Share

บทที่ 4

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
บัดนี้ตำแหน่งฮองเฮาเว้นว่าง นอกจากจะต้องไปถวายพระพรไทเฮาที่ตำหนักบรรทมเดือนละครั้งแล้ว จะมีวันไหนบ้างที่เจียงหวนไม่ได้นอนตื่นสายจนตะวันโด่ง?

อ้อ ใช่แล้ว บางครั้งอวี๋ผินก็อยากจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เรียกนางไปคุกเข่ารับฟังคำสั่งสอนแต่เช้าตรู่ เวลาเข้าว่าราชการนั้นเช้ามาก วันนี้เจียงหวนจึงต้องตื่นเช้ายิ่งกว่าเดิม

ตอนที่ปลุกฮั่วหลิน สายตาของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ประทับอยู่บนแท่นบรรทมมังกร ชุดบรรทมหลุดลุ่ย พระพักตร์อันคมคายแฝงความอ่อนล้า มีความรู้สึกเฉยเมยราวกับผู้ที่มองเห็นทุกอย่างบนโลกได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

[ฮ่า ๆ ต้องไปออกว่าราชการทั้งที่ท้องว่างอีกแล้ว เหตุใดเรายังไม่ตายอีกนะ?]

ขณะที่เจียงหวนกำลังผูกชุดคลุมมังกรให้ ก็ได้ยินเสียงในใจที่แทบจะสิ้นหวังของเขาระเบิดออกมา ตามธรรมเนียมของฮ่องเต้ทุกราชวงศ์ จะเสวยพระกระยาหารเช้าหลังจากว่าราชการเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น

ตื่นนอนตอนตีสี่ กว่าจะได้ทานมื้อเช้าก็ปาเข้าไปแปดเก้าโมงแล้ว

แค่คิดเจียงหวนก็รู้สึกว่าน่าสมเพชยิ่งนัก นางฉวยโอกาสตอนที่ฮั่วหลินเพิ่งจะบ้วนพระโอษฐ์เสร็จ แอบหยิบขนมดอกซิ่งบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอกออกมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้สองสามชิ้นแล้วซ่อนไว้ในมือ

นี่เป็นของที่นางตั้งใจจะแอบนำกลับตำหนักไปกินเป็นของว่าง เพราะถึงอย่างไรของว่างในตำหนักหย่างซินก็ย่อมดีกว่าของในตำหนักของนางอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่เจียงหวนเห็นฮั่วหลินแอบเหลือบมองหลายครั้ง ทว่าติดที่หวังเต๋อกุ้ยยังคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ จึงไม่กล้าลงมือ

“ฝ่าบาท สร้อยประคำราชสำนักนี่ดูเหมือนจะเบี้ยวไปหน่อยนะเพคะ”

เจียงหวนขยับเข้าไปด้านข้าง บัดบังสายตาของหวังเต๋อกุ้ย แล้วแอบยัดผ้าเช็ดหน้าที่ห่อขนมดอกซิ่งไว้ในฝ่าพระหัตถ์ของฮั่วหลิน

“ว่าราชการยืดยาวนัก ฝ่าบาททรงจำไว้ว่าต้องถนอมพระวรกายด้วยนะเพคะ”

คำพูดของเจียงหวนประโยคนี้ดูไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เมื่อฮั่วหลินสัมผัสได้ถึงของว่างนุ่ม ๆ ในฝ่าพระหัตถ์ พระเนตรก็เบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

[นี่คืออะไร? คงไม่ใช่ขนมดอกซิ่งหรอกกระมัง? เจียงเสวี่ยนซื่อเจ้า...ช่างถูกใจเรายิ่งนัก!]

[พวกขุนนางนั่นพูดมากที่สุด ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขากำลังพล่ามเรื่องไร้สาระแอบกินสักสองคำ...เช้านี้ก็ไม่ต้องหิวจนขาอ่อนแล้ว!]

[ดีเหลือเกิน!]

น้ำเสียงที่พลันร่าเริงขึ้นของฮั่วหลิน ทำเอาเจียงหวนตกใจไปเหมือนกัน แค่ขนมดอกซิ่งไม่กี่ชิ้นก็ทำให้ฝ่าบาททรงดีพระทัยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เด็กคนนี้ต้องเคยถูกปล่อยให้หิวโหยขนาดไหนกันนะ?

