LOGINตอนที่6
คนที่ถูกต้อง
“ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์”
หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม
“เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์”
ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา
“สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ
“เข้ามาเลยหนูนา”
ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่
“มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม่ได้ไป แม่เลยพาลูกสะใภ้มาให้หนูเมย์รู้จัก นี่หนูนานะจ๊ะ”
หญิงสาวในชุดคนป่วยได้แต่กำมือแน่น เธอทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักเก่ามาเยี่ยม ไม่ใช่เพื่อให้เขาเอาภรรยามาเปิดตัวแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณเมย์ พี่ภูพูดถึงพี่ให้ฟังอยู่ ว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
เมื่อรู้ตัวว่ากำลังได้เปรียบ หญิงสาวที่มาในฐานะภรรยาที่ถูกต้องก็เอ่ยปากทักทาย
“ใช่จ๊ะพี่กับภู สนิทกันมาก มากเสียจนรู้ว่ามีใฝที่ไหน ไว้ถ้าวันหลังอยากรู้อะไรเกี่ยวกับภูก็มาคุยกับพี่ได้นะ”
ถึงแม้จะป่วยอยู่แต่คนอย่างเมย์ลูกสาวท่านทูต มีเหรอจะยอมให้ถูกจัดการอยู่ฝ่ายเดียว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปกติพี่ภูก็บอกหนูนาทุกเรื่อง ขนาดเรื่องที่คุณพ่อไปเจอคุณตอนพี่ภูป่วย หนูนายังรู้เลยค่ะ เอาเป็นว่าพักผ่อนเยอะๆนะคะ จะได้หายไวๆ ”
หนูนาพูดจบก็เดินไปควงแขนสามี ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเตียงของคนป่วยที่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าที่แดงด้วยความโกรธ เพราะไม่สามารถทำอะไรได้
“หายไวๆนะครับเมย์ ”
ประโยคเดียวและสั้นมาก ที่ภูพูดกับอดีตคนรักเพราะขืนพูดมากกว่านี้ คนที่กำลังเกาะแขนเขาอยู่ คงต้องเอาเขาตายแน่ๆ
“หน้าดูไม่มีความสุขเลยนะคะ สงสัยจะโกรธหนูนาที่พูดแบบนั้นกับคุณเมย์....”
หญิงสาวลากเสียงประชด เพราะตั้งแต่เดินออกมาจากโรงพยาบาล เธอยังไม่ได้ยินสามีพูดสักคำเลย
“หาเรื่องอะไรพี่ มากับหนูนาคนสวยมีเหรอที่พี่จะไม่มีความสุข ใช่ไหมครับคุณแม่”
ภูษิตรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที ความจริงแล้ว เขาเห็นคนรักเก่าในสภาพใบหน้าไร้เครื่องสำอาง ถูกโยงด้วยสายน้ำเกลือ มันทำให้เขาคิดถึงวันที่เขาป่วย และเฝ้ารอว่าเธอจะมาเยี่ยมเขาแต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา
“หนูนาแม่ว่าเราไปดูของเข้าเรือนหอหนูกันดีกว่า นักเขียนคงต้องไปเลือกโต๊ะทำงานก่อนเลย จะได้เอาที่ถูกใจ”
ภาวิณีชวนลูกสะใภ้เปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้ทั้งคู่มาทะเลาะกันเพียงเพราะคนที่เป็นอดีตไปแล้ว
เรือนหอของทั้งคู่ปลูกสร้างด้วยเงินของภูษิตเกือบทั้งหมด อีกส่วนมาจากเงินมรดกของภาวิณีที่เธอได้รับมาจากพ่อแม่อีกที ที่ดินก็เป็นที่ดินที่ทั้งภาวิณีและพ่อเลี้ยงซื้อไว้ตั้งแต่ยังราคาถูกๆ จึงมีหลายไร่หมดเงินไปแค่ไม่กี่ล้านบาท
“อย่าว่าแต่หนูนาเลย แม่ก็ยังไม่เคยเห็นเรือนหอของลูกทั้งสอง เสร็จเมื่อไหร่เราคงได้เห็นพร้อมกัน”
