ฟู่จาวหนิงตอนที่เข้ามาก็เห็นชิ่งอวิ๋นเซียวนางประหลาดใจ"ทำไมผู้นำน้อยตระกูลชิ่งถึงแจ้นมาที่นี่ด้วยล่ะ?""บ้านตระกูลชิ่งอยู่ในเมืองชายแดนที่ไม่ห่างจากต้าชื่อเท่าไรนัก น่าจะมีการค้ากับต้าชื่อทางนี้ เทศกาลอวยพรสารทฤดูของต้าชื่อ บ้านตระกูลชิ่งน่าจะส่งคนเข้ามาจัดการเรื่องการค้า"สืออีรู้มาบางส่วน "ก่อนหน้านี้ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งมีการสนับสนุนจากท่านอ๋อง กลับมาตระกูลชิ่งก็น่าจะชิงเอาการคุ้มครองจากผู้อาวุโสมาได้ไม่น้อย น่าจะพอลงรากได้อย่างมั่นคงแล้วกระมัง""บังเอิญเสียจริง ที่มาเจอเขาที่นี่"ซือถูไป๋เองก็เห็นนางแล้วส"จาวหนิง"เขาเข้าไปรับฟู่จาวหนิงผู้นำน้อยตระกูลชิ่งพอหมุนตัว ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงก็งงงันไปแล้วเขากำลังเตรียมจะร้องเรียกพระชายาอ๋องเจวี้ยน ฟู่จาวหนิงก็เตือนเขาขึ้นมาก่อนก้าวหนึ่ง "ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งเรียกข้าว่าแม่นางฟู่ก็พอ""แม่ แม่นางฟู่!"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งถลึงตาโต "ท่านทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?""แน่นอนว่ามีธุระน่ะสิ""นี่ก็บังเอิญจริงๆ! ดังนั้น คุณชายซือถูบอกว่ารอคนอยู่ ที่แท้ก็รอท่านนี่เอง""ใช่แล้ว""เช่นนั้น เขาจึงมากับท่านหรือ?" ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งมองไปด้า
เซียวหลันยวนนิ่งงันไปแล้วทำให้ตกใจหรือ?พวกเขาก่อนหน้านี้นี้ที่ผ่านเมือง หลังจากเข้ามาก็ได้ยินคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงหน้าตาเขาแน่นอนว่ามีคนคอยกระพือคลื่นอยู่เบื้องหลัง ไม่เช่นนั้นคงไม่ลือมาเร็วขนาดนี้ ลือมาไกลถึงขนาดนี้ผู้คนล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ว่าอ๋องเจวี้ยนหน้าพังไปแล้วครึ่งหนึ่ง น่าเกลียดอย่างมาก ราวกับเป็นผีร้ายไม่ใช่แค่น่าเกลียด แต่ยังน่ากลัวอย่างมากด้วย เห็นแล้วจะฝันร้ายเลยทีเดียวแล้วยังบอกอีก ว่าพอเห็นใบหน้าอ๋องเจวี้ยน ไม่ใช่แค่กินข้าวไม่ลง แต่ยังจะอาเจียนน้ำดีออกมาจนหมดด้วยหลังจากได้ยินครั้งนั้น พวกเขาก็ไม่เข้าไปพักในเมืองอีกเลยเซียวหลันยวนเดิมทีคิดว่าปณิธานตนเองแข็งแกร่งมาก น่าจะไม่สนใจสายตาของคนอื่นได้ แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกจะประเมินตนเองสูงเกินไปแล้วได้พอยินคนอื่นพูดเช่นนี้ เขาเองก็คิดขึ้นมาว่าฟู่จาวหนิงจะกลัวหรือรังเกียจใบหน้านี้ของเขาไหมบางทีอาจจะบอกว่าตอนนี้ยังไม่รังเกียจ แต่หลังจากนี้ล่ะ? ถ้ามันรักษาให้หายจริงๆ ไม่ได้ล่ะ?ลูกๆ ของเขาหลังจากนี้ล่ะ?คำพูดที่ผู้คนพูดกันเช่นนี้ จะส่งผลกระทบไปถึงนางไหม? ถ้าหากทุกคนล้วนกำลังพูด ทำไมถึงมาแต่งงานกับผุ้ชายที่น่
อาสะใภ้ตระกูลเสิ่นกับเสิ่นฟางพี่สาวเสิ่นหยางพอเจอกับซือถูไป๋กับชิ่งอวิ๋นเซียวทั้งสองคน ก็ไม่กล้าส่งเสียงอะไรมาตลอดอาสะใภ้บ้านตระกูลเสิ่นยังพอไหว นางเคยเห็นเสิ่นเสวียนตอนยังเด็กกับวัยหนุ่มมาแล้ว ตอนนั้นเสิ่นเสวียนเองก็มีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อในต้าชื่อเช่นกัน ต่อให้ตอนนี้เป็นวัยกลางคนแล้วแต่ก็ยังคงดูดีราวกับดวงจันทราดังนั้นตอนที่เห็นซือถูไป๋กับชิ่งอวิ๋นเซียว นางที่อายุมากแล้ว จึงไม่ถึงกับมือไม้เป็นพัลวันหูของเสิ่นฟางหูแดงมาตลอดนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับชายหนุ่มสองคนที่หน้าตาดีสะกดหญิงสาวส่วนใหญ่แบบนี้ นางยังไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำนับถือฟู่จาวหนิงจริง ที่ยังสุขใจร่าเริงได้แต่ว่า นี่อาจจะเพราะความงามของฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขากระมัง?หลังจากของว่างน้ำชายกเข้ามา อาสะใภ้เสิ่นกับเสิ่นฟางก็รีบเอาความสนใจไปอยู่ที่การค้นคว้าของว่างน้ำชา ถึงอย่างไรพวกนางครั้งนี้ก็ตามมาแล้ว และยังกอดความคิดจะเรียนฝีมือของโรงน้ำชาแห่งนี้ด้วย"ตระกูลชิ่งคิดจะชิงโอกาสสุราพิธีกรรมในการอวยพรขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นในอีกไม่กี่วันนี้ด้วยหรือ?"ซือถูไป๋ถามผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง"ไม่หรอก ข้าตอนนี้อายุยังน้อย ไม่ต้
อาเพียนพอเห็นสายตานางก็ร้องเฮอะหันหน้าออกไป ไม่พูดอะไรอีกเขาก่อนหน้านี้เป็นพวกชอบด่าตามอำเภอใจ แต่ก็ถูกคุณชายลงโทษอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากที่ไม่เคารพต่อพระชายาอ๋องเจวี้ยน คุณชายขนาดไม่อยากจะพาเขามาด้วยแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่กล้าฟู่จาวหนิงพอเห็นการกระทำของผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้นางต่อให้มองออก ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งครั้งนี้ยืนอยู่ฝั่งนาง ยิ่งไปกว่านั้นยังดูจะเอาคืนหนี้แค้นก่อนหน้านี้ของนางให้อีกด้วยและไม่รู้ว่าผู้นำน้อยตระกูลชิ่งไปเห็นอาเพียนดุด่านางตอนไหนนางอันที่จริงก็แค่ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยกับอาเพียน แค่ก็คำไม่กี่คำ สำหรับนางแล้วไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด แล้วก็ไม่แค้นไม่เคืองด้วย"อาจารย์ข้าตอนนั้นได้อะไรกลับมาบ้างไหม?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ "ท่านรู้ไหมว่าเขาตอนนั้นเตรียมจะออกไปอยู่แล้ว หรือว่ามาเปลี่ยนความคิดตอนหลัง""บนตัวพวกผู้อาวุโสจี้แบกของอยู่เหมือนกัน ดูแล้วน่าจะได้อะไรมาพอควร แต่ว่าเพื่อจะเลี่ยงการรังเกียจ ข้าเลยไม่ได้ไปถามว่าได้อะไรมาบ้าง ตอนนั้นเห็นว่าพวกเขาตั้งค่ายกันที่ริมๆ เทือกเขาสระเมฆาด้วย น่าจะอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน"ซือถูไป๋เองก็ไม่ได้ปิ
ซือถูไป๋หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แขนเสื้อกว้างสะบัดออกมาทันที คิดจะใวช้กำลังภายในเข้าขวางน้ำชาเหล่านั้นแต่เพราะผู้นำน้อยตระกูลชิ่งลงมือกะทันหัน ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ ดังนั้นจึงช้าไปก้าวหนึ่ง น้ำชาถ้วยนั้นทั้งหมดสาดเข้าไปบนหน้าอาเพียนอาเพียนถูกสาดไปเต็มหน้า แข็งทื่อไปทั้งตัวเขาติดตามซือถูไป๋มาตลอด ซือถูไป๋เองก็มีชื่อเสียงมากในยุทธจักรพ ชื่อเสียงโรงยาทงฝูเอาก็ดีมาก ปกติไม่ค่อยมีใครที่สายตาไม่กว้างใกล้มารังแกพวกเขาสักเท่าไรต่อให้ตัวตนฐานะจะสูงกว่าพวกเขา ก็ยังไม่ไม่มาคิดเล็กคิดน้อย ไม่พูดอะไรมาก อย่างมากก็แค่ทำเป็นไม่สนใจเขาเพิ่งเคยถูกสาน้ำชาใส่เป็นครั้งแรก!โชคดีที่อากาศตอนนี้เย็น พอลมหนาวพัดมาน้ำชาก็ไม่ร้อนจนลวก และชาถ้วยนั้นก็วางไว้พักหนึ่งแล้ว มันจึงแค่อุ่นๆแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ อาเพียนก็ยังถูกสาดจนมึนไปแล้ว ในสมองขาวโพลนไปหมด"คนใช้ข้างกายคุณชายซือถูคนนี้น่ารังเกียจเสียจริง ข้าได้ยินว่าเขาพูดว่าร้ายแม่นางหญิงก่อนหน้านี้ไปไม่น้อยเลย ใช่ไหม?"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งยังยิ้มเจิดจ้าอย่างสง่างาม แต่ในดวงตากลับเผยประกายคมกริบออกมาพอสมควร"เขาน่าจะถูกคุณชายซือถูตามใจจนนิสัยเส
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งออกมาเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นพวกฟู่จาวหนิงยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็งงงัน พอเห็นฟู่จาวหนิงกำลังกวักมือมาทางเขา ก็เลยวิ่งออกไปทันที"แม่นางฟู่ วางใจได้ ข้าสั่นสอนอาเพียนคนนั้นแทนท่านไปแล้ว จากที่ข้าเห็น ท่านนี่เป็นคนดีใจดีเกินไปแล้ว"ทำไมถึงให้อาเพียนคนนั้นมาคอยขี่หัวอยู่ได้"ขอบคุณท่านมาก"ถึงแม้ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กวัยต่อต้านคนนั้น แต่คนอื่นก็ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนางแล้ว นางจะทำตัวเป็นคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแล้วพูดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ไม่ได้"ฮ่าๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอก"เป็นไปตามคาด พอได้ยินคำขอบคุณของฟู่จาวหนิง ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็หัวเราะร่าขึ้นมาอย่างเบิกบานเป็นพิเศษ"แม่นางฟู่พักอยู่ในบ้านพวกเขาหรือ มีอะไรไม่สะดวกไหม ต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลย"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งมองมองอาสะใภ้เสิ่นกับเสิ่นฟางเสิ่นฟางเมื่อครู่เห็นเขาสาดน้ำใส่คนติดตามคุณชายซือถูอย่างกล้าหาญ จึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อตัวเขาแต่ก็ไม่กล้าสบตามองตรงๆ"ใช่ ข้าพักอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น ไม่มีอะไรไม่สะดวกสบายหรอก ว่าแต่ผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง" ฟู่จาวหนิง
