที่ตอนนี้ยืนหันหลังให้เขา
ไพลินรู้สึกร่างกายปั่นป่วนมวนท้องไปหมดเมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเจ้าของเสียง ตอนนี้เธออยากจะหายตัวไปยังห้องนอนของไมร่าเพื่อเรียกเพื่อนให้ตื่นมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน
“ได้ค่ะนายท่าน รอสักครู่นะคะ มีอาไม่รู้ว่าวันนี้นายท่านจะลงมาเช้า” มีอาบอกเจ้านายหน้าตาตื่นเล็กน้อยแต่ความแปลกใจมีมากกว่าที่วันนี้เจ้านายลงมาเช้ากว่าปกติและมาในชุดนอน เพราะปกติเมสันจะลงมาด้วยชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน
“ไม่เป็นไร ผมรอได้” เมสันบอกแม่บ้านในขณะที่เดินเข้ามาใกล้จุดที่ไพลินและมีอายืนอยู่ มีอารีบเลี่ยงออกไปจัดการกาแฟมาให้เจ้านายเหลือเพียงไพลินเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพราะไม่รู้จะเลี่ยงไปทางไหน ที่สำคัญตอนนี้ขาเธอก็เหมือนถูกตรึงไว้กับที่จนไม่อาจขยับไปไหนได้
“นั่งก่อนสิ” เมสันนั่งลงตรงหัวโต๊ะมองไพลินที่ตอนนี้ยืนก้มหน้านิ่งก่อนจะเชื้อเชิญหญิงสาว ไพลินสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเลือกนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่กลางโต๊ะ
“คงไม่คิดจะให้ฉันตะโกนคุยกับเธอหรอกใช่มั้ย” น้ำเสียงราบเรียบถามสมาชิกใหม่ของบ้าน ไพลินตัวสั่นเหมือนคนที่อยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งตรงหัวโต๊ะแม้แต่น้อย
“หนู…เอ่อ..คือว่า…”
“มานั่งนี่” เสียงนิ่งแต่เด็ดขาดเอ่ยแบบไม่ดังมากนัก ไพลินไม่รอให้เมสันพูดซ้ำรีบลุกเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งทันทีและวินาทีนั้นเองที่ทำให้เธอได้เห็นหน้าและตัวจริงพี่ชายของเพื่อนแบบเต็ม ๆ ตา
หญิงสาวใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้สบตากับบุรุษตรงหน้าที่มีนัยน์ตาสีอำพันเข้มเหมือนโวล์ฟอาย ผมที่เธอเคยเห็นถูกเซทไว้เป็นทรงตอนที่วิดีโอคอลกันเมื่อครั้งที่เธอยังอยู่ที่ประเทศไทยตอนนี้ถูกเสยขึ้นไว้อย่างลวก ๆ แต่ก็ยังดูน่ามอง ไพลินไม่รู้ว่าทำไมใจเธอเต้นแปลก ๆ แถมยังควบคุมจังหวะการหายใจได้ยากเมื่ออยู่ต่อหน้าเมสัน
อาการแบบนี้เธอไมเคยเจอมาก่อนตลอดอายุ 18 ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่เคยสนใจเรื่องความรักเพราะคิดว่ายังไม่ถึงวัยของเธอที่จะมาคิดเรื่องนี้ แต่สังคมรอบข้างสมัยนี้ก็ใช่ว่าจะปิดกั้นจนไม่รู้ว่าโลกยุคนี้พัฒนาไปขนาดไหนโดยเฉพาะเรื่องความรัก เพียงแต่เธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องแบบนี้เพราะคิดว่าตัวเองยังเด็กไม่ควรมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าเพื่อนวัยเดียวกันจะไม่ได้คิดเหมือนเธอก็ตาม
ทางด้านเมสันที่ถึงแม้จะเห็นตัวจริงของไพลินมาบ้างแล้วจากการที่แอบมองเธอไปทานอาหารกับน้องสาวของเขาเมือคืนที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ได้เห็นใกล้ ๆ แบบนี้ พอมาตอนนี้ที่เขามีโอกาสได้พิจารณาเด็กสาวมากขึ้นก็ทำให้ได้รู้ว่านอกจากเพื่อนของน้องสาวคนนี้จะมีแรงดึงดูดที่เหลือล้นแล้วยังมีรูปหน้าที่น่ามองเป็นอย่ามาก
ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ที่ถูกประดับไว้ด้วยคิ้วเข้มได้รูปแบบไม่ต้องขีดเขียนแต่งเติมนั้นช่างรับกับดวงตากลมโตที่ล้อมรอบไปด้วยแพขนตาที่ดกดำ ปากอิ่มทีเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นหรือประหม่าทำให้ดูเซ็กซี่แบบไม่ต้องพยายามเลยสักนิด
ในใจของเมสันตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าเด็กสาวชาวไทยคนนี้สวยมาก สวยกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเป็นคู่ควงของเขา ในขณะที่ไพลินจากที่เกิดอาการสั่นอยู่แล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเมสันและถูกจ้องด้วยสายตาที่คมกริบคู่นั้นก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ไม่แน่ใจว่าเธอควรพูดอะไรเพื่อทำลายความเงียบนี้ขึ้นมาก่อนหรือรอให้เขาเป็นคนพูดก่อนถึงจะดี
“เธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องเรียนคนละที่กับไมร่า” เมสันยกกาแฟที่มีควันลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมขึ้นจิบก่อนจะหันมาคุยกับไพลินต่อหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างแอบพิจารณากันและเงียบไปพักใหญ่ และคนที่ทำลายความเงียบนั้นก็ไม่ใช่ทั้งเมสันและไพลินแต่เป็นมีอาที่ยกกาแฟเข้ามาให้เจ้านาย “ค่ะ” ไพลินตอบเสียงเบา เธอพอจะรู้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาที่อเมริกาแล้วว่าเธอและไมร่าไม่ได้เรียนที่เดียวกัน และเพราะไมร่ายืนยันว่าจะกลับอเมริกาพร้อมกับเธอถ้าหากจะรอให้เธอเดินเรื่องเรียนตามขั้นตอนก็คงจะทำให้ไมร่าพลาดการเรียนเทอมแรกในมหาวิทยาลัย เพราะเทอมการศึกษาของที่ไทยและอเมริกานั้นต่างกันไพลินคิดว่าคนเป็นพี่ชายอย่างเมสันคงไม่อยากให้น้องสาวของเขาต้องเสียเวลาโดยใช่เหตุจึงยอมที่จะจัดการเรื่องที่เรียนให้เธอแบบรวบรัดโดยใช้อำนาจและเส้นสายที่มีเพื่อให้เธอได้เอกสารรับรองจากมหาวิทยาลัยสำหรับขอวีซ่า ทั้งที่ปกติการมาเรียนต่อที่อเมริกาจะต้องมีการประสานกับมหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียนล่วงหน้าเป็นปี ๆ โดยเฉพาะเอกสารรับรองสถานะทางการเงินของผู้ปกครองซึ่งหากจะเรียกดูจากพี่สาวของเธอแล้วยังไงก็ไมมีทางผ่าน แต่เมสันก็ส่งเจเดนมาจัดกา
“กำลังจะไปหาที่ห้องพอดี เป็นไงบ้างตื่นเต้นหรือเปล่าวันนี้ลินจะได้ไปเห็นบรรยากาศที่มหาลัยครั้งแรก” ไมร่าที่เห็นไพลินกำลังเดินออกจากห้องมาเหมือนกันทักขึ้น เมื่อต่างก็กำลังจะลงไปทานอาหารเช้า “ตื่นเต้นมากนอนแทบไม่หลับ” “มีอะไรก็โทรบอกไมร่านะลิน เอ่อ..จริงสิลินยังไม่มีโทรศัพท์ใช้นี่นาไมร่าลืมไปเลย” ไมร่าทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ “ไม่เป็นไรหรอกไมร่า คุณเจเดนไปด้วยทั้งคนไว้เดี๋ยวลินได้งานพาร์ทไทม์ทำลินค่อยเก็บเงินซื้อ” ไพลินบอกเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “ไม่ได้นะลิน เจเดนไม่ได้คอยตามติดลินตลอดเวลาเสียเมื่อไหร่ เกิดพลัดหลงกันหรือเวลาไมร่าจะโทรหาล่ะจะทำยังไง เดี๋ยวไมร่าหาซื้อให้” “อย่าเลยไมร่า ลินเกรงใจ” ไพลินรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “มีอะไรกัน” เสียงเรียบถามเมื่อเห็นน้องสาวและเพื่อนของเธอที่กำลังเดินมายังห้องอาหารคุยกันเหมือนถกเถียงอะไรบางอย่าง “ก็ลินน่ะสิคะยังไม่มีโทรศัพท์ใช้เลย ไมร่าจะซื้อให้ก็ไม่ยอม บอกแต่จะหางานพาร์ทไทม์ทำแล้วซื้อเอง แล้วระหว่างนี้จะติดต่อกันยังไง" ไมร่าบ่นกับพี่ชายก่อนจะนั่งลงฝั่งซ้