ภาวิณีก็รู้น้อยกว่าหนูนาเสียอีก เพราะอย่างน้อยหญิงสาวก็เป็นคนเลือกแบบบ้าน เลือกสีห้องทำงานเอง แถมห้องน้ำทุกห้องในบ้านเธอก็เป็นคนออกแบบเองทั้งหมด
“หนูนาก็ได้ร่วมออกแบบบางอย่างค่ะ ไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นบ้านของพี่ภูคนเดียว”
ทั้งสามคนใช้เวลาในการเลือกซื้อของต่างๆเข้าบ้านเกือบครึ่งวัน กว่าจะเสร็จก็มืดแล้ว
“แน่ใจกันนะว่าบ้านพอที่จะใส่ตู้โต๊ะต่างๆ ที่ลูกซื้อกันไป แม่ล่ะเป็นห่วงจัง”
ภาวิณีมองรายการของที่ซื้อแล้วคิดขนาดบ้านไม่ออกเลย ว่าจะใหญ่ขนาดไหน
“คุณแม่ครับที่ซื้อวันนี้ มีแค่ของในห้องทำงานของผมกับหนูนาเพราะเราทำแยกกันสองห้อง และก็ของในห้องนอนเท่านั้นเองนะครับ ยังเหลือห้องครัวกับห้องรับแขกอีก รับรองผมหมดตัวแน่ๆ”
ชายหนุ่มตบประเป๋าเงินตัวเอง ทำท่าเหมือนมันแบนมากตอนนี้ หนูนาเห็นแล้วอดขำไม่ได้ เพราะเธอแทบจะเป็นคนเลือกทุกอย่างด้วยมือของเธอเอง
“เราหาอะไรกินข้างนอกกันเลยไหม เดี๋ยวแม่โทรบอกแม่บ้านว่าไม่ต้องเตรียมอาหาร”
ขณะที่ภาวิณีกำลังคุยโทรศัพท์กับแม่บ้านอยู่ ส่วนภูษิตก็กำลังดูโทรศัพท์เพื่อหาร้านที่จะไปกินมื้อเย็นกัน หนูนาก็หันไปเจอกับพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังเดินออกมาจากห้างพร้อมกับจูงมือเด็กผู้หญิงอายุไม่น่าจะเกินห้าขวบและข้างๆพ่อเลี้ยงก็มีผู้หญิงที่ดูแล้วอายุน่าจะแก่กว่าหนูนาไม่กี่ปี
เฮ้ย!
“ตกใจอะไรหนูนา”
ภาวิณีวางสายแล้ว จึงหันมาถามลูกสะใภ้เพราะได้ยินเสียงอุทาน และเห็นสีหน้าของหนูนาเหมือนกำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง
“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีเมื่อกี้หนูนาเห็นเหมือนคนจะโดนรถชน แต่เขาข้ามถนนไปได้แล้วค่ะ”
หญิงสาวตัดสินใจที่จะไม่บอกดีกว่า ว่าเธอเห็นอะไร เพราะหนูนาคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ ๆ ไว้คืนนี้เธอจะเล่าให้ภูษิตฟัง แล้วค่อยสืบหาความจริงก่อนที่จะบอกให้แม่สามีได้รู้
“คุณแม่ครับกินอาหารญี่ปุ่นกันไหม ใกล้ๆมีร้านดังอยู่ รีวิวว่ารสชาติใช้ได้ บริการดี”
ภูษิตและภาวิณีเวลามากินอาหารนอกบ้านทั้งคู่จะกินแต่อาหารต่างชาติ เพราะถ้าต้องกินอาหารไทยก็ไม่ต่างจากการกินที่บ้าน แม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่พ่อเลี้ยงจ้างมาทำได้ทุกอย่างและอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารดัง ๆเลย
“ก็ดีเหมือนกัน แค่คิดก็ได้กลิ่นวาซาบิแล้ว”
หนูนาได้แต่ฟังสองแม่ลูกคุยกัน เธอไม่ได้ออกความคิดเห็นใดๆ เพราะตอนนี้สมองของเธอกำลังคิดถึงแต่ภาพที่พ่อเลี้ยงชนินทร์เดินจูงมือเด็กผู้หญิงคนนั้น และไหนจะหญิงสาวที่เดินมาข้างๆอีก หนูนาได้แต่ภาวนาให้เรื่องราวอย่าได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลย เพราะแม่สามีของเธอเป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่เธอยังอยากเอาเป็นแบบอย่าง เธอกลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้ภาวิณีเสียใจ
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb