เด็กหญิงอ้อยอิ่งอยู่บนรถสองแถวนาน พยายามเดินให้ช้าที่สุด อิธานเลิกสนใจเธอแล้ว เพราะยายพลวงที่รออยู่หน้าประตูบ้านบอกว่า วันนี้คุณย่าอิสรีลงครัวเอง ท่านตำน้ำพริกปลาทูของโปรดหลาน เด็กหนุ่มจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็น
เกล้ากมลยังไม่กล้าเข้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นยักษ์ตัวใหญ่ รอตะปบเด็กที่ทำความผิดอย่างเธอ กระเป๋านักเรียนที่ถืออยู่รู้สึกหนักอึ้ง ด้วยไม่รู้จากน้ำหนักเค้กหรือบาปในจิตใจ
อิธานต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเธอแอบเอาเงินในครัวมาซื้อเค้ก แถมเขาไม่ชอบเธอ คงไม่พลาดที่จะเล่าให้คุณย่าฟัง แล้วเธอจะโดนทำโทษ
เกล้ากมลตัวสั่นเมื่อคิดว่าคุณย่าอิสรีต้องเรียกยายเกดมา ปรกติยายรักเธอ แต่เวลาแกลงโทษจะตีด้วยไม้ขัดหม้อข้าว มันทั้งเจ็บทั้งทิ้งรอยใหญ่บนขา เธอเคยเจอมาแล้วตอนแอบไปเที่ยวงานวัดกับครอบครัวเพื่อนบ้าน
เธอไม่อยากโดนตี แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อหลักฐานก็ทนโท่อยู่ในกระเป๋านักเรียน...หลักฐาน ทันใดนั้นสมองเด็กอายุเจ็ดขวบก็สว่างวาบ ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำผิด
ตากลมเหลียวซ้ายแลขวา เวลานี้ตะวันโพล้เพล้ คนงานไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร มีเหลือคอยรับใช้ในบ้านใหญ่ไม่กี่คนและอยู่ในบ้านกันหมด
เกล้ากมลเปิดกระเป๋านักเรียน หยิบกล่องเค้กยัดใส่พุ่มดอกเข็มที่ตัดเป็นทรงสี่เหลี่ยมยาวในสวน ยัดมันลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่แรงจะมี ...ต้องไม่มีใครเห็น ต้องไม่มีใครรู้
“เกล้า”
ร่างในชุดนักเรียนสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นดูบนชาน ยายพลวงยืนอยู่ตรงนั้น
“รีบได้แล้ว มาอาบน้ำกินข้าว อย่าปล่อยให้คุณท่านรอ”
ผู้สูงวัยบอกเสียงเรียบ แล้วรีบกลับเข้าบ้าน เธอถอนหายใจยาว ท่าทางอย่างนี้แสดงว่าไม่เห็นของที่ยัดในพุ่มดอกเข็ม เกล้ากมลตรวจดูอีกครั้งว่ามันเร้นจากสายตาผู้คนแล้ว เธอจึงค่อยขึ้นเรือนไป
แต่พิรุธในเด็กเจ็ดขวบเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่อิธานจะสังเกตเห็น ด้วยสาวน้อยเงียบจนเกินไปบนโต๊ะกินข้าว ปรกติเธอจะเล่าเจื้อยแจ้วเรื่องโรงเรียน ห้องสมุด หมาแมว ในไร่ ล้วนแต่เรียกรอยยิ้มจากคุณย่าบ่อยนัก
“กินทิ้งกินขว้าง ไม่ดีนะรู้ไหม”
เขาเอ็ดเมื่อเห็นเธอเขี่ยผักไว้ขอบจาน มื้อเย็นวันนี้มีแกงเทโพหมูสามชั้น น้ำพริกปลาทู ไข่เจียว ผัดกุ๊ยช่ายขาว
“กับข้าวเผ็ดไปเหรอเกล้า”
แกงเทโพสีส้มน่ากิน ยายพลวงมีรสมือในการทำอาหารหนักเครื่อง คงเผ็ดร้อนเกินไปกับปากเด็ก
