LOGINตอนที่4
เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท
“ขนของอะไรเยอะเลย”
ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ
“หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ”
ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง
“เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก”
บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน
“ได้ค่ะคุณแม่ ไว้วันหลัง หนูจะให้คุณแม่ช่วยอ่านต้นฉบับก่อนลงขายด้วยค่ะ”
ความจริงแล้ว หนูนาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือหรอก แต่หญิงสาวแค่อยากให้แม่สามีไม่เหงาก็แค่นั้นเอง
“ต้องให้พี่เอาออกจากลังด้วยไหม”
ภูษิตเดินตามมาถาม หลังจากที่แม่บ้านและคนสวนช่วยกันยกลังขึ้นไปไว้บนห้องนอนหมดแล้ว
“ไม่ต้องค่ะ เอาไว้ไปจัดที่บ้านใหม่ทีเดียวเลย”
“ได้ครับเจ้านาย”
ชายหนุ่มโค้งตัว เหมือนเป็นการแสดงความเคารพเจ้านายจนหนูนาอดหมั่นไส้ไม่ได้
“คนมีความผิดมักจะทำตัวดีใช่ไหมคะ โดยเฉพาะพวกที่กำลังปกปิดอะไร ยิ่งต้องดีเป็นพิเศษ”
หญิงสาวหันมามองหน้าสามี ด้วยรอยยิ้มที่ดูเหี้ยมโหด จนภูษิตต้องแกล้งยิ้มตอบ เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
“หนูนาขอตัว ไปเขียนนิยายก่อนนะคะ วันนี้ยังไม่ได้สักหน้าเลย คืนนี้ไม่อยากนอนดึก”
ทุกครั้งที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หรือโมโหอะไรมา การเขียนนิยายจะช่วยให้หนูนารู้สึกสบายใจและใจเย็นลง
“มีอะไรหรือเปล่าภู แม่ว่าหนูนาเขาดูไม่เหมือนตอนออกไปจากบ้านเมื่อเช้านะ”
คนเป็นผู้ใหญ่ ย่อมสังเกตได้ เพราะไม่ใช่แค่หนูนาที่แปลกลูกชายของเขาก็ดูแปลกเหมือนกัน
“เมื่อตอนอยู่ที่บ้านนู้นเมย์โทรมา แล้วหนูนาก็คงสงสัยครับแม่”
เมื่อไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร การบอกมารดาอาจจะทำให้แม่ของเขาช่วยแก้ปัญหาได้
“เมย์เขายังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่าเขาต้องยุติความสัมพันธ์กับลูก เพราะตอนนี้ลูกแต่งงานแล้ว”
“ผมว่าเมย์เขาคงมีธุระอะไรมากกว่าถึงได้โทรมา เพราะปกติตั้งแต่คบกันมาน้อยครั้งมากที่เขาจะเป็นฝ่ายโทรหาผม”
เมย์กับภูษิตคบกันมานาน นานจนทุกคนต่างก็คิดว่าทั้งคู่จะได้แต่งงานกัน แต่คนที่ไม่ยอมแต่งคือเมย์ เพราะเธอนอกใจภูอยู่เสมอๆ เวลาเจอผู้ชายที่ดีกว่า พอผิดหวังก็กลับมา เพียงแต่คนที่ไม่สนิทจะไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ จึงคิดแค่เพียงว่าทั้งคู่รักกันและน่าจะได้แต่งงานกัน
“ที่โทรมา ก็คงมีธุระ และธุระก็คือต้องการเอาลูกคืนมากกว่าแม่ว่า”
