Share

บทที่ 4

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
บัดนี้ตำแหน่งฮองเฮาเว้นว่าง นอกจากจะต้องไปถวายพระพรไทเฮาที่ตำหนักบรรทมเดือนละครั้งแล้ว จะมีวันไหนบ้างที่เจียงหวนไม่ได้นอนตื่นสายจนตะวันโด่ง?

อ้อ ใช่แล้ว บางครั้งอวี๋ผินก็อยากจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เรียกนางไปคุกเข่ารับฟังคำสั่งสอนแต่เช้าตรู่ เวลาเข้าว่าราชการนั้นเช้ามาก วันนี้เจียงหวนจึงต้องตื่นเช้ายิ่งกว่าเดิม

ตอนที่ปลุกฮั่วหลิน สายตาของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ประทับอยู่บนแท่นบรรทมมังกร ชุดบรรทมหลุดลุ่ย พระพักตร์อันคมคายแฝงความอ่อนล้า มีความรู้สึกเฉยเมยราวกับผู้ที่มองเห็นทุกอย่างบนโลกได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

[ฮ่า ๆ ต้องไปออกว่าราชการทั้งที่ท้องว่างอีกแล้ว เหตุใดเรายังไม่ตายอีกนะ?]

ขณะที่เจียงหวนกำลังผูกชุดคลุมมังกรให้ ก็ได้ยินเสียงในใจที่แทบจะสิ้นหวังของเขาระเบิดออกมา ตามธรรมเนียมของฮ่องเต้ทุกราชวงศ์ จะเสวยพระกระยาหารเช้าหลังจากว่าราชการเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น

ตื่นนอนตอนตีสี่ กว่าจะได้ทานมื้อเช้าก็ปาเข้าไปแปดเก้าโมงแล้ว

แค่คิดเจียงหวนก็รู้สึกว่าน่าสมเพชยิ่งนัก นางฉวยโอกาสตอนที่ฮั่วหลินเพิ่งจะบ้วนพระโอษฐ์เสร็จ แอบหยิบขนมดอกซิ่งบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอกออกมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้สองสามชิ้นแล้วซ่อนไว้ในมือ

นี่เป็นของที่นางตั้งใจจะแอบนำกลับตำหนักไปกินเป็นของว่าง เพราะถึงอย่างไรของว่างในตำหนักหย่างซินก็ย่อมดีกว่าของในตำหนักของนางอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่เจียงหวนเห็นฮั่วหลินแอบเหลือบมองหลายครั้ง ทว่าติดที่หวังเต๋อกุ้ยยังคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ จึงไม่กล้าลงมือ

“ฝ่าบาท สร้อยประคำราชสำนักนี่ดูเหมือนจะเบี้ยวไปหน่อยนะเพคะ”

เจียงหวนขยับเข้าไปด้านข้าง บัดบังสายตาของหวังเต๋อกุ้ย แล้วแอบยัดผ้าเช็ดหน้าที่ห่อขนมดอกซิ่งไว้ในฝ่าพระหัตถ์ของฮั่วหลิน

“ว่าราชการยืดยาวนัก ฝ่าบาททรงจำไว้ว่าต้องถนอมพระวรกายด้วยนะเพคะ”

คำพูดของเจียงหวนประโยคนี้ดูไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เมื่อฮั่วหลินสัมผัสได้ถึงของว่างนุ่ม ๆ ในฝ่าพระหัตถ์ พระเนตรก็เบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

[นี่คืออะไร? คงไม่ใช่ขนมดอกซิ่งหรอกกระมัง? เจียงเสวี่ยนซื่อเจ้า...ช่างถูกใจเรายิ่งนัก!]

[พวกขุนนางนั่นพูดมากที่สุด ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขากำลังพล่ามเรื่องไร้สาระแอบกินสักสองคำ...เช้านี้ก็ไม่ต้องหิวจนขาอ่อนแล้ว!]

[ดีเหลือเกิน!]

น้ำเสียงที่พลันร่าเริงขึ้นของฮั่วหลิน ทำเอาเจียงหวนตกใจไปเหมือนกัน แค่ขนมดอกซิ่งไม่กี่ชิ้นก็ทำให้ฝ่าบาททรงดีพระทัยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เด็กคนนี้ต้องเคยถูกปล่อยให้หิวโหยขนาดไหนกันนะ?