“เปล่าค่ะ ที่เกล้าไม่กินเพราะมันขมผิวมะกรูด”
ตาโตไม่มองอิธาน แต่ตอบผู้สูงวัยแทน
“ถึงยายเกดจะสอนว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา แต่เกล้าไม่ชอบของขม ๆ”
“เรื่องมากจริงเธอ”
“อิธอย่าว่าน้องสิ” หลานชายตัวจริงยิ่งหน้าบึ้ง “งั้นก็กินไข่เจียวไปนะ”
เขาไม่พอใจ แต่อิธานไม่ใช่พวกหนีตะบึงตะบอน จะนั่งคอยกัด เป็นก้างขวางคออยู่อย่างนี้แหละ
คุณย่าอิสรีส่ายศีรษะกับหลานชายและหลานสาว ท่านอยากให้ทั้งสองสนิทกัน เหมือนคู่สนานกับวรดา บ้านใหญ่หลังนี้ที่แห้งแล้งเสียงหัวเราะจะได้แจ่มใสขึ้นบ้าง
แต่เปล่าเลย ผลที่ได้กลับตรงข้าม ทว่าท่านต้องไปปรึกษาเรื่องการเลี้ยงเด็กกับยายพลวงและนายไสวสามีเสียแล้ว
เสร็จจากมื้อค่ำ เกล้ากมลก็เอาการบ้านมาทำในห้องนั่งเล่น พร้อมดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคุณย่าอิสรีไปด้วย เธอค่อยโล่งใจหน่อยที่ไม่มีสายตาจ้องจับผิดจากอิธาน
พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า รีบเอาขนมในพุ่มไม้ไปทิ้งในถังขยะโรงอาหาร แค่นี้ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอแอบซื้อมันมา
เด็กหญิงตัวน้อยวางแผนที่คิดว่าฉลาดที่สุดเท่าที่เด็กอายุเจ็ดขวบจะมีได้ คืนนั้นเธอหลับไปพร้อมรอยยิ้มกริ่ม จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย เกล้ากมลฝันเห็นยายเกดถือไม้ขัดหม้อชี้หน้าเธอ
“เอ็งริจะเป็นขโมยเรอะ”
ผู้เป็นยายเสียงเกรี้ยวกราด หน้าถมึงทึง ข้างกันเป็นคุณย่าอิสรีที่คิ้วตก มองเธอด้วยสายตาตำหนิ
“เกล้า...”
ในฝันเธออึกอัก ทันใดนั้น ก็มีก้อนขนมเค้กตกเผละมากลางวง มันขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเบียดกลืนร่างเธอ ครีมสีขาวไหลเข้าปากและมีรสขม เหมือนยาสมุนไพรที่ยายเกดเคยต้มให้กินยามป่วยไข้
ในฝันเด็กน้อยดิ้นหนีสุดแรง แต่เจ้าเค้กยักษ์มีแต่จะยิ่งกลืนเธอเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับมัน ทั้งยังได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ ๆ น่าจะเป็นกระดูกที่แตกหัก ในฝันเธอไม่รู้สึกเจ็บ แต่ใจเต้นแรง เหงื่อท่วม จนต้องทะลึ่งกายขึ้นกลางดึก
เกล้ากมลกำลังจะโดนเจ้าเค้กร้ายนั้นลงโทษ ความหวานน่ากินกลับเป็นอสุรกายเสียแล้ว สองเท้าเล็กลงจากเตียงไปเปิดม่านดูพุ่มดอกเข็ม เธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้ความฝันเป็นความจริง ไม่อาจรอจนถึงเช้าได้
สาวน้อยวัยเจ็ดขวบข่มความกลัว แอบย่องลงมาจากห้องตน เปิดประตูหน้าบ้าน มองซ้ายมองขวาดูว่าไม่มีคน รีบวิ่งไปยังพุ่มไม้ สอดมือไขว่คว้าหากล่องเค้ก ต้องทำลายมันเสียในคืนนี้!
