Share

บทที่ 4

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
บัดนี้ตำแหน่งฮองเฮาเว้นว่าง นอกจากจะต้องไปถวายพระพรไทเฮาที่ตำหนักบรรทมเดือนละครั้งแล้ว จะมีวันไหนบ้างที่เจียงหวนไม่ได้นอนตื่นสายจนตะวันโด่ง?

อ้อ ใช่แล้ว บางครั้งอวี๋ผินก็อยากจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เรียกนางไปคุกเข่ารับฟังคำสั่งสอนแต่เช้าตรู่ เวลาเข้าว่าราชการนั้นเช้ามาก วันนี้เจียงหวนจึงต้องตื่นเช้ายิ่งกว่าเดิม

ตอนที่ปลุกฮั่วหลิน สายตาของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ประทับอยู่บนแท่นบรรทมมังกร ชุดบรรทมหลุดลุ่ย พระพักตร์อันคมคายแฝงความอ่อนล้า มีความรู้สึกเฉยเมยราวกับผู้ที่มองเห็นทุกอย่างบนโลกได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

[ฮ่า ๆ ต้องไปออกว่าราชการทั้งที่ท้องว่างอีกแล้ว เหตุใดเรายังไม่ตายอีกนะ?]

ขณะที่เจียงหวนกำลังผูกชุดคลุมมังกรให้ ก็ได้ยินเสียงในใจที่แทบจะสิ้นหวังของเขาระเบิดออกมา ตามธรรมเนียมของฮ่องเต้ทุกราชวงศ์ จะเสวยพระกระยาหารเช้าหลังจากว่าราชการเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น

ตื่นนอนตอนตีสี่ กว่าจะได้ทานมื้อเช้าก็ปาเข้าไปแปดเก้าโมงแล้ว

แค่คิดเจียงหวนก็รู้สึกว่าน่าสมเพชยิ่งนัก นางฉวยโอกาสตอนที่ฮั่วหลินเพิ่งจะบ้วนพระโอษฐ์เสร็จ แอบหยิบขนมดอกซิ่งบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอกออกมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้สองสามชิ้นแล้วซ่อนไว้ในมือ

นี่เป็นของที่นางตั้งใจจะแอบนำกลับตำหนักไปกินเป็นของว่าง เพราะถึงอย่างไรของว่างในตำหนักหย่างซินก็ย่อมดีกว่าของในตำหนักของนางอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่เจียงหวนเห็นฮั่วหลินแอบเหลือบมองหลายครั้ง ทว่าติดที่หวังเต๋อกุ้ยยังคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ จึงไม่กล้าลงมือ

“ฝ่าบาท สร้อยประคำราชสำนักนี่ดูเหมือนจะเบี้ยวไปหน่อยนะเพคะ”

เจียงหวนขยับเข้าไปด้านข้าง บัดบังสายตาของหวังเต๋อกุ้ย แล้วแอบยัดผ้าเช็ดหน้าที่ห่อขนมดอกซิ่งไว้ในฝ่าพระหัตถ์ของฮั่วหลิน

“ว่าราชการยืดยาวนัก ฝ่าบาททรงจำไว้ว่าต้องถนอมพระวรกายด้วยนะเพคะ”

คำพูดของเจียงหวนประโยคนี้ดูไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เมื่อฮั่วหลินสัมผัสได้ถึงของว่างนุ่ม ๆ ในฝ่าพระหัตถ์ พระเนตรก็เบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

[นี่คืออะไร? คงไม่ใช่ขนมดอกซิ่งหรอกกระมัง? เจียงเสวี่ยนซื่อเจ้า...ช่างถูกใจเรายิ่งนัก!]

[พวกขุนนางนั่นพูดมากที่สุด ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขากำลังพล่ามเรื่องไร้สาระแอบกินสักสองคำ...เช้านี้ก็ไม่ต้องหิวจนขาอ่อนแล้ว!]

[ดีเหลือเกิน!]

น้ำเสียงที่พลันร่าเริงขึ้นของฮั่วหลิน ทำเอาเจียงหวนตกใจไปเหมือนกัน แค่ขนมดอกซิ่งไม่กี่ชิ้นก็ทำให้ฝ่าบาททรงดีพระทัยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เด็กคนนี้ต้องเคยถูกปล่อยให้หิวโหยขนาดไหนกันนะ?

“เลื่อนขั้นให้เจียงเสวี่ยนซื่อเป็นฉางไจ้ พระราชทานราชทินนามว่าจวง สั่งให้กรมวังฝ่ายในจัดของรางวัลส่งไปเพิ่มด้วย”

ทันทีที่เจียงหวนชักมือกลับมา ข่าวดีก็หล่นลงมาบนหัว แม้ว่าการได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางเสียทีเดียว แต่โชคดีที่ตำแหน่งฉางไจ้ก็ยังไม่นับว่าสูงมากนัก

ที่สำคัญคือมีของรางวัล! พอมีของรางวัล ชีวิตในวันข้างหน้าก็จะสุขสบายขึ้นแล้ว!

