LOGINน้ำอิงชอบตุ๊กตาโพนี่และมีการ์ตูนเรื่องโปรดคือโดราเอมอน เธอขอสะสมตุ๊กตาม้าโพนี่ผู้เป็นแม่จึงให้หยอดกระปุกเอาไว้ หากเก็บเงินครบเมื่อไหร่ก็จะพาไปซื้อเป็นการฝึกนิสัยอดออม
เท่านั้นลูกหมูแก้มใสค่อยๆ ปรือตาขึ้นส่งยิ้มหวาน “มามี้ขา วันนี้วันเสาร์ไม่ใช่หรือคะ”
เด็กหญิงอ้าปากหาว แต่ดูน่ารัก แก้มใสแดงดั่งมะเขือเทศสุก กุลนิดาเอื้อมมือไปบีบจมูกเล็กๆ แล้วถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“อย่ามาเจ้าเล่ห์นะคะน้ำอิง เมื่อวานวันอาทิตย์ แล้วเช้านี้เป็นวันจันทร์ค่ะ”
“น้ำอิงไม่ชอบวันจันทร์ ไม่รักวันจันทร์เลย” เด็กหญิงบ่นไปขณะที่คนเป็นแม่พยายามพยุงร่างป้อมๆ ของลูกหมูน้อยให้ลุกขึ้นจากเตียง
โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
เช้าวันจันทร์ที่เร่งรีบ แสงแดดอ่อนๆ ทอลงมาแรงกล้ากว่าที่เคย หลายชีวิตกำลังเร่งรีบมาส่งบุตรหลานที่โรงเรียน
หลังจากส่งน้ำอิงเข้าห้องเรียนแล้ว กุลนิดาก็รีบเดินทางต่อไปยังที่ทำงาน แต่ขณะกำลังเดินอย่างคล่องแคล่วไปตามทางเดินเท้าที่มีหลังคาสีน้ำเงินคลุมกันแดดไว้ตลอดทางเดินระหว่างอาคาร เสียงฝีเท้าหนักๆ ทางด้านหลังดังขึ้นพร้อมทั้งเรียกชื่อ
“กุลครับ รอผมด้วย”
ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนยาวขยายขึ้นอย่างสงสัย ร่างบางเฉียบในชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่ามองดูน่ารักหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ
เจ้าของผมยาวสลวยที่วันนี้ปล่อยสยายกระจายเต็มแผ่นหลังมองร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนสีน้ำเงินเข้ม เขาสวมกางเกงสเล็กเนื้อนิ่มสีเข้ม สูงโปร่ง ผิวขาว โดยรวมแล้วค่อนไปทางอาตี๋ เขาชื่อ
‘อาชวิน’อาชวินคนนี้ตื๊อเก่งเป็นบ้าจนกุลนิดาเริ่มรำคาญ หญิงสาวถอนใจ ยืนรอ หวังว่าวันนี้เขาคงไม่ได้หิ้วขนมมาฝากหรือชวนให้เธอซึ่งกำลังรีบไปแสกนบัตรเข้าทำงานแวะไปจิบกาแฟในร้านกาแฟสดที่เขาเป็นเจ้าของอีกหรอกนะ
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงสั่นเพราะเหนื่อยจากการวิ่งตามมา
“กุลครับ กุล ผมคิดว่าจะไม่ทันแล้ว เล่นเอาผมหอบไปหมด”
อาชวินวิ่งตามกุลนิดาลงมาจากอาคารเรียนชั้นสอง ชายหนุ่มหอบเหนื่อยแต่ส่งยิ้มอย่างกระตือรือร้น เขาเห็นเธอมาส่งน้ำอิงจึงรีบวิ่งลงบันไดอีกฟากของอาคารเรียน เขาเองก็มาส่งลูกชายจึงรีบดันให้เจ้าตัวยุ่งเข้าห้องเรียนไปก่อน จากนั้นก็วิ่งตามเธอมา
น้ำอิงเป็นลูกของกุลนิดา เรียนอยู่ชั้นอนุบาลสองห้องสี่เช่นเดียวกับ ‘น้องพีท’ หรือเด็กชาย ‘อาณัติ’ ลูกชายของเขา
กุลนิดาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่กลุ่มผู้ปกครองคุยกันว่าสามีเธอคงตายไปแล้วเพราะไม่มีใครเคยเห็นส่วนเขาเองก็เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ภรรยาเสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุเรือล่มเมื่อสองปีก่อน
กุลนิดาส่งยิ้มเล็กน้อยให้อาชวิน “ที่แท้ก็พ่อของน้องพีท วิ่งตามกุลมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือว่าคุณกุลอ่านไลน์กลุ่มผู้ปกครองวันนี้หรือยังครับ”
กุลนิดายิ้มแห้งๆ แล้วส่ายหน้า “ยังไม่ได้อ่านค่ะ มีอะไรหรือคะ”
ในชีวิตของกุลนิดาจะเว้นว่างจากการอ่านไลน์สักวันก็ทำได้ยาก แต่ละวัน ข้อความในกลุ่มไลน์เด้งขึ้นมาทั้งวัน ตั้งแต่ลูกเข้าเรียนก็ถูกดึงเข้ากลุ่ม ต้องรับรู้เรื่องการบ้าน งานฝีมือ วันหยุดประเพณี อาหารกลางวันวันนี้ของลูก สารพันเรื่องที่ผู้ปกครองหรือครูประจำชั้นจะส่งเข้ามา
ข้อความหลายอย่างเป็นประโยชน์กับลูกและผู้ปกครอง เช่น ข่าวสารจากโรงเรียน การบ้านจากคุณครู บางวันนอกจากสิ่งเหล่านี้ ยังเจอดราม่าผู้ปกครองกับคุณครูเป็นของแถม กุลนิดามักจะหลีกเลี่ยงไม่แสดงความคิดเห็นใด เสพเพียงข่าวสารที่จำเป็นเกี่ยวกับการเรียนของลูกไปเงียบๆ
กุลนิดายักไหล่แล้วยิ้มให้พ่อของเพื่อนลูกสาวเล็กน้อย “เมื่อคืนกุลทำงานดึกค่ะคุณพ่อน้องพีท เช้านี้ยังไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มผู้ปกครอง มีข่าวด่วนอะไรเกี่ยวกับเด็กๆ ที่กุลพลาดไปหรือเปล่าคะ”
“มีสิครับ มีเยอะด้วย เอางี้ ผมสรุปให้กุลฟังเลยนะครับ อาทิตย์หน้าจะถึงวันพ่อแล้ว ทางโรงเรียนให้นักเรียนเชิญคุณพ่อมาเพื่อทำกิจกรรม ผมคิดว่าปีนี้คงให้ผู้ปกครองมาชมการแสดง แล้วก็ให้ลูกๆ ของเราเอาพวงมาลัยมากราบพ่อ”
“แล้วยังไงหรือคะ”
คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัยสามสิบหกส่งยิ้มกว้าง เขาสนใจกุลนิดาตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกตอนที่หญิงสาวจูงน้องน้ำอิงมากฝากเรียน ครั้งนั้น เขาคิดว่าหญิงสาวอาจเป็นน้าสาวของน้ำอิงมากกว่าคุณแม่ ดูอย่างไร กุลนิดายังสาวและสวยมาก ไม่เหมือนผู้หญิงผ่านการใช้ชีวิตครอบครัวมาแล้ว ส่วนเขาจูงลูกชายมาฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เพราะเห็นเป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านการเรียนการสอน
อาชวินยังมีร้านกาแฟสดเล็กๆ อยู่ติดกับโรงเรียนนี้ด้วย ซึ่งผู้ปกครองมักจะแวะเวียนไปดื่มกาแฟที่ร้านของเขาเสมอหลังจากส่งลูก
“คือผมอยากช่วยกุลครับ” เขาพูดเสียงอ้อมแอ้มเบาหวิว