“เลื่อนขั้นให้เจียงเสวี่ยนซื่อเป็นฉางไจ้ พระราชทานราชทินนามว่าจวง สั่งให้กรมวังฝ่ายในจัดของรางวัลส่งไปเพิ่มด้วย”

ทันทีที่เจียงหวนชักมือกลับมา ข่าวดีก็หล่นลงมาบนหัว แม้ว่าการได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางเสียทีเดียว แต่โชคดีที่ตำแหน่งฉางไจ้ก็ยังไม่นับว่าสูงมากนัก

ที่สำคัญคือมีของรางวัล! พอมีของรางวัล ชีวิตในวันข้างหน้าก็จะสุขสบายขึ้นแล้ว!

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

เจียงหวนดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ขณะที่คุกเข่าลงขอบพระทัย มุมปากก็ยกยิ้มไม่หยุด เมื่อฮั่วหลินเสด็จไปว่าราชการ เจียงหวนจ้องมองแผ่นหลังของเขา แล้วได้ยินเสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง

[ให้รางวัลไปแล้ว นางก็น่าจะรู้ตัวว่าต้องส่งของกินมาให้เราแล้วกระมัง?]

[หากไม่มีไหวพริบแม้แต่เรื่องแค่นี้ คืนนี้จะสั่งลดตำแหน่งนางกลับไปเหมือนเดิม]

เจียงหวนเบ้ปาก ในใจบ่นพึมพำว่าในหัวของฮ่องเต้พระองค์นี้มีแต่คำว่า “กิน” อยู่คำเดียว

“จวงฉางไจ้ ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านเป็นสนมคนแรกที่ฝ่าบาททรงเรียกปรนนิบัติเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

หวังเต๋อกุ้ยเป็นคนที่รู้จักวางตัว เมื่อเห็นว่าฮั่วหลินทอดพระเนตรเจียงหวนเป็นพิเศษ ถึงแม้พิธีแต่งตั้งจะยังไม่ทันจัด ก็รีบเปลี่ยนคำเรียกขานทันที แต่พอหันกลับไปมองจานเปล่าบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอก หวังเต๋อกุ้ยก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” ออกมาด้วยความสงสัย

“ขนมดอกซิ่งนี่เพิ่งจะยกเข้ามามิใช่หรือ เหตุใดจึงหมดแล้วเล่า?”

เจียงหวนเลียริมฝีปากอย่างกระอักกระอ่วน “อืม เมื่อครู่ข้าหิวเล็กน้อย ก็เลยหยิบมากินรองท้องเจ้าค่ะ”

แม้ว่าหวังเต๋อกุ้ยจะสงสัย แต่ก็เพียงยิ้มรับ

“จวงฉางไจ้เจริญอาหารดีจริง ๆ หากท่านชอบ บ่าวจะสั่งให้ห้องเครื่องส่งมาเพิ่มอีกหลาย ๆ จานเลย”

“เช่นนั้นก็รบกวนหวังกงกงแล้ว”

ตอนนี้แม้ว่านางจะยังไม่นับว่าเป็นสนมคนโปรด แต่อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว หัวหน้าขันทียังรีบเข้ามาประจบประแจง หากไม่รู้จักกาลเทศะ รอจนวันข้างหน้าฮั่วหลินหมดความสนใจในตัวนางแล้ว ก็คงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้อีก

ตอนขากลับตำหนักวันนี้ เจียงหวนได้นั่งเกี้ยวกลับมา ระหว่างทางที่ผ่านตำหนักอื่น ๆ สายตาแต่ละคู่ที่มองมานั้น ราวกับอยากจะถลกหนังนางออกมาทั้งเป็น

ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ แต่ข่าวที่เจียงหวนได้เลื่อนขั้นเป็นฉางไจ้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวังแล้ว เข้าวังมาสามปี คนพวกนั้นมองเจียงหวนเป็นคนที่อ่อนแอรังแกได้ง่ายมาตลอดสามปี กดขี่ข่มเหงมาตลอดสามปี

พวกนางแต่ละคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่ใครจะคิดว่าคนที่ได้ปีนขึ้นเตียงฮ่องเต้ในท้ายที่สุด กลับเป็นเจียงหวนที่พวกนางดูแคลนมากที่สุด!

เพียงแค่คืนเดียวก็ได้เลื่อนตำแหน่ง แถมยังมีราชทินนามอีกด้วย หากปล่อยให้นางได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทอีกสักสองสามครั้ง จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือ?