ภาวิณีเคยรู้สึกดีกับแฟนเก่าลูกชายมาก่อน แต่ความรู้สึกดี ๆมาจบลง วันที่ภูษิตป่วยหนักเข้าโรงพยายบาล แต่พ่อเลี้ยงชนินทร์กลับไปเจอเธอมากับลูกชายนักธุรกิจนำเข้ารถหรู และทำท่าทางสนิทสนมไม่สนใจสายตาของพ่อเลี้ยงชนินทร์ที่เป็นพ่อของคนรักเธอเลย
“แม่อย่ามองเมย์เขาในแง่ร้ายแบบนั้นสิครับ” ภูษิตยังคงมองอดีตแฟนสาวในแง่ดี
“ก่อนที่จะมองในแง่ร้าย แม่ก็เคยมองแต่แง่ดีมาก่อน แม่หวังว่าวิชาเกษตรที่ลูกไปเรียน มันจะทำให้ลูกฉลาดขึ้น และรู้ว่าอะไรคือหญ้า อะไรคือข้าว ถ้ายังจะหันหลังกลับไปกินหญ้าแม่ก็คงไม่ยุ่งกับชีวิตลูกอีกแล้ว”
ภูษิตมองตามหลังมารดาที่ลุกไปด้วยความโมโห ครั้งนี้แม่ของเขาด่าได้เจ็บลึกจริง ๆ แต่ภูษิตเองเขาก็รู้ตัวว่าเขาเลือกกินข้าวอยู่แล้ว หนูนาเป็นภรรยาเขา เขาได้เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตเธอ แต่สำหรับเมย์ ภูษิตไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นลำดับที่เท่าไหร่แล้ว
ความเป็นแฟนจบลงแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนยังคงตัดกันไม่ขาด ชายหนุ่มจึงเดินออกไปโทรศัพท์หาอดีตแฟนเก่าที่สวนข้างบ้าน โดยที่ลืมไป ว่าด้านบนมันคือห้องนอนของเขา ที่ตอนนี้หนูนากำลังนั่งเขียนนิยายอยู่
“เมย์คุณโทรมามีอะไร”
ภูษิตพยายารักษาความห่างไม่ใช้คำพูดแสดงความใกล้ชิดเหมือนก่อนหน้านี้
“ทำไมภูพูดเหมือน เมย์เป็นคนอื่นเลยคะ” ปลายสายออดอ้อน
“เมย์ยังเป็นเพื่อนผมเสมอ ว่าแต่ที่โทรมามีเรื่องอะไร”
ภาษิตย้ำคำว่าเพื่อน เพราะอยากให้หญิงสาวในสาย รู้ว่าเขากับเธอตอนนี้อยู่ในสถานะไหน จะได้ไม่มีการล้ำเส้นเกิดขึ้น
“ไม่ต้องย้ำหรอกค่ะ เมย์รู้ว่าตอนนี้เมย์เป็นได้แค่ไหน และที่เมย์โทรหาคุณ ก็เพราะว่าเมย์ไม่สบาย นอนอยู่โรงพยาบาลเลยอยากให้ภูมาเยี่ยมเมย์บ้าง”
“ได้ครับ ไว้ผมจะชวนภรรยาไปเยี่ยมนะ ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อน ภรรยาผมคงรู้สึกไม่สบายใจถ้าผมมาคุยโทรศัพท์นาน ๆแบบนี้”
ภูษิตยิ่งได้ฟังสิ่งที่อดีตคนรักพูด เธอยังสำนึกไม่ได้อีกเหรอ ว่าสาเหตุที่ทำให้เขากับเธอต้องเลิกกัน เพราะเธอทิ้งให้เขาต้องนอนป่วยอยู่โรงพยายาบาล ส่วนตัวเธอยังมีหน้าไปกับผู้ชายคนอื่น โดยที่ไม่สนใจเลยด้วยว่าพ่อของเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และวันนี้ยังมาขอร้องให้เขาไปเยี่ยมอีก
