"ว่าอย่างไร"
เจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่นานแล้วเอ่ยถามน้ำเสียงเร่งเร้า หากนางตายเขาจะได้รีบออกไปจากห้องอัปมงคลแห่งนี้
"มะ ไม่หายใจแล้วขอรับ จะทำอย่างไรดีขอรับ"
"ไปเรียกสาวใช้นาง แล้วไปตามท่านแม่ทัพไป๋มาดูด้วยตาตนเอง ว่านางตั้งใจกินยาพิษเพื่อฆ่าตัวตายหนีการแต่งงานกับข้าเอง ตระกูลเหอหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดไม่"
"ขะ ขอรับ"
จื่อลู่ก้าวถอยหลังเตรียมตัวจะไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ทว่า... มืออันเย็นเยียบของคนที่ตายไปแล้วกลับจับมือของเขาเอาไว้แน่น
"ผะ ผีหลอกกก!"
เฮือกกก!!
ไป๋อวี้ที่ควรตายไปแล้วจากการถูกรถชน พลันลืมตาขึ้นมามองคนที่อยู่ในห้องด้วยความสงสัย ดวงตาคู่กลมแวววาวดั่งลูกแก้วใสกวาดมองไปทั่วห้องหอด้วยความตกใจระคนแปลกใจ ก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับจื่อลู่ และผู้เป็นเจ้าบ่าวที่ยืนหน้านิ่งอยู่ภายในห้อง สายตาของเขาคล้ายจะวูบไหวไปมาเล็กน้อย
"ทะ ที่ไหนเนี่ย โอ๊ย! ปวดหัวชะมัดเลย"
ไป๋อวี้ยกมือขึ้นมาจับหัวของตนเองด้วยความเจ็บปวด หัวสมองของนางมันปวดร้าวจนคล้ายจะแตกระเบิดออกมาเสียให้ได้ แล้วจู่ ๆ ความทรงจำที่นางไม่คุ้นเคยพลันแล่นเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็ว
ตระกูลไป๋ แม่ทัพอุดร คุณหนูใหญ่ น้องรอง น้องสาม สามี งานแต่งงาน ทุกสิ่งทุกอย่างมันวิ่งพล่านภายในความทรงจำของนาง ไป๋อวี้หลับตาลงเพื่อประมวลผลจากความทรงจำนั้น
"จื่อลู่ เกิดอะไรขึ้น"
"เอ่อ... ฮะ ฮูหยินน้อยฟื้นจากความตายขอรับ!"
"จะเป็นไปได้อย่างไร"
ร่างสูงเพรียวใช้มือคลำทางแล้วเดินมายังเตียงหลังใหญ่ มือของเขาแตะสัมผัสแขนของไป๋อวี้เพื่อยืนยันสิ่งที่จื่อลู่พูดออกมา
"ทะ ทำอะไร"
ไป๋อวี้ปัดมือของบุรุษที่ทั้งแปลกหน้า แต่ก็คุ้นเคยในความทรงจำนี้ด้วยความหวาดระแวง
"ข้าต้องถามเจ้ามากกว่าว่าเจ้ากำลังเล่นงิ้วอันใด ที่นี่ไม่มีโรงงิ้วให้เจ้ามาเล่นได้ตามใจชอบหรอกนะ หากไม่อยากแต่งงานกับข้านัก ไยไม่ขอยกเลิกเสีย ไฉนจะต้องมาดื่มยาพิษแล้วแสร้งตายด้วยเล่า"
น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยออกมานั้นแสดงออกว่าเขาไม่พอใจนางเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกโกรธเคืองที่นางกล้าเอาความตายมาล้อเล่นเช่นนี้ด้วย
"ฉันเหรอที่ดื่มยาพิษ ใครจะบ้าดื่มของแบบนั้นกัน"
"ก็เจ้าไง นี่ไงหลักฐาน"
ฝ่ามือใหญ่คลำไปเจอจอกสุราที่กลิ้งตกอยู่บนเตียง เขาเอามาดมก็รู้ได้ทันทีว่าในสุราผสมยาพิษคร่าลมหายใจ เช่นนี้นางจะยังพูดว่าไม่ได้ดื่มยาพิษอีกหรือ น่าขันนัก!
"ฮะ!"
ไป๋อวี้มองชายตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนที่สายตาของนางจะจับพิรุธได้ สายตาของเขานั้นมันเลื่อนลอยแปลก ๆ และดวงตาที่ควรจะกระจ่างใสกลับดูขุ่นมัว แม้จะแค่เล็กน้อยแต่นางก็สังเกตเห็นได้ชัด ตอนที่นางสบตากับเขาเมื่อครู่นี้ เขาเองก็ไม่ได้มองตอบนางเลย
หรือว่าเขาจะตาบอดกัน?
"จื่อลู่ ไปตามท่านหมอมาดูอาการของฮูหยินน้อย"
"ขอรับ"
เขาคร้านจะพูดอธิบายกับนางแล้ว จึงให้บ่าวรับใช้ไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของนางให้แน่ชัด ทั้งที่คืนนี้เป็นคือเข้าหอแท้ ๆ แต่กลับมีเรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น ตัวเขาเองก็เบื่อหน่ายเรื่องนี้เหมือนกัน
เขาน่าจะเชื่อคำสหายว่าควรจะยกเลิกงานแต่งงานนี้ไปเสีย แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อบิดาของเขาอยากได้ลูกสะใภ้ที่ร้ายกาจผู้นี้นัก ไม่รู้ว่านางใช้เล่ห์กลอันใดจึงทำให้บิดาของเขาเอ็นดูมากถึงเพียงนี้!
ไป๋อวี้ที่ได้อยู่คนเดียวสักพัก นางจึงได้ตระหนักว่าแท้ที่จริงนางได้ตายจากโลกเดิม แล้ววิญญาณได้มาเข้าร่างของคุณหนูใหญ่ไป๋อวี้ ซึ่งน่าแปลกที่ชื่อนั้นเหมือนกัน แต่ที่แปลกไปกว่าคือใบหน้าของนางในโลกเก่าก็เหมือนกับไป๋อวี้ในโลกนี้ราวกับคนคนเดียวกัน ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นไปได้คือ นางกับไป๋อวี้คือคนคนเดียวกันนั่นเอง เพียงแต่อยู่กันคนละโลกเท่านั้น นี่คงจะเป็นโลกคู่ขนานที่นางได้ย้อนกลับไปในยุคจีนโบราณมิผิดแน่
สวรรค์! ช่างเล่นตลกกับนางนัก!!
บทที่ 7พาสามีมาพบหน้าครอบครัวหลายวันที่ผ่านมานี้ไป๋อวี้ใช้ชีวิตในจวนตระกูลเหออย่างสงบสุขยิ่งนัก พ่อสามีรักใคร่เอ็นดูคอยเอาอกเอาใจนางสารพัด อาหารการกินล้วนถูกดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะเหอหมิงเจ๋อต้องการหลานชายไว ๆ เขาจึงทุ่มเทกับลูกสะใภ้ผู้นี้มาก"วันนี้ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมใช่หรือไม่อวี้เอ๋อร์"เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหาร โดยที่มือก็คีบเป็ดย่างให้ไป๋อวี้ไปด้วย"เจ้าค่ะท่านพ่อ หลังจากรับอาหารเช้าเสร็จข้าก็จะพาท่านพี่ไปเยือนจวนตระกูลไป๋ด้วยกันเจ้าค่ะ""ดี ๆ เช่นนั้นก็เตรียมของไปฝากบ้านเจ้าให้มากหน่อยก็แล้วกัน""ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"ไป๋อวี้คลี่ยิ้มหวานพลางคีบอาหารป้อนใส่ปากเหอซีหยางไปด้วยเหอหมิงเจ๋อมองทั้งสองด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ตั้งแต่บุตรชายสูญเสียการมองเห็นไป การทานอาหารร่วมกันก็นับว่าหม่นหมองยิ่งนัก เหอซีหยางมักจะรับอาหารที่ห้อง ไม่ค่อยยอมออกมาทานร่วมโต๊ะกับผู้ใดด้วยเกรงว่าจะคีบอาหารผิด ๆ ถูก ๆทว่าหลังจากแต่งไป๋อวี้เข้ามา บุตรชายของเขาก็ออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับเขา แม้จะเอาแต่นั่งเงียบคอยอ้าปากรับอาหารที่ผู้เป็นภรรยาป้อนให้ไม่ขาดปากก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเดิมมากนัก ลูกสะใภ้ผู้น
บทที่ 6นายหญิงคนใหม่อากาศที่เริ่มร้อนขึ้นในช่วงคิมหันต์ฤดูนั้น ทำให้ไป๋อวี้ที่รู้สึกร้อนอบอ้าวลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวกวาดสายตามองทั่วห้องหอที่เละเทะด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้เป็นสามีที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ดูท่าเขาคงจะออกไปนานแล้ว'อื้อ... เจ็บชะมัดเลย'ไป๋อวี้ร้องครางในใจ เมื่อเริ่มขยับตัวก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบตรงกึ่งกลางกายสาว เมื่อคืนนี้นางกับเขาหักโหมกันเกินไป ทำราวกับอดอยากปากแห้งมานานจึงได้ดุดันเร่าร้อนกันถึงเพียงนี้ กว่าทุกอย่างจะสงบลงท้องฟ้าด้านนอกก็ได้เปลี่ยนสีไปเสียแล้ว"ฮูหยินน้อย บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ"เพราะเสียงการเคลื่อนไหวด้านใน ทำให้บ่าวหน้าห้องทราบว่าไป๋อวี้ได้ตื่นแล้ว พวกนางมีหน้าที่มาคอยปรนนิบัตินายหญิงคนใหม่อย่างสุดความสามารถ"เข้ามาได้"ไป๋อวี้เอาผ้าห่มมาพันกายที่เปลือยเปล่าของตน สาวใช้กว่าสี่คนที่เดินเข้ามาพลางอุทานด้วยความตกใจ พวกนางอายุยังน้อยเมื่อเห็นความพินาศของห้องหอ และร่องรอยฝากรักที่โผล่พ้นชายผ้าห่มของไป๋อวี้ อดจะรู้สึกเขินอายออกมาไม่ได้ นายน้อยของพวกเขาแม้จะตาบอดแต่ก็ดุดันเร่าร้อนยิ่งนักน่านับถือ น่านับถือ!"เอ่อ... ฮูหยินน้อยจะอาบน
บทที่ 5ข้าจะไม่อ่อนโยนเสียงจ๊วบจ๊าบจากการดูดดึงเรียวลิ้นนั้น ดังขึ้นท่ามกลางเสียงที่เงียบลงในห้องหอ ทว่าเพียงไม่นานเมื่อไป๋อวี้ปรับตัวได้ เบื้องล่างของเหอซีหยางจึงได้เริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า... เบา ๆ หน่อย”ไป๋อวี้ร้องเตือนเขาด้วยสีหน้าเหยเก แม้นางจะเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับตัวตนของเขาได้แล้ว แต่นางก็ยังคงเจ็บจากการที่เขาเคลื่อนไหวบนตัวนางอยู่ดี ยิ่งเขารุนแรงนางก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมาก"ภายในของเจ้ามันรัดข้าแน่นเกินไปแล้วนะ"เหอซีหยางบดกรามแน่น ขณะกำลังกระแทกเอวสอบของตนในร่องรักของนางรัวเร็ว เขาจับยึดสะโพกมนไม่ให้ขยับกายถอยหนี แล้วอัดกระแทกสวนแทงเข้าไปอย่างรุนแรงตามแรงอารมณ์ของตน โดยไม่ได้รับรู้ถึงสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดและสุขสมของไป๋อวี้เลย กายสูงแหงนหน้าร้องครางเสียงต่ำด้วยความเสียวซ่าน"อ่ะ อ๊า... ซี๊ด แน่นมาก เจ้าตอดรัดข้าจนจุกไปหมดแล้ว อ่า...""ชะ ช้าหน่อย อื้อ... จุก"ไป๋อวี้ตัวสั่นระริกจากแรงกระแทกของคนบนร่าง ช่องทางรักของนางมันบีบรัดตัวตนของเขาเอาไว้แน่น ยิ่งปลายส่วนหัวหยักแตะครูดไปถูกผนังเนื้อด้านในอันแสนอ่อนนุ่ม ยิ่งทำให้ไป๋อวี้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความจุกเสี
บทที่ 4ข้าอยากมีลูกเหอซีหยางได้เสียรู้ให้กับนางจิ้งจอกสาวผู้เป็นภรรยาเสียแล้ว นางร้ายกาจเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขามิอาจหลุดพ้นออกไปจากพันธนาการของนางได้เลย ในเมื่อนางยั่วยวนเขาถึงเพียงนี้ และยังล่วงรู้ว่าเขามิได้ตาบอดสนิทอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในยามกลางวันเขาจะมองไม่เห็นนัก เหมือนมีหมอกมาปกคลุมที่ดวงตาตลอดเวลา บางคราก็เกิดภาพซ้อนทับหรือมองสีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงทว่าในยามกลางคืนหรือในที่มืด เขาจะมองเห็นได้ชัดกว่าปกติ แม้ไม่เหมือนเดิมในกาลก่อนแต่ก็ชัดเจนกว่าในยามกลางวันมากนัก และเพราะกิจวัตรประจำวันต้องทำในยามกลางวัน ทำให้เขามิอาจจะรับราชการหรือทำอะไรได้สะดวกนัก ทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ตาบอดไปเสียแล้วแม้จะพยายามตามหาหมอเทวดามารักษา ทว่ากลับไร้ซึ่งความหวัง เขายอมรับแล้วว่าตัวเองคงจะตาบอดสนิทในไม่ช้านี้เป็นแน่"ไป๋อวี้! เจ้าท้าทายข้าเองนะ ในเมื่อเจ้าอยากมีลูกมากนัก ข้าก็จะช่วยทำให้เจ้าสมหวังเอง"เหอซีหยางได้กลายร่างเป็นเสือร้ายไปเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าถมึงทึง สายคาดเอวที่มัดข้อมือของเขาถูกดึงจนขาดหลุดมือออกมาด้วย ร่างสูงคว้าร่างเปลือยเปล่าของไป๋อวี้เข้ามากกกอด บดจูบริมฝีปากเ