เจเดนพาไพลินมาหาเมสันที่บริษัทตามที่ดีแลนโทรบอกว่าเจ้านายสั่ง หญิงสาวยืนมองดูตึกที่สูงตระหง่านตาใจกลางกรุงวอชิงตันด้วยความรู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยสักครั้งที่จะได้สัมผัสสถานที่แบบนี้แม้แต่ที่ประเทศไทยก็ตามไพลินเดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ที่ด้านในพลุกพล่านไปด้วยพนักงานและต่างก็ทักทายเจเดนในฐานะคนใกล้ชิดเจ้านายพร้อมทั้งมองเลยมายังเธอด้วยสายตาเป็นคำถามแต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรเจเดนเกี่ยวกับเธอ“นายรออยู่ในห้อง” ดีแลนบอกทันทีที่เห็นเจเดนเดินนำไพลินมาถึงหน้าห้องทำงานของเมสัน เจเดนจึงพาไพลินเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังรออยู่ด้านใน“คุณไพลินมาแล้วครับ” เมสันเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังดูอยู่ขึ้นมามองเมื่อได้ยินเสียงลูกน้อง“ไปหาของว่างมาให้ไพลินด้วย”“เอ่อ ไม่เป็นไร...”“ฉันจะทานด้วย” เมสันดักคอเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธ“นายรับอาหารว่างเหมือนเดิมนะครับ” เมื่อเจ้านายพยักหน้าตอบเจเดนก็รีบหมุนตัวกลับออกไปจัดการตามคำสั่ง“นั่งลงสิ จัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” เสียงทุ้มบอกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าและถามไถ่ถึงธุระเรื่องเรียนที่หญิงสาวพึ่งไปจัดการมา“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“ชอบมหาลัยที่ฉันเลือกให้หรือเปล่
“มาพอดีเลย ไมร่ากำลังจะโทรหาพี่เมสันอยู่พอดีว่าเมื่อไหร่จะพาลินกลับ” เมื่อเห็นพี่ชายเดินนำหน้าเพื่อนสาวเข้ามาในบ้านจากที่กำลังจะกดโทรศัพท์หา ไมร่าก็เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปหาคนทั้งสองแทน“เย็นนี้ลูคัสจะมาทานข้าวเย็นด้วยนะ” เมสันบอกน้องสาวชื่อของลูคัสทำให้ไมร่ามีท่าทีแปลกไปทันทีจนเมสันสังเกตได้แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรไปมากกว่าการบอกน้องสาวให้ทราบถึงการมาของเพื่อนตนเอง“บ้านเขาไม่มีข้าวกินหรือยังไงคะถึงต้องมากินบ้านเรา” ไมร่าบ่นอุบอิบไม่กล้าสบตาพี่ชาย “เราเป็นเจ้าของบ้าน อย่าแสดงอาการแบบนี้ต่อหน้าแขกนะไมร่า” เมสันปรามน้องสาว“ไมร่ารู้ค่ะไม่ได้พูดให้เขาได้ยินสักหน่อย”“แล้วเรื่องเรียนของเราจัดการเรียบร้อยหรือยัง” เมสันเปลี่ยนเรื่องคุย“เรียบร้อยค่ะไม่ต้องห่วง ว่าแต่ทำไมพี่เมสันถึงพาเพื่อนไมร่าไปอยู่ที่บริษัทตั้งครึ่งค่อนวัน ปกติไม่ชอบให้ผู้หญิงไปวุ่นวายที่ทำงานไม่ใช่เหรอคะ” คำถามและท่าทางเหมือนแปลกใจของน้องสาวทำให้เมสันต้องเหลือบมองไปทางไพลินที่กำลังมองมาทางเขาเช่นกันก่อนจะตอบน้องสาวสั้น ๆ“มีงานด่วนที่ต้องให้เจเดนทำ”“แบบนี้นี่เอง นึกว่าเพื่อนไมร่าได้รับสิทธิ์พิเศษเสียอีกที่ได้ย่างกรายไ