เมย์เธอเป็นสาวสวยลูกสาวท่านทูต แต่พอพ่อของเธอเสียชีวิตลงการเงินทางบ้านก็ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่ได้ถือว่าลำบากอะไร แต่ด้วยความหัวสูง ใช้เงินฟุ่มเฟือยและภูษิตก็ไม่สามารถให้เธอได้ทุกอย่าง เพราะพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่ใช่คนตามใจลูก เธอจึงต้องหันไปหาชายอื่นอยู่บ่อยครั้ง จนครั้งสุดท้ายเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อเลี้ยง ภูษิตจึงโดนคำสั่งให้เลิกและแต่งงานกับคนที่บิดาหาให้คือหนูนาทันที
ภูษิตนั่งลงที่เก้าอี้กลางสวนดอกไม้ข้างบ้าน เขาหลับตาลงเพื่อคิดทบทวนทุกอย่าง เขาไม่แน่ใจว่าการที่เขาแต่งงานกับหนูนามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องไหม และหนูนาเองจะมีโอกาสที่จะรักเขาเหมือนที่เขารักเธอไหม เพราะสำรับภูษิตแล้วเขาจริงจังกับการมีครอบครัว เขาต้องการแต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียวและหวังจะสร้างครอบครัวให้มีความสุขที่สุด
เรือนหอที่สร้างใหม่หนูนาร่วมออกแบบด้วย แต่ชายหนุ่มไม่ยอมบอกเธอว่าอยู่ที่ไหน เพราะกลัวว่าความกันดารจะทำให้เธอไม่ยอมไปอยู่กับเขา
พ่อเลี้ยงชนินทร์โกรธและไม่พอใจที่ภูษิตไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องเกษตรเขาจึงยกที่ดินเกือบหนึ่งร้อยไร่ที่อยู่ติดภูเขาและแหล่งท่องเที่ยงเชิงธรรมชาติให้ ส่วนหุ้นในบริษัท บ้าน และเงินสดทั้งหมดยกให้กับสมิตาผู้เป็นลูกสาวคนเล็ก
การลงโทษของพ่อเลี้ยง ถือเป็นของขวัญชิ้นพิเศษเพราะถูกใจชายลูกชายที่สุด ตอนนี้เขาก็ได้ปรับพื้นที่ ทำฟาร์มโคนมและกำลังจะขยายฟาร์มต่อ หลังจากบ้านสร้างเสร็จ
ภูษิตได้แต่หวังว่าหนูนาจะชอบไร่ของเขา เพราะด้วยอาชีพนักเขียนของเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมือง ถึงที่ไร่จะกันดารแต่ก็มีสัญญาณโทรศัพท์มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไม่มีอุปสรรคสำหรับการเป็นนักเขียนของภรรยา
ภาพของชายหนุ่มที่นอนหลับตาพิงพนักเก้าอี้ อยู่ที่กลางสวนอยู่ในสายตาของหนูนาตลอดเวลา หญิงสาวมองตอนแรกด้วยความโมโหแต่พอนานไป กลับยิ่งรู้สึกสงสาร
หนูนาคิดว่าตัวเองอาจเป็นส่วนหนึ่งของความไม่สบายใจของภูษิตก็ได้ แต่เธอก็ไม่รู้จะถามหรือช่วยเขาอย่างไรดี เพราะทั้งเธอและเขาต่างก็เคยรู้จักกันแค่ตอนเด็ก พอโตมาก็ไม่มีโอกาสได้สนิทกันเท่าไหร่ หญิงสาวจึงหวังแค่ว่า เขาคงตัดสินใจมาเล่าให้เธอฟังเอง ถ้าเขาเห็นว่าเธอคือภรรยา
การมาจากครอบครัวและการเลี้ยงดูที่ต่างกัน ทำให้ทั้งคู่มีความคิดที่ต่างกันด้วย สำหรับหนูนาแล้ว เธอคิดว่าเธอมีเหตุผลพอ ถ้าอีกฝ่ายยอมพูดความจริง แต่สำหรับภูษิตเขาถูกเลี้ยงมาอย่างขาดความเข้าใจจากบิดา เขาเลยคิดกลัวไปล่วงหน้าว่าภรรยาของเขาก็อาจจะไม่ต่างจากบิดาที่ไม่เคยเข้าใจในตัวเขาเลย
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







