บทที่ 3
‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'
.
.
ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน
“ฮึบ!”
เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้
“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว
“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก
“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”
“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”
“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”
“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น
“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเธอร้องครวญครางทั้งคืนมาแล้ว”
หยางเยว่ที่ได้ฟังก็ใบหน้าแดงซ่าน ร้อนผ่าวไปทั้งตัวยามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ทั้งที่ตอนแรกไม่อยากแต่งแท้ ๆ แต่พอได้ลิ้มรสชาติของสามีแก่กว่าคนนี้เข้าไป เอาเถอะจะรุ่นพ่อรุ่นปู่รุ่นตาก็ได้ทั้งนั้นถ้าจะลีลาเด็ด อึด ถึก ทน แรงดีไม่มีตกแบบนี้ กระแทกซะเมื่อเช้าแทบจะเดินไม่ตรงเลย
“เมื่อคืนเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดเถ้าแก่ถึงแรงดีต่างหาก ถ้าไม่มีฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดแล้วไม่รู้ว่าจะยังอึดถึกทนเหมือนแรงม้าอยู่หรือเปล่า” เธอมองต่ำลงไปที่เป้าของเขาอย่างยั่วยวน
แน่นอนว่าคนอย่างเถ้าแก่ซ่งไม่ใช่คนที่ใครจะมาหยามได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะภรรยายอดรักที่เพิ่งแต่งงานกันหมาด ๆ จะมาสบประมาทเขาแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดจึงตัดสินใจช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มทำเอาคนถูกอุ้มหน้าเหวอ ยกสองแขนเล็กขึ้นโอบกอดคอหนาเอาไว้
“เถ้าแก่จะทำอะไรคะ?”
“ก็ทำให้เธอรู้ไงว่าต่อให้ไม่มียาปลุกกำหนัดฉันก็อึดถึกทนอย่างกับม้าเหมือนกัน”
“ตะ… แต่ตัวฉันมีแต่เหงื่อ” เธอพูดด้วยท่าทางเขินอาย
“งั้นฉันจะพาเธอไปอาบน้ำเอง”
“ฉันโตแล้วอาบเองได้”
“อาบเองไม่เท่าคนอื่นอาบให้เพราะขัดให้เธอได้ทุกซอกทุกมุมมากกว่า”
เขาพาเธอเดินกลับเข้ามาในเรือนก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำที่พวกสาวรับใช้มาเติมน้ำให้เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ยามเห็นเขาตื่นนอนพวกสาวรับใช้ก็จะเข้ามาทำหน้าที่ตนเองทันที โดยจะเข้าทางประตูเล็กข้างห้องน้ำแทนไม่ได้เดินผ่านประตูใหญ่หน้าห้อง
หยางเยว่ถูกวางลงที่พื้น แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรริมฝีปากก็ถูกประกบจูบลงมาอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างรวดเร็วจนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ลมหายใจถูกช่วงชิงจนเกิดเสียงจูบอันชื้นแฉะดังก้องไปทั่วห้องน้ำใหญ่ อาภรณ์ตัวบางถูกถอดออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าที่เสียดสีกันอย่างเร่าร้อน
ร่างอรชรถูกดันให้ลงไปในอ่างน้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอเหมาะพอเจาะก่อนจะถูกปรนเปรอที่หน้าอกเล็กทั้งสองข้าง แม้ว่ามันจะไม่ได้ใหญ่มากแต่ซ่งอี้ก็หลงใหลมันสุด ๆ หยอกล้อหยอกเอินกับหัวนมสีชมพูไม่หยุดหย่อนทั้งเลีย ดูดเม้ม และจบด้วยการขบกัดหลายต่อหลายครั้งจนมันกลายเป็นสีแดงเถือก เสียงครวญครางหวานฉ่ำดังออกมา
“หัวนมเธอน่าเอ็นดู มันเล็กเหมือนลูกเกดในขนมปังที่พวกฝรั่งนำเข้ามาขายเลย”
“งั้นเถ้าแก่ชอบลูกเกดไหมคะ?”
“ชอบสิ มันหวานอร่อย”
“งั้นลูกเกดกับหัวนมของหนูชอบอันไหนมากกว่ากัน” เธอใช้นิ้วบีบหัวนมตัวเองก่อนจะดึงรั้งขึ้นมาด้วยท่าทางยั่วยวนเต็มที่
ซ่งอี้ยิ้มออกมาก่อนจะกวาดต้อนลิ้นเลียหัวนมอีกข้างแล้วขบกัดมันเบา ๆ “ต้องชอบหัวนมเธอมากกว่าสิเพราะทั้งหวานทั้งมันทั้งอร่อยกว่า”
หยางเยว่ยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะแยกขาออกแล้วแหวกกลีบดอกไม้งามเพื่อให้เห็นโพรงอ่อนนุ่มด้านใน เรียวขาแยกออกจนกว้าง “ใส่แท่งร้อนของเถ้าแก่เข้ามาในตัวหนูสิ หนูอยากโดนกระแทกแรง ๆ แล้ว”
“หันหลังสิ มือเกาะขอบอ่างเอาไว้”
เธอยอมทำตามหันหลังแล้วโก่งสะโพกให้สามี มือเล็กเท้าขอบอ่างเอาไว้แน่นก่อนจะส่ายก้นไปมาอย่างยั่วยวนจนซ่งอี้มันเขี้ยวยกมือขึ้นฟาดเนื้อนุ่มไปสองทีจนกลายเป็นรอยแดงเถือก
แก่นกายแข็งถูไถรอบกลีบดอกไม้งามก่อนจะกดมันเข้าไปภายในโพรงที่อ่อนนุ่มที่กำลังดูดกลืนตัวตนของเขาจนพลุบเข้าไปด้านในอย่างง่ายดาย ปากทางเข้ายังคงบวมเจ่อและแดงแจ๋แต่เขาก็ไม่มีความปรานีอัดกระแทกความปรารถนาเข้าใส่ภรรยาตัวเล็กทันที กระแทกอย่างรุนแรงอัดแน่นทุกความต้องการใส่หญิงสาวอย่างรุนแรง
ร่างบางขยับโยกไปตามแรงกระแทกกระทั้นจนน้ำในอ่างกระฉอกล้นกระทบพื้นเคล้าคลอไปกับเสียงเนื้อกระทบกันจนดังก้องไปทั้งห้องน้ำ เสียงครวญครางดังออกมาไม่ขาดปากสองเสียงหวานและเข้มต่างสอดประสานกัน
“ข้างในตัวเธอดีมาก อุ่นและรัดฉันแน่นมาก”
“งั้นก็กระแทกแรง ๆ สิคะ”
“มีลูกให้ฉันได้ไหม”
“ดะ… ได้ กี่คนก็ได้ ถ้าเถ้าแก่ขยัน”
“ฉันจะเอาเธอทุกวันเลย ทุกเวลาที่ว่าง”
“ไม่กลัวตายเหรอคะ?”
“ฉันอึดถึกทนจะตายจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเอง”
“งั้นก็กระแทกให้มันแรงกว่านี้สิ”
จังหวะเอวเร่งเร้ามากขึ้นตามคำเรียกร้องของหยางเยว่จนเธอส่งเสียงครางออกมาไม่ขาดปาก ความปรารถนาพลุ่งพล่านร้อนผ่าวไปทั่วร่างกายที่กำลังเสียดสีกันอย่างเร่าร้อนจนน้ำในอ่างแทบจะกลายเป็นน้ำร้อนอยู่แล้ว
“เสียวไหมเด็กดี”
“สะ… เสียว เสียวจะตายอยู่แล้ว เถ้าแก่กระแทกให้เร็วกว่านี้อีก”
“ข้างในตัวเธอดีมาก รัดฉันแน่นมาก เสียวจะตายแล้ว”
เสียวครวญครางดังออกมาไม่ขาดปากพร้อมคำผรุสวาทอันเร่าร้อนที่ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน เสียงเนื้อกระทบกันดังออกมาถี่ยิบและหนักหน่วงจนแทบบ้าคลั่งคล้ายว่าทั้งสองคนกำลังอยู่บนเรือกลางทะเลราคะที่มีคลื่นลมโหมกระหน่ำรุนแรง
“ฉันจะเสร็จแล้ว”
“เสร็จในตัวหนู ปล่อยเข้ามาเยอะ ๆ เลย”
“อ๊า! อึก!” ซ่งอี้จิกตัวเกร็งด้วยความเสียวซ่านยามร่างกายถึงจุดสุดยอดจนปลดปล่อยน้ำรักออกมาพวยพุ่งใส่ช่องทางอ่อนนุ่มจนล้นเอ่อ
หยางเยว่สัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นที่ทะลักเข้ามาในตัวเธอเยอะมาก ร่างของซ่งอี้จิกเกร็งจนมัดกล้ามเนื้อเด่นชัดยิ่งมีเหงื่อพร่างพราวมันยิ่งเซ็กซี่ขยี้ใจเป็นอย่างมาก ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เห็นเหมือนคนอายุ 36 สักนิดเดียว เขาเหมือนเด็กหนุ่มอายุไม่เกิน 20 ที่อยู่ในวัยกลัดมันเสียมากกว่า
บิดาของเธออายุ 41 ห่างกับสามีเธอแค่ 5 ปี แต่บิดากลับแก่ชราจนผมหงอกขาวขึ้นแล้ว ใบหน้าก็มีริ้วรอยเหี่ยวย่นอยู่มาก ส่วนซ่งอี้ยังคงหนุ่มแน่น ไร้พุงพลุ้ยมีแต่กล้ามเนื้อกำยำ ใบหน้าเต่งตึงทุกส่วนอยู่เลย จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเคล็ดลับความอมตะของเขาที่เหมือนหยุดใบหน้าและร่างกายไว้ที่ 20 ปีมันคืออะไรกันแน่จะเอาไปให้บิดาใช้บ้างเผื่อจะหาภรรยาใหม่ได้เพิ่มอีกสัก 2-3 คนให้มารดาเลี้ยงตัวดีของเธอปวดหัวเล่นเสียหน่อย
มีสามีอายุห่างกัน 16 ปีก็ไม่แย่แถมอึดถึกทนอย่างกับม้า ของหวานชัด ๆ นอกจากได้สามีรวยแล้วยังได้สามีเก่งเรื่องบนเตียงอีก วาสนาหยางเยว่แท้ ๆ
บทที่ 4'ฮูหยินผู้เฒ่า'..หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 10'ข่าวใหญ่สกุลซ่ง'..ภายในห้องเงียบสงบไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด ๆ ทั้งนั้น หมอทำการตรวจดูหยางเยว่อย่างละเอียด สอบถามมากมายจนเธอแทบจะตอบไม่ทัน ส่วนซ่งอี้ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาเอาแต่จ้องหมอตลอดเวลาถึงไม่มีคำพูดแต่มันคือความกดดันอย่างยิ่งเหมือนว่าสุดท้ายจะได้ข้อสรุปแล้วหมอวัยกลางคนหันมาส่งยิ้มให้ซ่งอี้ก่อนจะประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อย “ยินดีด้วยเถ้าแก่ซ่ง ยินดีด้วย”“ยินดีเรื่องอะไร ฮูหยินของฉันเจ็บไข้อยู่แท้ ๆ”“ฮูหยินไม่ได้เจ็บไข้หรอก แต่ที่มีอาการอาเจียนเพราะกำลังแพ้ท้อง”“ฮะ!” สองสามีภรรยาต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกันทันที“คุณว่าอะไรนะคุณหมอ” ซ่งอี้ถามย้ำอีกรอบ“ผมถึงต้องแสดงความยินดีไง ตอนนี้ฮูหยินหยางตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วครับ เพราะรอบเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว และมีอาการอื่น ๆ ของคนแพ้ท้องร่วมด้วยจึงมั่นใจว่าตั้งครรภ์แน่นอน ถ้าเถ้าแก่ซ่งอยากแน่ใจมากกว่านี้ก็สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งได้”ซ่งอี้และหยางเยว่ต่างได้ยินในสิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างดีชัดเจนทุกถ้อยคำแต่เหมือนว่าหูของพวกเขาจะดับไปเสียแล้วสติก็ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อความดีใจเอ่อล้
บทที่ 11'เหตุด่วนเหตุร้าย'..บ้านสกุลหยางหยางเยว่นั่งอยู่ภายในศาลากลางสระน้ำที่สงบร่มเย็น เบื้องหน้ามีขนมหวานมากมายที่ถูกยกขึ้นโต๊ะแล้วยังมีชารสดีมากอีกด้วย แต่ก็มีผู้อื่นร่วมโต๊ะนั่นคือมารดาเลี้ยงและน้องสาวคนเล็กของนาง“ต้องขอบคุณเธอที่ยอมเสียสละตัวเองแต่งงานกับเถ้าแก่ซ่ง เราถึงได้มีชาดีกินเช่นนี้” ฮูหยินหวังมารดาเลี้ยงของหยางเยว่กล่าวขึ้น“ฉันก็ยินดีที่การเสียสละของฉัน ทำให้พวกท่านได้สุขสำราญใจกันเช่นนี้” หยางเยว่ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะมองไปทาง ‘หยางอัน’ น้องสาวคนเล็กของนางที่ตอนนี้ก็เริ่มแตกเนื้อสาวแล้ว“ต่อไปก็ตาของเธอ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถิด”“พะ… พี่หญิงสามกล่าวอะไรคะ?” หยางอันยังคงมีสีหน้าใสซื่ออย่างไม่เข้าใจนัก“ก็ถูกบังคับแต่งงานเหมือนฉันไง”พอได้ยินเช่นนั้นหยางอันก็หน้าเสียเล็กน้อยจนฮูหยินหวังต้องหันไปปลอบใจ “อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้สกุลก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด อีกอย่างอันเอ๋อร์ก็ร่ำเรียนที่โรงเรียนสตรีอนาคตคงได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก”“ดียิ่งนัก ช่างเป็นครอบครัวที่รักลูกเท่ากันเหลือเกิน”หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะมันย่
บทที่ 15‘คู่ชีวิต’..เสียงจูบดังระงมภายในห้องอาบน้ำที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาจากอ่างใบใหญ่แต่เหมือนจะแคบลงยามคนสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่ภายใน ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดจนรู้สึกเจ็บแปล๊บแต่หยางเยว่กลับรู้สึกชอบมากเธอโหยหาความป่าเถื่อนจากเขาด้วยการสอดแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นหนาอย่างดูดดื่มจนเกิดเสียงจูบอันชื้นแฉะยั่วยวนหัวใจให้ลุ่มหลงในความปรารถนาอันมากล้นสัมผัสเปียกชื้นจากริมฝีปากหนาที่เลื่อนต่ำลงมายังหน้าอกอวบอิ่ม ปากดูดดึงยอดปทุมถันสีสดจนมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก เรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วฐานจนน้ำลายเหนียวอาบชโลมเป็นเส้นสายใยน้ำหวานที่หยาดเยิ้มไหลย้อย เสียงครวญครางดังออกมาไม่ขาดปาก มันหวานนุ่มละมุนหูแต่ก็แฝงไปด้วยความกระเส่าเสียวซ่านที่ซ่งอี้ชอบมากเลยปรนเปรอสวาทเล้าโลมเรือนกายของหยางเยว่เต็มที่เพราะอยากได้ยินเสียงครวญครางซ่งอี้ดำน้ำลงไปใต้ล่างจนหยางเยว่ตกใจแต่ยังไม่ทันห้ามก็รู้สึกเสียวซ่านยามลิ้นหนากวาดเลียไปทั่วกลีบดอกไม้งามจนต้องส่งเสียงครางหวานฉ่ำออกมา ใบหน้าเชิดขึ้นมือดำดิ่งลงไปขยุ้มผมหนาภายใต้ผืนน้ำที่กำลังกระเพื่อมเอ่อล้นขอบอ่างตามร่างขยับของคนสองคน แต่ทำได้ไม่น
บทที่ 14'ซ่งเหยาน้อย'..เสียงเด็กน้อยร้องอ้อแอ้อยู่ภายในเรือนหลังใหญ่ที่ตอนนี้มีเหล่าสาวรับใช้กำลังเดินเข้าเดินออกด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ขนมหวาน ผลไม้ถูกยกเข้ามาภายในเรือนจัดวางบนโต๊ะอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ลืมข้าวบดละเอียดของเด็กน้อยด้วยที่ตอนนี้หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นนมที่ใช้ผสมลงไปในข้าวบดอย่างพิถีพิถัน สะอาดสะอ้านและมีคุณประโยชน์สำหรับเด็กวัยกำลังโต“ไหนใครหิวข้าวบ้าง”ซ่งอี้หยิบถ้วยช้าวบดผสมนมเดินมาหา ‘ซ่งเหยา’ ลูกชายวัยหนึ่งขวบที่นั่งอยู่บนตักของหยางเยว่ด้วยรอยยิ้ม เขานั่งลงที่พื้นตรงหน้าของบุตรชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก่อนจะตักข้าวบดผสมนมขึ้นมาจ่อที่ปากเล็ก ๆ ที่กำลังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา ช่างน่ารักน่าชังจนอยากจะจับมาฟัดแก้มให้ช้ำแต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้“อ้ามมมม อ้าปากเร็วครับ ไหนใครคนเก่ง”“แอ้ ๆ อ้าม ๆ” ซ่งเหยาตัวน้อยยกมือไม้ขึ้นจับไปในอากาศด้วยท่าทางสดใสร่าเริงตามวัย ปากเล็กเคี้ยวข้าวบดผสมนมหมุบหมิบช่างน่าเอ็นดู“อร่อยไหมครับคนเก่ง”“หม่ำ ๆ”“ครับ ๆ หม่ำ ๆ อ้าปากหม่ำ ๆ” ซ่งอี้ตักข้าวบดผสมนมป้อนให้ลูกชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขเขาเงยขึ้นสบตากับหยางเ
บทที่ 13‘โดนสั่งห้ามไปไหน’..หยางเยว่เดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าภายใต้ชายคาเรือนของตนเอง ผ่านมาแล้วสามวันนับจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับเธอ ตัวเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ลูกก็ยังอยู่ดี เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้นจึงนอนโรงพยาบาลเพียงคืนเดียวก็กลับมาอยู่บ้านได้พวกโจรถูกตำรวจจับกุมรวมถึงฉีเหมยหลิวด้วย เธอไม่ได้ไปพบฉีเหมยหลิวหรอกกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวตบอีกฝ่ายจนฟันร่วงและที่สำคัญไปกว่านั้นเธอกำลังตั้งท้อง อะไรเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไม่ใช่ลอยหน้าลอยตาไปทุกที่ สถานีตำรวจมีผู้ร้ายมากมายเกิดหลุดการจับกุมแล้วเข้ามาทำร้ายเธอจะแย่เอา ซ่งอี้อยากให้เธออยู่บ้านรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีมากกว่า“วันนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเธอหันกลับไปหาซ่งอี้ที่กำลังจะออกไปทำงานจึงเลื่อนมือไปช่วยจัดเสื้อผ้าเขาให้เรียบร้อย “ฉันรู้แล้ว เถ้าแก่พูดกรอกหูฉันทุกวัน”“ก็เธอชอบดื้อ”“ฉันดื้อตรงไหนคะ เชื่อฟังเถ้าแก่จะตาย”“ดีแล้วจะได้ไม่เกิดเรื่องอีก”“แต่จะให้อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวก็เหงาแย่เลย”“ไว้เธออยากไปไหน ฉันจะพาไปเอง”“จะดีเหรอคะ เถ้าแก่ต้องทำงานไม่รบกวนเหรอ?”“ฉันยอมไม่ไปทำงานดีกว่าต้องปล่อยเธอไปไห
บทที่ 12'ชดใช้กรรม'..“ช่วยด้วย!”“ใครก็ได้ช่วยด้วย!”“หยุดนะโว๊ย!”พวกโจรวิ่งตามมาติด ๆ ในขณะที่หยางเยว่ก็พยายามวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดจนเธอเริ่มเหนื่อยแล้ว ขาแทบจะก้าวไม่ออกอีกต่อไปแล้วเพราะมันอ่อนล้ามากเหมือนจะล้มได้ตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้ความหวังเพราะถนนมันช่างห่างไกลเหลือเกิน แต่ตอนที่แสงแห่งความหวังกำลังจะหมดลงกลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วรถยนต์ถูกจอดลงตรงหน้าของหยางเยว่ ห่างออกไปไม่ไกลเท่านั้น คนที่คุ้นเคยก้าวลงมาจากรถพร้อมปืนในมือแล้วชี้ปลายกระบอกมาทางเธอจนหยางเยว่ตกใจ“ฮูหยินก้มลง!” เสียงตะโกนของซ่งอี้ดังสนั่นจนหยางเยว่ต้องหยุดฝีเท้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นสองมือยกขึ้นปิดหูตัวเองแล้วก้มหัวลงให้ต่ำที่สุดทันทีปัง ปัง ปัง!เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดกระสุนที่มีกลิ่นดินปืนไหม้พุ่งผ่านไปเหนือตัวของหยางเยว่มุ่งตรงไปยังด้านหลังที่มีพวกโจรอยู่ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดจนเธอต้องหันไปมองก็พบว่าโจรสองคนถูกยิงจนล้มลงไปกองกับพื้นเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่ขาและแขนภาพน่ากลัวตรงหน้ามันทำให้จิตใจของหยางเยว่เตลิดไปไหนต่อไหน บวกกับคว
บทที่ 11'เหตุด่วนเหตุร้าย'..บ้านสกุลหยางหยางเยว่นั่งอยู่ภายในศาลากลางสระน้ำที่สงบร่มเย็น เบื้องหน้ามีขนมหวานมากมายที่ถูกยกขึ้นโต๊ะแล้วยังมีชารสดีมากอีกด้วย แต่ก็มีผู้อื่นร่วมโต๊ะนั่นคือมารดาเลี้ยงและน้องสาวคนเล็กของนาง“ต้องขอบคุณเธอที่ยอมเสียสละตัวเองแต่งงานกับเถ้าแก่ซ่ง เราถึงได้มีชาดีกินเช่นนี้” ฮูหยินหวังมารดาเลี้ยงของหยางเยว่กล่าวขึ้น“ฉันก็ยินดีที่การเสียสละของฉัน ทำให้พวกท่านได้สุขสำราญใจกันเช่นนี้” หยางเยว่ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะมองไปทาง ‘หยางอัน’ น้องสาวคนเล็กของนางที่ตอนนี้ก็เริ่มแตกเนื้อสาวแล้ว“ต่อไปก็ตาของเธอ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถิด”“พะ… พี่หญิงสามกล่าวอะไรคะ?” หยางอันยังคงมีสีหน้าใสซื่ออย่างไม่เข้าใจนัก“ก็ถูกบังคับแต่งงานเหมือนฉันไง”พอได้ยินเช่นนั้นหยางอันก็หน้าเสียเล็กน้อยจนฮูหยินหวังต้องหันไปปลอบใจ “อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้สกุลก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด อีกอย่างอันเอ๋อร์ก็ร่ำเรียนที่โรงเรียนสตรีอนาคตคงได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก”“ดียิ่งนัก ช่างเป็นครอบครัวที่รักลูกเท่ากันเหลือเกิน”หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะมันย่
บทที่ 10'ข่าวใหญ่สกุลซ่ง'..ภายในห้องเงียบสงบไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด ๆ ทั้งนั้น หมอทำการตรวจดูหยางเยว่อย่างละเอียด สอบถามมากมายจนเธอแทบจะตอบไม่ทัน ส่วนซ่งอี้ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาเอาแต่จ้องหมอตลอดเวลาถึงไม่มีคำพูดแต่มันคือความกดดันอย่างยิ่งเหมือนว่าสุดท้ายจะได้ข้อสรุปแล้วหมอวัยกลางคนหันมาส่งยิ้มให้ซ่งอี้ก่อนจะประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อย “ยินดีด้วยเถ้าแก่ซ่ง ยินดีด้วย”“ยินดีเรื่องอะไร ฮูหยินของฉันเจ็บไข้อยู่แท้ ๆ”“ฮูหยินไม่ได้เจ็บไข้หรอก แต่ที่มีอาการอาเจียนเพราะกำลังแพ้ท้อง”“ฮะ!” สองสามีภรรยาต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกันทันที“คุณว่าอะไรนะคุณหมอ” ซ่งอี้ถามย้ำอีกรอบ“ผมถึงต้องแสดงความยินดีไง ตอนนี้ฮูหยินหยางตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วครับ เพราะรอบเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว และมีอาการอื่น ๆ ของคนแพ้ท้องร่วมด้วยจึงมั่นใจว่าตั้งครรภ์แน่นอน ถ้าเถ้าแก่ซ่งอยากแน่ใจมากกว่านี้ก็สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งได้”ซ่งอี้และหยางเยว่ต่างได้ยินในสิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างดีชัดเจนทุกถ้อยคำแต่เหมือนว่าหูของพวกเขาจะดับไปเสียแล้วสติก็ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อความดีใจเอ่อล้
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