เมื่อวันแรกของการเปิดภาคเรียนมาถึงไพลินรู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่อยากทานอาหารมื้อเช้าเลยสักนิด เพราะกังวลเกี่ยวกับสังคมใหม่ที่เธอกำลังจะเจอถึงแม้จะศึกษาวัฒนธรรมและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมที่นี่มาจากไมร่าบ้างแล้วแต่พอจะต้องฉายเดี่ยวเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นออกจะค่อนไปทางกลัวเสียด้วยซ้ำ“ลิน…เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้ากังวลจัง” ไมร่าที่สังเกตเห็นความผิดปกติจากสีหน้าของเพื่อนสาวถามขึ้นมา“ลินแค่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้ไปเรียนวันแรกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกเดี๋ยวพอเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่และเพื่อนร่วมคลาสก็จะชินเอง มีอะไรโทรหาไมร่าได้เลยนะ”“ขอบใจนะไมร่า” เสียงเบาเอ่ยขอบคุณยิ้ม ๆ แม้จะอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยหากมีอะไรก็ยังมีไมร่าให้นึกถึงแต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี ไพลินคิดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมสันเดินเข้ามาในห้องอาหารและเห็นท่าทางคล้ายหนักใจของเธอ“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาที่มุ่งตรงมายังเธอทำให้ไพลินรู้ว่าคนที่ต้องตอบคำถามเขาไม่ใช่ไมร่าแต่เป็นเธอต่างหาก“เอ่อ…เปล่าค่ะ” เมสันหรี่ตามองรู้ดีว่าเธอปดเขา“ฉันไม่ชอบคนโกหก”“คือลินเขาตื่นเต้นน่ะค่ะที่ต
เมสันยอมปล่อยไพลินให้ลงจากรถหลังเธอเริ่มคลายความตื่นกลัวจากการกระทำของเขาเพราะคิดว่าไม่ควรรุกเธอไปมากกว่านี้ เขาอยากให้เธอได้เรียนรู้เขาในหลาย ๆ มุมเหมือนกับที่เขาอยากจะลองค้นหาเธอเช่นกัน ชายหนุ่มยอมรับว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้ถูกใจเขาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเป็นสาววัยแรกแย้มหรือเป็นเพราะใบหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัวและท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวของเธอที่เขาไม่เคยเจอจากผู้หญิงอื่นกันแน่ ที่ทำให้คนอย่างเขาอยากค้นหาหากจะเทียบกับคู่ควงของเขาที่ผ่านมาแล้วไพลินคือผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดที่เขาคิดอยากสานสัมพันธ์ เมสันมีกฎว่าเขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงวัยแตกเนื้อสาวหมาด ๆ หรือสาววัยมหาลัยเพราะรู้สึกว่าเป็นวัยที่ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเข้าใจในความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดแต่เมื่อเจอกับเพื่อนของน้องสาวที่มาจากประเทศไทยคนนี้กลับทำให้เขาอยากลองแหกกฎที่รักษามานานโดยยังไม่ได้คิดว่าความสัมพันธ์จะสั้นหรือยาวแค่ไหน เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกถูกชะตาและถูกใจอยากจะเอามาไว้ใกล้ตัวแบบไม่ให้ห่างตาก็เท่านั้น สิ่งเดียวที่มั่นใจตอนนี้ก็คือผู้หญิงคนนี้คือข้อยกเว้นทุกกฎที่เขาเคยมีหลังจากรถที่บ้านเดวาลอฟเคลื่อนตัวห่าง