เกล้ากมลและอิธานได้ลูกสาว เด็กหญิงกาญน์เกล้า หรือน้องเอิร์ธ เป็นหนูน้อยลูกเสี้ยวที่สดใส เธอได้จมูกโด่งมาจากผู้เป็นพ่อ และตาโตใสแจ๋วมาจากผู้เป็นแม่ กินรีซื้อทองรับขวัญหลานหลายสิบบาท นางญาติดีกับอิธานหลังจากรู้ว่าให้เงินสิบล้านเป็นสินสอด“ขอโทษที่ช้าไปหน่อยครับคุณแม่”เงินทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นหน่อย แต่ก็ฝากคืนในบัญชีส่วนตัวของเกล้ากมล ผู้เป็นแม่แค่กลัวอิธานจะไม่รัก ทิ้งขว้างลูกสาวเหมือนครั้งหนึ่งที่นางเคยเจอ เมื่อได้เห็นความจริงใจของเขาเป็นเงินนางก็เบาใจลงบ้างอิธานไม่ให้เกล้ากมลทำงานเลย เขาให้เธอเลี้ยงลูกอย่างเดียว แล้วตั้งวรดาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านขายของฝาก แต่กระนั้นหากมีเวลาว่าง เกล้ากมลก็หอบหนูน้อยไปเยี่ยมทุกคนที่ร้านเสมอ ชนันธรกับกรวีคลอดลูกชายที่อเมริกาก่อนลูกสาวเธอไม่กี่สัปดาห์ และพูดเล่น ๆ ว่าอยากให้ลูก ๆ ดองกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนหวงลูกสาวอย่างอิธานคุณพ่อหลงหนูน้อยขนาดหนัก ยอมลงทุนโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลาทุกวัน หลังจากเอาหน้าไปถูแล้วแก้มลูกสาวเป็นปื้นแดงเพราะรอยหนวดกาญจน์เกล้าก็ติดพ่อ ตอนเช้าส่งเสียงปลุก ให้พ่อป้อนอาหารเช้า โบกมือหย็อย ๆ ส่งจูบให้อิธานตอนไปทำงาน เย็นก็ต้
“คุณอิธออกไปเกล้าอึดอัด”ถัดจากให้ดอกไม้ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็มานอนรัดเธอเป็นงูเหลือมอยู่บนเตียง“เตียงออกจะกว้าง”อ้อมแขนมีแต่จะยิ่งแน่น หญิงสาวกำลังคิดหาวิธีไล่เขาออกไป แต่ก็ยังคิดไม่ออก“ท้องเกล้าเริ่มใหญ่ ตัวคุณก็โต นอนเบียดกันบนเตียงยิ่งอึดอัด มันไม่ดีต่อลูกนะคะ เดี๋ยวแกไม่โต”เกล้ากมลเอาคนในท้องมาอ้าง เล่นเอาอ้อมแขนที่รัดรอบอยู่ชะงัก เขาเงยศีรษะขึ้น สำรวจหน้าท้องภรรยา“ท้องเธอยังไม่โตขนาดนั้นสักหน่อย”“แต่เกล้าอึดอัดค่ะ ดิ้นไปดิ้นมาลำบาก”ยิ่งเขาขมวดคิ้วกังวลแสดงว่าข้ออ้างเธอได้ผล“พรุ่งนี้จะให้คนหาเตียงไซซ์พิเศษมาให้”“งั้นคืนนี้ คุณอิธให้เกล้านอนคนเดียวนะคะ ลูกจะได้ไม่อึดอัด”“ไม่ได้ ๆ” ดวงตาคมเปล่งแสงไม่ยอมตามที่พูด “เกิดเธอปวดท้อง หรือเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”“เกล้าท้องแค่สามเดือนเองนะคะ” คุณแม่ท้องสาวทำแก้มป่อง บ่นในใจว่าเขาจะห่วงอะไรหนักหนา“จะกี่เดือนฉันก็ไม่ไว้ใจ”“ถ้าคุณอิธห่วง เกล้าไปนอนกับคุณย่าก็ได้”“อย่านะ!”เขาร้อง ถ้าทำเช่นนั้นต้องตอบคำถามคุณย่านานแน่ แถมด้วยมีสายตาทิ่มแทงจากยายพลวงเป็นของแถม“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ”เกล้ากมลกอดอก รู้สึกตนกำลังเป็นต่อ“ฉันจะนอนพื้น