"ถุงยานี้ข้าห่อไว้นานแล้ว สายรัดนี้ข้าให้เสี่ยวชิ่นเย็บมาให้ หลังจากนี้สามารถเอาห่อยาที่อุ่นแล้ววางไว้บนสายรัดแล้วมัดไว้บนเข่าของท่านผู้เฒ่าได้ ไท่ไท่อาวุโสถ้าหน้าหนาวรู้สึกปวดขา อันที่จริงก็ใช้ได้เช่นกัน""นี่นี่นี่ นี่มันดีมากเลย นี่มันดีมากจริงๆ ขอบคุณมากจาวหนิง!" ตาไท่ไท่อาวุโสแดงก่ำขึ้นมา รีบกุมมือฟู่จาวหนิงไว้ รู้สึกดีใจยิ่งกว่าที่รักษาตนเองเสียอีกขาของท่านผู้เฒ่าพอไม่สะดวกนัก ตนเองก็จมดิ่งไปไม่น้อย รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นภาระยิ่งไปกว่นั้นยังไปเดินเล่นกับนางด้วยไม่ได้ ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ทำกิจกรรมอยู่แต่ในเรือนจิ้งชิวถ้าหากเขาสามารถดีขึ้นมา เขาหลังจากนี้ก็ยังสามารถช่วยเหลือเสิ่นเสวียนได้ด้วย"วิชาแพทย์ของจาวหนิงนี่ยอดเยี่ยมเหลือจะกล่าวจริงๆ"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นเองก็แอบหันมาปาดน้ำตา"เดิมทีข้าคิดว่าพวกเราสองเฒ่าเหยียบอยู่บนเส้นทางยมโลก ชีวิตนี้เหลืออยู่แค่ไม่กี่วันแล้วเสียอีก..."คำพูดของไท่ไท่อาวุโสทำให้ฟู่จาวหนิงต้องตัดบท"ท่านผู้เฒ่ากับไท่ไท่อาวุโสเพิ่งจะหกสิบต้นๆ เอง ขอแค่สุขภาพดีเข้าไว้ บำรุงร่างกายดีดี จิตใจปล่อยวาง ใช้ชีวิตให้มีความสุขหน่อย กินให้ดีพักผ่อนให้เพียงพอ
"ท่านลุงคนโตไม่รู้ตัวตนฐานะของเขาหรือ?""ไม่รู้ เพราะคนคนนั้นอันที่จริงก็ทำการค้าในเมืองหลวงมานานแล้ว ก่อนนี้หน้าก็ไปมาเป็นประจำ ถือว่าคุ้นเคยเลยทีเดียว หลังจากเกิดเรื่องนี้ คนผู้นั้นก็หายตัวไป เหลือไว้แค่อักษรบนกำแพง ตัวหนังสือเขียนไว้ให้ลุงคนโตของเจ้า แล้วยังมีคำเตือนมาคำหนึ่ง และเพราะประโยคนั้นบอกตัวตนฐานะออกมาว่าลุงคนโตของเจ้าเป็นเจ้าแท่นบูชา ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด""เมื่อเป็นเช่นนี้ ลุงคนโตจึงถูกคนอื่นใส่ร้ายไปแล้ว""อืม แต่ไม่มีใครหาคนผู้นั้นพบเลย""ท่านลุงหลายปีนี้ก็หามาโดยตลอดใช่ไหม?""หามาตลอดเลย แต่อีกฝ่ายก็เหมือนสลายหายไปจากโลกนี้แล้วอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีร่องเลยเลยแม้แต่น้อย" เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "ต่อมาข้าก็ป่วย จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก อื๋อ?"เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็เหมือนคิดอะไรออก เขานั่งตัวตรง มองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพอเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็เดาว่าเขาน่าจะคิดอะไรออก จึงไม่ได้ส่งเสียงทำให้ความคิดเขาสับสน รอให้เขาจัดระเบียบเสร็จแล้วพูดออกมาอีกครั้ง"ตอนนั้นเหมือนตรวจเจออะไรแล้ว ต่อมาข้ารู้สึกไม่สบาย การตรวจสอบจึงขาดช่วงไป ตอนนี้พอมาคิดดู มันจะเป็นเพราะข้าตรวจสอบมาถูกทางแล้วหร
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