“เลื่อนขั้นให้เจียงเสวี่ยนซื่อเป็นฉางไจ้ พระราชทานราชทินนามว่าจวง สั่งให้กรมวังฝ่ายในจัดของรางวัลส่งไปเพิ่มด้วย”

ทันทีที่เจียงหวนชักมือกลับมา ข่าวดีก็หล่นลงมาบนหัว แม้ว่าการได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางเสียทีเดียว แต่โชคดีที่ตำแหน่งฉางไจ้ก็ยังไม่นับว่าสูงมากนัก

ที่สำคัญคือมีของรางวัล! พอมีของรางวัล ชีวิตในวันข้างหน้าก็จะสุขสบายขึ้นแล้ว!

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

เจียงหวนดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ขณะที่คุกเข่าลงขอบพระทัย มุมปากก็ยกยิ้มไม่หยุด เมื่อฮั่วหลินเสด็จไปว่าราชการ เจียงหวนจ้องมองแผ่นหลังของเขา แล้วได้ยินเสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง

[ให้รางวัลไปแล้ว นางก็น่าจะรู้ตัวว่าต้องส่งของกินมาให้เราแล้วกระมัง?]

[หากไม่มีไหวพริบแม้แต่เรื่องแค่นี้ คืนนี้จะสั่งลดตำแหน่งนางกลับไปเหมือนเดิม]

เจียงหวนเบ้ปาก ในใจบ่นพึมพำว่าในหัวของฮ่องเต้พระองค์นี้มีแต่คำว่า “กิน” อยู่คำเดียว

“จวงฉางไจ้ ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านเป็นสนมคนแรกที่ฝ่าบาททรงเรียกปรนนิบัติเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

หวังเต๋อกุ้ยเป็นคนที่รู้จักวางตัว เมื่อเห็นว่าฮั่วหลินทอดพระเนตรเจียงหวนเป็นพิเศษ ถึงแม้พิธีแต่งตั้งจะยังไม่ทันจัด ก็รีบเปลี่ยนคำเรียกขานทันที แต่พอหันกลับไปมองจานเปล่าบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอก หวังเต๋อกุ้ยก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” ออกมาด้วยความสงสัย

“ขนมดอกซิ่งนี่เพิ่งจะยกเข้ามามิใช่หรือ เหตุใดจึงหมดแล้วเล่า?”

เจียงหวนเลียริมฝีปากอย่างกระอักกระอ่วน “อืม เมื่อครู่ข้าหิวเล็กน้อย ก็เลยหยิบมากินรองท้องเจ้าค่ะ”

แม้ว่าหวังเต๋อกุ้ยจะสงสัย แต่ก็เพียงยิ้มรับ

“จวงฉางไจ้เจริญอาหารดีจริง ๆ หากท่านชอบ บ่าวจะสั่งให้ห้องเครื่องส่งมาเพิ่มอีกหลาย ๆ จานเลย”

“เช่นนั้นก็รบกวนหวังกงกงแล้ว”

ตอนนี้แม้ว่านางจะยังไม่นับว่าเป็นสนมคนโปรด แต่อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว หัวหน้าขันทียังรีบเข้ามาประจบประแจง หากไม่รู้จักกาลเทศะ รอจนวันข้างหน้าฮั่วหลินหมดความสนใจในตัวนางแล้ว ก็คงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้อีก

ตอนขากลับตำหนักวันนี้ เจียงหวนได้นั่งเกี้ยวกลับมา ระหว่างทางที่ผ่านตำหนักอื่น ๆ สายตาแต่ละคู่ที่มองมานั้น ราวกับอยากจะถลกหนังนางออกมาทั้งเป็น

ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ แต่ข่าวที่เจียงหวนได้เลื่อนขั้นเป็นฉางไจ้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวังแล้ว เข้าวังมาสามปี คนพวกนั้นมองเจียงหวนเป็นคนที่อ่อนแอรังแกได้ง่ายมาตลอดสามปี กดขี่ข่มเหงมาตลอดสามปี

พวกนางแต่ละคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่ใครจะคิดว่าคนที่ได้ปีนขึ้นเตียงฮ่องเต้ในท้ายที่สุด กลับเป็นเจียงหวนที่พวกนางดูแคลนมากที่สุด!

เพียงแค่คืนเดียวก็ได้เลื่อนตำแหน่ง แถมยังมีราชทินนามอีกด้วย หากปล่อยให้นางได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทอีกสักสองสามครั้ง จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือ?

ณ ตำหนักจิ่นหวา

อวี๋ผินถูกเจียกุ้ยเฟยเรียกไปตำหนิตั้งแต่เช้าตรู่ เนื้อหาก็ไม่พ้นเรื่องที่นางปกครองคนในตำหนักไม่เข้มงวด ปล่อยให้แม้แต่สนมเสวี่ยนซื่อเล็ก ๆ กล้าไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทได้

ตอนนี้อวี๋ผินนั่งหน้าตาบึ้งตึงอยู่ในตำหนัก รอคอยเจียงหวนที่กลับมาจากการถวายตัว

เจียกุ้ยเฟยมีรับสั่งแล้ว ให้นาง “สั่งสอน” เจียงหวนให้ดี!

“ฉางไจ้สกุลเจียง ถวายพระพรอวี๋ผินเพคะ”

นี่เป็นการถวายตัวครั้งแรกของเจียงหวน ตามกฎแล้วเมื่อกลับมาถึงตำหนักต้องรีบมาคารวะนายหญิงของตำหนักทันที ตอนนี้เจียงหวนคุกเข่าอยู่บนพื้น เผชิญหน้ากับสายตาเหมือนจะฆ่าคนของอวี๋ผินแล้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

นางได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง อวี๋ผินคงไม่คิดจะเล่นงานนางอีกใช่หรือไม่?

“ดีจริง ๆ เจียงหวน ข้าไม่ทันได้สังเกตเลยว่า เจ้าจะมีมารยาจิ้งจอกยั่วยวนเช่นนี้ด้วย!”

เมื่อคืนนางกำลังลงโทษเจียงหวนอยู่ดี ๆ ฝ่าบาทก็มีรับสั่งเรียกตัวนางไปถวายตัว ความแค้นนี้ยังไม่ทันจางหาย ตอนเช้าก็มาถูกเจียกุ้ยเฟยตำหนิอีก

ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าต้องให้เจียงหวนเป็นผู้รับไป!

“อวี๋ผินกล่าวเกินไปแล้ว หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”

เจียงหวนก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นางรู้สึกว่าตำแหน่งที่ได้เลื่อนมานี้ มันเหมือนไม่ได้เลื่อนอย่างไรก็ไม่รู้

“ชุ่ยอิง ไปทำให้จวงฉางไจ้รู้สำนึกเสียบ้างว่า อะไรเรียกว่ากฎระเบียบ!”

อวี๋ผินกัดฟันสั่งการลงไป ก็เห็นชุ่ยอิงเดินเข้ามาพลางบิดข้อมือไปมา เจียงหวนพลันตัวสั่นราวกับลูกนก

แม้ว่านางจะเพิ่งทะลุมิติเข้ามาในนิยายได้เพียงสามเดือน แต่ในหัวก็ได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาไม่น้อย เมื่อก่อนเวลาที่อวี๋ผินอารมณ์ไม่ดี ก็จะเรียกให้ชุ่ยอิงมาทุบตีนางเพื่อระบายอารมณ์

หลังจากที่เจียงหวนมาอยู่ที่นี่ ก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวมาตลอด แม้จะถูกตัดค่าใช้จ่ายและถูกสั่งให้คุกเข่าบ้างเป็นครั้งคราว แต่เรื่องถูกทุบตีนั้น นางยังไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน ยังไม่ทันที่ชุ่ยอิงจะเข้ามาใกล้ เสี่ยวเจาก็กางแขนออก ปกป้องเจียงหวนไว้ราวกับแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ

“อวี๋ผินโปรดไตร่ตรองให้ดีนะเพคะ อีกสักครู่จวงฉางไจ้ของพวกเรายังต้องนำเครื่องเสวยไปถวายฝ่าบาท ถึงตอนนั้นหากฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นเข้า เกรงว่าจะอธิบายได้ยากนะเพคะ!”

เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมบนหน้าผากของเจียงหวน นางเข้าใจดีว่าเสี่ยวเจาทำไปเพราะเจตนาดีต้องการปกป้องนาง

เมื่อครู่ระหว่างทางกลับตำหนัก เจียงหวนได้เปรยกับเสี่ยวเจาว่าวันนี้ต้องเตรียมของเสวยให้ฝ่าบาทเพิ่มสักหน่อย นางคงจะจำเข้าหัวไปแล้ว

แต่คำพูดของเด็กโง่คนนี้พอพูดออกมาแล้ว เหตุใดฟังดูเหมือนการข่มขู่เช่นนี้นะ?

เป็นไปตามคาด วินาทีต่อมาอวี๋ผินก็ลุกขึ้นยืนกัดฟันกรอด “เจ้ากล้าข่มขู่ข้าหรือ? แค่ได้ถวายตัวครั้งเดียวก็ทำให้เจ้าได้ใจถึงเพียงนี้ คิดจะไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทอีกแล้วหรือ?”