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

เจียงหวนดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ขณะที่คุกเข่าลงขอบพระทัย มุมปากก็ยกยิ้มไม่หยุด เมื่อฮั่วหลินเสด็จไปว่าราชการ เจียงหวนจ้องมองแผ่นหลังของเขา แล้วได้ยินเสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง

[ให้รางวัลไปแล้ว นางก็น่าจะรู้ตัวว่าต้องส่งของกินมาให้เราแล้วกระมัง?]

[หากไม่มีไหวพริบแม้แต่เรื่องแค่นี้ คืนนี้จะสั่งลดตำแหน่งนางกลับไปเหมือนเดิม]

เจียงหวนเบ้ปาก ในใจบ่นพึมพำว่าในหัวของฮ่องเต้พระองค์นี้มีแต่คำว่า “กิน” อยู่คำเดียว

“จวงฉางไจ้ ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านเป็นสนมคนแรกที่ฝ่าบาททรงเรียกปรนนิบัติเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

หวังเต๋อกุ้ยเป็นคนที่รู้จักวางตัว เมื่อเห็นว่าฮั่วหลินทอดพระเนตรเจียงหวนเป็นพิเศษ ถึงแม้พิธีแต่งตั้งจะยังไม่ทันจัด ก็รีบเปลี่ยนคำเรียกขานทันที แต่พอหันกลับไปมองจานเปล่าบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอก หวังเต๋อกุ้ยก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” ออกมาด้วยความสงสัย

“ขนมดอกซิ่งนี่เพิ่งจะยกเข้ามามิใช่หรือ เหตุใดจึงหมดแล้วเล่า?”

เจียงหวนเลียริมฝีปากอย่างกระอักกระอ่วน “อืม เมื่อครู่ข้าหิวเล็กน้อย ก็เลยหยิบมากินรองท้องเจ้าค่ะ”

แม้ว่าหวังเต๋อกุ้ยจะสงสัย แต่ก็เพียงยิ้มรับ

“จวงฉางไจ้เจริญอาหารดีจริง ๆ หากท่านชอบ บ่าวจะสั่งให้ห้องเครื่องส่งมาเพิ่มอีกหลาย ๆ จานเลย”

“เช่นนั้นก็รบกวนหวังกงกงแล้ว”

ตอนนี้แม้ว่านางจะยังไม่นับว่าเป็นสนมคนโปรด แต่อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว หัวหน้าขันทียังรีบเข้ามาประจบประแจง หากไม่รู้จักกาลเทศะ รอจนวันข้างหน้าฮั่วหลินหมดความสนใจในตัวนางแล้ว ก็คงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้อีก

ตอนขากลับตำหนักวันนี้ เจียงหวนได้นั่งเกี้ยวกลับมา ระหว่างทางที่ผ่านตำหนักอื่น ๆ สายตาแต่ละคู่ที่มองมานั้น ราวกับอยากจะถลกหนังนางออกมาทั้งเป็น

ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ แต่ข่าวที่เจียงหวนได้เลื่อนขั้นเป็นฉางไจ้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวังแล้ว เข้าวังมาสามปี คนพวกนั้นมองเจียงหวนเป็นคนที่อ่อนแอรังแกได้ง่ายมาตลอดสามปี กดขี่ข่มเหงมาตลอดสามปี

พวกนางแต่ละคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่ใครจะคิดว่าคนที่ได้ปีนขึ้นเตียงฮ่องเต้ในท้ายที่สุด กลับเป็นเจียงหวนที่พวกนางดูแคลนมากที่สุด!

เพียงแค่คืนเดียวก็ได้เลื่อนตำแหน่ง แถมยังมีราชทินนามอีกด้วย หากปล่อยให้นางได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทอีกสักสองสามครั้ง จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือ?

ณ ตำหนักจิ่นหวา

อวี๋ผินถูกเจียกุ้ยเฟยเรียกไปตำหนิตั้งแต่เช้าตรู่ เนื้อหาก็ไม่พ้นเรื่องที่นางปกครองคนในตำหนักไม่เข้มงวด ปล่อยให้แม้แต่สนมเสวี่ยนซื่อเล็ก ๆ กล้าไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทได้

ตอนนี้อวี๋ผินนั่งหน้าตาบึ้งตึงอยู่ในตำหนัก รอคอยเจียงหวนที่กลับมาจากการถวายตัว

เจียกุ้ยเฟยมีรับสั่งแล้ว ให้นาง “สั่งสอน” เจียงหวนให้ดี!