เจเดนไปรับไพลินมาหาเมสันที่บริษัท ความรู้สึกประหม่ากลับมาอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงบริษัทของเมสัน เรื่องราวเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าเริ่มกลับมาทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอีกรอบระหว่างที่เดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ ขาทั้งสองข้างของไพลินสั่นจนแทบก้าวไม่ออกแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าห้องทำงานของคนที่เป็นเจ้าของบริษัทและเจ้าของตึกสไตล์โมเดริ์นที่สูงตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงวอชิงตัน“เชิญคุณไพลินด้านในเลยครับ” ดีแลนพูดพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ไพลินมองเจเดนคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินนำเธอเข้าไปด้านในเหมือนครั้งก่อนแต่เจเดนที่ยืนหันข้างให้เธอกลับถอยหลังเหมือนเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปคนเดียว“ให้หนูเข้าไปคนเดียวเหรอคะ?” ท่าทีไม่มั่นใจมองหน้าเลขาของเมสันและผู้ช่วยของเขา“ครับ คุณเมสันบอกให้คุณไพลินเข้าไปหาถ้ามาถึงครับ” ดีแลนและเจเดนแอบมองหน้ากันด้วยสงสารหญิงสาวที่สีหน้าดูกังวลเมื่อต้องเข้าไปหาเจ้านายพวกตนคนเดียวระหว่างที่ไพลินกำลังยืนทำใจอยู่นั้นประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาจากด้านใน ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกำลังมองเอกสารบางอย่างในมือที่ถือออกมาให้ดีแลน แต่จั
“พอดีเป็นเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักวันนี้ ในคลาสก็มีการแลกเบอร์กันเผื่อว่าต้องติดต่อกันเรื่องเรียน ลินก็เลยแลกกับเพื่อน ๆ ไปหลายคน ขอโทษนะคะถ้าหากว่าทำให้คุณไม่พอใจ” “พึ่งไปเรียนวันแรกฉันนึกไม่ออกว่ามีเรื่องเรียนที่สำคัญอะไรที่ต้องโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาส” หญิงสาวไม่ตอบ เพราะก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ไรอันโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาสอย่างที่เมสันว่าไพลินรู้สึกว่าเค้กตรงหน้าที่ดูจะอร่อยในตอนแรกกร่อยไปทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ชิมเพราะอารมณ์ของผู้อุปถัมภ์ที่ตึงจนเธอรู้สึกได้เมสันไม่ได้โกรธหญิงสาวเพียงแต่เขาหงุดหงิดตัวเองที่กำลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลควบคุมอารมณ์ไม่ได้ยามเมื่อมีชายอื่นเข้ามาพัวพันในชีวิตไพลิน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะตีกรอบไม่ให้เธอคุยกับผู้ชายอื่นไพลินเรียนมหาลัยและมหาลัยก็ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงเรียน เธอยังต้องมีสังคม..เมสันเตือนตัวเองใจใน“ถ้าคุณไม่พอใจเดี๋ยวลินจะนั่งลบเบอร์ของเพื่อน ๆ ในวันนี้ออกให้หมดเหลือแต่เบอร์ของคุณกับไมร่าเหมือนเดิมค่ะ”“ไม่เป็นไร…เธอยังต้องมีสังคม ฉันเป็นแค่ผู้ให้ทุนเรียน ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ” เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามและบังคับให
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา