แชร์

บทที่ 4 'ฮูหยินผู้เฒ่า'

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-06 14:49:45

บทที่ 4

'ฮูหยินผู้เฒ่า'

.

.

หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้

แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น

“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย ทำให้นายท่านซ่งไม่สามารถดองกับสกุลฉีได้จึงรั้งรอเรื่องนี้มานาน

แต่คนมันไม่ใช่เนื้อคู่กันยังไงเสียก็ไม่มีวันได้ลงเอยกันเพราะสุดท้ายแล้วนายท่านซ่งก็จากไปอย่างกะทันหันจากสงครามกลางเมืองที่คุกรุ่นในก่อนหน้านี้ ทำให้ซ่งอี้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าบ้านสกุลซ่งแทนและเขาก็มีอำนาจมากพอที่จะปฏิเสธเพราะไม่มีบิดาให้ต้องเกรงใจแล้วจึงปฏิเสธฉีเหมยหลิวอย่างจริงจังทำให้สกุลฉีไม่พอใจเป็นอย่างมากสั่งไม่ให้ฉีเหมยหลิวมายุ่งกับซ่งอี้อีก แต่หล่อนก็ไม่ได้เชื่อฟังบิดามารดายังแอบมาหาซ่งอี้ที่เคหาสน์บ่อย ๆ เข้านอกออกในได้ตามสบายเพราะคนรับใช้ต่างชินชากับหล่อนแล้วที่มาที่เคหาสน์นี้ตั้งแต่สมัยนายท่านซ่งยังอยู่

“ทำไมฉันจะจับไม่ได้ ของเธอหรือไง?”

“ไม่ใช่ของฉันหรอก แต่ฉันกลัวว่าดอกไม้บริสุทธิ์มันจะเหี่ยวเฉาเพราะคนมีมลทินแบบเธอ”

“คนแบบฉันมีมลทินตรงไหนเหรอ?”

“ผู้หญิงข้างถนนที่บ้านเปิดร้านบะหมี่เล็ก ๆ ต้องพลีกายให้ผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะ ถึงยังทำให้กิจการของบ้านเธอยังอยู่รอดในย่านการค้าสำคัญที่นักลงทุนอยากจะซื้อที่ทาง”

“อย่ามาดูถูกฉันนะ” หยางเยว่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

“ใช่ ฉันดูถูกเธอไม่ได้ดูผิดแน่ ไม่ใช่ว่าที่เธอยอมแต่งงานกับพี่อี้ก็เพราะเงินสินสอดมหาศาลหรอกเหรอ ได้ข่าวว่าตึกเช่าร้านบะหมี่ของพ่อเธอกำลังจะถูกไล่ที่แต่อยู่ดี ๆ พ่อเธอก็มีเงินไปซื้อตึกนั้นไว้ได้ทั้งตึก จังหวะเดียวกับที่เธอแต่งเข้ามาที่นี่พอดีถ้าไม่ใช่เพราะเงินจากสินสอด สกุลหยางต่ำต้อยที่ขายแค่บะหมี่ต๊อกต๋อยจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อตึกราคาสูงแบบนั้นได้”

“ฉันยอมรับว่าพ่อฉันเอาสินสอดไปซื้อตึกเพื่อขายบะหมี่ต่อ แต่มันก็เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ พ่อฉันเอาเงินสินสอดไปลงทุนที่สามารถทำให้สกุลหยางลืมตาอ้าปากต่อไปได้ ไม่ตกอับ ดีกว่าเอาไปลงโรงบ่อนหรือเสพฝิ่นจนเสียสติเหมือนพี่ชายเธอ”

“นี่แกว่าพี่ชายฉันเหรอ กล้าดียังไงถึงเอาพ่อต่ำต้อยของแกมาเทียบกับพี่ชายของฉัน!”

“ก็หล่อนมาว่าพ่อฉันก่อน” หยางเยว่ยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อยยามมองใบหน้าของฉีเหมยหลิว “ด่าผู้อื่นฉอด ๆ แต่พอถึงเวลาตัวเองโดนบ้างกับรับไม่ได้ ดิ้นพล่านเป็นปลิงโดนไฟลวกเลย”

“อย่ามาปากดีนักเลย ที่เธอแต่งงานเข้ามาได้ก็เพราะปีเกิดเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ได้เกิดปีมะเมียส้มคงไม่ตกใส่หัวแบบนี้หรอก หล่อนก็เป็นได้แค่เจ้าสาวส้มหล่นเท่านั้นแหละอย่าหยิ่งผยองให้มากนัก”

“ดวงชะตาต้องกันมันก็หมายความว่าเป็นเนื้อคู่กัน ยอมรับเสียเถิดคุณหนูรองฉีว่าฉันได้แต่งงานกับเถ้าแก่ซ่งก็เพราะเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้ากำหนด คู่กันแล้วมันไม่แคล้วกันหรอก ต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องวนมาเจอกันอยู่ดี ส่วนคนที่ไม่ใช่คู่กันต่อให้อยู่ตรงหน้าใกล้ชิดมากแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่สามารถจะแต่งงานกันได้อยู่ดี เหมือนเธอไง พยายามมากแค่ไหนสุดท้ายคนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดี”

“ปากดีนักนะ วันนี้ฉันจะเอาเลือดปากแกออก!”

ฉีเหมยหลิวที่โดนด่าก็ทนไม่ไหวพุ่งตัวเข้ามาพร้อมง้างมือขึ้นจะตบปากของหยางเยว่ แต่ก่อนที่มือจะกระทบใบหน้าของหยางเยว่กลับมีมือใหญ่มาคว้าเอาไว้เสียก่อนจนผู้หญิงทั้งสองคนตกใจโดยเฉพาะฉีเหมยหลิว

“พี่อี้” ฉีเหมยหลิวหน้าเสียทันที

“ทำอะไรของเธอ!” ซ่งอี้ผลักตัวฉีเหมยหลิวออกไปเล็กน้อยจนเธอเหมือนจะร้องไห้ออกมา

“พะ… พี่อี้ พี่ผลักฉันเลยเหรอ?”

“เธอจะทำร้ายฮูหยินของฉัน”

“แต่มันก็แค่ฮูหยินส้มหล่น มันได้แต่งงานกับพี่ก็เพราะดวงบ้า ๆ บอ ๆ ที่ทำให้ฉันไม่ได้แต่งงานกับพี่ทั้งที่ตำแหน่งนี้มันควรเป็นของฉัน”

ฉีเหมยหลิวพูดออกมาด้วยความเสียใจจนน้ำตาคลอเบ้าแต่เหมือนว่าซ่งอี้จะไม่สงสารแล้วยังโมโหด้วยที่อีกฝ่ายยังมายุ่งวุ่นวายในบ้านของเขาทั้งที่บอกชัดเจนแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับฉีเหมยหลิวจนแตกหักกับสกุลฉีไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมรามืออยู่ดียังจะตามมาตอแยเขาที่ทำงานเป็นประจำ บางครั้งก็มาบ้านแบบนี้เพราะอาศัยว่าเคยเข้าออกบ้านหลังนี้ตอนที่บิดาเขายังมีชีวิตอยู่จนชินชาไร้ยางอายแล้ว

“ฮูหยินที่ได้มาเพราะดวงชะตาต้องกัน เรื่องเหลวไหลงมงายพรรค์นี้พี่ก็เชื่อลงเหรอ?”

“ต่อให้มันเป็นเรื่องเหลวไหลงมงาย แต่การที่อาอี้แต่งงานกับหยางเยว่มันก็คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้ามาโดยมีสาวใช้ช่วยประคอง ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นคุณย่าของซ่งอี้แล้วแต่ก็ยังสุขภาพดี เดินเหินได้อยู่เพราะมีลูกตั้งแต่สมัยแรกรุ่นไม่ได้เหมือนสมัยนี้ที่ยี่สิบสามสิบแล้วยังไม่มีลูกกันสักคน ปกติฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ค่อยมายุ่งกับเรือนใหญ่แต่เพราะไม่อาจจะทนเห็นคนนอกเข้ามาก้าวก่ายในบ้านสกุลซ่งได้อีกต่อไป

“เพราะถ้าแต่งงานกับหล่อนคงจะมีแต่เรื่องทุกข์ร้อนใจไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดไม่ได้แต่งงานยังเอาเรื่องเดือดร้อนมาถึงบ้านสกุลซ่ง เป็นคนนอกแท้ ๆ แต่ดันมาโวยวายในบ้านคนอื่น สกุลฉีไม่ได้สอนมารยาทมาหรือ?”

“คุณย่า…”

“หล่อนแซ่ซ่งหรือ?” ฉีเหมยหลินยังไม่ทันจะพูดจบฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดแทรกขึ้น

“เปล่าค่ะ”

“งั้นก็ควรเรียกฉันว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ใช่คุณย่า ไม่ได้แซ่ซ่งก็อย่ามานับญาติกัน ฉันมีหลานชายคนเดียว”

ฉีเหมยหลินหน้าเสียลงทันทีเมื่อโดนเหยียดหยามจากฮูหยินผู้เฒ่าที่ใครก็รู้ว่าเป็นคนปากคอเราะร้ายมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ แล้ว นายท่านผู้เฒ่าผู้ล่วงลับถึงไม่มีอนุภรรยาสักคนเพราะฮูหยินผู้เฒ่าดุอย่างกับเสือแม่ลูกอ่อนจนสตรีนางไหนก็ขยาดไม่กล้าลองดีมาเป็นอนุของนายท่านผู้เฒ่าทั้งนั้น

“อ้อ ต้องพูดว่า ฉันมีหลานชายแท้ ๆ คนเดียว แต่ตอนนี้มีหลานสะใภ้เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้วก็คือหยางเยว่คนที่ฉันเลือกมาเองกับมือ คุณสมบัติเพียบพร้อม หน้าตางดงาม ดวงชะตาสมพงษ์กับอาอี้ คู่ที่เกื้อหนุนกันขนาดนี้เขาเรียกว่าคู่แท้ที่สวรรค์ลิขิตมา ส่วนคู่เก๊ก็ถอยออกไปเถอะ”

“ที่ฉันไม่ได้แต่งงานกับพี่อี้ก็เพราะฮูหยินผู้เฒ่านั่นแหละ!”

“อย่าเสียมารยาทใส่คุณย่าฉันนะเหมยหลิว” ซ่งอี้รีบห้ามปราม

“ฉันไม่หยุด ทุกคนที่นี่รังแกฉัน เรื่องนี้ไม่จบแน่เพราะฉันจะไม่มีวันยอมให้คนอื่นมาลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่งที่ฉันควรจะได้ตั้งแต่แรกหรอก!”

ฉีเหมยหลิวจ้องมองหยางเยว่ด้วยความโกรธแค้นแววตาฉายแววดุดันจนน่ากลัวก่อนจะสะบัดชายกระโปรงเดรสยาวแบบชุดหญิงสาวตะวันตกออกไปทันที เสียงรอบตัวก็เงียบลงทันทีเช่นเดียวกันคล้ายว่าพายุบ้าคลั่งพัดผ่านไปแล้วเรียบร้อย

“หลงผู้ชายจนเสียสติไปแล้ว หลานชายฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีให้น่าหลงใหลถึงเพียงนี้เลย”

“คุณย่าอย่าพูดอะไรที่ทำให้ผมดูไม่ดีสิ” ซ่งอี้รีบหันมาพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดอะไรให้เขาเสียหน้า

“ก็ย่าพูดเรื่องจริง แก่ขนาดนี้ยังจะมีผู้หญิงมาแย่งกันอีก”

คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะขำออกมาจนเผลอส่งเสียงต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองทันทียามสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองคนกำลังหันมามองเป็นตาเดียว

“ขะ… ขอโทษค่ะ”

“เธอไม่ต้องคิดมากนะ แต่งงานเข้าสกุลซ่งแล้วก็นับว่าเป็นคนสกุลซ่ง จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้ แม้ว่าการแต่งงานของเธอกับอาอี้จะเป็นการคลุมถุงชนที่กำหนดโดนผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ก็ขอให้มั่นใจว่าสกุลซ่งเลือกเธอแล้วก็จะดูแลเธออย่างดี และเธอก็เป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่งได้อย่างเฉิดฉายด้วย”

“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่ปกป้องฉันค่ะ” เธอประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อยอย่างซาบซึ้งใจที่คนสกุลซ่งไม่ได้ทำให้เธออึดอัดเลย มิหนำซ้ำยังดูแลเธออย่างดีมากอีกด้วย

“เอาเถิด ไม่ต้องมากพิธี พวกเธอสองคนก็กลับเรือนไปพักผ่อนกันเสียไป ฉันแก่แล้วให้ยืนมากก็ไม่ไหวขอกลับไปนอนพักที่เรือนก่อน”

“คุณย่ารักษาสุขภาพด้วยครับ ไว้เย็นนี้ผมจะไปกินข้าวกับคุณย่า”

“ไม่ต้อง อยู่กับอาเยว่เถิด เพิ่งจะแต่งงานกัน กำลังข้าวใหม่ปลามันมีเวลาว่างก็ใช้ด้วยกันเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้ไม่เหงาหรอก แต่ถ้ากลัวฉันเหงาก็มีลูกให้ฉันเลี้ยงไว ๆ”

“งั้นผมจะรีบมีลูกให้คุณย่าช่วยเลี้ยงเลย”

“ดีมาก นี่สิหลานกตัญญู”

ย่าหลานต่างพากันหัวเราะคิกคักอยู่สองคนอย่างเข้าขากันได้ดี ส่วนหยางเยว่ก็ยืนนิ่งใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย มาพูดเรื่องหลานกันไม่ได้เกรงใจคนอุ้มท้องเลย แต่ฮูหยินผู้เฒ่ารอไม่นานหรอกซ่งอี้ขยันเสียขนาดนี้ถ้าลูกมาช้าแปลว่าน้ำยาเขาไม่ดีแล้วแหละ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินช่างยั่วยวนยิ่งนัก   บทที่ 15 ‘คู่ชีวิต’

    บทที่ 15‘คู่ชีวิต’..เสียงจูบดังระงมภายในห้องอาบน้ำที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาจากอ่างใบใหญ่แต่เหมือนจะแคบลงยามคนสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่ภายใน ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดจนรู้สึกเจ็บแปล๊บแต่หยางเยว่กลับรู้สึกชอบมากเธอโหยหาความป่าเถื่อนจากเขาด้วยการสอดแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นหนาอย่างดูดดื่มจนเกิดเสียงจูบอันชื้นแฉะยั่วยวนหัวใจให้ลุ่มหลงในความปรารถนาอันมากล้นสัมผัสเปียกชื้นจากริมฝีปากหนาที่เลื่อนต่ำลงมายังหน้าอกอวบอิ่ม ปากดูดดึงยอดปทุมถันสีสดจนมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก เรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วฐานจนน้ำลายเหนียวอาบชโลมเป็นเส้นสายใยน้ำหวานที่หยาดเยิ้มไหลย้อย เสียงครวญครางดังออกมาไม่ขาดปาก มันหวานนุ่มละมุนหูแต่ก็แฝงไปด้วยความกระเส่าเสียวซ่านที่ซ่งอี้ชอบมากเลยปรนเปรอสวาทเล้าโลมเรือนกายของหยางเยว่เต็มที่เพราะอยากได้ยินเสียงครวญครางซ่งอี้ดำน้ำลงไปใต้ล่างจนหยางเยว่ตกใจแต่ยังไม่ทันห้ามก็รู้สึกเสียวซ่านยามลิ้นหนากวาดเลียไปทั่วกลีบดอกไม้งามจนต้องส่งเสียงครางหวานฉ่ำออกมา ใบหน้าเชิดขึ้นมือดำดิ่งลงไปขยุ้มผมหนาภายใต้ผืนน้ำที่กำลังกระเพื่อมเอ่อล้นขอบอ่างตามร่างขยับของคนสองคน แต่ทำได้ไม่น

  • ฮูหยินช่างยั่วยวนยิ่งนัก   บทที่ 14 'ซ่งเหยาน้อย'

    บทที่ 14'ซ่งเหยาน้อย'..เสียงเด็กน้อยร้องอ้อแอ้อยู่ภายในเรือนหลังใหญ่ที่ตอนนี้มีเหล่าสาวรับใช้กำลังเดินเข้าเดินออกด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ขนมหวาน ผลไม้ถูกยกเข้ามาภายในเรือนจัดวางบนโต๊ะอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ลืมข้าวบดละเอียดของเด็กน้อยด้วยที่ตอนนี้หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นนมที่ใช้ผสมลงไปในข้าวบดอย่างพิถีพิถัน สะอาดสะอ้านและมีคุณประโยชน์สำหรับเด็กวัยกำลังโต“ไหนใครหิวข้าวบ้าง”ซ่งอี้หยิบถ้วยช้าวบดผสมนมเดินมาหา ‘ซ่งเหยา’ ลูกชายวัยหนึ่งขวบที่นั่งอยู่บนตักของหยางเยว่ด้วยรอยยิ้ม เขานั่งลงที่พื้นตรงหน้าของบุตรชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก่อนจะตักข้าวบดผสมนมขึ้นมาจ่อที่ปากเล็ก ๆ ที่กำลังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา ช่างน่ารักน่าชังจนอยากจะจับมาฟัดแก้มให้ช้ำแต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้“อ้ามมมม อ้าปากเร็วครับ ไหนใครคนเก่ง”“แอ้ ๆ อ้าม ๆ” ซ่งเหยาตัวน้อยยกมือไม้ขึ้นจับไปในอากาศด้วยท่าทางสดใสร่าเริงตามวัย ปากเล็กเคี้ยวข้าวบดผสมนมหมุบหมิบช่างน่าเอ็นดู“อร่อยไหมครับคนเก่ง”“หม่ำ ๆ”“ครับ ๆ หม่ำ ๆ อ้าปากหม่ำ ๆ” ซ่งอี้ตักข้าวบดผสมนมป้อนให้ลูกชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขเขาเงยขึ้นสบตากับหยางเ

  • ฮูหยินช่างยั่วยวนยิ่งนัก   บทที่ 13 ‘โดนสั่งห้ามไปไหน’

    บทที่ 13‘โดนสั่งห้ามไปไหน’..หยางเยว่เดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าภายใต้ชายคาเรือนของตนเอง ผ่านมาแล้วสามวันนับจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับเธอ ตัวเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ลูกก็ยังอยู่ดี เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้นจึงนอนโรงพยาบาลเพียงคืนเดียวก็กลับมาอยู่บ้านได้พวกโจรถูกตำรวจจับกุมรวมถึงฉีเหมยหลิวด้วย เธอไม่ได้ไปพบฉีเหมยหลิวหรอกกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวตบอีกฝ่ายจนฟันร่วงและที่สำคัญไปกว่านั้นเธอกำลังตั้งท้อง อะไรเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไม่ใช่ลอยหน้าลอยตาไปทุกที่ สถานีตำรวจมีผู้ร้ายมากมายเกิดหลุดการจับกุมแล้วเข้ามาทำร้ายเธอจะแย่เอา ซ่งอี้อยากให้เธออยู่บ้านรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีมากกว่า“วันนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเธอหันกลับไปหาซ่งอี้ที่กำลังจะออกไปทำงานจึงเลื่อนมือไปช่วยจัดเสื้อผ้าเขาให้เรียบร้อย “ฉันรู้แล้ว เถ้าแก่พูดกรอกหูฉันทุกวัน”“ก็เธอชอบดื้อ”“ฉันดื้อตรงไหนคะ เชื่อฟังเถ้าแก่จะตาย”“ดีแล้วจะได้ไม่เกิดเรื่องอีก”“แต่จะให้อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวก็เหงาแย่เลย”“ไว้เธออยากไปไหน ฉันจะพาไปเอง”“จะดีเหรอคะ เถ้าแก่ต้องทำงานไม่รบกวนเหรอ?”“ฉันยอมไม่ไปทำงานดีกว่าต้องปล่อยเธอไปไห

  • ฮูหยินช่างยั่วยวนยิ่งนัก   บทที่ 12 'ชดใช้กรรม'

    บทที่ 12'ชดใช้กรรม'..“ช่วยด้วย!”“ใครก็ได้ช่วยด้วย!”“หยุดนะโว๊ย!”พวกโจรวิ่งตามมาติด ๆ ในขณะที่หยางเยว่ก็พยายามวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดจนเธอเริ่มเหนื่อยแล้ว ขาแทบจะก้าวไม่ออกอีกต่อไปแล้วเพราะมันอ่อนล้ามากเหมือนจะล้มได้ตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้ความหวังเพราะถนนมันช่างห่างไกลเหลือเกิน แต่ตอนที่แสงแห่งความหวังกำลังจะหมดลงกลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วรถยนต์ถูกจอดลงตรงหน้าของหยางเยว่ ห่างออกไปไม่ไกลเท่านั้น คนที่คุ้นเคยก้าวลงมาจากรถพร้อมปืนในมือแล้วชี้ปลายกระบอกมาทางเธอจนหยางเยว่ตกใจ“ฮูหยินก้มลง!” เสียงตะโกนของซ่งอี้ดังสนั่นจนหยางเยว่ต้องหยุดฝีเท้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นสองมือยกขึ้นปิดหูตัวเองแล้วก้มหัวลงให้ต่ำที่สุดทันทีปัง ปัง ปัง!เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดกระสุนที่มีกลิ่นดินปืนไหม้พุ่งผ่านไปเหนือตัวของหยางเยว่มุ่งตรงไปยังด้านหลังที่มีพวกโจรอยู่ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดจนเธอต้องหันไปมองก็พบว่าโจรสองคนถูกยิงจนล้มลงไปกองกับพื้นเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่ขาและแขนภาพน่ากลัวตรงหน้ามันทำให้จิตใจของหยางเยว่เตลิดไปไหนต่อไหน บวกกับคว

  • ฮูหยินช่างยั่วยวนยิ่งนัก   บทที่ 11 'เหตุด่วนเหตุร้าย'

    บทที่ 11'เหตุด่วนเหตุร้าย'..บ้านสกุลหยางหยางเยว่นั่งอยู่ภายในศาลากลางสระน้ำที่สงบร่มเย็น เบื้องหน้ามีขนมหวานมากมายที่ถูกยกขึ้นโต๊ะแล้วยังมีชารสดีมากอีกด้วย แต่ก็มีผู้อื่นร่วมโต๊ะนั่นคือมารดาเลี้ยงและน้องสาวคนเล็กของนาง“ต้องขอบคุณเธอที่ยอมเสียสละตัวเองแต่งงานกับเถ้าแก่ซ่ง เราถึงได้มีชาดีกินเช่นนี้” ฮูหยินหวังมารดาเลี้ยงของหยางเยว่กล่าวขึ้น“ฉันก็ยินดีที่การเสียสละของฉัน ทำให้พวกท่านได้สุขสำราญใจกันเช่นนี้” หยางเยว่ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะมองไปทาง ‘หยางอัน’ น้องสาวคนเล็กของนางที่ตอนนี้ก็เริ่มแตกเนื้อสาวแล้ว“ต่อไปก็ตาของเธอ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถิด”“พะ… พี่หญิงสามกล่าวอะไรคะ?” หยางอันยังคงมีสีหน้าใสซื่ออย่างไม่เข้าใจนัก“ก็ถูกบังคับแต่งงานเหมือนฉันไง”พอได้ยินเช่นนั้นหยางอันก็หน้าเสียเล็กน้อยจนฮูหยินหวังต้องหันไปปลอบใจ “อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้สกุลก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด อีกอย่างอันเอ๋อร์ก็ร่ำเรียนที่โรงเรียนสตรีอนาคตคงได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก”“ดียิ่งนัก ช่างเป็นครอบครัวที่รักลูกเท่ากันเหลือเกิน”หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะมันย่

  • ฮูหยินช่างยั่วยวนยิ่งนัก   บทที่ 10 'ข่าวใหญ่สกุลซ่ง'

    บทที่ 10'ข่าวใหญ่สกุลซ่ง'..ภายในห้องเงียบสงบไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด ๆ ทั้งนั้น หมอทำการตรวจดูหยางเยว่อย่างละเอียด สอบถามมากมายจนเธอแทบจะตอบไม่ทัน ส่วนซ่งอี้ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาเอาแต่จ้องหมอตลอดเวลาถึงไม่มีคำพูดแต่มันคือความกดดันอย่างยิ่งเหมือนว่าสุดท้ายจะได้ข้อสรุปแล้วหมอวัยกลางคนหันมาส่งยิ้มให้ซ่งอี้ก่อนจะประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อย “ยินดีด้วยเถ้าแก่ซ่ง ยินดีด้วย”“ยินดีเรื่องอะไร ฮูหยินของฉันเจ็บไข้อยู่แท้ ๆ”“ฮูหยินไม่ได้เจ็บไข้หรอก แต่ที่มีอาการอาเจียนเพราะกำลังแพ้ท้อง”“ฮะ!” สองสามีภรรยาต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกันทันที“คุณว่าอะไรนะคุณหมอ” ซ่งอี้ถามย้ำอีกรอบ“ผมถึงต้องแสดงความยินดีไง ตอนนี้ฮูหยินหยางตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วครับ เพราะรอบเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว และมีอาการอื่น ๆ ของคนแพ้ท้องร่วมด้วยจึงมั่นใจว่าตั้งครรภ์แน่นอน ถ้าเถ้าแก่ซ่งอยากแน่ใจมากกว่านี้ก็สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งได้”ซ่งอี้และหยางเยว่ต่างได้ยินในสิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างดีชัดเจนทุกถ้อยคำแต่เหมือนว่าหูของพวกเขาจะดับไปเสียแล้วสติก็ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อความดีใจเอ่อล้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status