อวี๋ผินมองซ้ายมองขวา สุดท้ายก็ผลักชุ่ยอิงออกไป แล้วใช้ปลอกเล็บยาวทั้งสองของตัวเอง ตบลงไปที่หน้า “เพียะ ๆ ” สองฉาด

แก้มของเจียงหวนแดงก่ำขึ้นมาทันที

“จวงฉางไจ้ ในเมื่อได้รับความโปรดปรานแล้วก็จงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเสียบ้าง สภาพเช่นนี้ เจ้ายังจะกล้าไปปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทอีกหรือ? เรื่องในวันนี้ เป็นรับสั่งของเจียกุ้ยเฟย ต่อให้เจ้าจะเอาของกินไปส่งให้ฮ่องเต้ เจ้าก็ต้องอดทนไว้!”

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเจียงหวนก้าวออกจากตำหนักจิ่นหวาแม้แต่ก้าวเดียว!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 235

    “เรายังมีฎีกาที่ต้องพิจารณาอีกบางส่วน ดึกหน่อยค่อยมาเยี่ยมเจ้า”ฮั่วหลินวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวกับเจียงหวน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความสงบในยามปกติ[นางคงจะมีความสุขมากกระมัง?][เราพยายามแสดงออกมากแล้วนะ]เจียงหวนพยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เพคะ ฝ่าบาทค่อยๆ เสด็จนะเพคะ”ฮั่วหลินถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกจากตำหนักเว่ยยางไปเมื่อประตูตำหนักปิดลง ทั่วทั้งตำหนักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงเจียงหวนและเติ้งหมอม่อที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นางคล้ายอยากจะกล่าวสิ่งใดแต่ก็ลังเลเจียงหวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนอย่างช้าๆเมื่อเติ้งหมอม่อเห็นว่าพระสนมของตนดูอารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเก่านางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง หลังไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังคงตัดสินใจเอ่ยปากพระสนมทรงพระปรีชาและมีเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังทรงเยาว์วัย ทั้งยังตกอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จึงมีบางคำพูดที่นางในฐานะหมอม่อผู้ดูแลจำเป็นต้องพูด“พระสนมเพคะ” เสียงที่ถูกลดจนเบาอย่างยิ่งของเติ้งหมอม่อเต็มไปด้วยความกังวลอันเข้มข้น“พระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อพระสนมเมื่อครู่นั้น เป็นความโปรดปรานสูงสุดอย่างหาได้ยากยิ่ง”เจี

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 234

    หลังจากเดินเล่นในสวนกับเจียงหวนไปสักพัก ฮั่วหลินก็อยู่รับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเป็นธรรมชาติเหล่าข้าราชบริพารจัดอาหารอันงามประณีตลงบนโต๊ะทรงกลมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมตะเกียบ จาน ชามครบถ้วนพร้อมสรรพฮั่วหลินนั่งตัวตรงอยู่ที่หัวโต๊ะ รถเข็นของเจียงหวนถูกเข็นมาอยู่ในตำแหน่งข้างกายเขาส่วนเติ้งหมอม่อก็ยืนค้อมศีรษะอยู่ใกล้ๆ อย่างเคารพ เตรียมปรนนิบัติในทุกเมื่ออาหารเพิ่งขึ้นโต๊ะหมด ฮั่วหลินมิได้รีบขยับตะเกียบ แต่กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะรอบหนึ่งแทน[หึ ให้ทำตัวเป็น ‘น้ำฝนน้ำค้าง’ ที่ตกต้องถ้วนหน้างั้นหรือ? วันนี้เราจะให้นางได้เห็นว่า “น้ำพระเมตตา” ของเราจะไปตกอยู่ที่ใด][เราจะคีบอาหารให้นางเอง แบบนี้คงชัดเจนพอแล้วกระมัง? มาดูกันว่าเติ้งหมอม่อจะมีสิ่งใดมาพูดอีก]เจียงหวนเพิ่งหยิบชามใบเล็กตรงหน้าของตนขึ้นมา ก็ได้ยินคำพูดเต็มไปด้วย “ปณิธานอันแรงกล้า” ของฮั่วหลินพอดีนางฝืนกลั้นยิ้ม หลุบตาทอดมองปลายจมูก ตาจ้องจมูกจมูกจ้องใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินจากนั้นก็เห็นฮั่วหลินคีบเนื้อปลานึ่งชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้ววางลงในชามของเจียงหวนอย่างมั่นคง“ปลานี้ทั้งสดทั้งนุ่ม เจ้ากินให้มาก