บทที่ 3วิธีพิสูจน์ของไป๋อวี้เหอซีหยางแทบจะลืมว่าต้องหายใจอย่างไร จู่ ๆ เขาก็ถูกไป๋อวี้ช่วงชิงจูบแรกไปเสียอย่างนั้น ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางที่แตะแต้มเมื่อครู่นั้นได้จรดลึกเข้าไปในความทรงจำของเขาเสียแล้ว ร่างกายของเขาได้บอกว่าเพียงแค่นี้ไม่พอหรอกนะ ไวเท่าความคิดฝ่ามือหนาก็ได้จับตรึงท้ายทอยของไป๋อวี้เอาไว้แน่น จากเพียงแค่ริมฝีปากแตะสัมผัสกันผิวเผิน เหอซีหยางก็ได้ลอบกัดริมฝีปากล่างของนางเพื่อเอาคืน"อ๊ะ!"ไป๋อวี้อุทานขึ้นมาด้วยความเจ็บจี๊ด กว่าจะรู้ตัวก็ถูกลิ้นร้อนของเหอซีหยางสอดเข้ามาในปากของนางเสียแล้ว เขาไล่ต้อนช่วงชิงความหอมหวานจากโพรงปากเล็กอย่างจาบจ้วง และเงอะงะนักในความรู้สึกของนางทำไมถึงรู้หรือ... ก็เพราะนางเคยเล่นบทจูบกับพระเอกที่จูบเก่งกว่าเขามาแล้วหลายคน จูบเด็กน้อยของเขาไม่ได้ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเลย ทว่ากลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเสียอย่างนั้น ความร้อนวูบวาบพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างจนยากจะต้านทานได้"อ่า... อื้อ อ๊อย ๆ"ไป๋อวี้รู้สึกลมหายใจได้ถูกเขาช่วงชิงไปจนเกือบหมด มือเล็กยกขึ้นทุบหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเพื่อประท้อง เหอซีหยางที่เพิ่งได้สติก็รีบปล่อยริมฝีปากข
บทที่ 2ข้าไม่ยินยอมเหอซีหยางมองตามร่างบอบบางที่หายเข้าไปยังหลังฉากกั้น หัวคิ้วกระบี่ขมวดมุ่นกับกิริยาที่เหมือนจะเปลี่ยนไปของนางด้วยความสงสัย หากข่าวลือที่ได้ยินมาคือเรื่องจริง ฮูหยินของเขาผู้นี้ย่อมไม่ยอมปล่อยเรื่องยาพิษไปอย่างง่ายดายแน่ นางเป็นถึงบุตรีคนโตของท่านแม่ทัพอุดร ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ กดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า นิสัยเลือดร้อนโมโหร้าย ชอบทำร้ายบ่าวไพร่ นางจะต้องไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ไม่แน่ว่าท่าทีที่สุขุมของนางคงเป็นเพียงอุบายเท่านั้น วันพรุ่งนางอาจจะเรียกบ่าวรับใช้ทุกคนแล้วสั่งลงโทษโบยเพื่อระบายโทสะก็เป็นได้หรือไม่! เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงงิ้วโรงใหญ่ที่นางตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อเรียกความสงสารจากทุกคนก็ได้ หึ! นางช่างเป็นสตรีที่มากเล่ห์ มิผิดคำพูดของถงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย สงสัยเขาจะต้องเฝ้าระวังนางให้ดีเสียแล้ว"ท่านพี่คิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ คิ้วขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์แล้ว คิก ๆ"ไป๋อวี้เดินมาลูบคิ้วกระบี่ของเหอซีหยางอย่างถือวิสาสะ ทั้งยังล้มตัวนั่งข้างกายเขาเสียด้วย หยดน้ำที่เกาะพราวระยับบนเรือนร่างของนางพลันหยดใส่ตัวของเหอซีหยางไปด้วย"นี่เจ้า! กล้าดีอย่