เกล้ากมลอาศัยจังวะที่อีกฝ่ายอึ้งระบายความในใจต่อ“คุณย่าให้เราแต่งงานกันเพราะความเข้าใจผิด”“แต่เรามีลูกด้วยกัน” เขาพยายามย้ำ“เก๊าะ...ก็คืนนั้นเกล้าปล้ำคุณ”ไม่รู้ใครปล้ำใคร แต่เธอถือว่าตัวเองเป็นคนทำ ยังสบายใจเสียกว่า“มันจะไม่สำเร็จถ้าฉันไม่ใช่ความร่วมมือ เราทำกันทั้งสองคน”ผู้สมรู้ร่วมคิดรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน“แล้วคุณอิธจะเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟังแบบไหนล่ะ”ทำนบที่กลั้นสิ่งค้างคาใจกำลังแตกออก เกล้ากมลพรั่งพรูถ้อยคำที่อยากถาม“เพราะมันไม่มีการจีบ ไม่มีการบอกรัก ไม่มีของขวัญ ไม่มีอะไรเลย ยอมรับเถอะค่ะ คุณอิธไม่ได้รักเกล้า แล้วจะทนอยู่อย่างนี้ไปทำไม”“เธออย่ามาพูดเหมือนรู้ดีเลยเกล้า”ในดวงตาสีน้ำตาลนั้น หาได้หวั่นไหวกับคำถามเธอไม่“เกล้าพูดอย่างที่ตาเห็นค่ะ แค่นี้นะคะ วันนี้เหนื่อยแล้ว เกล้าอยากพักผ่อน”เกล้ากมลกลับเข้าห้อง ล็อกมันเสียจากเขา ทิ้งตัวลงนอน...แล้วน้ำตาก็ไหล พูดไปเสียตั้งมากมาย คำว่ารักที่ได้กลับไม่มีหลุดจากปากเขาหากให้คะแนนผู้ชายยอดแย่ ตอนนี้เธอให้กรวีกับอิธานคะแนนเท่ากัน พวกชอบทำร้ายจิตใจผู้หญิง หากคิดพินิจสักนิด หากไตร่ตรองเสียหน่อย แค่คำว่ารักสั้น ๆ คำเดียวก็ท
เป็นรุ่งเช้าที่เกล้ากมลตื่นมาเพียงลำพังในห้องนอน แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าตามความเคยชิน ก็พบว่าเสื้อทุกตัวของเธอจากบ้านมารดามาอยู่ที่นี่แล้ว บนโต๊ะเครื่องแป้งมีถุงยาและสมุดฝากครรภ์จากคลินิกวันดี อิธานเอามันมาได้อย่างไร!อาการโมโหของเธอยังไม่ได้คำตอบ พอดีกับชายหนุ่มในสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินออกมาจากห้องน้ำ“นอนต่ออีกไหม เดี๋ยวสักเจ็ดโมงฉันจะปลุก”เขาหอมหน้าผากมนของภรรยาที่กำลังตะลึงอยู่“คุณอิธไปเอาของเกล้ามาได้ยังไง”“ก็ให้คนไปเอาที่กรุงเทพ ไม่รู้เธอจะใช้ชิ้นไหนบ้าง เลยเอามาหมด”โดยมีสนานกับคนงานอีกสองคน ติดตามกึ่งขู่ คนขับรถกินรีจนไปถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ“บ้าไปแล้วหรือยังไง”“ก็ฉันบอกแล้วว่าให้เธออยู่นี่” เขาไปเปิดอีกตู้หนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“วันนี้เรามีแขกด้วยนะ ซันมันมา”เกล้ากมลเลิกคิ้ว“พี่ซันมาทำไมคะ”อิธานไม่ชอบตงิด ๆ ที่เธอเรียกคู่แข่งตัวฉกาจของเขาแบบนั้น“มารับเมียมันกลับ”ใจเกล้ากมลหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“พาฉันไปหาพี่ลูกน้ำทีค่ะ คุณอิธนะคุณอิธ ทำให้เรื่องยุ่งเข้าไปอีกทำไม”ภาพในหัวเธอคือชนันธรโดนกรวีทำร้าย ร้องไห้น้ำตานอง แต่ที่ไปเห็นจริง ๆ คือกรกวีโ