ดวงตากลมโตของกุลนิดาแฝงแววขบขัน ใจจริงอยากเดินหนีให้พ้น วันพ่อเป็นวันที่ผู้ปกครองบางคนเคยตั้งคำถามยามเธอจูงมือของน้ำอิงเดินเข้างานเมื่อปีก่อนก็ถาม แล้วปีนี้คงจะถามด้วยประโยคเดิม
‘คุณพ่อน้องน้ำอิงไม่มาร่วมงานด้วยเหรอคะ’
‘วันพ่อทั้งที คุณพ่อน่าจะมาร่วมงานนะคะ’
และทุกครั้งกุลนิดาจะยิ้มบางๆ แล้วตอบอย่างสุภาพ
‘คุณพ่อไม่ได้มาค่ะ ถ้ามาก็คงจะเห็นแล้ว’ และจูงลูกสาวที่เธอเชื่อมั่นว่าไม่เคยขาดแคลนความรักความอบอุ่นเข้าไปร่วมงานเงียบๆ
“คุณอยากช่วยอะไรกุลหรือคะ วันพ่อทีไรมีแต่ผู้ปกครองคอยถามกุลว่าทำไมพ่อน้ำอิงไม่มางานวันพ่อ” กุลนิดาหัวเราะสดใส ดูไม่ทุกข์ร้อน
“ผมจะบอกกุลว่า ปีนี้ผมจะช่วยเอง ถ้าไม่อยากให้เกิดคำถาม ให้น้ำอิงไหว้ผมเป็นพ่อแทนก็ได้ เดี๋ยวผมเป็นตัวแทนพ่อให้น้ำอิงกราบแทน”
กุลนิดายิ้มไม่ออก มุกแบบนี้ แม้แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะเจอ
ช่างกล้า
ใครอยากได้มาเป็นพ่อของลูกไม่ทราบ
จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อกุลนิดาเริ่มสนใจใครคนหนึ่งอยู่เหมือนกันลูกสาวเธอชอบพูดถึงแต่เขา เสียดาย เช้าวันนี้ เธอพลาดเห็นรอยยิ้มอบอุ่น ใบหน้าหล่อเหลาน้องๆ พระเอกฮอลลีวูดของทีเชอร์อลัน ที่ผู้ปกครองสาวๆ พากันแอบมองตาปรอย แล้วมักจะขอเข้าไปถ่ายรูปคู่ด้วยเวลามีงานโรงเรียน
ริมฝีปากอิ่มบิดยิ้มให้หวานขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ กุลเกรงใจ ขืนทำแบบนั้น ผู้ปกครองคนอื่นคงมองกุลกับคุณแปลกๆ แล้วอาจจะมีข่าวอะไรตามมาอีกเยอะ”
“จะแปลกยังไงครับ กุลก็รู้ว่าผมตามจีบกุลมาตั้งแต่น้ำอิงเริ่มเข้าเรียนที่นี่แล้ว”
“แล้วกุลก็บอกคุณไปแล้วว่า...” กุลนิดายิ้ม ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจคนช่างตื๊อเป็นครั้งที่ร้อยแปด
“ผีอยากมาแอบดูคนพลอดรักกันก็เอาสิ เกรซีกลัวผีเหรอ ผมเคยสอนวิชาไล่ผีให้แล้วไง ผีจะกลัวคนแก้ผ้า ถ้าเกรซีที่รักไม่อยากถูกผีหลอก เดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อผ้าให้คุณเอง”กุลนิดาอับอายจนวางหน้าไม่ถูก “ถอดอีกแล้วเหรอคะ ฉันเพิ่งใส่กลับเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง”กุลนิดาถูกเขาผลักให้นอนราบลงบนเตียง จากนั้นความขาวโพลนพร้อมกลิ่นหอมอ่อนของน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ลอยลงมาปกคลุมสองร่างเอาไว้ อ้อมกอดของคนที่นอนทับอยู่บนตัวทั้งหอมและมีกลิ่นกายเฉพาะตัวชวนให้พาใบหน้าเข้าไปเคลียคลอกับแผงอกนั้น“กลัวผีใช่ไหม เดี๋ยวผมลงคาถากันผีให้ รับรองว่าเกรซีจะไม่ถูกผีหลอกไปตลอดชีวิต”“บ้า