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 233

    ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาเมื่อเจียงหวนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮั่วหลินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าสวนดอกไม้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างน่ากลัว[อะไรที่เรียกว่า “มอบพระเมตตาอย่างเท่าเทียม”? เราเคยไป “เมตตา” ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?][เหตุใดเติ้งหมอม่อจึงปรักปรำเราโดยไร้หลักฐานเช่นนี้?][เราเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาดไร้ราคี กลับถูกนางพูดจนเหมือนคนเจ้าชู้ประตูดินไปเสียได้]เสียงความในใจที่เดือดดาลและเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูของเจียงหวนนางมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของฮั่วหลิน พร้อมกับฟังคำบ่นในใจของเขา แล้วก็จะเกือบหัวเราะออกมาฮั่วหลินสาวเท้ายาวเข้ามา เขาตวัดตามองเติ้งหมอม่ออย่างเย็นชาแม้เติ้งหมอม่อถูกถลึงตาใส่จนงุนงง แต่ก็ยังรีบถวายคำนับ“บ่าวถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง และหันไปมองเจียงหวนแทน“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรือ?”เจียงหวนฝืนกลั้นรอยยิ้มที่มุมปาก พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติ“ทูลฝ่าบาท เติ้งหมอม่อกำลังสอนหม่อมฉันเรื่อง...เอ่อ กฎระเบียบของวังหลังเพคะ”[สอนอะไร? สอนให้นางยอม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 232

    เจียงหวนมองนางกำนัลน้อยที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในใจก็ถอนใจออกมาดูแล้วอายุยังไม่มาก ทำไมไม่รู้จักเรียนรู้แบบอย่างดีๆ กันนะ?“การขโมยทรัพย์สินในวังเป็นความผิดร้ายแรง ตามกฎสมควรได้รับโทษโบย 20 ครั้ง แล้วขับออกจากวัง”เจียงหวนจงใจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงก็ตั้งใจกดให้ต่ำลงหลายส่วนเมื่อนางกำนัลน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบโขกศีรษะทันที หน้าผากกระแทกพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดังตุบๆ“พระสนมโปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ขอพระสนมโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งเถิด!”เจียงหวนเหลือบมองเติ้งหมอม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับรอให้ตนตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวต่อว่า “แต่ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจงลองบอกมา ว่าเหตุใดจึงต้องขโมยปิ่นปักผมของผู้อื่น?”นางกำนัลน้อยตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ของบ่าวป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีเงินซื้อยาจริงๆ บ่าวได้ยินมาว่าปิ่นของพี่อวี้เป็นเงิน จึง... จึง...”เจียงหวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนมือที่หยาบกร้านของนางกำนัลน้อย มือคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยด้านและบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าทำงานหนักมาไม่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 231

    นางกำนัลน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางส่ายหน้าสุดกำลัง “ไม่ใช่เพคะพระสนม! เช้านี้ตอนบ่าวตื่นมาแล้วจัดเตียงพับผ้าห่ม ก็ยังไม่เห็นปิ่นปักผมอะไรเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายบ่าวแน่เพคะ ขอพระสนมโปรดให้ความเป็นธรรมแก่บ่าวด้วยเถิดเพคะ”นางร้องไห้อย่างหนักจนลมหายใจขาดห้วง ท่าทางโดดเดี่ยวไร้คนช่วยที่น่าเวทนาของนาง ทำให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกเห็นใจใบหน้าของเสี่ยวเจาเริ่มแสดงความสงสารออกมาแล้ว “พระสนม นางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้งเลยเพคะ...”ไม่เหมือนหรือ?เจียงหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยครู่หนึ่งอื้ม น้ำตาเป็นของจริง ความหวาดกลัวก็เป็นของจริง แต่ความเคียดแค้นกับความลนลานในส่วนลึกของดวงตาก็เป็นของจริงเหมือนกันชาติก่อน นางเคยเห็น ‘พวกไม่ยอมหยุดงาน’ ทะเลาะหยุมหัวกับ ‘พวกหยุดงานประท้วง’ ที่ทำงานทุกวัน แกแทงฉันทีหนึ่ง ฉันแทงแกหนึ่งที สลับกันไปมาพอเจ้านายมาถึงก็จะร้องไห้โฮ อ้างว่าตัวเองเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกใส่ความเหมือนตัวเอกในนิยายนางน่ะฝึกสายตามาจนมองออกหมดแล้ว โอเคไหม?แววตาของคนตรงหน้าล่อกแล่กไม่น

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 230

    เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status