ณ ตำหนักจิ่นหวา

อวี๋ผินถูกเจียกุ้ยเฟยเรียกไปตำหนิตั้งแต่เช้าตรู่ เนื้อหาก็ไม่พ้นเรื่องที่นางปกครองคนในตำหนักไม่เข้มงวด ปล่อยให้แม้แต่สนมเสวี่ยนซื่อเล็ก ๆ กล้าไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทได้

ตอนนี้อวี๋ผินนั่งหน้าตาบึ้งตึงอยู่ในตำหนัก รอคอยเจียงหวนที่กลับมาจากการถวายตัว

เจียกุ้ยเฟยมีรับสั่งแล้ว ให้นาง “สั่งสอน” เจียงหวนให้ดี!

“ฉางไจ้สกุลเจียง ถวายพระพรอวี๋ผินเพคะ”

นี่เป็นการถวายตัวครั้งแรกของเจียงหวน ตามกฎแล้วเมื่อกลับมาถึงตำหนักต้องรีบมาคารวะนายหญิงของตำหนักทันที ตอนนี้เจียงหวนคุกเข่าอยู่บนพื้น เผชิญหน้ากับสายตาเหมือนจะฆ่าคนของอวี๋ผินแล้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

นางได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง อวี๋ผินคงไม่คิดจะเล่นงานนางอีกใช่หรือไม่?

“ดีจริง ๆ เจียงหวน ข้าไม่ทันได้สังเกตเลยว่า เจ้าจะมีมารยาจิ้งจอกยั่วยวนเช่นนี้ด้วย!”

เมื่อคืนนางกำลังลงโทษเจียงหวนอยู่ดี ๆ ฝ่าบาทก็มีรับสั่งเรียกตัวนางไปถวายตัว ความแค้นนี้ยังไม่ทันจางหาย ตอนเช้าก็มาถูกเจียกุ้ยเฟยตำหนิอีก

ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าต้องให้เจียงหวนเป็นผู้รับไป!

“อวี๋ผินกล่าวเกินไปแล้ว หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”

เจียงหวนก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นางรู้สึกว่าตำแหน่งที่ได้เลื่อนมานี้ มันเหมือนไม่ได้เลื่อนอย่างไรก็ไม่รู้

“ชุ่ยอิง ไปทำให้จวงฉางไจ้รู้สำนึกเสียบ้างว่า อะไรเรียกว่ากฎระเบียบ!”

อวี๋ผินกัดฟันสั่งการลงไป ก็เห็นชุ่ยอิงเดินเข้ามาพลางบิดข้อมือไปมา เจียงหวนพลันตัวสั่นราวกับลูกนก

แม้ว่านางจะเพิ่งทะลุมิติเข้ามาในนิยายได้เพียงสามเดือน แต่ในหัวก็ได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาไม่น้อย เมื่อก่อนเวลาที่อวี๋ผินอารมณ์ไม่ดี ก็จะเรียกให้ชุ่ยอิงมาทุบตีนางเพื่อระบายอารมณ์

หลังจากที่เจียงหวนมาอยู่ที่นี่ ก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวมาตลอด แม้จะถูกตัดค่าใช้จ่ายและถูกสั่งให้คุกเข่าบ้างเป็นครั้งคราว แต่เรื่องถูกทุบตีนั้น นางยังไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน ยังไม่ทันที่ชุ่ยอิงจะเข้ามาใกล้ เสี่ยวเจาก็กางแขนออก ปกป้องเจียงหวนไว้ราวกับแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ

“อวี๋ผินโปรดไตร่ตรองให้ดีนะเพคะ อีกสักครู่จวงฉางไจ้ของพวกเรายังต้องนำเครื่องเสวยไปถวายฝ่าบาท ถึงตอนนั้นหากฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นเข้า เกรงว่าจะอธิบายได้ยากนะเพคะ!”

เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมบนหน้าผากของเจียงหวน นางเข้าใจดีว่าเสี่ยวเจาทำไปเพราะเจตนาดีต้องการปกป้องนาง

เมื่อครู่ระหว่างทางกลับตำหนัก เจียงหวนได้เปรยกับเสี่ยวเจาว่าวันนี้ต้องเตรียมของเสวยให้ฝ่าบาทเพิ่มสักหน่อย นางคงจะจำเข้าหัวไปแล้ว

แต่คำพูดของเด็กโง่คนนี้พอพูดออกมาแล้ว เหตุใดฟังดูเหมือนการข่มขู่เช่นนี้นะ?