ฉันไม่เชื่อ คุณหลอกฉัน”“ไม่เชื่อ ก็ต้องให้ผมลงคาถาอยู่ดี”ดวงตาสีฟ้าภายใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่เจิดจรัสเต็มไปด้วยไฟพิศวาสลุกโชน มันพร้อมจะแผดเผาเธอด้วยความรักที่เร่าร้อนเพียงพริบตาเดียว เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ห่อหุ้มร่างบางงดงามไร้ที่ติกลับปลิดปลิวออกจากร่าง แต่ละชิ้นถูกไรอันโยนออกมาอย่างไม่ไยดีเสื้อและกระโปรงร่วงหล่นลงไปตามแรงเหวี่ยง ส่วนแพนตี้ตัวน้อยถูกเขาถอดและหล่นไปกองอยู่ข้างเตียง จนกระทั่งเหลือบราเซียร์สีชมพูหวานเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ถูกเขาลอกคราบออก
กุลนิดาบอกเขาหมดเปลือก บอกจากก้นบึ้งหัวใจ เธอทั้งคิดถึง โหยหา แต่ก็หมั่นไส้พ่อตัวร้ายจอมเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกันไรอันทนความน่ารักของเมียไม่ไหว มือแกร่งรวบร่างบอบบางของเมียไปนั่งทับบนตัก แล้วกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูขาวผ่อง“เรามาทำลูกกันอีกสักคนดีไหม ผมอยากให้น้ำอิงมีน้องไว้เป็นเพื่อนเล่น”กุลนิดาหน้าแดง ยกมือทุบอกเขาดังปั้กไรอันจับมือเล็กไว้ แล้วขบเม้มใบหูขาวอย่างรักใคร่ “อยากทุบก็ทุบให้เต็มที่ ผมไม่ทุบคืนด้วยหมัดแน่ๆ เพราะผมกลัวเมียเจ็บ แต่ผมจะชกคุณคืนถึงเช้าด้วยอวัยวะที่นุ่มนวลที่สุด”“ไรอัน คนหื่น ฉันรู้นะคุณหมายถึงอะไร”แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อร่างเล็กถูกเขาผลักลงไปบนเตียงเหมือนในคืนนั้น ร่างสูงกระชากผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันไว้รอบเอวอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่นี้ เขานอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ แล้วคิดเล่นๆ ว่าถ้ามีลูกอีกคนจะให้ชื่ออะไรดี เขาคิดออกแล้ว และเวลานี้ ควรต่อแขนให้ ‘น้ำอุ่น’ ออกมาเป็นตัวเป็นตนสักทีไรอันอวดหุ่นกำยำต่อหน้าเมีย กุลนิดารีบหลับตาปี๋ เพราะยังอายอยู่ จังหวะนั้นเองที่ไรอันรีบปอกเปลือกเมียให้เหลือแต่ร่างขาวโพลนทันที“ลูกคนนี้ผมจะตั้งใจทำให้หน้าเหมือนคุณนะ จะได้ไม่น้อยใจผมอ
“รู้อะไรไหม แต่ผมไม่เคยหลอกคุณนะ ว่าผมรักคุณกับลูกที่สุด รักจนหยุดหัวใจไว้ที่คุณ”“ฉันรู้ค่ะ ฉันยอมรับที่ผ่านมา ฉันขี้ขลาดเอง กลัวคุณไปเจอผู้หญิงสวยๆ ก็อยากจะเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ แบบที่คุณเคยเลี้ยงดูพี่อินทิราเอาไว้ ตอนนี้ยังแอบส่งเสียกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าคุณมีเมียไว้ประเทศละคน ฉันคงทนไม่ได้ เลยเลือกที่จะไม่เปิดโอกาสให้คุณ” กุลนิดาบอกแล้วเบือนหน้าหนี เธอยอมรับผิดส่วนหนึ่งที่ไม่เชื่อใจเขา ไม่เปิดโอกาสให้เขาไรอันเชยคางเมียกลับมา จ้องดวงตาสีนิลคู่วาววับ “ผมกับอินทิราเลิกยุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่คืนนั้นที่ผมมีอะไรกับคุณ แล้วผมก็ไม่ได้ไปมีเมียทิ้งไว้ทุกประเทศแบบที่คุณเข้าใจ ข่าวคุณมั่ว ไม่กรองแล้วละ”“หมายความว่ายังไงคะไรอัน” กุลนิดาเบิกตาโตมองเขาอย่างสนใจ“ผมกับอินทิราเจอกันบนสายการบินพาณิชย์ ตอนเครื่องบินลำนั้นที่ระเบิดไปมันงอแง ผมเห็นอินทิราสวยดี เธอส่งสายตาให้ผมก็เลยให้ครูซยื่นข้อเสนอ และไม่ได้ตั้งใจให้มาอยู่ที่นี่หรอก แต่อินทิราบอกผมว่าคอนโดฯ ของเธอยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่ที่ผมมาที่นี่หลายครั้งไม่ได้ติดใจอินทิรา แต่ติดใจสาวน้อยที่ดูแลกุหลาบของแม่ผมอย่างดี ผมคิดว่ามาอยู่ที่เมืองไทยมันจะตา
เฮี้ยนกว่าผีก็สามีของเธอนี่เองดวงหน้าขาวซีดแทบจะเป็นสีเดียวกับกระดาษเวลานี้พลันเปลี่ยนเป็นจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง เลือดลมกลับมาสูบฉีดแรง ตอนนี้สติเธอกลับมาครบถ้วนพอจะแยกออกว่าร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาแล้วคว้าเธอเข้าไปกอดคือสามีไม่ใช่ผี“ไรอัน! คนบ้า คุณเล่นบ้าอะไร หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวว่าเครื่องบินระเบิด คุณตายแล้ว” กุลนิดารู้สึกว่าเธอกำลังเป็นคนเสียสติแล้วกระมังถึงได้หัวเราะไปร้องไห้ไปราวกับเป็นผู้ป่วยไบโพลาร์ไรอันส่ายหน้า รอยยิ้มหล่อร้ายบนใบหน้าของเขาประดับค้างอยู่นานไม่ยอมจางหาย ในขณะที่ดวงตาสองข้างยังจ้องหน้าเมียรักอยู่ตลอดเวลา“คุณยังหลอกผมได้เลย คิดว่าผัวเคี้ยวหญ้าหรือไงจ๊ะที่รัก ถึงได้คิดว่าผมจะเชื่อว่าเมียมีฝาแฝด เป็นไงพอผมหลอกคืนบ้าง คุณถึงกับอึ้งไปเลย”กุลนิดาผลักอกเขาออกแต่มันไม่ขยับออก ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยอารมณ์หลากหลายทั้งดีใจ ทั้งโมโห “หลอกแรงเกินไปแล้ว”ไรอันขยับเข้าไปใกล้ร่างเมียรัก ประคองใบหน้างามที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาให้มองตอบเขา “ฟังผมอธิบายก่อนเกรซี อย่าเพิ่งโกรธผมเลย”กุลนิดาส่ายหน้าด้วยความน้อยใจ “คุณหลอกคนทั้งโลกว่าตายแล้ว คุณเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมต้องหลอก
กุลนิดาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มอย่างไม่อาย ตอนนี้เธออยู่คนเดียวภายในห้อง เธอไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเห็นแล้วตั้งคำถามอีก ดังนั้นเมื่อน้ำตาอยากไหลออกมา เธอก็จะปล่อยให้มันไหลไปจนกว่าจะพอ อย่างน้อย เธอจะได้ใช้มันเป็นหนทางระบายออกได้บ้างใบหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเลอะกรัง กวาดมองรอบห้องอย่างอาวรณ์ ตอนนี้ เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธออยากจะคิดว่าข่าวที่ลงเป็นเพียงข่าวโคมลอย เชื่อถือไม่ได้ เขายังปลอดภัยดี เพียงแต่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จจึงยังกลับมาไม่ได้...แต่กุลนิดาก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เพราะภาพข่าวที่ทุกสื่อนำมาลงเป็นเรื่องจริงจู่ๆ ก็มีลมพัดวูบหนึ่งเข้ามาในห้อง กุลนิดาจึงเดินไปที่ระเบียง ประตูถูกเปิดออกไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ชายผ้าม่านสีขาวปลิวคว้าง ภาพนี้เหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่มีผิด จู่ๆ กุลนิดาก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว“เหมือนวันนั้นไม่มีผิด” ปกติกุลนิดาเป็นคนกลัวผีมาก และตอนนี้ความหลอนก็ผุดขึ้นมาอีกหนห้องนี้เคยมีประวัติอะไรหรือเปล่านะ เธอยังจำได้ดีถึงผีจูออนชุดขาวที่เห็นวันนั้น เธอยังไม่เคยคุยกับไรอันถึงเรื่องนั้นเลย เคยตั้งใจว่า
แอชลีย์มองสองแม่ลูกแล้ววางหน้าลำบากพลางลอบถอนหายใจ “เอาละ หลานป้าแอชลีย์มีสายเลือดนักสู้ สุดยอดมาก ป้าแอชลีย์ตะลึงไปเลย แบบนี้ควรมีรางวัลให้หนูใช่ไหม”พอได้ยินคำว่ารางวัล ร่างอวบที่นอนหงายดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย “รางวัล! เด็กดีควรมีรางวัลค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องใช่ไหมคะมามี้”เด็กหญิงยิ้มเผล่รู้สึกหายเหนื่อย “คุณป้าแอชลีย์คนสวย น้ำอิงอยากกินไอศกรีมเป็นรางวัลได้ไหมคะ” แม่คนช่างประจบ และหัวไวกับของฟรีกล่าวแอชลีย์ดึงหลานสาวตัวอวบไปกอด รู้แล้วทำไมน้องชายถึงได้หลงลูกสาวนัก “แน่นอนหลานสาวของป้าได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”กุลนิดามองหน้าแอชลีย์ เสี้ยวหน้าด้านหนึ่งมีเค้าเหมือนไรอันอยู่มาก ความสนิทอย่างรวดเร็วของสองป้าหลานคงเป็นความผูกพันทางสายเลือด“อย่ารบกวนคุณป้าเลย เดี๋ยวมามี้พาไปเอง”เพียงแต่แอชลีย์หันมายิ้มแล้วพยุงหลานสาวให้ลุกขึ้น “เกรซี ฉันมีเรื่องจะบอก แม่บ้านของลักซูรีคอนโดฯ โทร.มาบอกฉันว่าอยากให้เจ้าของห้องชุดเข้าไปดูแลกุหลาบพวกนั้นที่ริมระเบียงด้วย เพราะพวกมันใกล้จะตายหมดแล้ว ไรอันจ้างให้แม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ย้ายต้นกุหลาบเหล่านั้นออกไปไหน ตอนนี้ห้อง