“ฉางไจ้สกุลเจียง ถวายพระพรอวี๋ผินเพคะ”

นี่เป็นการถวายตัวครั้งแรกของเจียงหวน ตามกฎแล้วเมื่อกลับมาถึงตำหนักต้องรีบมาคารวะนายหญิงของตำหนักทันที ตอนนี้เจียงหวนคุกเข่าอยู่บนพื้น เผชิญหน้ากับสายตาเหมือนจะฆ่าคนของอวี๋ผินแล้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

นางได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง อวี๋ผินคงไม่คิดจะเล่นงานนางอีกใช่หรือไม่?

“ดีจริง ๆ เจียงหวน ข้าไม่ทันได้สังเกตเลยว่า เจ้าจะมีมารยาจิ้งจอกยั่วยวนเช่นนี้ด้วย!”

เมื่อคืนนางกำลังลงโทษเจียงหวนอยู่ดี ๆ ฝ่าบาทก็มีรับสั่งเรียกตัวนางไปถวายตัว ความแค้นนี้ยังไม่ทันจางหาย ตอนเช้าก็มาถูกเจียกุ้ยเฟยตำหนิอีก

ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าต้องให้เจียงหวนเป็นผู้รับไป!

“อวี๋ผินกล่าวเกินไปแล้ว หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”

เจียงหวนก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นางรู้สึกว่าตำแหน่งที่ได้เลื่อนมานี้ มันเหมือนไม่ได้เลื่อนอย่างไรก็ไม่รู้

“ชุ่ยอิง ไปทำให้จวงฉางไจ้รู้สำนึกเสียบ้างว่า อะไรเรียกว่ากฎระเบียบ!”

อวี๋ผินกัดฟันสั่งการลงไป ก็เห็นชุ่ยอิงเดินเข้ามาพลางบิดข้อมือไปมา เจียงหวนพลันตัวสั่นราวกับลูกนก

แม้ว่านางจะเพิ่งทะลุมิติเข้ามาในนิยายได้เพียงสามเดือน แต่ในหัวก็ได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาไม่น้อย เมื่อก่อนเวลาที่อวี๋ผินอารมณ์ไม่ดี ก็จะเรียกให้ชุ่ยอิงมาทุบตีนางเพื่อระบายอารมณ์

หลังจากที่เจียงหวนมาอยู่ที่นี่ ก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวมาตลอด แม้จะถูกตัดค่าใช้จ่ายและถูกสั่งให้คุกเข่าบ้างเป็นครั้งคราว แต่เรื่องถูกทุบตีนั้น นางยังไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน ยังไม่ทันที่ชุ่ยอิงจะเข้ามาใกล้ เสี่ยวเจาก็กางแขนออก ปกป้องเจียงหวนไว้ราวกับแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ

“อวี๋ผินโปรดไตร่ตรองให้ดีนะเพคะ อีกสักครู่จวงฉางไจ้ของพวกเรายังต้องนำเครื่องเสวยไปถวายฝ่าบาท ถึงตอนนั้นหากฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นเข้า เกรงว่าจะอธิบายได้ยากนะเพคะ!”

เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมบนหน้าผากของเจียงหวน นางเข้าใจดีว่าเสี่ยวเจาทำไปเพราะเจตนาดีต้องการปกป้องนาง

เมื่อครู่ระหว่างทางกลับตำหนัก เจียงหวนได้เปรยกับเสี่ยวเจาว่าวันนี้ต้องเตรียมของเสวยให้ฝ่าบาทเพิ่มสักหน่อย นางคงจะจำเข้าหัวไปแล้ว

แต่คำพูดของเด็กโง่คนนี้พอพูดออกมาแล้ว เหตุใดฟังดูเหมือนการข่มขู่เช่นนี้นะ?

เป็นไปตามคาด วินาทีต่อมาอวี๋ผินก็ลุกขึ้นยืนกัดฟันกรอด “เจ้ากล้าข่มขู่ข้าหรือ? แค่ได้ถวายตัวครั้งเดียวก็ทำให้เจ้าได้ใจถึงเพียงนี้ คิดจะไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทอีกแล้วหรือ?”

อวี๋ผินมองซ้ายมองขวา สุดท้ายก็ผลักชุ่ยอิงออกไป แล้วใช้ปลอกเล็บยาวทั้งสองของตัวเอง ตบลงไปที่หน้า “เพียะ ๆ ” สองฉาด

แก้มของเจียงหวนแดงก่ำขึ้นมาทันที

“จวงฉางไจ้ ในเมื่อได้รับความโปรดปรานแล้วก็จงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเสียบ้าง สภาพเช่นนี้ เจ้ายังจะกล้าไปปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทอีกหรือ? เรื่องในวันนี้ เป็นรับสั่งของเจียกุ้ยเฟย ต่อให้เจ้าจะเอาของกินไปส่งให้ฮ่องเต้ เจ้าก็ต้องอดทนไว้!”

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเจียงหวนก้าวออกจากตำหนักจิ่นหวาแม้แต่ก้าวเดียว!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status