“มานี่เลยนะเกล้า”ไม่ยากนักที่ชายหนุ่มจะดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วคว้าแขนกึ่งลากเธอไปยังห้องหอของทั้งสอง“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว พรุ่งนี้เกล้าจะไปหย่าให้ ลูกนี่เกล้าก็จะดูแลเอง ไม่ให้ใช้นามสกุลคุณ เกล้าจะไม่เอาอะไรไปสักบาท”เกล้ากมลบอกพลางหอบ เพราะต้องต้านแรงเขาที่ลากเธอไปยังห้องหอได้สำเร็จ“คุณไปมีลูกใหม่กับคนอื่นเถอะ พี่ลูกน้ำนั่นไง”“นั่นเมียคนอื่น ฉันมีเมียเดียวคือเธอ”สมองเกล้ากมลต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้เต้นแรงเกินไป บอกว่าไม่ให้เชื่อคำพูดเขา“ไม่ต้องไปเฝ้าคุณย่า นอนให้ห้องนี้กับฉัน” เขากดเธอนั่งลงบนเตียง“เกล้าจะหย่า” หญิงสาวบอกเสียงหอบ หน้าแดงจัด“ฉันไม่ยอมให้หย่า”“ลูกเกิดจากความไม่ตั้งใจของเราทั้งคู่นะ”เธอเตือน หวังว่าเขาจะนึกได้บ้างว่าหลังจากคืนนั้นเขาทำตัวเย็นชากับเธอขนาดไหน“ไม่ว่าลูกจะเกิดจากอะไร ฉันยินดีต้อนรับแก”เขายิ้มกว้าง มือใหญ่หยาบกร้านลูบหน้าท้องเธอไปทั่ว“คุณอิธเป็นผู้ชายที่แย่มาก พอรู้ว่ามีลูกกับเกล้าก็จะทิ้งพี่ลูกน้ำเลยเหรอคะ”“ฉันกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกันแล้ว เธอนั่นแหละไปอยู่บ้านแม่ทำไม”หน้าท้องเธออุ่นและเรียบเนียน ส่วนไหนหนอที่เป็นที่อยู่ของเจ้
“คุณท่านไม่สบาย”วรดาส่งข่าวมาในเช้าวันศุกร์หลังกินรีเดินทางไปอเมริกาหนึ่งอาทิตย์“โรคคนแก่ ตั้งแต่เกล้าไปอยู่กรุงเทพ ท่านก็ดูซึม ๆ มาเยี่ยมท่านไหม”ยายพลวงทำปากพะงาบ ๆ บอกบทลูกสาว จนเกล้ากมลบอกว่าจะมาเยี่ยมนั่นแหละนางจึงยิ้มได้“แล้วคุณท่านจะยอมเล่นเป็นคนป่วยเหรอแม่”หลังจบสายเพื่อน วรดาก็ถามผู้เป็นแม่เสียงอ่อย“ยอมสิวะ ท่านก็คิดถึงเกล้าจะตาย”ยายพลวงกำลังวางแผนให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน เมื่อเจ้านายถือทิฐิกันนัก คนรับใช้อย่างนางนี่แหละจะจัดการทุกอย่างเอง เพื่อให้ไร่สมบูรณ์ดีกลับมาสุขสงบเหมือนเคยเกล้ากมลมาด้วยการนั่งรถยุโรปคันโต เธอผิวขาวนวลขึ้น ใบหน้าผุดผาด วรดาถึงกับห่อปากเพราะเพื่อนดูสวยแม้แต่งหน้าเพียงบางเบา“รัศมีคุณหนูจับมากเลยเกล้า สวยจริง”เธอเลือกใส่ชุดแซกทรงตรง เพื่อพรางรูปร่างที่กำลังขยาย“คุณย่าล่ะ”วรดาพาหญิงสาวไปพบผู้สูงวัยซึ่งนอนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนอน ยายพลวงต้องรีบสะกิดให้ท่านทำตัวโศกเมื่อเกล้ากมลเข้ามา คุณย่าอิสรีดูผอมลง ผมขาวมีแซมบนศีรษะมากขึ้น หญิงก้มลงกราบที่หน้าอก ท่านเอามือเหี่ยวย่นลูบศีรษะคนที่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย“เกล้าสบายดีไหม”“สบายดีค่ะ คุณย่าล่ะคะ”“สุ