เป็นไปตามคาด วินาทีต่อมาอวี๋ผินก็ลุกขึ้นยืนกัดฟันกรอด “เจ้ากล้าข่มขู่ข้าหรือ? แค่ได้ถวายตัวครั้งเดียวก็ทำให้เจ้าได้ใจถึงเพียงนี้ คิดจะไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทอีกแล้วหรือ?”

อวี๋ผินมองซ้ายมองขวา สุดท้ายก็ผลักชุ่ยอิงออกไป แล้วใช้ปลอกเล็บยาวทั้งสองของตัวเอง ตบลงไปที่หน้า “เพียะ ๆ ” สองฉาด

แก้มของเจียงหวนแดงก่ำขึ้นมาทันที

“จวงฉางไจ้ ในเมื่อได้รับความโปรดปรานแล้วก็จงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเสียบ้าง สภาพเช่นนี้ เจ้ายังจะกล้าไปปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทอีกหรือ? เรื่องในวันนี้ เป็นรับสั่งของเจียกุ้ยเฟย ต่อให้เจ้าจะเอาของกินไปส่งให้ฮ่องเต้ เจ้าก็ต้องอดทนไว้!”

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเจียงหวนก้าวออกจากตำหนักจิ่นหวาแม้แต่ก้าวเดียว!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 382

    เจียงหวนเห็นท่าทางสับสนมึนงงของนาง ก็รู้สึกอดขำไม่ได้การตอบสนองนี้ ช้าจนอ้อมโลกได้สองรอบครึ่งแล้วกระมังแต่ดูจากที่เปลี่ยนเรื่องพูดแล้ว แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ“อืม” เจียงหวนรับคำ “ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลินกุ้ยผิน รับสั่งให้ย้ายเข้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตะวันตก ภายหน้าเจ้าก็รักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ”“ฮือ ๆ ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระสนม”เหอหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา นางกอดแขนของเจียงหวนไว้แน่น หากไม่ใช่ว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว นางยังอยากคุกเข่าโขกหัวให้ด้วยซ้ำ“พระสนม พระสนมดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉัน… วันหน้าไม่ว่าสิ่งใดหม่อมฉันล้วนเชื่อฟังพระสนมเพคะ”เจียงหวนถูกนางกอดจนรู้สึกอึดอัด อยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิมครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายของเหอหลิงที่สั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายนางจึงกอดตอบเบาๆเหมือนปลาหมึกน้อยขี้กลัวไม่มีผิดเลยกอดแน่นขนาดนี้ กระดูกแทบจะหักอยู่แล้วแต่เห็นแก่ที่นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญหนีดีฝ่อมา ปล่อยให้กอดสักครู่ก็ได้ในขณะเดียวกัน เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยดังมาจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ฮั่วหลินสะสางเรื่องราววุ่นวายใน

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 381

    [ฮั่วถิง! เจ้าปีศาจชั่วนั่น!] เหอหลิงจมอยู่ในความอัดอั้นตันใจและความหวาดผวาอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเม็ดใหญ่ๆ พรั่งพรูไม่ขาดสาย“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงหวนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางเอ่ยหยอกล้อจากนั้นก็ตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าให้หายร้อนเล็กน้อย ก่อนจะป้อนให้นาง “มีอะไรประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดื่มยาก่อนเถิด”เหอหลิงอ้าปากอย่างว่าง่าย ยาขมๆ ไหลลงคอ ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้[ขมจัง][แต่พระสนมเป็นคนป้อน ต่อให้ขมอีกแค่ไหนก็กลายเป็นหวานแล้ว]นางดื่มยาทีละคำๆ ขณะที่น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ผสมเข้ากับยา ทั้งขมทั้งเค็มเจียงหวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ก็อดทอนถอนใจไม่ได้ร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว น้ำหูน้ำตาไหลลงมาผสมกับยาแล้ว นี่คิดจะเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพของยา’ หรืออย่างไรช่างเถิด อย่างไรก็ควรระบายออกมาบ้างหลังจากป้อนยาถ้วยหนึ่งหมดอย่างยากลำบาก สีหน้าของเหอหลิงคล้ายว่าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลทะลักออกมาจนน่ากลัวนางมองเจียงหวน ริมฝีปากสั่นเทา คล้ายมีคำพูดในใจเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงที่ใด“เอาล่ะๆ ร้องไห้จนตาบวมแล้ว เหมือนกบในอุทยานหลวงเลย”เจียงหวนวางถ้วยยาลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status